Death metal คือหนึ่งในสายพันธ์ดนตรีที่หนักหน่วงที่สุดในโลกด้วยเนื้อหาที่แตกต่างจากดนตรีกระแสหลักทั่ว ๆ ไปอย่างสุดขั้วโดยสิ้นเชิง ความตาย ความชั่วร้ายเลวทรามต่ำช้า ปัญหาสังคมอันโสมม ทั้งจากน้ำมือของมนุษยชาติ หรือแม้แต่ผีห่าซาตานตนใดก็ตามมักจะถูกกลั่นกรองออกมาเป็นคำร้องที่ควบคู่ไปกับดนตรีที่สามรถบดขยี้โสตประสาทแก่ผู้ที่ไม่ถวิลหาในตัวมันได้อย่างง่ายดาย
Florida, USA คือหนึ่งในแผ่นดินผืนทรายและท้องทะเลอันเป็นต้นกำเนิดของดนตรีที่เป็นสื่อของความตายนี้อย่างเห็นได้ชัด ในช่วงที่ดนตรีเฮฟวี่เมทัลกำลังเพื่องฟูไปทั่วโลก ขณะนั้น thrash metal ถือได้ว่าเป็นดนตรีที่เร็ว โหดและดุดันที่สุดในปลายยุค 80s แล้ว แต่กลับมีวงดนตรีเป็นร้อย ๆ วงที่ต้องการเล่นดนตรีที่ดุเดือด หนักกบาลและเข้มข้นกว่า หนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มคณะ Executioner (ภายหลังเปลี่ยนเป็น Xecutioner) ที่รวมตัวกันในปี 1984 โดยหัวเรือใหญ่ Donald Tardy มือกลองฝีมือฉกาจ และพี่ชาย John ในตำแหน่งกีตาร์และร้องนำ Executioner เริ่มกลายเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นมากกว่าวงดนตรีโนเนมที่ทำตัวไร้สาระตามโรงรถอย่างที่เคยเป็นเมื่อ Donald ได้พบกับ Trevor Peres เมื่อครั้งเรียนมัธยม และชวนเขามาร่วมแจมกับวง ช่วงนั้น Peres เองก็เพิ่งจะหัดเล่นกีตาร์ด้วยซ้ำ แต่ในไม่ช้าพวกเขากลับอาจหาญทำเพลงของตัวเองออกมา ในสมัยนั้นวงท้องถิ่นดัง ๆ ระดับหัวแถวได้แก่วง Nasty Savage และSavatage ซึ่งคนหนุ่มสาวทั้งหลายต่างก็ต้องการที่จะก๊อปปี้วงเหล่านี้ แต่ Executioner ไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาตัดสินใจที่จะทำดนตรีออกมาอย่างที่ใจรักมากกว่า และจากจุดนั้นเอง ประวัติศาสตร์แห่งดนตรีเดธเมทัลได้เริ่มถูกจารึกขึ้น
ตั้งแต่ปี 1986 เป็นต้นมา Executioner กลายเป็นวง full lineup ด้วยการเข้ามาเติมเต็มของ มือเบส Daniel Tucker และAllen West อดีตมือกีตาร์ของวง Massacre ดังนั้น John จึงรับหน้าที่ร้องนำเพียงอย่างเดียวและเขาเองได้พัฒนาการร้องในสไตล์เดธเมทัลอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นยากที่จะหาใครเลียนแบบได้ เดโมเทปของทางวงเป็นที่ถูกอกถูกใจของ Borivoj Krgin เป็นอย่างยิ่ง เขาผู้นี้เป็นผู้ตีพิมพ์ fanzine ที่มีชื่อว่า Violent Noize ด้วยความประทับใจที่มีแก่ทางวง Bori เต็มใจที่จะให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่ทางวงสำหรับการผลิตอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกโดยบันทึกเสียง ณ Morrisound Studios และนี่ถือได้ว่า เป็นอัลบั้มเดธเมทัลอัลบั้มแรกที่ผ่านการผลิตมาจากสตูดิโอแห่งนี้ด้วยฝีมือของ Scott Burns ซึ่งต่อมาได้กลายเป้นบุคคลสำคัญของวงการดนตรีเมทัลไปเสียแล้ว นอกจากนี้ Bori ลงทุนถึงขั้นยอมควักกระเป๋าจ่ายให้กับ Monte Connor เพื่อนของเขาที่ Roadrunner Records เพื่อเปิดทางสะดวกให้ทางวงได้เซ็นต์สัญญากับทางค่ายโดยเร็วที่สุด
Slowly We Rot (May 1989) คืออัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกของพวกเขาภายใต้ชื่อวง Obituary และถือได้ว่าเป็นอัลบั้ม เดธเมทัลในอันดับแรก ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ด้วยเสียงสำรอกของ John ที่เป็นต้นกำเนิดแห่งสไตล์การร้องในแบบเดธเมทัล เป็นอัลบั้มที่พวกเขาโชว์ทักษะทางด้านดนตรีกันอย่างเต็มที่ พร้อมไปกับการพัฒนาฝีมือที่นับวันจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยอดขายเองก็เป็นที่น่าพอใจ อัลบั้มนี้คือจุดเริ่มต้นของการพัฒนาไปสู่ความแข็งแกร่งของวงการฟลอริดาเดธเมทัลอย่างแท้จริง
