|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Diva International + Shitdisco และอื่นๆ อีกมากมาย บานตะไท
โดย merveillesxx
หายหัวไปเกือบอาทิตย์นึง ก็เลยมีข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับเจ้าของบล็อกมากมาย บ้างก็ว่าจขบ.ถูกส่งไปรบที่อิรัก บ้างก็ว่าบินไปตามรอยเจ้าชายจิกมี่ที่งานพืชสวนโลก บ้างก็ว่าถูกฆ่าหมกโบกปูนที่เสาแถวสุวรรณภูมิ ....ไม่จริ๊งไม่จริงทั้งเพ จขบ.ยังคงมีชีวิตอย่างกลมๆ อืดๆ อยู่ในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรเนี่ยแหละจ้ะ งั้นจะเล่าให้ฟังแล้วกันว่าที่หายกบาลไปเนี่ย ไปทำอะไรมาบ้าง
1. Antenna UK 03 (Paragon Cineplex, 15 Nov 2006)
วันพุธที่ 15 ก็แว่บไปดูงาน Antenna (ฉายมิวสิกวิดีโอเก๋ๆ จากอังกฤษ) ที่ห้างสยามพารากอน พอไปถึงอิชั้นก็ตกใจมากว่าทำไมผู้คนถึงมากมายมหาศาลขนาดนี้ อุตส่าห์ดีใจน้ำตาปริ่ม เปล่งวาจาในใจว่า โอ้ ในที่สุดประชาชนคนไทยก็หันมาสนใจงานศิลปะเสียที แต่ทว่าความซาบซึ้งก็พังทลายอย่างง่ายดายประหนึ่งรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเมื่อวันที่ 19 กันยา เพราะว่าไอ้ที่เห็นเยอะๆ นั่นเค้ามาดู Casino Royale รอบพิเศษกันต่างหาก (คนจะไม่เยอะได้ยังไงก็เล่นฉายกันที่โรง สยามพาบรรลัย)
ก่อนเข้าโรงก็เจอ พี่ชาติหน้า (I will see U in the next life.) ด้วย คุยผ่านเน็ตกันมาทั้งนาน เพิ่งจะได้คุยกันตัวเป็นๆ + ยาวๆ ก็วันนี้แหละ
สำหรับเอ็มวีในวันนี้ชอบมากกว่าครั้งที่ 1 เยอะเลย (ครั้งที่ 2 ไม่ได้ดูติดงาน World Film) ส่วนหนึ่งคงเพราะเพลงในวันนี้ออกแนวตื๊ดๆ โจ๊ะๆ ซะเยอะ
เอ็มวีที่เราชอบที่สุดก็คือ เพลง Freak ของวง LFO เป็นอะไรที่เสียสติมากๆ เพราะเอ็มวีเล่าถึงนักเรียนหญิงจีนที่ขังคุณครูไว้ในห้องน้ำเพื่อรวมตัวกันเต้นประกอบเพลงอิเล็กทรอนิก้าด้วยลีลาแบบผีซาดาโกะ!
LFO Freak (MV) https://www.youtube.com/watch?v=btDxlfaKNug
สำหรับเอ็มวีเพลงอื่นๆ เรารวบรวมไว้ที่นี่ //www.bioscopemagazine.com/web2006/webboard/index-in.php?id=48683
2. Diva International (Goethe, 16 Nov 2006)
ตอนงาน Fat Festival ที่ผ่านมา เราไม่ได้ดูวง Diva Int เล่นสด แต่ว่ารู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับวงนี้มากกว่าหลายๆ วงที่ได้ดูโชว์อีก เพราะคุณพี่เล่นเดินลอยไปลอยมาในงานกันยกวงเลย แล้วพอเราไปดูเวทีไหน คุณพี่ก็จะตามมาหลอกหลอนอยู่ข้างหลังเรื่อยไป แถมอัธยาศัยก็ดี๊ดีด้วยนะ ให้ถ่ายรูปด้วยจนอิ่มเลย ก็แบบว่าชอบนักร้องนำวงนี้อ่ะ ดูเกย์ๆ จิตๆ ดี (ประมาณ เดวิด โบวี่ + เบร็ต แอนเดอร์สัน + โยกเยก เชิญยิ้ม ฮ่าๆๆๆ) พอรู้ว่า Pandarecords เค้าจะจัดคอนเสิร์ตของวงนี้ที่เกอเธ่ก็เลยไปดู (ที่สำคัญงานนี้ฟรี!)
