Day 8 : สัมผัสโลหิตพระเยซู (Bruges)
Day 8 (26 March 2009)

สัมผัสโลหิตพระเยซู

Bruges, Belgium

* เป็นเรื่องส่วนตัวปะปนมามาก ฉบับสาระจะรีวิวไว้อีกทีในห้อง blueplanet
** อาจมีภาพ เสียง และเนื้อหาไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ผู้ชมที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีควรได้รับคำแนะนำ
*** จากกรณีที่ภาพหาย ก็เลยเปลี่ยนเป็นลิ้งค์มาจาก multiply แทน ไม่มีจำักัดอีกแล้ว

ศัพท์ที่ควรทราบ

Hauptbahnhof(Hbf) = สถานีหลักของเมือง เปรียบเทียบได้กับหัวลำโพงบ้านเรา
S-Bahn (Stadtschnellbahn) = รถไฟฟ้าบนดิน แต่บางครั้งก็มุดลงใต้ดินบ้าง ตามแต่ภูมิประเทศจะเอื้ออำนวย
U-Bahn (Untergrundbahn) = รถไฟฟ้าใต้ดิน จำง่ายๆ U ย่อมาจาก Underground
Tram = รถราง
RB = Regional-Bahn เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองใกล้ๆ
RE = Regional-Express เป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองใกล้ๆ จอดสถานีน้อยกว่า RB
IC = InterCity คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมือง ความเร็วจะอยู่ประมาณ 200 km/h
ICE = InterCity-Express คือรถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองความเร็วสูง ความเร็วจะสูงกว่า IC ถ้าเส้นจาก Mannheim ไป Cologne เค้าว่าทำความเร็วสูงสุดถึง 300 km/h เลยทีเดียว
WC (ย่อมาจาก Water Closet) = ห้องน้ำ
Fahrkarten = ตู้ขายตั๋วของ DB ใช้กดดูเที่ยวรถไฟก็ได้ บางทีอาจเรียกว่าตู้กดดูเที่ยวรถไฟ
Flughafen = สนามบิน
พี่ปื๊ด = คนดำ (เรียกนิโกรเป็นการเหยียดสีผิวเกินไป อีกทั้งขืนหลุดปากคำว่านิโกรออกมาตอนอยู่ใกล้ๆพวกคนดำ คงโดนตื้บแน่)
เอาตั๋วไปแต๊ก = เอาตั๋วไป validate ที่เครื่อง entwerten


วันนี้ซวยเกือบทั้งวัน ไม่อยากจะเขียนไดอารี่วันนี้เลย รู้สึกมันไม่ค่อยช่วยกระตุ้นความทรงจำทีดีเท่าไหร่ แต่ก็ต้องพิมพ์เพื่อความสมบูรณ์ ไดอารี่วันนี้อาจจะดูอารมณ์เสียนิดนึง ไม่อยากบิดเบือนจากต้นฉบับมากด้วย ขอเอา original มาลงเลยละกัน แต่วันนี้ก็พอมีเรื่องดีอยู่บ้างนะ

ตื่นมาสายๆ เพราะว่าเมื่อคืนเมากันหมด ระหว่างรอเพื่อนก็เจอผู้หญิงสองคน ได้ยินคนนึงพูดว่า あっち เลยรู้ว่าเป็นคนญี่ปุ่น เลยทักทายไปว่า おはよう เค้าก็ยิ้มๆ แล้วก็กลับขึ้นไปเอาของมั้ง

ลงมาเลยถามว่า どこへ行くんですか มีคนนึงพึมพำว่า わからない กวนประสาทจัง แต่อีกคนก็บอกว่า have a nice day (ทำตามไพ่โดเรมอนแล้วนะ ถึงจะไม่มีไพ่ก็ยังทำอยู่ดี เอิ้ก) พอสองคนนั้นออกไปก็ไปซื้อแซนด์วิชมากิน แล้วพอเพื่อนๆเสร็จเรียบร้อยก็ไปสถานี Bruxelles-Central / Brussel-Centraal

