แรงบันดาลใจทางความคิด หรือ ละเมิดสิทธิทางปัญญา กับหนังเรื่องเยี่ยมแห่งปี The Social Network
==================
The Social Network ==================
คงไม่ใช่เรื่องที่เกินคาดเดาตรงไหนหาก The Social Network หนังใหม่ของ เดวิด ฟินเชอร์ เรื่องนี้ จะดึงดูดผู้ชมคนรุ่นใหม่ได้เป็นจำนวนมาก กับความต้องการใคร่รู้ถึงที่มาที่ไปของ facebook กับ เด็กหนุ่มผู้พลิกประวัติศาสตร์ของโลกอินเตอร์เน็ตอย่าง Mark Zuckerberg จึงทำให้ The Social Network สามารถเรียกแรงสนับสนุนจากผู้ชมรุ่นใหม่ ที่เล่น facebook เป็นชีวิตประจำวันได้ไม่ยาก
แต่สิ่งที่ไม่ง่ายเลย กลับเป็นเรื่องของการชมภาพยนตร์เรี่องนี้ ให้เข้าใจถึงที่มาที่ไปที่ว่านั้น เดวิด ฟินเชอร์ ! ไม่เลือก 'วิธี' ที่จะเล่ามันอย่างตรงไปตรงมา (1-2-3) แต่เรื่องที่เดวิดนั้นเล่าให้เราฟัง กลับคงความยุติธรรม และตรงไปตรงมากับ 'ทุกฝ่าย' อย่างถึงที่สุด จนผมรู้สึกรักหนังเรื่องนี้ทันทีที่ดูจบ กับความซื่อตรงที่ The Social Network มีให้ผู้ชมอย่างไม่ลำเอียง!
==================
แรงบันดาลใจทางความคิด ! ==================
ความสนุก (สุดเหวี่ยง) ของผม ในทุกวินาทีที่ The Social Network เดินเรื่อง คือการได้เห็นจุดกำเนิดขององค์ประกอบสำคัญๆที่กว่ามันจะรวมมาเป็น facebook ให้เราได้เล่นกัน "แรงบันดาลใจ" นั้นๆ Zuckerberg ไปได้มาอย่างไร ประสบการณ์ความสนุกแบบนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบเจอ Shakespeare in Love เคยทำได้มาแล้ว และประทับใจไม่แพ้กัน (กว่าจะเป็นงานเขียนแต่ละเล่มของ Shakespeare ล้วนแล้วแต่มีที่มาที่น่าติดตาม)
ตั้งแต่การกำเนิดของ Facemash พัฒนามาเป็น The facebook และการตัด 'The' ออกให้เหลือเพียง 'facebook' ที่มาของ "สถานะ" (โสด-มีแฟน-แต่งงาน ฯลฯ) ที่เกิดจากความต้องการของเพื่อนร่วมชั้นของ Zuckerberg ที่อยากรู้ว่าคนที่เขาสนใจนั้นมีแฟนหรือยัง ? "แรงบันดาลใจ" ตรงนี้ Mark จึงนำไปรวมไว้ใน (The) facebook หรือการ 'กระดกลิ้น' ให้มีเสียงดังซึ่งเป็นที่มาของเสียงตอบกลับใน Chat face (Sound for New Messages) ที่เราคนเล่น facebook ต้องคุ้นเคย ฯลฯ
เหล่านี้เป็นความบันเทิงที่ 'อาจ' จำเป็นต้องเล่น facebook กันมาก่อนอยู่แล้วเพื่อความเข้าใจ แต่อาจไม่เท่าความตั้งใจที่จะดูมันให้สนุก จนบางครั้งถึงกับลืม "กระพริบตา" กันเลยทีเดียว
==================
ละเมิดสิทธิทางปัญญา ! ==================
บุคลิกของ Mark Zuckerberg ใน The Social Network ผมบอกได้เลยว่าเขา 'ตีมึน' ได้เก่งในทุกเรื่อง ถึงจะบอกว่าตัวจริงเขา "เนิร์ด" แบบนี้อยู่แล้ว ผมก็จะไม่เรียกว่า "เนิร์ดธรรมดา" อย่างแน่นอน ผมจะขอเรียกว่า "เนิร์ดพิเศษ" ที่พูดเช่นนั้นเพราะผมเห็นว่า Mark ไม่ใช่คนที่ซื่อสัตย์เต็มร้อย แบบบุคลิกเด็กเนิร์ดทั่วไป คล้าย 'มาริโอ้' ใน 'ชิงหมาเถิด' แต่พูดเยอะกว่า(มาก) บนความเก่งและฉลาดของ Zuckerberg ซ่อนความเห็นแก่ตัวไว้อย่างมหาศาล!
ทุกการสนทนากับผู้คนรอบข้าง สังเกตในทุกๆฉาก Mark จะสนใจเฉพาะเรื่องที่เขาอยากสนใจ เก็บเกี่ยวเอามาเป็นวัตถุดิบ มากกว่าจะเป็นความทรงจำหรือความประทับใจในคู่หรือกลุ่มที่เขาสนทนาด้วย ไม่ว่าจะการสนทนาครั้งประวัติศาสตร์กับสองพี่น้องฝาแฝด Winklevoss เจ้าของ 'ไอเดีย' อันเป็นต้นแบบของ facebook ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้
หรือแม้กระทั้งฉากที่ Zuckerberg ถูกปฏิเสธจาก 'แฟนเก่า' ซ้ำยังถูกย้อนกลับอย่างเจ็บแสบบนโต๊ะอาหารต่อหน้าเพื่อนๆของเธอ Mark กลับเก็บมาเฉพาะคำที่เขาเอามาตีความได้ว่า "ต้องขยายเคลือข่าย facebook ให้กว้างขึ้นไปอีก" ไม่แปลกใจที่สุดท้ายแล้ว Mark Zuckerberg จะไม่เหลือใครในชีวิตจริง แม้บน facebook เขาจะมี "เพื่อน" กว่า 500 ล้านคนก็ตาม
Eduardo เพื่อนสนิทของ Mark คนนี้ อาจเรียกว่าเป็น "สะพานชั้นดี" หรือ "ดอกไม้ริมทาง" ของ Mark Zuckerberg จะเห็นได้ชัดว่าเมื่อ Eduardo "ไร้ประโยชน์" Mark เดินหน้าต่อทันที เขี่ย Eduardo ทิ้งโดยไม่แคร์ด้วยว่า "เพื่อน" จะรู้สึกอย่างไร บนโต๊ะว่าความระหว่าง Mark และ Eduardo มีประโยคคลาสสิค อยู่ประโยคหนึ่ง ที่ Eduardo Saverin ตั้งใจพูดให้ Mark Zuckerberg ฟังว่า ..
==================
" ฉัน เป็น เพื่อน คน เดียว ที่ นาย มี " ==================
กลับมาเปิด facebook ของตัวเอง แล้วคิดว่าจริงๆนะ Add เพื่อนไว้ มากมายมหาศาล จะมีความหมายมั้ย ? ในวันที่ความรู้สึกเป็นศูนย์ (0) สำหรับเรา ขอแค่ใครสักคนคุยด้วย ยังไม่มี !!! ผมไม่แน่ใจวันนี้ แฟนเก่า ของ Mark ได้รับ Add ตามคำเชิญของ Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง facebook ที่ยิ่งใหญ่คนนี้
แล้วหรือยัง ? 
แล้วหรือยัง ?
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