ไอ้ตัวเรานี้ก็ไม่เคยไปเยือนเกอเธ่เลย พอโผล่ขึ้นมาจาก MRT ลุมพินี ก็เอ๋ออยู่พักนึง ขนาดว่ามันมีป้ายบอกก็ยังไม่แน่ใจ เพราะเดินเข้าซอยไปเรื่อยๆ ซอยก็ยิ่งมืดๆ เดินไม่ถึงซะที แต่สุดท้ายก็เห็นป้ายของ Pandarecords อันเบ้อเริ่ม ก็เลยรู้ว่ามาถูกที่แล้ว
นี่แหละ เกอเธ่
ตอนเดินเข้าไปก็เจอแต่ร้านอาหารสไตล์เรือนไทย ก็ได้งงอีกว่า เอ...มันเล่นคอนเสิร์ตกันตรงไหนหว่า ทำหน้าบ้านนอกอยู่สักพัก เลยมีคนสงสารตะโกนบอกเราว่า คอนเสิร์ตข้างบนเลยน้อง โอ ตูหนอ เสร่อจริงๆ
ขึ้นไปข้างบนเค้าก็ยังซ้อมกันอยู่ ตามกำหนดการบอกว่าเริ่ม 19.00 แต่ขนาดว่าเราเดินขึ้นเดินลง เดินวนรอบ เดินถอยหลัง เดินไปเข้าห้องน้ำ 3 รอบ มันก็ยังไม่เริ่มซะที สุดท้ายเริ่มเล่นจริงก็ 2 ทุ่มกว่าๆ นู่นแน่ะ
งานนี้มีวงเปิด 2 วง วงแรกคือ Stylish Nonsense ซึ่งมากับอุปกรณ์ไฮเทคมากมาย แล้วก็อีหรอบเดิมครับวงนี้ นั่นคือ เครื่องเจ๊งตามเคย (ฮ่าๆๆๆ) สรุปแล้วผมไม่เคยได้ดูวงนี้เล่นแบบไม่เจ๊งเลยครับ อย่างไรก็ตาม รู้สึกว่าทั้ง 2 คนเป็นคนที่มีฝีมือมากๆ และพวกเขาก็แก้ไขสถานการณ์ได้ดี
ต่อมาเป็นวงจากเกาหลีใต้ชื่อ Phonebooth ซึ่งเราได้ดูไปแล้วในงาน Fat ซึ่งก็ชอบเพลงเค้าประมาณนึง แต่วันนี้พอได้ดูแบบใกล้ๆ ก็เลยค้นพบความจริงอย่างหนึ่งว่า นักร้องนำและมือกีต้าร์ (คนผอม) ของวงนี้หล่อและน่ารักมากๆ
เกือบๆ 4 ทุ่ม ก็เพิ่งจะได้ฤกษ์ของวง Diva Int วงนี้เล่นสดดูจริงใจดี แถมยังน่ารักเราะพูดภาษาไทยซะเยอะ (รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็ว่ากันไป) ชอบลีลาของนักร้องนำอ่ะ ดูกรีดกรายดี (อย่างที่รู้กันว่าจขบ.ชอบอะไรแร่ดๆ)
Diva Int คนนี้คือ นักร้องนำจ้ะ (รูปจาก onopen.com คอลัมน์ ANTIVIRUS)
แต่ที่เราเซอร์ไพรส์มากก็คือ วง Diva Int เล่นเพลง Glory Box ของวง Portishead ด้วย โอ๊ย กรี๊ดดดดดดดดด!!! ชอบเนื้อเพลงของเพลงนี้มากๆ ลองอ่านดู
Give me a reason to love you Give me a reason to be ee, a woman I just wanna be a woman