จากที่คำนวณดูแล้ว ถ้าใช้ EURail น่าจะประหยัดกว่าซื้อตั๋วเที่ยวเดียว ไปกลับ ถึงแม้ว่าจะมีโปรโมชั่น Weekend Fare (ลด 50%) สำหรับกรณีนี้ใช้ EURail ก็ยังถูกกว่าอยู่ดี และอีกอย่างวันนี้ก็วันพุธด้วย ไม่มีโปรโมชั่นอะไร และ EURail วันที่เหลือไม่รู้ไปลงที่วันไหนพอดี

เอา EURail มาใช้วันนี้ละกัน เขียน EURail และก็ขึ้นรถไฟไป Brugge (Dutch) - Bruges (French, English)





พอไปถึงก็หาอะไรกิน ป้อไปซื้อแผนที่เมืองนี้มา 0.50 ยูโร แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ จริงๆใช้บริการรถบัสได้ แต่ไปสถานที่ท่องเที่ยวและจตุรัสกลางเมืองสามารถเดินไปได้





เมืองนี้จริงๆแค่เข้ามาชมความสวยงามของเมืองก็คุ้มแล้ว เพราะว่าสวยมาก ดูโบราณ สะอาดดี มีคลองด้วย ภาพบางภาพอาจไม่ต้องการคำบรรยายเพราะมันมีความสวยงามอยู่ในตัว ชมแค่ความงามก็พอ ไม่ต้องมีเนื้อหาสาระบ้างก็ได้นะ





วันนี้ฝนตกทั้งวันเลย หนาวด้วย ไม่ค่อยอยากจะเอากล้องออกมาถ่ายภาพเท่าไหร่


1. St.Saviour Cathedral (Dutch : Sint-Salvator Cathedral)





โบสถ์นี้เทียบไม่ติดถ้าเทียบกับ Church of Our Lady ดูๆอยู่ซักพักเค้าก็ประกาศว่าจะปิด เลยเดินต่อไปที่ Church of Our Lady


2. Church of Our Lady (Dutch : Onze-Lieve-Vrouwekerk)





มาถึง Church of Our Lady ก็พบว่าอลังการ สวยงามมาก เป็นสิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยอิฐกับปูน ที่สูงเป็นที่สองในโลก รองจากโบสถ์ St. Martin's Church ใน Landshut ประเทศเยอรมัน เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดใน Brugge

ไม่ค่อยมีคำบรรยายอะไรมากมาย แค่มาชมความงามอย่างเดียว

ข้างในมีประติมากรรมของ Michelangelo ตั้งอยู่ด้วย





มีส่วนของพิพิธภัณฑ์ซึ่งต้องเสียเงินเข้าไป และห้ามถ่ายรูปด้วย เอียนมากพอแล้วเลยออกดีกว่า



3. The St. John's Hospital (Dutch : Sint-Jan Hospital)





เสร็จแล้วก็เดินต่อไปโรงพยาบาล St.John เป็นโรงพยาบาลเก่านะ เอามาทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ข้างในห้ามถ่ายรูป

ตั๋วเข้าชมราคาปกติ 8 ยูโร แต่เราใช้บัตรนักเรียนเลยลดเหลือ 1 ยูโร ถูกมากๆ ให้เข้าฟรีเลยง่ายกว่ามั๊ย ? 55+

แต่ก่อน St.John's Hospital มีประวัติความเป็นมามาช้านานตั้งแต่ปี 1188

นอกจากเป็นสถานที่สำหรับคนป่วยแล้ว ยังเป็นสถานที่สำหรับคนจน นักบุญ นักเดินทาง อีกด้วย

ข้างในมีจัดแสดงภาพเขียน เอกสารโบราณ สิ่งของต่างๆในสมัยนั้น เช่น ถ้วยชาม อุปกรณ์ทางการแพทย์ ชุดของคนที่ทำงานในนั้น

มีประวัติการผ่าต้อกระจกด้วย สมัยนั้นผ่ากันยังไงวะ ไม่เจ็บเหรอวะ แอบสงสัยอยู่นิดนึง 55+

วันนี้เอ๋สังเกตเห็นว่านิกดูซึมๆมากๆ ตอนนั่งรอคนอื่นนั่งหลับด้วย ป่วยอยู่รึเปล่าวะ แต่ถามแล้วก็บอกว่าไม่เป็นไร

