|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เมื่อการลดน้ำหนักขัดใจพ่อ-แม่สามี
1 เดือนเต็มๆ แล้วกับความพยายามลดน้ำหนัก บางวันก็ทำได้ดี บางวันก็ไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ แต่ก็พยายามนะ กินให้น้องลง กินเป็นเวลา และรู้จักเลือกกิน พยายายามไม่กินของมันซึ่งตอนนี้เริ่มจะชินแล้วเพราะปรกตินี่ชอบกินหมูสามชั้น อะไรมันๆนะชอบกินมาก
มื้อเช้าพยายามกินให้เยอะขึ้นเพราะปรกติไม่ค่อยกินมื้อเช้า มื้อเที่ยงกินแบบควบคุม(ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นแซนวิชทูน่ากับแซนวิชไข่ มีแต่อันนี้แหละที่ยังไม่เบื่อ) มื้อเย็นถ้าเป็นไปได้ก็จะกินแต่ผลไม้ นม หรือเนสวิต้า และก็ไม่ลืมโลชั่นกระชับสัดส่วนพร้อมด้วยที่นวดสลายไขมัน(เป็นที่นวดที่แถมมากับโลชั่น ใช้นวดวนไปวนมาก่อนทาโลชั่น) ก็ไม่รู้ว่าเพราะโลชั่นหรือโปรแกรมควบคุมน้ำหนักได้ผลดีกว่ากัน แต่รู้สึกว่าสบายตัวขึ้น ไม่อึดอัดเหมือนเมื่อก่อน เวลานั่งก็จะไม่ติดพุงเท่าไหร่แล้ว แต่ก็ไม่ลดอะไรมากมายนะวัดรอบเอวแล้วก็ลดลงมา 1 นิ้วเท่านั้นเอง แต่อย่างน้อยเราก็เห็นละว่าความพยายามไม่ได้สูญเปล่า
แต่ที่ยังไม่ได้ทำเลย ก็คือออกกำลังกาย ด้วยทั้งข้ออ้างและเหตุผลสารพัด บางช่วงก็ฝนตกทุกวัน ติดกันเป็นอาทิตย์ บางช่วงก็เพราะตัวเองนอนดึกจนไม่มีแรงจะออกไปวิ่ง เพราะไม่รู้สึกสดชื่นเลย รู้สึกแต่ว่าเหนื่อยอยากนอนเร็ว (แต่ก็ทำไม่ได้นะ เพราะสามีไปต่างประเทศเพื่อนก็ไม่มีเลยเหงา ก็เลยเอาแต่นั่งเล่นเน็ตบ้าง อ่านหนังสือ ดูละครบ้าง ในที่สุดก็นอนดึกเหมือนเคย)
แต่ที่เป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนักที่สุดเห็นจะเป็นพ่อกับแม่สามี นอกประเด็นไปตั้งนานเข้าเรื่องเลยดีกว่า หลังจากที่ตัดสินใจบอกแม่กับพ่อสามีว่าจะไม่กินข้าวเย็นเพราะจะลดน้ำหนัก แต่จะเปลี่ยนไปกินผลไม้แทน สองคนปั๋วเมียมองหน้ากันแล้วพูดคำเดียวกันว่า "หา ยูเนี่ยนะอ้วน ยูเนี่ยนะจะลดน้ำหนัก" "ใช่ค่ะ หนูจะลดน้ำหนัก" นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เราบอกเขาแบบนี้ ครั้งแรกเมื่อประมาณ 3 เดือนก่อน แต่ก็ต้องเลิกไปเพราะใจไม่แข็งพอ แต่ตอนนี้เราตั้งใจหนักแน่นแล้วว่ายังไงก็ต้องทำให้ได้
