เมื่อปี 2012 ที่หนังภาคแรกเข้า ตอนแรกไม่ได้สนใจเท่าไรเพราะไม่ได้อ่านหนังสือ และคิดว่าหนังคงออกมาแนวแฟนตาซีเหมือนพวก Sucker Punch(ไม่ได้ดูเช่นกัน) ก็เลยไม่ได้สนใจ แต่พอได้ยินว่าตัวหนังสือนั้นได้มักจะได้รับการเปรียบเทียบกับ หนังสือไตรภาคที่ดังมากๆเรื่องหนึ่งอย่าง Twilight ในแง่ของรักสามเส้า จริงๆมันก็ไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้น แต่ The Hunger Gamesมักจะได้รับคำชมว่า เป็นหนังสือที่มีเรื่องของการเมืองการปกครองการเสียดสีสังคมปัจจุบันเรื่องรายการเรียลลิตี้
พระจันทร์ไม่ชอบ Twilight (แต่ตามดูเกือบทุกภาค) เลยเริ่มสนใจหนังฝั่งตรงข้ามขึ้นมาทันทีเลยตัดสินใจไปดูหนังจึงได้เข้าใจเหตุที่หลายคนชอบและรอคอยภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างล้นหลามและพระจันทร์เองก็เริ่มนับวันรอคอยภาคต่อ Catching fireอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน
<<อาจมีการเปิดเผยเนื้อหา >>
จุดเริ่มต้นแห่งเกม ครั้งที่2
Catchingfire เปิดเรื่องด้วยชีวิตของผู้ชนะทั้งสองในเกมครั้งล่าสุดคือ KatnissEverdeen และ Peeta Mellarkที่ชีวิตความเป็นอยู่ค่อนข้างดีขึ้น เพราะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในหมู่บ้านผู้พิชิต ที่อยู่สำหรับบรรณาการที่ชนะในเกม(ตอนนี้เขต 12 มีผู้ชนะ 3 คน คือ เฮย์มิทช์ แคทนิส และ พีต้า)
แต่เรื่องราวยังไม่จบง่ายๆ เพราะทั้งสองจะต้องออกทัวร์ เพื่อพบปะคนเขตอื่นๆและกล่าวคำไว้อาลัยแด่ผู้ตายในเกม ทว่าความไม่สงบก็กำลังก่อตัวจากผู้คนที่เริ่มแข็งขืนอำนาจแห่งแคปิตอลนั้นมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะได้ความหวังจากแคทนิสที่แข็งขืนในตอนท้ายเกมของภาคแรก ทำให้มีผู้ชนะสองคนแคทนิสจึงถูก สโนว์ จับตาดูอย่างใกล้ชิด
ใน Catching fire จะถือเป็นปีที่ครบรอบ 75 แห่งการปราบกบฏรูปแบบเกมจึงจะพิเศษกว่าเดิม เรียกกันว่า Quarter Quellและสโนว์ผู้ต้องการกำจัดแคทนิสให้พ้นๆเพราะกลัวว่าเธอจะกลายเป็นแสงแห่งความหวังของผู้คนในพาเน็มมากกว่านี้ จึงออกกฏให้เหล่าบรรณาการที่เคยชนะเกมมาก่อน ชาย 1 หญิง 1 ต้องกลับมาแข่งขันอีกครั้งนัยหนึ่งเพื่อตอกย้ำว่า ไม่มีใครจะรอดพ้นเงื้อมมือของแคปิตอลได้ เมื่อกฏเป็นเช่นนี้แคทนิสจึงต้องลงแข่งขันเกมอีกครั้งเพราะเธอเป็นบรรณาการหญิงผู้ชนะเพียงคนเดียวจากเขต 12 ส่วนพีต้าขออาสาแข่งแทนเฮย์มิทช์
การคุกคามด้วยความกลัวและจิตวิทยา
Catchingfire เปลี่ยนผู้กำกับจาก Gary Ross (จาก Seabiscuit) มาเป็น Francis Lawrence (จาก I Am Legend) ที่ดึง Suzanne Collins เจ้าของวรรณกรรมมาร่วมเขียนบทด้วยหลังจากที่ Billy Ray มือเขียนบทภาคแรกขอถอนตัวตาม แกรี่รอสไป คนดูจึงได้เห็นความสดใหม่มากขึ้นใน Catching fireไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่เข้าสู่ความกดดันมากขึ้นเครื่องแบบของเหล่าพีชคีปเปอร์ที่ออกแบบใหม่หมด และรักสามเส้า
ความกดดันและสงครามจิตวิทยาที่แคทนิสต้องเจอนอกจากการเอาตัวรอดในเกมแล้วก็คือ การทำให้สโนว์เชื่อให้ได้ว่าเธอแสดงบทรักกับพีต้าได้อย่างแนบเนียนจนผู้คนในพาเน็มเชื่อและไม่คิดก่อกบฏ (แต่จะทำได้เร้อ) เขต 12 ถูกคุกคาม ทั้งสั่งทำลายตลาดมืดมีเคอร์ฟิว และ เกล ชายที่แคทนิสมีใจให้ (พีต้าผู้น่าสงสาร)
นอกจากนี้การที่สโนว์ออกกฏการแข่งขันแบบนี้ ก็เหมือนจะเป็นการบอกอยู่แล้วว่าแคทนิส คือคนที่เขาอยากให้ตาย เพราะเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวของเขต 12 ที่ชนะเกมและต้องลงแข่งอย่างไม่มีข้อสงสัยและที่ทรมานจิตใจของสาวน้อยผู้มากับไฟมากที่สุดคงจะเป็นการฆ่าซินน่าผู้ดูแลชุดให้แคทนิสต่อหน้าต่อตา และเธอต้องปรับโหมดจากเสียใจกลายเป็นการเตรียมพร้อมเข้าสู่เกมในเวลาเพียงสิบวินาทีเท่านั้น! สนามประลองก็เป็นเกาะกลางน้ำเป็นนัยว่าแคทนิสเป็นสาวน้อยผู้มากับไฟ ย่อมไม่มีทางชนะน้ำได้อย่างแน่นอน! (สโนว์ก็นะ ร้ายไป๊!!)