ภาพนี้ถ่ายมาเล่นๆ วิวสวยดี





มีรถม้าด้วย





เดินต่อเพื่อจะไป Grote Markt ซึ่งเป็นจตุรัสกลางเมือง ป้อไปถามคนแก่ผู้ชายคนนึง เขาก็บอกทาง แต่ตอนหลังเปลี่ยนใจพาเดินไปซะเลย ใจดีมาก ก็คุยกันไปด้วยระหว่างทาง

พอถึง Grote Markt ก็เดินไป Burg ต่อเพื่อไปดู Basilica of the Holy Blood


4. Basilica of the Holy Blood (Dutch : Heilige Bloed Basiliek)





ข้างในห้ามถ่ายรูป ที่นี่เป็น Basilica ที่เก็บหลอด (vial) เก็บผ้าซับโลหิตพระเยซูไว้ ซึ่งสันนิษฐานกันไว้สองทฤษฎีว่า 1.ได้มาสมัยสงครามครูเสดครั้งที่สอง ไม่ก็ 2.ตอนสงครามครูเสดครั้งที่สี่ มีผู้นำโดย Baldwin IX, Count of Flanders ตอนผ่านกรุง Constantinople ของอาณาจักรโรมันตะวันออก ได้ไปปล้นเมือง แล้วหยิบ vial กลับมาด้วย

รู้สึกซาบซึ้งในความเสียสละของพระเยซูมาก จนถึงขั้นกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

โดยบาทหลวงจะนั่งอยู่ตรงด้านหน้า ให้ขึ้นไปได้ีทีละคน บริจาคตัง แล้วก็สัมผัส พอเสร็จบาทหลวงก็จะเอาผ้าเช็ดหลอดแก้ว คนต่อไปก็ขึ้นมา

ได้บริจาคเงินให้กับโบสถ์ แล้วได้จับ vial ที่เก็บผ้าซับโลหิตพระเยซูด้วย หวังที่จะหายโรคทางใจบางประการ

มีผู้หญิงคนหนึ่งเป็นโรคตกโลหิตได้สิบสองปีมาแล้ว ได้ทนทุกข์ลำบากมามาก มีหมอหลายคนมารักษา และได้เสียทรัพย์จนหมดสิ้น โรคนั้นก็มิได้บรรเทา แต่ยิ่งกำเริบขึ้น ครั้นผู้หญิงนั้นได้ยินถึงเรื่องพระเยซู เขาก็เดินปะปนกับประชาชน ที่เบียดเสียดข้างหลังพระองค์ และได้ถูกต้องฉลองพระองค์ เพราะคิดว่า "ถ้าเราได้แตะต้องแต่ฉลองพระองค์ เราก็จะหายโรค" ในทันใดนั้นโลหิตที่ตกก็หยุดแห้งไป และผู้หญิงนั้นรู้สึกตัวว่าโรคหายแล้ว บัดเดี๋ยวนั้น พระเยซูทรงรู้สึกว่าฤทธิ์ซ่านออกจากพระองค์แล้วจึงเหลียวหลังตรัสว่า "ใครถูกต้องเสื้อของเรา" ฝ่ายเหล่าสาวกก็ทูลว่า "พระองค์ทรงเห็นแล้วว่าประชาชนกำลังเบียดเสียดพระองค์ และพระองค์ยังจะทรงถามอีกหรือว่า 'ใครถูกต้องเรา'" แล้วพระเยซูทอดพระเนตรดูรอบ ประสงค์จะเห็นผู้หญิงที่ได้กระทำสิ่งนั้น ฝ่ายผู้หญิงนั้นก็กลัวจนตัวสั่นเพราะรู้เรื่องที่เป็นแก่ตัวนั้น จึงมากราบลงทูลแก่พระองค์ตามความจริงท้งสิ้น พระองค์จึงตรัสแก่ผู้หญิงนั้นว่า "ลูกหญิงเอ๋ย ที่เจ้าหายโรคนั้นก็เพราะเจ้าเชื่อ จงไปเป็นสุขและหายโรคนี้เถิด"

มาระโก 5:25-34

ออกมาหาทางไป Choco-Story Museum ต่อ


5. Choco-Story Museum





ที่นี่ใหญ่กว่าที่บรัสเซลล์ ไม่ได้จดอะไรมามาก สงสัยต้องขอยืมเลกเชอร์จากป้อ ป้อจดมาเยอะมาก ไว้ว่างๆจะยืมลอก

