speaker for the dead-จุดเริ่มต้นของเดสโคลาดาและพวกเพเกนิโน
วาทกะแด่ผู้ล่วงลับ
ก่อนอื่น บอกเลยว่าดีใจมากที่หาหนังสือเล่มนี้เจอได้ในกระบะ 50 บาท เป็นอะไรที่รู้สึกคุ้มมากๆๆๆๆ ตั้งแต่เคยซื้อหนังสือมา เสียดายหาหนังสือเล่มต่อๆมายังไงก็ไม่เจอ(ยังรอความหวังลมๆแล้งๆว่าเขาจะพิมพ์ใหม่อยู่นะ) ดีใจมากที่ไม่ได้ฟังเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ามันอ่านยาก เข้าใจยาก ปรัชญายุ่งเหยิง แล้วเลิกล้มความตั้งใจจะหาอ่านไป เพราะพอมาอ่านเองมัน สุดยอออดดดด ส่วนตัวยกให้เป็นซีรีย์ที่บทสนทนาอ่านสนุกสุดๆสำหรับแนวนี้เลย(เรื่องที่บทสนทนาอ่านแล้วมันสุดๆอีกแนวนึงก็คือ โกวเล้ง-ฤทธิ์มีดสั้น-จอมเสเพลชายแดน-เหยี่ยวเดือนเก้า-จอมดาบหิมะแดง) ตบหน้ากันด้วยความจริง เฉียบคม แฝงสาระกลับไปให้คิดได้ตลอดทั้งเรื่อง ช่วงพีคๆอ่านข้ามคืนกันเลยทีเดียวคำคมที่มีต่างก็เนียนไปกับเนื้อเรื่อง ตัวละครก็มีตื้นลึกหนาบาง มีเหตุผลของตัวเองกันทุกคน
วาทกะแด่ผู้ล่วงลับ ถ้าจะแปลให้เข้าใจง่ายๆก็คือ นักพูดเพื่อระลึกถึงคนตาย เกิดจากผู้เขียนที่เห็นว่าบางทีพอคนเราตายไป คนที่ยังอยู่ก็พูดถึงเขาอย่างเลิศเลอ เกินความจริงไปมาก ความจริงเราควรซื่อสัตย์ต่อผู้ที่ตายไปแล้วเพื่อแสดงความเคารพต่อเขาอย่างจริงใจมากกว่า และคนที่จะมาเป็นวาทกะแด่ผู้ล่วงลับในเล่มนี้ก็คือ เอนเดอร์ พระเอกของเรานี่เอง
ในเล่มสองนี้อารมณ์จะเป็นการสร้างฉากและตัวละครขึ้นมาใหม่ที่จะใช้ไปจนถึงเล่มสี่เลย และนี่แหละคือส่วนที่ผู้เขียนตั้งใจจะบอกเล่า ณ ลูซิตาเนีย(โลกบราซิล) บรรดาคนที่อพยพมาอยู่เจอการรังควานจากไวรัสพื้นเมืองเดสโคลาดา ที่ทำให้ผู้คนตายไปมากมาย จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์สามีภรรยาคู่หนึ่งหาทางยับยั้งเชื้อนั้นได้ด้วยการสังเคราะห์ยาต้านไวรัสเจือลงในน้ำดื่มและอาหารให้ทุกคนได้กิน ถึงกระนั้นทั้งคู่และลูกๆบางคนของพวกเขาก็เสียชีวิตลง เหลือเพียง โนวินยา บุตรสาวเพียงผู้เดียวเท่านั้น โนวินยากลายเป็นเด็กอมทุกข์นับแต่นั้น(ก็แน่ล่ะพ่อแม่ พี่ชายน้องสาว ตายหมดตั้งแต่เล็ก) อย่างไรก็ตามเธอเป็นคนฉลาดและพยายามสานต่องานของพ่อแม่ด้วยการเป็นนักวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