จากนั้นประมาณ 22.30 วง Diva Int ยังเล่นไม่จบดี แต่เราก็ต้องออกก่อน เพื่อไปดู Shitdisco ที่ RCA แบบว่าพอดีงานมันซ้อนกัน ก็เลยต้องวิ่งรอกหน่อย (นี่ถ้าเวลาเรียนตูตั้งใจขนาดนี้คงได้เกียรตินิยมเหรียญทองไปแล้ว)
3. Shitdisco (Jazz It RCA, 16 Nov 2006)
เนื่องจากว่าในงาน Fat Festival นั้น โชว์ของวงสติแตก Shitdisco นั้น เป็นวงที่เราประทับใจอย่างสุดซึ้ง ในฐานะที่ทำให้เราเต้นอย่างเสียสติได้ เพราะงั้นพอรู้ว่าทีม Dude/Sweet จะจัดไลฟ์ของ Shitdisco เราก็มิอาจพลาดได้
โฉมหน้าวง Shitdisco
หลังจากออกจากเกอเธ่มา เราก็นั่งรถใต้ดินมาโผล่สถานีเพชรบุรี แล้วก็นั่งแท็กซี่ต่อไปที่ RCA (โอ้ ชีวิตตู) ลงจากรถก็รู้สึกแหม่งๆ เหมือนกัน เพราะปกติอิชั้นจะอยู่ RCA ฝั่ง เด็กดี (Tops, UMG, House) ไม่ค่อยได้ข้ามฝั่งมาแถวโซนผับเท่าไร
หลังจากหลงทางอยู่พักนึง ก็หาร้าน Jazz It เจอจนได้ (เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินชื่อก็คราวนี้แหละ) ตอนไปถึงก็ 5 ทุ่มแล้ว แต่ Shitdisco ยังไม่เริ่มเล่น เป็นดีเจเปิดผานบิวด์ๆ อยู่ ตอนจ่ายตังค์เข้างานก็แอบงงนิดๆ ว่าทำไมคนเก็บตังค์เค้าต้องเจาะจงให้แท่งแบล็คไลท์สีม่วงกับเราก็ไม่รู้ (ฮา)
งานนี้ไม่ต้องลุยเดี่ยวเหมือนก่อนๆ แล้ว เพราะไปแจมกับพี่แชมป์ (Dr.Syntax ผู้ไม่ได้เป็นอะไรกับ Dr.Thaksin แม้แต่น้อย) ที่ฮาคือพี่แชมป์มาถึงตั้งแต่ 3 ทุ่มครึ่ง และมาถึงเป็นคนแรกเลย ฮ่าๆๆๆ ประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง วง Shitdisco ก็มา หลังจากวงนี้เริ่มเล่นผมก็ขอเซ็นเซอร์การบรรยายแล้วกัน แต่คร่าวๆ ก็คือ เต้นลืมตาย
Shitdisco เล่นนิดเดียวแค่ประมาณ 6 เพลง แต่ก็เล่นเอาผมปวดคอ จนแหงนคอไม่ได้เลยอ่ะ (ไม่น่าฝืนสังขารเลยตู) จากนั้นดีเจคนเดิมก็มาเปิดแผ่นต่อ ตอนแรกก็ว่าจะกลับบ้านเลย (ตอนนั้นประมาณเที่ยงคืน) เพราะพรุ่งนี้มีสอบ TOEIC ตอนบ่าย (ก่อนสอบยังมาเที่ยวผับ...เจริญมาก) แต่พอดีพี่แชมป์เสนอว่าจะขับรถไปส่ง เราก็เลยอยู่ต่อ จริงๆ ตอนนั้นก็รู้สึกสองจิตสองใจเหมือนกันว่า เอ๊ะ หรือเราจะเป็นเด็กดีรีบกลับไปนอนดีนะ แต่พอดีเจเค้าเปิดเพลง Mr.Brightside ของ The Killers (เวอร์ชันรีมิกซ์) เราก็ได้ขอสรุปว่า
ช่างหัว TOEIC แม่ง!