ในนี้มีสาธิตการทำทรัฟเฟิลด้วย





ประวัติความเป็นมาที่พอจดมาได้ก็คือ โกโก้และผลิตภัณฑ์จากโกโก้ เช่นช็อกโกแล็ต ในยุโรป แต่ก่อนเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แต่พระเจ้านโปเลียนที่ 3 (ทายาทของนโปเลียนโบนาปาร์ตที่บ้าทำสงครามอะ) ประกาศให้ยกเลิกภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย โกโก้และผลิตภัณฑ์จากโกโก้จึงเป็นที่นิยม

และก็เคยมีการลอบวางยาพิษ Bishop ด้วย เพราะ Bishop ซักที่สั่งห้ามผู้หญิงคนนึงไม่ให้กินโกโก้ ส่วนประวัติอื่นๆไม่ได้จดมา มันเยอะมาก

ดูรูปไปพลางๆละกัน





ออกมาก็เดินไปเรื่อยๆ เจออนุสาวรีย์อันนึง มีคลองด้วย วิวสวย เลยถ่ายรูป

เดินหน้าถอยหลังเพื่อให้ระยะมันพอดี ให้องค์ประกอบภาพมันเข้าที่ ก็รู้สึกเหยียบอะไรเหนียวๆที่ขา นั่นคือ ขี้หมานั่นเอง

อุทานออกมาทันทีว่า "ไอ้เหี้ย"

ป้อก็ถามว่า "เป็นไรวะ"

ผม "แม่ง เหยียบขี้หมาว่ะ"

ป้อ "วันนี้ฝนตกนิ มีน้ำขังหลายที่ ลองไปล้างๆดู"

ตอนนั้นคิดในใจว่า ถ้าล้างไม่ออก จะไปล้างในคลองเลย ไม่ก็ปารองเท้าทิ้งลงคลองซะเลย แต่ก็ล้างออกจนได้

ภาพบรรยากาศลานขี้หมา





เดินไปที่ Grote Markt ก็ได้ยินเสียงจาก Belfry of Bruges เลยอัดเสียงไว้ เสียงไพเราะมาก

อันนี้ Belfry of Bruges





อันนี้ภาพบรรยากาศทั่วไปใน Grote Markt





กลับมาที่สถานี Brugge






เมื่อเข้าห้องน้ำในรถไฟ ก็เปิดก๊อกน้ำอ่างล้างหน้า แล้วเอารองเท้าไปล้างต่อ ล้างเศษขี้หมาที่คาดว่ายังเหลืออยู่ ล้างมันตรงนั้นเลย สะใจ ฮ่าฮ่า โทษฐานปล่อยให้พื้นเต็มไปด้วยขี้หมา

พอถึง Brussels ก็ไปลง Bruxelles-Midi เพื่อจะไปถ่ายรูปรถไฟ Thalys กับ Eurostar ซะหน่อย





นี่ Thalys เชื่อมระหว่าง Amsterdam,Paris,Cologne โดยมี Brussels เป็นจุดศูนย์กลาง





นี่ Eurostar มีแผงเหล็กกั้น ภาพเลยไม่ชัด Eurostar จะมีเส้นทางหลักๆคือ เชื่อมระหว่าง Brussels - Lille - London กับอีกเส้นทางคือ Paris - Lille - London





ถ่ายรูปเสร็จก็กลับไป Central Station นึกว่าไม่มีรอบรถไฟธรรมดา กะจะซื้อตั๋ว Metro ขึ้น Metro กลับไปแล้ว แต่เช้าก่อน ใช้ความรู้ภูมิศาสตร์ว่า ถ้าจะไป Antwerp มันต้องขึ้นไปทางเหนือ ต้องผ่าน Central Station ใช่ปะ

งั้นเราขึ้นรถไฟไปทาง Antwerp เลยละกัน ซึ่งขึ้นไปแล้ว มันก็ผ่าน Central Station จริงๆ

เดินๆอยู่หาของกิน ก็มีคน 2 คนระบุสัญชาติไม่ได้ แต่สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากซักประเทศริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เข้ามาทักหนีเห่า แล้วก็มาเช็คแฮนด์ อีกคนแม่งมาล็อกขาไว้

