จนกระทั่งขวนขวายหาเล่มต่อมาอ่านจนจบซีรีย์นี้ก็กลับมาอ่านเล่มแรกอีกรอบ อุ้ย มันสนุกและเข้าใจขึ้นอีกเยอะเลยทีเดียว เราว่าคนเขียนมีจินตนาการสำหรับสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่แปลกไปจากมนุษย์โลกอย่างสิ้นเชิงได้ดี เป็นวิทยาศาสตร์ที่ผสมกับมนุษยศาสตร์ได้ลงตัวมากๆ ตัวละครมีตื้นลึกหนาบาง โดยเฉพาะเอนเดอร์กับโคโลเนลกราฟฟ์ก็แสดงออกมาได้อย่างเข้าถึงความเป็นมนุษย์
ส่วนครึ่งเรื่องแรกเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ได้แก่ครอบครัวของเอนเดอร์ ปีเตอร์กับวาเลนไทน์ พี่สาวกับพี่ชายของเอนเดอร์ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าสองคนนี้จะเป็นแค่ตัวประกอบธรรมดา แต่ปรากฏว่าสองคนนี้ไปได้ไกลมากจริงๆ ตอนอ่านครั้งแรกคิดว่าปีเตอร์ออกจะโหดร้าย แต่เอาจริงๆแล้วนั่นอาจจะเป็นแค่ตอนเด็กๆก็เป็นได้ เพราะเรื่องนี้เล่าจากมุมมองของเอนเดอร์กับวาเลนไทน์ แม้แต่ตอนที่ปีเตอร์เด็กๆมาแกล้งเอนเดอร์ ตกดึกเขาก็รู้สึกเสียใจมาขอโทษน้องชาย
ส่วนเรื่องสติลสัน กับ บอนโซ เด็กที่เอนเดอร์สู้กลับจนตาย กรณีแรก สติลสัน เอนเดอร์ก็แค่หกขวบเองนะ ยังงงอยู่เลยว่าแกถูกกระทืบตายได้ไง หรือว่าเตะไปถูกจุดตาย ส่วนกรณีที่สอง บอนโซ เอนเดอร์สักสิบขวบได้ เกือบจะโดนรุมแล้ว แต่ก็สู้จนเอาชนะได้
บางทีคงใช้แรงมากเกินไปมั้ง แต่ประเด็นคือ เรื่องพวกนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำถ้ามีผู้ใหญ่คอยดูแล แต่พวกนายทหารต้องการเลี้ยงให้เอนเดอร์เกิดความสิ้นหวัง เกิดความคิดที่ว่าเมื่อคราวคับขัน มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นจะไม่มีใครช่วยเขาได้ทั้งนั้น เอนเดอร์ต้องช่วยตัวเอง ยิ่งเอนเดอร์เป็นเด็กที่ถูกพี่ชายรังแก พี่ชายเขาบอกว่าคนอ่อนแอจะตกเป็นเหยื่อของคนที่เข้มแข็งกว่าเสมอ เขาก็จะมีแนวคิดที่ว่า ถ้าจะเอาคืน ก็เอาซะทีเดียวเลยให้เด็ดขาด ไม่งั้นก็จะมีคนมารังแกอยู่เรื่อย
ประเพณีตีงูให้หลังหัก มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง
จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง เหมือนเสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย
อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย
ต้องตำรับจับให้มั่นคั้นให้ตาย จะทำภายหลังยากลำบากครัน
แต่ถามว่าเสียใจไหม เขาก็เสียใจ เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าใคร เขาอยากให้มีคนมารักเขา เขาไม่ได้อยากทำร้ายคนอื่นด้วยซ้ำ แล้วทำไมคนอื่นต้องมายุ่งกับเขาด้วย หากไม่มีความแค้นข้ออาฆาต ก็ไม่เข่นฆ่าทำร้าย โลกนี้คงสงบสุขไปแล้ว ต่อให้เอนเดอร์อยู่เฉยๆก็ยังมีคนที่หมันไส้และมุ่งร้ายต่อเขาอยู่ดี พวกนี้ไม่เคยรักใคร เราว่าเด็กอย่างสติลสันและบอนโซนี่แหละที่จะโตมาเป็นคนไม่ดีได้ง่ายๆ ถ้าไม่ได้ผู้ใหญ่คอยสอน