ช่วงแรกๆ ก็ผ่านไปได้ดีไม่มีปัญหาอะไร แต่หลังๆ เวลากลับถึงบ้านพ่อจะถามตลอดว่ากินข้าวเย็นมาหรือยัง กินอะไรมา ก็ได้แต่อ้ำอึ้งเพราะเราไม่ได้กินอะไรมาก ก็บอกว่ากินผลไม้มาแล้ว เขาก็จะแบบเหมือนไม่สบายใจ ตอนหลังพ่อก็ส่งแม่มาเป็นทัพหน้า แล้วพ่อคอยเป็นกองหนุน พยายามยุยงให้เรากินข้าวเย็นให้ได้ เขาพยายามบอกว่าถ้าไม่กินอะไรเดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะนะ เราก็บอกว่าเรากินนะแต่ไม่ได้กินมาก และก็ไม่ได้ปล่อยให้ท้องว่าง ไม่ต้องห่วง เขาก็เลยแซวเราว่าถ้าไม่ยอมกินข้าวพอสามีกลับมาแล้วเห็นว่าผอมไป เดี๋ยวพ่อกับแม่จะโดนดูว่าไม่ยอมให้ลูกสะใภ้กินข้าวนะ เอากับเขาซิ
ช่วงหลัง เด็ดสุดอาศัยลูกตื้อโทรมาทุกวันตอนเย็นก่อนเราเลิกงาน บางทีก็ให้พ่อโทรมา บางทีก็ให้แม่โทรมา "วันนี้แม่ทำซุปนะ กลับมากินข้าวบ้านนะ" หรือไม่ก็ "วันนี้แม่ทำกับข้าวที่หนูชอบนะ กลับมากินข้าวนะ" "ถ้าไม่อยากกินข้าวก็ไม่ต้องกิน จะกินแต่ซุปก็ได้ นะ นะ โอเคนะ"
เพราะแบบนี้โปรแกรมลดน้ำหนักของเราเลยไม่ค่อยต่อเนื่อง บางวันก็เลี่ยงได้ แต่บางวันถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องกิน แต่ก็พยายามบอกพ่อกับแม่ของสามีตลอดว่าไม่อยากกินเยอะ ถ้าจะให้กินก็อย่าเก็บกับข้าวไว้เยอะ (ปรกติแม่ชอบทำกับข้าวเยอะแล้วก็จะบอกให้เรากินให้หมดแถมยังทำอร่อยซะด้วยซิ ก็เลยอืดอย่างทุกวันนี้ไง)
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพัฒนาการของพ่อกับแม่ถึงขั้นแตกแขนง มีการหุงห้าวเผื่อด้วย แต่จะเหลือไว้นิดหน่อย แล้วก็จะบอกว่า "นี่นะซุป แม่อุ่นให้แล้ว กินเลยจะได้อร่อย และนี่ข้าวนะ แต่จะไม่กินก็ได้ไม่เป็นไร แต่มันก็มีนิดหน่อยเอง อยู่ในหม้อนะ เปิดดูก่อนซิ" นั่นไงดูวิธีการพูดของเขาซิเรียกว่าขั้นเทพ พอเปิดดูหม้อหุงข้าวก็จะเห็นว่ามีข้าวอยู่นิดหน่อยจริงๆ ประมาณจานเดียวพอดีๆ แบบพอดีมากๆ เราก็จะใจอ่อนเห็นว่าเหลือนิดเดียวก็กินซะให้หมดจะได้เก็บหม้อไปล้าง
เรียกว่าพ่อกับแม่ประสบความสำเร็จมากในการพยายามให้เรากินข้าวเย็น แต่เราซิ พยายามมา 1 เดือนแล้ว พึ่งลดได้แค่ 1 นิ้ว เฮ้อออออ
แต่ก็ต้องขอบคุณพ่อกับแม่เขาละ ที่เป็นห่วง ถ้าไม่มีเขา 2 คน เราคงอยู่ที่นี่ลำบากกว่านี้แน่ๆ คงไม่มีคนชวนคุยให้หัวเราะ และคงจะเหงามากๆ กับชีวิตต่างแดนที่ไม่มีเพื่อนแบบนี้
Create Date : 29 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 29 ธันวาคม 2551 17:05:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 471 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|