ชีวิตของเธอเหมือนจะดีขึ้นเมื่อได้รับความอบอุ่นจากปีโป้และลีโบ คู่พ่อลูกนักมนุษยวิทยาต่างดาวที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับชีวิตของพวกเพเกนิโน/พิกกี้(เวลาอ่านเราก็ไม่ได้จินตนาการภาพมันเท่าไหร่หรอกนะ แต่คร่าวๆคงคล้ายๆหมีโคอาล่าที่หน้าตาเหมือนหมู ตัวเล็กๆ) แต่เหมือนโชคร้ายของเธอจะไม่หมดแค่นั้น อยู่มาวันหนึ่งหลังปีโป้เห็นข้อมูลที่เธอค้นพบ เขาเข้าไปพบพวกพิกกี้แล้วก็กลายเป็นศพถูกแหวะอก เครื่องในกระจัดกระจายอย่างปริศนา ทำให้โนวินยาเสียใจมากโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุการตายของปีโป้ ทั้งที่เธอกำลังรักกับลีโบอยู่ เธอก็ตัดใจไม่แต่งกับเขา เพราะถ้าแต่งงานกันแล้วลีโบจะมีสิทธิ์ดูงานวิจัยของเธอ ข้อมูลของเธออาจนำเขาไปสู่ความตายอย่างพ่อของเขาก็เป็นได้ เธอจึงเลือกแต่งงานกับมาเกา ชายอีกคนที่แอบรักเธออยู่
แต่ถึงอย่างนั้นความตั้งใจของเธอก็ไม่เป็นผล หลังลูกคนสุดท้องของเธออายุได้ขวบหนึ่ง ลีโบก็ตายเพราะพวกเพเกนิโนในแบบเดียวกับพ่อของเขา
จากตอนจบของเอนเดอร์เกมส์ เวลาบนโลกผ่านไปสามพันปี แต่เอนเดอร์ซึ่งทำหน้าที่เป็นวาทกะแด่ผู้ล่วงลับกับวาเลนไทน์นักเขียนหนังสือประวัติศาสตร์ เดินทางจากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่งอยู่เสมอ กลับมีอายุราว สามสิบกลางๆ-ปลายๆเท่านั้น วันหนึ่งเขาก็ได้รับคำร้องขอจากโนวินยา เด็กสาวจากลูซิตาเนียให้เขาไปเป็นวาทกะให้แก่ ปีโป หัวหน้างานที่เหมือนเป็นพ่อของเธอ เอนเดอร์รู้สึกเห็นใจเธอมากจึงยอมไป แม้ว่าจะต้องทิ้งวาเลนไทน์พี่สาวที่รอนแรมด้วยกันมานาน เพราะเวลานั้นวาเลนไทน์ได้ตัดสินใจแต่งงาน และกำลังท้องลูกคนแรกอยู่ ณ โลกสแกนดิเนเวีย นอกจากนี้เอนเดอร์ยังมีเครื่องมือสื่อสารในหู เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ ในรูปหญิงสาวชื่อเจน คอยช่วยอำนวยความสะดวกด้านข้อมูลให้
ตัวเรื่องจริงๆก็เริ่มตรงนี้แหละ กว่าเอนเดอร์จะเดินทางถึง บนโลกลูซิตาเนียก็ผ่านไป 20 ปี อีลา เด็กสาวผู้เป็นลูกของโนวินยาก็มีคำร้องขอให้วาทกะไปพูดเพื่อรำลึกถึงพ่อของเธอ ทำให้เอนเดอร์รู้ว่ามาเกา สามีของโนวินยาเพิ่งจากไปได้ไม่นาน ลูกๆทั้งหกได้แก่ มีโร อีลา ควิง โอลยาโด ควาร่า และเกรโก กลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะมาเกาชอบเมาแล้วทำร้ายเมียและไม่ได้สนใจดูแลลูกนัก มีโร ลูกชายคนโตทำงานเป็นนักมนุษยวิทยาต่างดาว และกำลังชอบพอกับอวนดา เพื่อนร่วมงานที่เป็นลูกสาวของลีโบ ส่วนอีลา ลูกสาวคนรองทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ชีวภาพแบบแม่