ส่วนโรงเรียนการสงครามก็ลุ้นจริงๆ ถึงจะจินตนาการห้องต่อสู้ไม่ค่อยออก เป็นการแสดงความอัจฉริยะของเอนเดอร์ได้ดีมากทั้งการคบเพื่อน ยุทธวิธีผูกใจคน ผูกใจลูกน้อง หาทางแสดงความสามารถให้ผู้บังคับบัญชาเห็น แม้จะเจอการฝึกหนักแต่ก็ยังดีที่เอนเดอร์ยังได้เจอเพื่อนดีๆอยู่บ้าง อย่างที่เด็กคนนึงบอก ว่าคนอื่นน่ะถูกจัดฉากล่อหลอกจนไปให้ความสำคัญกับเกมส์ การเอาชนะ การแข่งขันมากจนเกินไป แทนที่จะจดจ่ออยู่กับว่าทำไมเราถึงต้องมาเล่นเกมส์นี้ แต่ยังดีที่เอนเดอร์เป็นคนที่แบ่งส่วนชีวิตได้ดี เขาสนุกและเรียนรู้ไปกับเกมส์ แต่ก็ไม่ถลำลึกจนเกินไป เขาไม่ปล่อยให้เกมส์มาเล่นเขาได้ เมื่อกฏกติกามันโหดจนเกินไป เขาก็รู้จักการปฏิเสธและปล่อยวาง
การอ่านอีกรอบทำให้เราเข้าใจมุมมองของแต่ละฝ่ายได้มากขึ้น โดยเฉพาะฝ่ายนายทหารผู้ใหญ่ที่หลอกใช้เอนเดอร์ คือถ้าเอนเดอร์ไม่ได้รับการฝึกแบบนั้น เขาก็จะไม่มีทางเอาชนะพวกแมงได้แน่ เริ่มจากที่ครั้งแรกพวก แมง สิ่งมีชีวิตนอกโลก ได้บุกทำลายยานของมนุษย์ และการบุกครั้งที่สองที่หวังจะยึดโลกเป็นอาณานิคมแต่ก็ล้มเหลวเพราะได้เมเซอร์ แร็คแฮม ฮีโร่ผู้หาทางทำลายยานของพวกแมงได้ก่อน ทีนี้ต่อให้ชนะ พวกมนุษย์ก็เริ่มไม่ไว้ใจแล้วว่าพวกแมงจะมาบุกโลกอีกรอบหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเลยต้องหาทางไปทำลายพวกมันให้สิ้นซาก
ปัญหาก็คือว่า พวกแมงไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ภาษา สัญลักษณ์ หรือข้อความใดๆเลย การสื่อสารของพวกมันเป็นการส่งกระแสจิตแบบทันควัน(hive mind) นางพญาเป็นแมงตัวเดียวที่มีความรู้สึกนึกคิด เวลามันคิดอะไรพวกมดงาน(ความจริงมันไม่ใช่มดซะทีเดียวหรอก แต่เรียกให้เข้าใจง่ายๆ) ก็จะได้เห็นภาพนั้นพร้อมกันหมด และพวกมดงานก็เป็นเพียงเศษเล็บ เศษผมที่ไว้ใช้งานเท่านั้น ไม่ได้มีชีวิตจิตใจเป็นของตัวเองเลย สามารถฆ่าแล้วใช้เป็นอาหารของตัวอ่อนได้โดยไม่มีความเสียใจว่าเป็นการฆ่าพวกเดียวกัน(ดังจะพบในเล่มต่อๆไป) แล้วพอมันมาพบยานของมนุษย์ ความผิดพลาดแรกของมันก็เกิดขึ้น นั่นคือ พวกมันทึกทักเอาเองว่ามนุษย์นั้นเหมือนพวกมัน การทำลายยานสักลำก็เป็นเพียงการส่งสัญญาณบอกถึงการมาถึงเท่านั้น แต่สำหรับมนุษย์แล้วการทำลายยานของผู้บริสุทธิ์ย่อมเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความมุ่งร้าย มีคนเป็นๆและตายจริงๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง
อย่างที่พันเอกกราฟฟ์บอกเอนเดอร์ ถ้าเราคุยกันไม่ได้ เราก็ไม่รู้หรอกว่าเขาจะมาฆ่าเราหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือพวกมันเคยฆ่าเราไปสองหนแล้ว แล้วทำไมต้องรอหนที่สามล่ะ บุกไปฆ่าพวกมันก่อนดีกว่า(ยังดีที่หนังสือไม่ได้สร้างให้พันเอกกราฟฟ์มีพ่อที่ถูกพวกแมงฆ่าตาย ไม่งั้นคงดราม่าล้างแค้นน่าดู)
เอนเดอร์แย้งว่า พวกมันอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นการฆ่า
การไม่รู้ว่าเป็นการฆ่าก็ไม่ได้ทำให้การฆ่าที่ผ่านมาผิดน้อยลงหรอกนะ กราฟฟ์ว่า และสงครามครั้งนี้พวกมันเริ่มก่อน