ตัวละครใหม่ ใครดีใครร้าย
Catchingfire มีตัวละครใหม่ๆ ปรากฏให้เห็นเต็มไปหมดส่วนใหญ่คือเหล่าบรรณาการผู้พิชิตนั่นเองตัวละครที่น่าสนใจและคิดว่าจะมีบทบาทต่อไปใน Mockingjayคงหนีไม่พ้น หนุ่มหล่อพราวเสน่ห์เปี่ยมไหวพริบและการต่อสู้ที่เหนือชั้น FinnickOdair (รับบทโดย Sam Claflin) สาวเท่สวยดุ JohannaMason (รับบทโดย Jena Malone) และ ผู้คุมเกมคนใหม่Plutarch Heavensbee (รับบทโดย Philip SeymourHoffman)
แรกๆ แคทนิสไม่เชื่อใจใครเลย (เชื่อพีต้าคนเดียวเท่านั้นฮิ้ว!!!) แต่เพราะในเกมจำเป็นต้องรวมกลุ่มเพื่อเอาตัวรอดแคทนิสจึงจำใจต่อสู้ร่วมกับฟินนิก แม้จะไม่ไว้ใจเขานักก็ตาม (ฟินนิกชนะเกมตอนที่เขาอายุเพียง14 ปีเท่านั้น) ส่วนโจแอนนา ตามมาสมทบกลุ่มในตอนท้าย ซึ่งได้ใจไปตามๆกันจากฉากในลิฟต์ และคาแร็กเตอร์ยียวนกวนประสาทของเธอ
รักสามเส้า แต่มีเราแค่ 2 คน
ผู้กำกับตั้งใจเพิ่มเรื่องรักสามเส้าเข้าไปใน Catching fireเพราะภาคที่แล้วแทบแตะไปเพียงผิวเผิน เมื่อพีต้าต้องรู้ความจริงว่าเขาเป็นเพียงสคริปต์รักอันหวานซึ้งเท่านั้นเริ่มแรกเราจึงได้เห็นความเย็นชาและขัดๆ เขินๆ กันระหว่างพีต้าและแคทนิสเพราะสาวเจ้าก็มัวแต่ไปล่าสัตว์กับชายอันเป็นที่รัก (แต่ไม่ยอมพูดคำว่ารัก) อย่างเกล แต่เมื่อเกมเริ่ม แคทนิสกลับมองหาแต่พีต้าและเลือกแคร์เพียงแค่พีต้าคนเดียวเท่านั้น ตรงนี้นึกถึงประโยคที่เฮย์มิทช์พูดกับแคทนิสว่า อย่างเธอน่ะเกิดอีกร้อยชาติก็ไม่คู่ควรกับพีต้าหรอก
ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าสาวสวยผู้มากับไฟจะเลือกใคร(สำหรับคนที่อ่านหนังสือจบแล้วคงไม่ต้องเดา) แต่พีต้าใน Catching fire ที่รับบทโดย Josh Hutchersonมีบุคลิกเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แม้จะต่อสู้ไม่เก่งแต่จากการแสดงทำให้คนดูรับรู้ได้เลยว่าผู้ชายคนนี้อบอุ่น จริงใจและปกป้องเราได้แน่นอน (ไม่งั้นแคทนิสคงไม่ขอให้พีต้ามานอนเป็นเพื่อนในวันที่ว้าวุ่นใจหรอกนะอิอิ)
บทสรุปเพื่อส่งต่อสู่ Mockingjay
ต้องถือว่าหนังเลือกจบได้ดี (เห็นว่าจบเหมือนหนังสือ)เพราะรู้สึกค้างคาอยากจะดูภาคจบอย่างใจจดใจจ่อ การแสดงของเจนนิเฟอร์ลอว์เลนซ์ก็ยังดีเยี่ยมไม่เสียใจที่ขอเป็นติ่ง ฉากที่พีต้าหัวใจหยุดเต้นจนฟื้นแล้วแคทนิสเข้าไปกอด ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นได้เลยว่าตัวของเธอสั่นเทาเป็นอาการของคนหวาดกลัวที่จะเสียคนสำคัญไปถือว่าเจนนิเฟอร์เล่นเก็บรายละเอียดได้ดีมาก ในบทบู๊ก็เช่นกัน ท่วงท่าดูทะมัดทะแมงมากแม้เธอจะให้สัมภาษณ์ว่าเธอต้องฝึกวิ่งเพราะท่าวิ่งของเธอมันตลก!