หลังจากนั้นเรากับแชมป์ก็เต้นอย่างเสียสติ แถมตอนหลังวง Shitdisco ก็มาขึ้นแท่นเปิดแผ่นเองเลย เพลงก็โดนๆ เอาใจคน(เริ่ม)แก่อย่างเราทั้งนั้น ทั้ง Franz Ferdinand - Take Me Out / Madonna - Like A Prayer / Suede - Beautiful Ones / Blur - Girls & Boys / Pulp - Common People / Softcell - Tainted Love / New Order - Blue Monday และตอนท้ายๆ ที่เปิดเพลง Hey Boy Hey Girl ของ The Chemical Brothers ดิฉันก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกแล้วล่ะค่ะ (แค่คิดในใจว่าขออย่าให้มีเพื่อนคนไหนมาแถวนี้เลย กลัวมันมาเห็น เดี๋ยวมันจะช็อคที่เห็นอีกด้านหนึ่งของเรา)
ประมาณตี 2 ก็ออกจาก Jazz It พอออกมาข้างนอกนี่สัมผัสถึงความเงียบสงบนี่แท้จริงได้เลย (แบบว่าลำโพงร้านนี้พลังช้างสารบาลกระบือจริงๆ) จากนั้นพี่แชมป์ก็ขับรถไปส่ง ถึงบ้านตี 3 ...หลับเป็นตาย
ฟีดแบ็คหลังจากงานของ Shitdisco ก็คือ เราแหงนคอไม่ได้ไป 3 วัน แถมตอนไปสอบ TOEIC ก็ทำพาร์ท Listening ไม่ค่อยได้ เพราะหูมันยังดังวิ้งๆ อยู่เลย (ฮา) แถมยังไปเจอข้อความนี้ในบอร์ด Bioscope อีก
ผมเห็นคุณแดนซ์อยู่ในร้านด้วยล่ะ แต่ไม่อยากขัดจังหวะเห็นสเตปคุณพริ้วมากเลย 55 จากคุณ : เห็นคุณแล้วนะ : - [ 17 พย. 2006 17:32:51 ]
อ๊ากกกกก เขินโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
4. Pecha Kucha Night (House RCA, 18 Nov 2006)
อาจจะงงว่า Peche Kucha มันคืออะไร คร่าวๆ มันคืองานที่ให้คนขึ้นเสนอผลงานของตัวเองผ่านไสลด์ 20 ภาพ แต่ละภาพให้เวลา 20 วินาที จะพูดเรื่องอะไรก็ได้ เช่น 20 วิธีรับมือกับพวกคุยโทรศัพท์ในโรง, 20 ผู้ชายที่น่าทำผัวมากที่สุดในโลก หรือ 20 ความชั่วของคนชื่อทักษิณ เป็นต้น
ตอนไปถึงงานก็ตกใจแทบสิ้นสติเพราะคนเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆ จนล้นออกมาเลย เพิ่งจะเคยเห็นมากกว่า 10 คนทำการชุมนุมกันในโรงหนัง House ก็คราวนี้แหละ (คงไม่ผิดกฏอัยการศึกหรอกนะ) แถมแอร์ของเฮ้าส์ที่ขึ้นชื่อว่าแน่กว่าความหนาวชนิด -40 องศาของไซบีเรียก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กลับคลื่นมหาชนวันนี้ เพราะงั้นมันก็เลยร้อนมากๆ เราแทบจะเป็นลม แถมบางทีก็มองไม่เห็นด้วย
ผู้คนมากมาย (รูปจากบล็อก คุณปุ่น)
งาน 10 ชิ้นแรก นี่ค่อนข้างเฉยๆ บางอันก็น่าเบื่อ บางอันก็ติสต์แดกจนดูไม่รู้เรื่อง แต่ 10 ชิ้นหลังจะดูสนุก และมีอะไรฮาๆ เยอะดี แต่เราก็จำไม่ได้หรอกนะว่าเค้าพูดอะไร ทำอะไรกันบ้าง พอดีว่าเค้าแจกเบียร์ฟรีในงานน่ะ แหะๆ
ที่จำได้แม่นๆ ก็มีหนังเรื่อง Bangkok Noise ของ คุณนนทวัฒน์ นำเบญจพล อันนี้จะเป็นเสียงการจราจร เสียงความวุ่นวายของกรุงเทพ สลับกับภาพรถติด รถไฟฟ้า รถใต้ดิน อะไรประมาณนี้ ซึ่งเราค่อนข้างชอบ เพราะมันตรงกับชีวิตเราดี
อีกอันก็คือ ของพี่ปุ่น ธัญสก พันสิทธิวรกุล อันนี้จะเป็น 20 ภาพถ่ายตอนที่เค้าไปญี่ปุ่น ที่เด็ดๆ ก็คือ มีภาพจากกองถ่ายหนังโป๊เกย์ด้วย (โปรดฟังอีกครั้ง หนังโป๊ เกย์ ญี่ปุ่น) แถมเจ้าตัวยังไว้ลายลงเวมีไปอย่างสวยงามด้วยคำพูดว่า มีดีวีดีของไทยอินดี้ขายที่ข้างหลัง และผมยังโสดอยู่นะครับ
ต๊ายย!
