พฤษภาคม 2553

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
27
28
29
 
 
All Blog
บทความที่คุณ"อ๊อฟ พงษ์พัฒน์"ควรอ่านแล้วคิดตาม: การพูดว่า"จงออกไปจากที่นี่"จะไม่ช่วยแก้ปัญหาให้เราเลย
ตามอ่านกันได้เลยครับ

แปลจาก Saying ‘good riddance’ is no answer to our problems โดย สนิทสุดา เอกชัย, แปลโดย สฤณี อาชวานันทกุล May 21st, 2010

ถ้าคุณอยู่ในเครือข่ายของคนไทยบนเฟซบุ๊ค คุณก็คงจะได้เห็นคลิปวีดีโอที่มีการส่งต่อกันมากที่สุดในสัปดาห์นี้ – บทสุนทรพจน์อันกินใจของนักร้อง พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ที่แสดงความรักอย่างหวงแหนและลึกล้ำของเขาที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

บทสุนทรพจน์ดังกล่าวกลายเป็นปรากฏการณ์ยอดนิยมในทันที กลายเป็นสิ่งที่ส่งต่อกันบนเครือข่ายโซเชียลมีเดีย เผยแพร่ซ้ำบนโทรทัศน์ และรายงานในหน้าหนังสือพิมพ์ในประเทศแทบทุกฉบับ กว่าคุณพงษ์พัฒน์จะกล่าวคำรับรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงชายสมทบยอดเยี่ยมจบ ผู้ชมทั้งห้องก็เต็มไปด้วยน้ำตา ขณะที่ผู้ชมยืนขึ้นปรบมือให้กับคุณพงษ์พัฒน์ ในคืนเดียวกันนั้นเองกรุงเทพฯ ก็ถูกเผาในการจลาจลทางการเมืองที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เท่าที่เราจำความได้

ในสุนทรพจน์ คุณพงษ์พัฒน์เปรียบเปรยว่าประเทศไทยเปรียบเสมือนบ้าน และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเปรียบเสมือนพ่อผู้เจริญรอยตามบรรพบุรุษของท่าน เสียสละให้กับบ้านเมืองด้วยการทุ่มเททำงานเพื่อทุกคนในบ้านอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย

“ถ้ามีใครสักคนโกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ แล้วก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่อออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกกับคนคนนั้นว่า ‘ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ เพราะที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ’

“ผมรักในหลวงครับ”




เขาประกาศท่ามกลางเสียงปรบมือดังกระหึ่ม “และผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้รักในหลวงเหมือนกัน พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน!” ฉันขอสารภาพว่า สิ่งที่เขาพูดนั้นทำให้ฉันน้ำตาคลอเหมือนกัน

ฉันมีคำสารภาพอีกเรื่องหนึ่ง ถึงแม้ว่าฉันจะคับแค้นใจเหมือนกับคุณพงษ์พัฒน์ที่ในหลวงทรงถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมจากข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง รวมทั้งการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและถ้อยคำที่มีแต่ความเกลียดชัง ฉันก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีแก้ปัญหาแบบ “จงออกไปจากที่นี่” ของเขาซึ่งดูเหมือนว่าจะโดนใจผู้คนจำนวนมาก

วิธีแก้ปัญหาของคุณพงษ์พัฒน์คือความเชื่อที่ว่า ถ้าเราไม่ชอบอะไร วิธีแก้ปัญหาแบบง่ายๆ ก็คือกำจัดมันไปซะ ความคิดแบบนี้คือรากฐานของการเมืองที่ขัดแย้งแตกแยกอย่างรุนแรง การเมืองที่กำลังทำลายประเทศของเราอยู่ในขณะนี้