สิ่งที่ชอบใน Catching fireก็คงจะเป็นเรื่องราวที่กดดันมากขึ้นและนำไปสู่การกบฏ
การได้เห็นชีวิตที่บ้านของสโนว์ทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้น่ากลัว ก็แค่นักการเมืองมีอำนาจเท่านั้น
ป้าแม็กส์ (รับบทโดย Lynn Cohen)ที่ออกมานิดเดียวแต่คนดูไม่อยากเสียป้าน่ารักๆ ไป
โจแอนนาที่ได้รับการถ่ายทอดจาก Jena Malone ออกมาได้แซ่บ ดุกวนสุดๆ ดูก็รู้ว่าตัวละครนี้น่ะปากร้ายแต่ใจดีนะ
สีหน้าและแววตาของแอฟฟี่ (รับบทโดย Elizabeth Banks)ที่บ่งบอกเลยว่าเธอเสียใจกับสิ่งที่พีต้าและแคทนิสต้องเผชิญและแคปิตอลก็ใช้อำนาจในการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์
การแสดงของเจนนิเฟอร์และจอชที่ทำให้เชื่อเลยว่าสองคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นแคทนิสและพีต้า
TheHunger Games: Catching fireอาจจะไม่ได้บู๊เลือดสาดอย่างที่หลายคนหวังแต่ตัวหนังมีประเด็นทางการเมืองให้วิเคราะห์และพูดถึงมากมายและคิดว่ามันจะปรากฏเด่นชัดใน Mockingjayซึ่งคงได้เขียนถึงอีกครั้ง ตัวหนังเพิ่งเข้าโรงภาพยนตร์ไม่กี่วันแต่กวาดรายได้ไปมากโขทั้งในอเมริกาและบ้านเราเองตอนนี้แทบอดใจรอ Mockingjay ไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ
เพิ่มเติม สัญลักษณ์ที่ปรากฏในหนัง
ต้องบอกว่าพระจันทร์ยังไม่ได้อ่านหนังสือนะคะข้อมูลส่วนนี้จึงมาจากการตามอ่านความคิดเห็นต่างๆ ของผู้ที่อ่านหนังสือและชมภาพยนตร์มาแล้ว
นก Jabberjay ที่เลียนเสียงคนได้- นกชนิดนี้เดิมทีแคปิตอลเป็นผู้สร้างเพื่อสอดแนมกองกำลังฝ่าบกบฏแต่ภายหลังฝ่ายกบฏไหวตัวทันจึงซ้อนแผนกลับให้ Jabberjayส่งข้อมูลผิดๆ แคปิตอลจึงกำจัดนกทิ้ง แต่ก็ดันเหลือรอดไปผสมพันธุ์กับนก Mockingbird จนกลายมาเป็นนก Mockingjayสัญลักษณ์ที่แคทนิสชอบใช้บ่อยๆ นี่จึงเป็นเครื่องหมายแห่งกบฏแลการต่อสู้เพื่อชีวิตรอดอย่างแท้จริงและแคทนิสก็เปรียบดั่ง Mockingjay ของผู้คนในพาเน็ม
การชูสามนิ้ว เดิมทีเป็นเครื่องหมายของเขต 12 ที่แสดงเพื่อความหมายรำลึกถึงและลาก่อน แต่ใน Catching fire เขตอื่นๆ นำมาใช้บ้างเพื่อแทนความหวังจากเหตุการณ์ที่แคทนิสสามารถฝ่ากฏของเกมและรอดชีวิตมาได้ทำให้หลายๆคนมีความหวังเพราะแคปิตอลไม่น่ากลัวอย่างที่เข้าใจและสามารถสู้กลับได้นั่นเอง
เพราะเป็นการรวมดาวจากผู้ชนะของครั้งก่อนๆ
กลายเป็นมาเอาปูพอเป็นพิธีเท่านั้น
ไปเน้นเรือ่งของกบฎและรักสามเส้าสักงั้น
เห็นเสียงวิจารณ์ดี เรตติ้งสูงปี๊ด
แต่ทำไมกระผมดันรู้สึกเฉยๆไปได้
เห็นทุนสร้างตั้ง 130 ล้านเปลี่ยนผู้กำกับ Lawrance
ทำไม๊ทำไม ไม่รู้สึกแตกต่างจากผู้กำกับคนที่แล้ว
หรือด้วยเพราะโครงบังคับหลายๆฉาก
ก็เป็นการซ้ำทางจากภาคแรกก็ไม่รู้
แต่มีภาคหน้าก็คงดูต่อ เพราะน่าจะเข้าสู่กระบวนการใต้ดิน
ท้าอำนาจองค์กรแล้ว