เอาเป็นว่าใครอยากรู้ว่างานนี้มันเป็นยังไงกันแน่ ก็ดูที่นี่ //www.bioscopemagazine.com/web2006/webboard/index-in.php?id=48835
5. Platform About Installation (Queen Gallery, 20 Nov 2006)
อย่าเพิ่งตกใจว่าจขบ.เกิดอาการติสต์แตกอะไรขึ้นมาอยู่ดีๆ ก็ไปเดินหอศิลป์ซะงั้น พอดีว่างาน Platform นี้ คุณเต๋อ คลีโอ (visuallyyours) เค้าชักชวนให้เราไปดู แล้วหอศิลป์สิริกิติ์นี่อยู่ใกล้มหาลัยเราโคตรๆ เพราะงั้นก็ควรจะไปดูซะบ้าง
ตอนที่ไปก็กลัวๆ เหมือนกันนะ เพราะแบบมันไม่มีคนเลยอ่ะ ราวกับว่าเราจะเดินอยู่คนเดียว หลอนๆ พิลึก (มีอีกคนก็คือ คุณรปภ. ที่คงได้ซึมซับศิลปะจนอิ่มเลย แหะๆ) ห้องน้ำในหอศิลป์นี่เราแบบจะเข้าทีก็เกรงใจนะ เพราะมันสะอ๊าดสะอาด (ก็ไม่มีคนนี่หว่า) ประหนึ่งเป็นงานศิลปะบริสุทธิ์ ฮ่าๆๆ
สำหรับงาน Platform มันก็เป็นงานแนว installation หรืองานจัดวางอ่ะนะ บางชิ้นเราดูแล้วก็งงเต้ก ยังดีว่างานนี้เค้ามีไกด์ประจำคอยพาเดิน + อธิบายเราว่าไอ้นี่มันมีคอนเซ็ปต์ประมาณไหน อะไร ยังไง แต่ไปๆมาๆ สรุปว่าเราชวนไกด์คุยนานกว่าดูงานอีก ฮ่าๆๆ (ก็คิดว่าเค้าคงเหงาอ่ะ)
ที่เราชอบก็คือ งานชิ้นที่เป็นกระโจม ที่เวลาจะดูต้องถือไฟฉายเข้าไปด้วย (ไฟฉายมีแขวนไว้ข้างหน้ากระโจม) และก็งานของคุณอังกฤษ ที่ชุดโต๊ะรับแขกแบบอังกริ๊ดอังกริดของเค้าดันมี GM เล่มที่เราลงวางอยู่ด้วย (ฮา)
ใครถ้าว่างๆ ก็ลองไปดูละกัน งานนี้มีถึงวันที่ 30 พ.ย. อ่านรายละเอียดที่ //www.bioscopemagazine.com/web2006/webboard/index-in.php?id=48557
6. Silpakorn New Media 01 (Silpakorn University Wang-Thapra, 21 Nov 2006)
สัปดาห์นี้ วันที่ 20-24 พ.ย. ม.ศิลปากรเค้าจัดฉายหนังทดลอง หนังสารคดี หนังหาดูยากกันให้ดูฟรีๆ ที่ลานอาจารย์ศิลป์ ทั้งนี้ต้องขอบคุณมาดามแมดเดอลีนที่ช่วยบอกข่าวสาร
วันจันทร์ที่ 20 เค้าฉาย video art แต่เราไม่ได้ไปดู เนื่องจากไปดูหนังเรื่อง Lemming ที่ลิโด้ เสียดายอยู่เหมือนกัน (แต่พี่แมดเล่าให้ฟังว่าวันนั้นเครื่องฉายเจ๊ง เลยฉายไปได้แค่ 6 เรื่อง จาก 15 เรื่อง) พอวันอังคารที่ 21 เราก็ลองเดินเข้าไปดู ตอนแรกไปที่ลานก็เห็นเค้าเสวนากันอยู่ (มี คุณสุชาติ สวัสดิ์ศรี ด้วย) ก็นึกว่าตัวเองมาผิดที่ เลยเดินวนหาใหม่อีกรอบ ก็เห็นมีลานอยู่ลานเดียว (จริงๆ มีอีกลานแต่เค้าตั้งเวทีคอนเสิร์ตกันอยู่) ก็ยิ่งงงเต้ก นั่งฟังอยู่สักพักเลยรู้ว่าวันนี้ก็มีฉายหนังแหละ แต่เค้ามีโปรแกรมเสวนามาแทรกช่วงต้น
