Bloggang.com : Mickeytae - Norway : Tromsø and Northern Lights (Part 1)

Norway : Tromsø and Northern Lights (Part 1)

Tromsø, Norway

AND Northern Lights Tour Day 1

9 February 2017

เดินทางไปถึงสนามบิน Gardermoen ที่ Oslo ประมาณเจ็ดโมงเช้า ผ่าน ตม.เรียบร้อย

ผ่านร้านขายของและแสงเหนือปลอม 5555+

ไปเช็คอินอีกรอบไป Tromso ด้วยสายการบิน SAS

เป็น Self-service

ไปที่ตู้อัตโนมัติ กรอกเลข Booking Number เลือกจำนวนกระเป๋า กดปริ๊น Boarding Pass ปริ๊น Tag ติดกระเป๋า

เอา Tag ติดกระเป๋าที่จะ load

เดินไปที่เคาน์เตอร์เช็คอิน bag drop

วางกระเป๋าบนสายพาน

เลือกภาษาอังกฤษ ก็จะมีขึ้นบนจอว่าให้เอาที่สแกน สแกนบน barcode บน tag กระเป๋า

สแกนเสร็จ กระเป๋าเลื่อนไปบนสายพาน เข้าสู่กระบวนการ load ต่อไป

กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที (ผิดกับตอนขามา BKK-Oslo ใช้เวลาต่อคิวเช็คอินประมาณ 2 ชั่วโมง)

ระหว่างรอขึ้นเครื่อง เดินเล่นในสนามบิน

ประติมากรรมอะไรก็ไม่รู้ น่ารักดี

เครื่องบินของ Icelandair และ SAS

ขึ้นเครื่องแล้ว นั่งริมหน้าต่าง วันนี้เครื่องบินบินต่ำหรือไม่มีเมฆก็ไม่รู้

ชมวิวทิวทัศน์ข้างทาง ภูมิประเทศแบบ fjord

Prepare for landing !!

ถึงแล้วสนามบิน Tromsø

แอบส่องเครื่องบินใบพัด สายการบิน Widerøe Airlines

เข้าเมืองด้วยรถบัส Flybussen (Airport Express Bus) ไม่แวะจอดเลย จอดอีกทีนึงก็ในตัวเมือง

มีตู้ขายตั๋วอัตโนมัติในสนามบิน ซื้อตั๋วรูดบัตรเดบิต กด PIN ติ๊ดๆ 1 นาที ได้ตั๋วมาแล้ว ซื้อแบบไป-กลับ 120 NOK (ใช้บัตรเครดิตไม่ได้เพราะไม่มี PIN)

จริงๆมีรถบัสอีกแบบ ราคาถูกกว่า สาย 40 หรือ 42 เดินออกไปหน้าสนามบิน ข้ามถนนไปอีกนิดนึง รอตรงป้ายรถเมล์ ราคา 50 NOK แต่แวะจอดหลายป้ายหน่อย

เข้าเช็คอินที่โรงแรม Smarthotel Tromso

ออกมาหาอะไรรับประทาน

มารับประทานร้าน Emmas Drømmekjøkken แถวๆโบสถ์ Domkirk ใจกลางเมือง (เมืองเล็กนิดเดียว เดินเอาแปบๆก็ได้)

ร้านอาหารติดดาวใน Lonely Planet เลย

Dark Beer ของ Mack อร่อยมาก เป็นยี่ห้อ Local ของ Tromsø

สเต็กเนื้อปลาวาฬ ปลาวาฬเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมนะ กินแล้วคล้ายๆเนื้อวัว แต่ไม่เหนียวมาก

แต่แนะนำว่าอย่ากินเลย มารู้ตอนหลังว่าปลาวาฬเป็นสัตว์สงวน ใกล้สูญพันธุ์แล้ว ขออภัยด้วย