ท่อนที่เอนเดอร์ไปจัดการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนของครอบครัวนี้นับเป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจของเล่มนี้เลย เด็กแต่ละคน แต่ละวัยมีปัญหาเฉพาะตัว มีวิธีรับมือกับความสูญเสียต่างกัน มีวิธีระบายออกมาต่างกัน เด็กบางคนก็น่าสงสารมากเพราะถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เราชอบวิธีที่เอนเดอร์ใช้ศึกษาและเยียวยามาก มีความนุ่มนวล หนักแน่น อบอุ่น เข้าใจในตัว ลูกๆแต่ละคน มีวิธีปราบพยศอย่างฉลาดจนทำให้พวกเด็กๆยอมรับเขาได้(นี่ถ้าเซเซ่-ต้นส้มแสนรัก ได้พ่ออย่างเอนเดอร์ ชีวิตคงจะมีความสุขกว่านี้)
ส่วนที่แฝงไปกับปัญหาครอบครัวการทะเลาะกันอย่างรุนแรงของพ่อแม่ที่ส่งผลต่อเด็กและเยาวชน ก็คือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้ศึกษาเรื่องไวรัสเดสโคลาดา มีทั้งการสังเกต ตั้งสมมติฐาน ค้นคว้า ทดลอง ที่ถึงแม้จะยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จในเล่มนี้ ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีที่ได้รู้ว่า เดสโคลาดาเป็นตัวกำหนดพืชพันธุ์และเหล่าสัตว์บนลูซิตาเนีย อะไรที่ปรับตัวไม่ได้ก็ตายไป ส่วนอะไรที่ยังอยู่ก็จะใช้ไวรัสเดสโคลาด้าเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิต จะมีอะไรแปลกๆอยู่บ้างก็คือ วงจรห่วงโซ่อาหารที่นี่ พืชสามารถกลายเป็นสัตว์ และสัตว์ก็กลายเป็นพืชได้ น่าสนใจจริงๆ
อีกปัจจัยหนึ่งที่กลายมาเป็นตัวบีบคั้นก็คือว่า ทางสภาดาราจักรตอนแรกได้ห้ามไม่ให้มนุษย์ไปสอนวิวัฒนาการให้พวกพิกกี้ แต่ตอนหลังมีโรกับอวนดาแหกกฏข้อนี้ ทางสภาดาราจักรเห็นว่าสองคนนี้จะไปเข้าข้างพวกพิกกี้มากไป เลยจะจับไปสอบสวนยังโลกอื่น แต่นั่นก็เท่ากับตายทั้งเป็นเพราะหากทั้งสองจากไป เวลาเดินทางไปกลับ กว่าจะได้กลับมายังลูซิตาเนียอีก ญาติพี่น้องทั้งหมดก็จะแก่ตายไปแล้ว ทางเอนเดอร์จึงสนับสนุนให้ทางฝ่ายปกครองของลูซิตาเนียก่อกบฏ ไม่ขึ้นต่อสภาดาราจักรอีกต่อไป แต่ข้อมูลการค้นคว้าสำคัญของนักวิทยาศาสตร์ก็รั่วออกไปแล้ว นั่นคือผู้คนบนลูซิตาเนียต่างเป็นพาหะนำโรคที่ร้ายแรงอย่างไวรัสเดสโคลาดา(แต่ที่ไม่มีใครเป็นอะไร เพราะมีการคิดค้นยาต้านไวรัสผสมลงในน้ำและอาหารให้คนในเมืองกินอยู่เสมอ) หากใครเดินทางออกนอกโลกก็จะไปแพร่เชื้อร้ายให้โลกอื่นๆต่อไป ทางสภาดาราจักรไม่พอใจการก่อกบฏและต้องการป้องกันภัยร้ายตั้งแต่ต้นให้สิ้นซากจึงส่งกองยานพร้อมอุปกรณ์ทำลายล้างดวงดาวมาด้วย