หลังจาการทัวร์สนับสนุนอัลบั้ม Slowly We Rot Allen West ก็ลาออกจากวงไป และถูกแทนที่โดยอัจฉริยะนามกระฉ่อน James Murphy ซึ่งได้เข้ามาร่วมงานในอัลบั้มลำดับถัดมา Cause Of Death (1990) ส่วนมือเบสได้ Frank Watkins มาทำหน้าที่ อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม กลายเป็นอัลบั้มขึ้นหิ้งสุดคลาสสิคของ Obituary ไปโดยปริยายเพราะความเก่งฉกาจในฝีมือของสมาชิกทุกคนอย่างแท้จริง
The End Complete (1992) คือการตอกย้ำของการก้าวเข้าสู่การเป็นวงเดธเมทัลระดับโลกด้วยการเดินต่อไปข้างหน้าที่แม้ว่าตัวงานจะไม่แตกต่างจาก Cause Of Death เท่าไร แต่พวกเขายังคงรักษามาตรฐานของดนตรีเดธเมทัลที่มีซาวน์ดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทางวง ซึ่งใครที่ฟังเพียงรอบเดียวก็ต้องรู้แน่นอนว่า Obituary แน่นอน Im In Pain คือแทร็คที่ถูกพัฒนาขึ้นจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมที่ Executioner ได้สร้างสรรค์ไว้ อัลบั้มนี้ยังเป็นการต้อนรับกลับมาอย่างถาวรของ Allen อีกด้วย สมาชิกชุดนี้จึงเป็นไลน์อัฟดั้งเดิมสมัยก่อตั้ง
อย่างไรก็ตามกระทั่งปี 1997 อัลบั้ม Back From The Dead ถูกปล่อยออกมาแต่ท่ามกลางคำวิจารณ์ในเชิงลบเสียมากกว่า ทัวร์สนับสนุนอัลบั้มก็ไม่มี กระนั้นก็ตาม Obituary ยังคงรักษาความเป็นเดธเมทัลในแบบฉบับของทางวงยกเว้นเพลง Bullituary Remix ที่แหวกแนวไปเป็น rap metal หลังจากอัลบั้มนี้แล้วข่าวคราวของพวกเขาก็ค่อย ๆ จางหายไปโดยไม่มีการออกมายืนยันว่าวงแตกแล้วหรือไม่
Dead (1998) อัลบั้ม live งานแรกของทางวงท่ออกมาคล้ายจะบอกเป็นนัย ๆ ว่าไม่มีอีกแล้วสำหรับ Obituary อย่างไรก็ตามอัลบั้มนี้ถือได้ว่าเป็นอัลบั้มการแสดงสดที่ทรงคุณค่ามากอีกอัลบั้มหนึ่ง ด้วยระบบการบันทึกเสียงที่ยอดเยี่ยม ฟังแล้วสามารถจินตนาการตามได้อย่างหมดเปลือกทำให้อดหวนคิดถึงพวกเขาขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้ อัลบั้มรวมเพลง Anthology ที่ออกมาเมื่อปี 2001 ยิ่งทำให้เราคิดไปเองว่าคงไม่มีอีกแล้วสำหรับวงดนตรีเดธเมทัลที่เจ๋งที่สุดในโลกวงนี้
ต้นยุค 2000 Donald Tardy ได้เข้าร่วมวงในฐานะในตำแหน่งมือกลองให้กับร็อคเกอร์หนุ่มจอมปาร์ตี้ Andrew W.K. แม้ว่าอาจจะเป็นเรื่องแปลกหูแปลกตาไปบ้างสำหรับแฟน ๆ และตัวของเขาเอง แต่อย่างน้อยมันก็ดีที่ทำให้รู้ว่าเขายังคงอยู่และกำลังแสดงความเป็นอัจฉริยะแห่งการกระหน่ำกลองอยู่เฉกเช่นเคย และ Donald เองก็คือข่าวคราวเพียงส่วนเดียวที่ยังเป็นเครื่องยืนยันว่า Obituary อาจจะกลับมาในไม่ช้า และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อปี 2004 Obituary ทำการเซอร์ไพรซ์ ด้วยการรับหน้าที่เป็นวง headline ให้กับเทศกาลดนตรีเมทัล Metal Meltdown ใน New Jersey และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการกลับมา reunion อีกครั้งของสมาชิกชุดก่อตั้งพร้อมกับการเริ่มต้นหาวัตถุดิบในการเขียนเพลงใหม่ๆ กระทั่งในที่สุดพวกเขาก็เดินหน้าสู่ Morrisound อีกครั้งเพื่อผลิตผลงานอัลบั้มใหม่ฤดูใบไม้ผลิของปี 2005 รวมเวลาร่วม ๆ แปดปีกับการหายหน้าไปจากวงการกระทั่งออกผลงานอัลบั้มล่าสุด Frozen In Time กับสังกัดเดิม Roadrunner อันเป็นอัลบั้มที่แฟน ๆ ชาวเดธเมทัลต่างรอคอยด้วยใจจดจ่อกับชื่ออัลบั้มที่แสนจะเหมาะเจาะกับเรื่องราวของทางวงเป็นอย่างดี วงเดธเมทัลระดับตำนาน Obituary กลับมาแล้วด้วยเสียงตอบรับที่ล้นหลามจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นแฟนเพลงหรือสื่อมวลชน ถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่เหล่าสาวกเฮดแบงเกอร์ต่างยินดีปรีดากันถ้วนหล้า นับเป็นเวลายี่สิบปีบนเส้นทางเดธเมทัลของพวกเขา หากเราจะกล่าวถึงวงดนตรีสักวงหนึ่งอันเป็นต้นแบบแห่งความยิ่งใหญ่ และเป็นฮีโร่ให้แก่ new generation แล้วล่ะก็ย่อมมีชื่อพวกเขาอยู่ในสารบบนั้นด้วยแน่นอน Obituary
คราวหน้าขอบรูตัลเด็ดๆ สักวงบ้างนะฮ้า
สบายดีนะครับ คุณ Metallurgist
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
หลับฝันดีนะคับ