รถน้ำแข็ง

ซื้อเสบียงตุนไว้ที่ 7-11

อยากกินไอ้นี่

อยากกินไปหมดเลย

ซื้อมาแค่ไอติมกับน้ำดื่ม

รอเวลาไปทัวร์แสงเหนือ ของ chasinglights.co

ถึงเวลาทัวร์ตอน 18.00 น. ไปเจอกันที่จุดนัดพบแถวๆ Tourist information centre

ทัวร์นี้มีไกด์ 2 คน (ไม่รวมคนขับ) สนุกสนานเฮฮา เปี่ยมไปด้วยความรู้ทั้งทางวิทยาศาสตร์และตำนานต่างๆ

ไปถึงจุดรอชมแสงเหนือ แสงเหนือยังไม่มา ดูท้องฟ้าไปก่อน

แสงเหนือ (Northern Lights) หรือ Aurora Borealis

เกิดจากการที่อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์ พุ่งเข้ามาบนโลก เบี่ยงเบนวิถีการเดินทางตามแรงของสนามแม่เหล็กโลกเข้าสู่บริเวณแถวขั้วโลก

พุ่งมาตกกระทบบริเวณชั้นบรรยากาศบริเวณละติจูดที่อยู่ใกล้ขั้วโลก (ขั้วโลกหรือหรือขั้วโลกใต้ก็ได้ ถ้าเป็นขั้วโลกใต้จะเรียก Aurora Australis หรือแสงใต้)

พอจนกับก๊าซในชั้นบรรยากาศ ส่วนใหญ่ก็คือออกซิเจนกับไนโตรเจน เกิดการคายพลังงานออกมาเป็นพลังงานแสง ที่พบบ่อยสุดก็แสงในย่านสีเขียว แต่สีอื่นๆก็มีแต่พบน้อย เช่น สีน้ำเงิน ม่วง

แสงเหนือนั้นจะเห็นหรือไม่เห็น เห็นชัด สวยงามแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปริมาณอนุภาคประจุไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์

ซึ่งอนุภาคจะปล่อยออกมาแรง สลับกับเบา เป็นรอบๆ เรียกว่า Solar Cycle ซึ่งจะมีช่วงที่ประจุไฟฟ้าแรงๆออกมาทุกๆประมาณ 10-12 ปี

ภาพปลากรอบจาก : //dereklow.co/best-chance-to-see-the-northern-lights-for-a-decade/

ล่าสุดก็คือปี 2014 และก็จะเข้าสู่ช่วงที่สงบจนกระทั่งถึงช่วงที่ประจุไฟฟ้าออกมาแรงมากอีกครั้งในปี 2025 ตามในรูป

ในปี 2020 ที่ Solar Activity ต่ำสุด จริงๆก็ยังเห็นแสงเหนือได้นะ เพียงแต่ว่าโอกาสเจอจะน้อยกว่าแค่นั้นเอง

บริเวณที่มีโอกาสสามารถมองเห็นแสงเหนือได้มากที่สุด ก็คือบริเวณที่ใกล้ขั้วโลกนั่นเอง ทั้งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้

ถ้าเอาตามวิชาภูมิศาสตร์ก็ เหนือเส้น Arctic Circle และใต้เส้น Antarctic Circle

ซึ่งถ้าเป็นซีกโลกใต้ บริเวณเส้นใต้ Antarctic Circle ก็จะมีแต่แผ่นดินทวีป Antarctica หรือขั้วโลกใต้ ซึ่งเดินทางไม่ค่อยสะดวกเท่าซีกโลกเหนือ

ถ้าเป็นซีกโลกเหนือ ประเทศที่อยู่บริเวณเส้น Arctic Circle หรือเหนือกว่านั้น ได้แก่ Iceland, Greenland, Norway, Sweden, Finland, Russia, Canada และรัฐ Alaska ของ USA

ใครชื่นชอบประเทศไหนก็ไปดูกันได้ตามสบาย

ก่อนหน้าที่จะไปดูแสงเหนือ มีคนแนะนำให้โหลด App Aurora Forecast โหลดมาดูก็งงๆ มีอันนึงคือค่า Kp Index