ทางด้านเอนเดอร์หลังจากเข้ามาสอบสวนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ก็พบว่าจริงๆแล้วเด็กๆทั้งหกเป็นลูกของลีโบไม่ใช่มาเกา โนวินยาทำข้อตกลงแต่งงานกับมาเกาเพราะเขาเป็นหมัน แต่เธอก็ไม่ละเลยโอกาสที่จะได้แสดงความรักกับลีโบ(แม้ว่าเขาจะมีลูกเมียอยู่แล้ว) ทำให้มีโรต้องผิดหวังที่อวนดาคนรักกลายเป็นน้องสาว เขากะจะเข้าไปหลบในหมู่บ้านเพเกนิโนแต่ก็ถูกรั้วกั้นช็อตอย่างรุนแรงจนทำให้กลายเป็นอัมพาต พูดไม่ชัด ขยับตัวไม่ถนัด เอนเดอร์พบว่าการที่ลูซิตาเนียจะอยู่ได้อย่างสงบจะต้องสร้างสัญญาสันติภาพระหว่างพวกเพเกนิโน พวกแมง(ที่เอนเดอร์เอาดักแด้ติดตัวมากะจะให้ฟักตัวและอาศัยอยู่ที่นี่) และพวกมนุษย์ เขาจึงเดินทางเข้าไปเจรจากับพวกเพเกนิโน ซึ่งก็ไม่ใช่งานง่ายเพราะพิกกี้ที่พวกมนุษย์คุยด้วยมีเพียงเผ่าเดียว เผ่านี้ก็จะขอให้มนุษย์สอนเทคโนโลยีให้แต่เผ่าตัวเองเท่านั้นจะได้รบชนะเหนือเผ่าอื่น กว่าเอนเดอร์จะอธิบายให้พวกนั้นมองในภาพรวมได้ก็เสียแรงไปไม่น้อย
ส่วนที่ปีโปและลีโบตายก็เพราะความไม่เข้าใจกันของมนุษย์กับเพเกนิโน ในวัฒนธรรมพิกกี้ การทำอะไรสำคัญๆพวกเพเกนิโนจะต้องมีพิธีการเปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตที่สาม(พิธีการฆ่าชำแหละ)เป็นรางวัลแก่ผู้ที่ทำ โดยศพของพวกนั้นจะมีต้นไม้งอกขึ้นมา ชีวิตจิตใจของพิกกี้ตนนั้นจะถ่ายเทไปยังต้นไม้ และกลายเป็นต้นไม้บิดรที่พูดได้ในภาษาเฉพาะและเป็นตัวผสมพันธุ์ให้กับเพศเมียเพื่อสืบพันธุ์พิกกี้ต่อไป พิกกี้ตนไหนๆต่างก็อยากได้รับเกียรตินี้(เข้าใจว่าพิกกี้ตนอื่นๆที่ตายแบบธรรมดาจะกลายเป็นต้นไม้พี่น้อง ที่พูดไม่ได้ แต่เข้าใจได้ ยอมสละลำต้นให้ใช้ไม้ไปทำประโยชน์ต่างๆได้)
ตอนนั้นปีโป้กับลีโบต่างไม่ยอมฆ่าพิกกี้ที่เป็นเพื่อนๆเพราะมโนธรรมอันสูงส่ง ทั้งสองจึงยอมตายแทน ความจริงพวกพิกกี้ส่งหญ้าคาปิมให้ทั้งสองเคี้ยวเพื่อลดความเจ็บปวด แต่ก็เพิ่งมารู้ในสมัยมีโรนี่เองว่าหญ้าคาปิมมีผลต่อพวกพิกกี้เท่านั้น(น่าสงสารปีโป้ กับ ลีโบมาก ผ่าสด) พวกเพเกนิโนต่างก็สงสัยว่าทำไมร่างทั้งคู่ไม่มีต้นไม้งอกออกมา(ก็เขาไม่ใช่พิกกี้!!!!!) เพราะในหนังสือไบเบิลที่พวกมนุษย์ให้ มีบอกว่ามนุษย์ในเล่มคือพระเยซูก็ฟื้นจากความตายได้ เฮ้อดังๆ ตอนอ่านถึงตอนนี้ เอนเดอร์จึงต้องทำความเข้าใจกับพวกเพเกนิโนเสียใหม่ถึงเรื่องเล่าและความเชื่อทางศาสนา และเน้นย้ำว่ามนุษย์นั้นไม่มีชีวิตที่สาม