แล้วก็ล้วงกระเป๋ากางเกงกุ ได้แต่พาสปอร์ตขึ้นมา(ไม่ได้เงินหรอกเพราะเก็บเงินไว้ในกระเป๋าห้อยคอ) พอจับได้มันก็คืนให้ เพราะถึงเอาไปก็ไม่รู้เอาไปทำไร เป็นโจรที่ดีจังนะไอ้สัด พวกเรามีกันห้าคน จะกระทืบแม่งเลยดีมั๊ย มันมีแค่สองคน ยังไงถ้าพาสปอร์ตหายก็ต้องโดนส่งกลับประเทศอยู่แล้ว ขอเอาคืนให้สะใจก่อนไม่ดีกว่าหรือ

แต่ป้อบอกว่าไปแจ้งตำรวจดีกว่าเพราะจำหน้าแม่งได้ ตอนหลังก็ตกลงกันว่าถ้าไม่เสียอะไรไปก็ช่างแม่งเหอะ ทีหลังระวังดีๆละกัน แต่พาสปอร์ตมันใหญ่เกิน เก็บในกระเป๋าตังห้อยคอไม่ได้ แต่หลังจากนี้ก็ไม่ให้ใครมาประชิดตัวแล้วล่ะ

เกือบ Game Over แล้ว เล่นเอาจิตตกไปเลย ได้บทเรียนที่ชีวิตนี้ไม่มีวันลืม ดี หลังจากนั้นก็ไปหาไรกินกัน วันนี้ไม่มีอารมณ์กินไรมาก กำลังผวาอยู่ได้ที่ เลยกินแค่ฟาสต์ฟู้ด แล้วรีบกลับ กลับมาแล้วเจอคนญี่ปุ่นเมื่อเช้าเลยเล่าให้จั้มกับเอ๋ฟังว่า ทำตามไพ่โดเรมอนเมื่อวานแล้วนะ แล้วก็ไม่อยากคุยกับพวกเขาอีก

อาบน้ำร้อน น้ำร้อนเสียอีก น้ำเย็นมาก แต่ก็ทนๆอาบไปได้ จบวันนี้ไปด้วยความอารมณ์เสีย



สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้

แซนด์วิชจากคาร์ฟูร์ตอนเช้า 2.65 ยูโร
พิซซ่า 1 ชิ้นที่สถานีรถไฟบรูจจ์ 2.00 ยูโร
วาฟเฟิลเคลือบช็อกโกแล็ต 0.80 ยูโร
ตั๋ว St.John Hospital 1.00 ยูโร (ส่วนลดบัตรนักเรียน)
บริจาคที่ Basilica of the Holy Blood 0.80 ยูโร
ตั๋ว Choco-story Museum 5.00 ยูโร
Fish Burger ที่ร้าน Quick Burger 3.80 ยูโร


รวม 16.05 ยูโร


ของฝาก

ช็อกโกแล็ตใส่กล่องรูปบ้าน 8.00 ยูโร

Next : Day 9 : สวรรค์ของผู้ชาย

Prev : Day 7 : ไอ้ขี้เมาในบรัสเซลล์ (อีกแล้วเหรอ)



Create Date : 15 เมษายน 2552
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2555 1:35:21 น.
Counter : 3346 Pageviews.

3 comments
  
รองเท้า adidas แถบแดงรึป่ะ

55+
ลานขี้หมา มีงี้ด้วย


ps.ทรัฟเฟิลน่ากิ๊น

อ่านๆมา มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย *-*
โดย: TatabeaM IP: 61.90.235.211 วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:13:56:43 น.
  
ลืมถามไปว่า ผ้าซับโลหิตพระเยซู


สีอะไร ?
โดย: TatabeaM IP: 61.90.235.211 วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:13:58:29 น.
  
ท่าทางคงหนุกน๊ะ
พี่ว่าจะให้ลูกชายไปเที่ยวเหมือนเต้เหมือนกันถ้าเขาโตขึ้น
คิดว่ามันเป็นประสบการที่ดีที่สุด


ภาพให้นมเสือก็คนเดียวกันจ่ะ
โดย: maistyle วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:14:59:02 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mickeytae
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]



เมษายน 2552

 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30