/นี่เป็นอีกประเด็นที่เอนเดอร์ไปพูดในเล่มต่อไปเมื่อพวกเขาไปเจอสถานการณ์เดียวกัน การจะปฏิบัติกับเผ่าพันธุ์อื่นที่สื่อสารกันได้ เคารพกันได้ เราจะต้องไม่ทำกับพวกเขาเหมือนเป็นสัตว์ เสือกินคน ช้างเหยียบคนตาย เราไม่จับมันเข้าคุก ถูกไหม(อาจมียิงทิ้งเลยมากกว่า 555)เพราะมันทำไปตามสัญชาตญาณ แต่ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตสำนึกเวลาเขาทำอะไร เขาจะต้องรับผิดชอบ/ และมนุษย์น่ะต้องการเป็นผู้อยู่รอดในท้ายที่สุดเสมอ
เราสงสัยว่าพวกแมงก็คงเคยจะพยายามสื่อสารกับพวกผู้ใหญ่ในเรื่องแต่น่าจะเป็นเรื่องของความถี่ที่ไม่ตรงกัน ทำให้คุยกันไม่ได้ และประเด็นนี้เองที่เป็นประเด็นหลักของซีรีย์นี้เลยที่ว่า
เมื่อเราเจอผู้ที่ต่างไปจากเรา
เราพยายามหาทางสื่อสารกันหรือยัง
ถ้ายังคุยกันไม่ได้
แล้วเราใช้ความอดทนมากพอหรือเปล่า
ที่จะใช้สันติในการเจรจา หาทางเข้าใจกันและกัน
เพราะที่พวกแมงสื่อสารกับเอนเดอร์ได้ในช่วงแรกก็ผ่านทางความฝันและเป็นภาพที่ไม่ชัดเจน กว่าจะสื่อสารกันได้ชัดก็ตอนเอนเดอร์เอาชนะและทำลายพวกแมงจนสิ้นซากและไปได้ดักแด้นางพญามาแล้ว เอนเดอร์ถึงได้รู้ว่าพวกแมงคิดยังไง พวกมันเพิ่งจะรู้ว่ามนุษย์แต่ละคนเป็นปัจเจก มีความคิดเป็นของตัวเอง มีครอบครัว เพื่อนฝูง ทำร้ายคนคนเดียวก็เหมือนทำร้ายคนอื่นไปด้วย พวกมันจึงขอโทษ(แต่ถ้ามันชนะ มันอาจจะไม่พูดแบบนี้ก็ได้ 555) ต่างกับที่พวกมนุษย์ทำลายพวกแมง สิ่งมีชีวิตที่มีความหมายจะมีเฉพาะตัวนางพญาเท่านั้น
เพราะฉะนั้นจะโทษผู้ใหญ่ที่มีโลกทรรศน์ มีทัศนคติแบบแผนความคิดทางทหาร คิดปกป้องโลกมาเป็นอันดับหนึ่งก็ไม่ได้ เขาเป็นทหารไม่ใช่นักสิทธิมนุษยชน(โดยเฉพาะสิทธิของมนุษย์ต่างดาว)
อย่างที่เมเซอร์เคยบอกให้เอนเดอร์รู้จักป้องกันความสูญเสียที่ไม่จำเป็น
แต่เอนเดอร์แย้งว่า มันจำเป็น กองทัพจะชนะโดยไม่เสียกำลังพลเลยมันเป็นไปไม่ได้หรอก เสียน้อยเสียมาก เสียยากเสียง่าย พวกเขาถึงได้เลือกเด็กอัจฉริยะอย่างเอนเดอร์มารบแทน เพราะถ้าคนจริงๆรู้ว่าเป็นเรื่องจริง เวลารบก็จะห่วงโน่นห่วงนี่ ไม่ได้รบเพื่อชัยชนะไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไป อย่างที่เอนเดอร์ทำเพราะคิดว่าเป็นการเล่นเกมส์
แม้กระทั่งตอนที่เอนเดอร์มารับรู้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันเป็นเป็นความจริงตอนนั้นเขาอายุราว 12 ขวบได้มั้ง ไม่ใช่เรื่องยากที่จะถูกหลอก เราว่าเขาไม่ผิดด้วยซ้ำไป แม้แต่ตัวพวกนายทหารก็บอกกับเอนเดอร์แล้วว่า "พวกผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว" เอนเดอร์เป็นแค่ปืน เป็นอาวุธ แต่สิ่งที่ฆ่าคนไม่ใช่อาวุธ สิ่งที่ฆ่าคนคือคน และพวกนายทหารต่างก็คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วที่ใช้เอนเดอร์แบบนั้น เพื่อปกป้องโลก แต่เอนเดอร์ก็ยังคงรู้สึกผิดว่าต้องร่วมรับผิดชอบอยู่ดี เพราะเขามีส่วนทำให้พวกเเมงเกือบสิ้นเผ่าพันธุ์ เขาจึงนำนางพญาในดักแด้ติดตัวไปยังดาวต่างๆเพื่อหาบ้านใหม่ให้พวกมัน