เมื่อตายแล้วก็ตายเลย และห้ามพวกพิกกี้ฆ่าใครอีกเด็ดขาด หลังจากเจรจาสันติภาพกันจบแล้ว เอนเดอร์ก็ต้องทำให้สัญญานั้นมีผลบังคับใช้ ในแบบพวกพิกกี้ คือการทำพิธีเปลี่ยนผ่านสู่ชีวิตที่สามให้แก่ มนุช พิกกี้ที่ช่วยงานมนุษย์มาตลอด แม้เอนเดอร์จะลำบากใจแต่ก็จำใจทำลงไป เขาเขียนหนังสือเรื่อง ชีวิตของมนุช ขึ้นมาเป็นอนุสรณ์เพื่อให้มนุษย์เข้าใจพวกเพเกนิโนมากขึ้น
เรื่องนี้เอนเดอร์เลยบอกว่าอย่าเอาตัวเองไปเป็นบรรทัดฐานตัดสินคนอื่น พวกเพเกนิโนออกจะมีวิถีชีวิตที่แปลกมาก ชมคนเขียนเลยที่คิดออกมาได้แหวกแนวบวกกับความโหดเล็กๆถ้ามองในมุมของมนุษย์(ความจริงที่ยึดถือ ส่วนมากขึ้นกับมุมมองของเจ้า ประโยคนี้ลอยมาเลย 55) พิกกี้มีเพศเมียสองแบบ อย่างหนึ่งคือแม่ตัวน้อยที่สืบพันธุ์ได้เมื่อไปเกาะและรับเอาเกสรจากต้นไม้บิดรก็จะติดลูกหลายตัว ลูกๆจะกัดกินแม่เป็นอาหารเพื่อออกมาลืมตาดูโลก เพราะพิกกี้เพศเมียไม่มีช่องคลอด ส่วนเพศเมียอีกแบบจะเป็นหมัน ทำงานตัดสินใจเรื่องสำคัญๆในเผ่า เพศผู้ก็จะคอยช่วย อีกทั้งมีภาษาถึงสามแบบไว้ใช้พูดกับแต่ละฝ่ายในเผ่า
หลังจัดการกับพวกพิกกี้เสร็จ เอนเดอร์ก็แต่งงานกับโนวินยา(คู่นี้เหมือนเอนเดอร์จะรักลูกๆของเธอ แล้วก็เห็นใจเธอด้วย เพราะวี่แววอย่างอื่นไม่มีเลย) เขานำนางพญาแห่งรวงรังในดักแด้ไปปล่อยให้เจริญเติบโตในป่า ส่วนมีโรที่เสียหายด้านประสาท เอนเดอร์ส่งต่ออุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์อัจฉริยะอย่างเจนให้เป็นมรดกแก่ลูกเลี้ยง ก่อนส่งเขาไปเดินทางในอวกาศเพื่อชะลอวัย เผื่อในอนาคตจะหาทางแก้ไขอาการของมีโรได้และจะได้ใช้ความหนุ่มและหัวสมองของเขาให้มีประโยชน์ นอกจากนี้เอนเดอร์ยังส่งข่าวไปยังโลกสแกนดิเนเวีย แม้ที่ลูซิตาเนียจะผ่านไปไม่กี่เดือนแต่บัดนี้ที่โลกนั้น ลูกๆของวาเลนไทน์เติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว เขาจึงขอให้วาเลนไทน์เดินทางมาพบและหาทางช่วยรักษาจิตใจมีโรด้วย เพราะพี่สาวเขาเป็นคนอ่อนโยน มีเหตุผล และยังเป็นนักปลอบใจชั้นเลิศ
ตัวละครในเล่มนี้ที่ชอบคือ เจน ถึงเธอจะเป็นเครือข่ายเฉยๆ แต่มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนคนมากทีเดียว ความทะเล้น จิกกัด โต้ตอบ เล่นมุกในเวลาที่เหมาะสมช่วยคลายความจริงจังของเนื้อเรื่องได้มาก
Create Date : 20 พฤษภาคม 2560 |
|
0 comments |
Last Update : 20 พฤษภาคม 2560 0:37:43 น. |
Counter : 1454 Pageviews. |
|
|
|