จริงๆ วันนี้เค้าต้องฉายหนัง 2 เรื่อง คือ Scratch (เกี่ยวกับดีเจฮิปฮ็อป ซึ่งเราอยากดูเพราะมีเกี่ยวกับ DJ Shadow ด้วย) และ Koyaaniqatsi แต่เพราะมีเสวนาตอนแรก สรุปวันนี้ก็เลยฉายแค่เรื่องหลัง ส่วน Scratch โยกไปวันพฤหัส
Koyaaniqatsi
ถ้าเราจำไม่ผิด เรามี DVD เรื่อง Koyaaniqatsi (1983, Godfrey Reggio) อยู่ที่บ้านแหละ แต่ก็เพราะแบบนี้สิน้าถึงไม่ได้ดูซะที พองานนี้เค้าเอามาฉาย ก็คิดว่าดีเหมือนกัน จะได้ดูๆ ซะที
Koyaaniqatsi เป็นตอนแรกของหนังไตรภาคชุด qatsi (อีกสองตอนคือ Powaqqatsi กับ Naqayqatsi) เป็นหนังสารคดี-ทดลองที่พูดถึงมนุษย์ได้ลึกซึ้งมากๆ Koyaaniqatsi นั้นมีชื่อภาษาอังกฤษชื่อว่า Life Out of Balance และหนังก็นำเสนอถึงสิ่งนั้นด้วยภาพ การจราจรอันคับคั่ง, ผู้คนมากมายที่ยืนรอขึ้นบันไดเลื่อน, ภาพความซ้ำซากของโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ
จุดสำคัญของหนังก็คือ ฉากเปิดและฉากปิดของเรื่องที่เป็นภาพแกรนด์แคนยอน และยานชาเลนเจอร์ระเบิด (ถ้าเราเดาไม่ผิด) ซึ่งสำหรับเรามันสะท้อนภาพของมนาย์ในฐานะ ผู้สร้าง และ ผู้ทำลาย ได้อย่างหมดจด
อ้อ เรื่องสำคัญอีกอย่างก็คือ ดนตรีประกอบของหนังตระกูล qatsi นั้นเป็นฝีมือของ Philip Glass คอมโพสเซอร์ที่เราเทิดทูนบูชาที่สุดในชีวิต
รายละเอียดของงาน Silpakorn New Media 01 อ่านที่ //www.bioscopemagazine.com/web2006/webboard/index-in.php?id=48881
7. ความคืบหน้าของแผนบันไดไต่ดาว
ตามที่เคยบอกไปว่าก่อนจะไปสอบ TOEFL เราก็จะไปลองสนามสอบตัวอื่นๆ ก่อน มาถึงตอนนี้ก็สอบไป 3 อย่างแล้ว
เริ่มจาก TU-GET (ค่าสอบ 40 บาท เพราะเป็น นศ.ธรรมศาสตร์) ที่เปิดซองแล้วแทบเป็นลม เพราะได้แค่ 560 คะแนน หรือผ่านมาแค่ข้อเดียว (เกณฑ์เค้าเอา 550) รู้สึกช้ำใจเป็นอย่างมาก เพราะอยากได้ 600 up (อันนี้แอบซวยหน่อยๆ เพราะในห้องสอบมันดันไม่มีนาฬิกาแขวนที่ผนัง แล้วเราก็เป็นคนไม่ใส่นาฬิกาข้อมือมาได้ 2 ปีแล้ว ทำข้อสอบไป ก็เลยไม่รู้เลยว่าผ่านไปกี่นาทีแล้ว)
ถัดมาเราไปสอบ CU-TEP (ค่าสอบ 415 บาท) ตั้งเป้าไว้ 600 up เช่นกัน แต่ตอนสอบรู้สึกทำอะไรโง่ๆ ไปเยอะ เลยเปลี่ยนเป็นขอให้เกิน 550 เป็นอันพอ ผลปรากฏว่า...