ไกด์ที่พาไปดูแสงเหนือบอกว่า ยิ่งค่ามาก โอกาสที่จะยิ่งเห็นแสงเหนือในละติจูดต่ำยิ่งมากขึ้น

ตอนที่เราไป Kp Index 4 ไกด์บอกว่าโอกาสเห็นแสงเหนือที่นี่เกือบ 100%

ถ้าช่วงที่ Kp Index 8-9 อาจเห็นแสงเหนือได้ไกลถึงบริเวณประเทศเดนมาร์ก สก๊อตแลนด์ หรือตอนเหนือของเยอรมันก็ยังได้ แต่นานน๊านนานๆทีจริงๆนะ

(แต่บางคนเคยไปเที่ยวเป็นสัปดาห์ไม่เจอแสงเหนือเลยก็มี เราเลยจองทัวร์แสงเหนือไว้อีกวันด้วย คือวันพรุ่งนี้)

ปัจจัยอื่นที่อาจมีผลต่อการมองเห็นแสงเหนือก็คือ เมฆ ถ้าวันไหนเมฆมาก ก็จะบดบังแสงเหนือ และก็ถ้าเป็นคืนข้างขึ้น ก็จะมีแสงจันทร์คอยรบกวนให้แสงเหนือมองเห็นชัดน้อยลง ถ้าเป็นคืนข้างแรม โอกาสที่จะเห็นแสงเหนือก็จะมีมากขึ้น โดยเฉพาะแสงเหนือแบบจางๆ

และก็ความมืด ถ้าท้องฟ้ามืดนาน ก็จะมีเวลาที่ดักรอแสงเหนือได้นาน ดังนั้นฤดูที่เหมาะสมคือฤดูหนาว แต่ที่นอร์เวย์ ช่วงต้นๆของฤดูหนาวคือช่วง พฤศจิกายน-มกราคม เป็นฤดูหนาวก็จริงแต่จะเป็นช่วงที่มีเมฆเยอะ ควรจะเป็นช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์มากกว่า

เนื่องจากมันคือปรากฎการณ์ธรรมชาติ Only God knows ว่าจะทรงประทานแสงเหนือมาให้เราเห็นหรือไม่

นอกจากเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานต่างๆของประเทศที่มีแสงเหนือ มีตั้งแต่ตำนานของชาวอินเดียนแดงบนทวีปอเมริกาตอนเหนือมากๆ
ของชาวสแกนดิเนเวีย ตำนานของชาวฟินแลนด์ ตำนานของชาวรัสเซีย

ยกตัวอย่าง ตำนานของชาวสแกนดิเนเวีย เชื่อว่า แสงเหนือเกิดจากเทพี Valkyrie กำลังนำดวงวิญญาณของนักรบผู้ล่วงลับไปสู่ Hall of Valhalla

ตำนานของชาวฟินแลนด์ เชื่อว่า แสงเหนือเกิดจากมีหมาป่าไฟ (Firefox) วิ่งผ่านหิมะอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดประกายแสงสะท้อนจากหิมะที่ฟุ้งกระจาย

ตำนานของชาวอินเดียนแดงในทวีปอเมริกาเหนือเชื่อว่า แสงเหนือคือวิญญาณของบรรพบุรุษผู้ล่วงลับกำลังสื่อสารกับลูกหลานตัวเอง

เคยมีบันทึกเกี่ยวกับแสงเหนือในประเทศจีนด้วย มีผู้ค้นพบแสงสีเขียวบนท้องฟ้า บริเวณจีนตอนเหนือ (ตอนนั้น Kp Index น่าจะสูงมากๆ) ชาวจีนเชื่อว่าเป็นแสงไฟจากมังกร
จบทั้งวิทยาศาสตร์และตำนานละ ชมภาพกันเลยดีกว่า

เห็นแต่แสงจันทร์ วันนี้พระจันทร์เต็มดวง ทำใจไว้แล้วว่าจะต้องไม่เห็นแสงเหนือ

อากาศหนาวมาก ก่อกองไฟเพื่อความอบอุ่น