ความรุนแรงไม่มีวันสิ้นสุด ถ้าเราไม่เชื่อว่าความรุนแรง รังแต่จะนำมาซึ่งความรุนแรง

ฉันก็เหมือนกับคนรุ่นเดียวกับฉันส่วนใหญ่ ตรงที่เติบโตมากับความเคารพในหลวงอย่างลึกซึ้ง สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงตรากตรำทำงานตลอดพระชนม์ชีพเพื่อผู้อ่อนแอและผู้ยากไร้ในประเทศนี้ และในการที่ทรงเป็นเสาแห่งทศพิธราชธรรมและความดีงาม ในห้วงยามที่สังคมเราถูกคอร์รัปชั่นบ่อนเซาะ และเราเองก็กำลังจมดิ่งลงไปในปลักความเป็นปัจเจกที่เห็นแก่ตัว

เป็นเรื่องน่าแค้นใจที่เห็นคนที่เรารักถูกโจมตีอย่างโหดร้าย แต่วุฒิภาวะของเรานั้นวัดจากการกระทำของเรา ความอดทนอดกลั้นคือวุฒิภาวะ ความพยายามที่จะทบทวนกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเพื่อรับประกันว่าเราจะสามารถถกเถียงกันได้อย่างมีเหตุมีผลภายในขอบเขตของความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรมนั้นคือวุฒิภาวะ การกำจัดไม่ใช่วุฒิภาวะ

เพราะประเทศนั้นเป็นมากกว่าบ้าน ประเทศประกอบด้วยคนต่างวัฒนธรรม ความเชื่อ และความคับแค้นใจ เมื่อใดที่เกิดความขัดแย้งทางความคิดและอุดมการณ์ เราไม่สามารถทำแค่เตะคนที่เราไม่ชอบออกไปจากบ้าน

ถ้าเราเคารพในหลวงจริงๆ เราก็จะต้องเคารพวิถีทางที่มีไมตรีจิตต่อคนทุกหมู่เหล่าของพระองค์ด้วย

สมัยที่ประเทศนี้ถูกสั่นคลอนด้วยขบวนการคอมมิวนิสต์ในทศวรรษ 2510-2520 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังเขตอันตรายเพื่อช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งคนที่คล้อยตามแนวคิดของคอมมิวนิสต์ด้วย

สมัยที่ชาวเขาถูกสังคมประณามว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติดและผู้ทำลายป่า ในหลวงทรงแนะนำพวกเขาให้ปลูกพืชทดแทน ส่งเสริมให้พวกเขาได้รับสัญชาติไทย

และตรัสเรื่องสิทธิในที่ดินของบรรพบุรุษ สมัยที่ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ปะทุขึ้น คำแนะนำของพระองค์คือให้เราหยิบยื่นความเป็นมิตร พยายามเข้าใจความเดือดร้อนของผู้คน และช่วยเหลือพวกเขา


สังคมกระแสหลักมองกลุ่มคนชายขอบเหล่านี้ว่าเป็นคนนอก กระทั่งมองว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ แต่วิถีทางของในหลวงนั้น เป็นวิถีแห่งไมตรีจิต และความเมตตาเสมอมา...

====================

ช่างเป็นบทความที่ "คม ตรง และใช่" ถึงใจนักเลงจริงๆ





"อย่าพูด เอาแต่ สะใจ"


.

คุณ"อ๊อฟ พงษ์พัฒน์"ไปอยู่ไหน? ตอนคนรุมด่า"หนุ่ม ศรราม"ทั้งที่คุณหนุ่มพูด ไม่ต่างกับที่คุณอ๊อฟพูด

V
V


//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=milansheva&group=8




Create Date : 22 พฤษภาคม 2553
Last Update : 24 พฤษภาคม 2553 1:06:37 น.
Counter : 2258 Pageviews.

0 comments

Milan Sheva
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



@@@ เริ่มเปิด myBLOG ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 52 - 18 ธันวาคม 53 ล่าสุด เวลา 03.01 น. จำนวนผู้เข้าชม ทุก BLOG รวมทั้งสิ้น 107,896 คลิ๊ก ครับผม @@@

ร่วมตามติด twitter อันใหม่ของผม Love_World_Live เสนอข่าวต่างประเทศ ทั้งสาระ และบันเทิง จากหลากหลายสำนักข่าว ทุกมุมมองที่น่าติดตาม เรื่องเด่น ประเด็นดัง ท่องรอบโลกไปพร้อมกันกับผม Milan Sheva ครับ ~'