ได้ 597 คะแนน (เย้!)
แต่แอบเสียดายนะ ถ้าได้ 600 ก็ขึ้นอีก level นึงแล้ว
รู้สึกว่า Listening จะได้เยอะ เพราะมันมี Conver อันนึงที่คุยกันเรื่องหนัง Titanic เราเลยกาได้ทันที (ถึงแม้ Titanic จะเป็นหนังที่เราเกลี๊ยดเกลียดก็ตาม) ส่วนพาร์ต Writing ก็คะแนนอุบาทว์เหลือทน เพราะมันเป็น Error Check (เกลียดจัง)
และล่าสุดกับการสอบ TOEIC (ค่าสอบ 1000 บาท) ซึ่งตั้งเป้าอยากได้ 800 up
เค้าส่ง EMS มาให้เราเมื่อวาน แต่เนื่องจากไม่มีคนอยู่บ้าน วันนี้เราเลยต้องไปรับที่ไปรษณีย์ (ซึ่งก็ไม่ได้ใกล้บ้านกูเล้ย)
พอลงรถเมล์ ก็รีบวิ่งไปแผนกรอจ่ายเลย แอบเซ็งเหมือนกันเพราะมีคนต่อแถวอยู่ตั้ง 4 คน (ร้อยวันพันปีตูไม่เคยเห็นมีคน พอกูรีบก็เสือกคนเยอะขึ้นมาเชียวนะ) รอลุ้นระทึกอยู่นานมาก คุณป้าไปรษณีย์ก็ไปหยิบซองช้าเหลือเกิ๊น พอได้ซองมาก็รีบแกะอย่างไม่เหลือชิ้นดี (ถ้าใครมีเห็นซองคะแนน TOEIC ของเรา ต้องนึกว่าเราใช้ปากกัดซองเอาแน่ๆ) เปิดพลัวะออกมา ปรากฏว่า...
ได้ 825 คะแนน!!!
ยิ้บปี้! ชาลั่นลาลั่นล้า~
แต่ความจริงก็ไม่ได้น่าดีใจอะไรมากหรอกนัก ใครๆ ก็ได้ 800 ขึ้นกันทั้งนั้นแหละ เพื่อนเราคนนึงได้ตั้ง 930 (ไม่เอาให้เต็มไปเลยวะ) มีแต่นังเจนดำเท่านั้นและที่ได้ไม่ถึง (ไปสอบด้วยกันนี่แหละ)
จากการสอบมา 3 ตัว ก็ค้นพบความจริงที่ว่า TU-GET นั้นยากโคตร และยากเว่อร์
มหาลัยตูนี่ไม่เคยทำอะไรธรรมดาจริงๆ ให้ตายสิ
Create Date : 22 พฤศจิกายน 2549 |
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2549 0:13:41 น. |
|
31 comments
|
Counter : 2646 Pageviews. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:38:39 น. |
|
|
|
โดย: noh(so::on) IP: 61.47.124.46 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:40:20 น. |
|
|
|
โดย: visuallyyours IP: 58.8.102.91 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:41:07 น. |
|
|
|
โดย: melancholia IP: 202.90.118.1 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:48:15 น. |
|
|
|
โดย: halation IP: 202.5.87.159 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:12:23:20 น. |
|
|
|
โดย: black forest IP: 58.9.140.48 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:21:56 น. |
|
|
|
โดย: unwell วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:14:31:19 น. |
|
|
|
โดย: สาวสมองน้อย IP: 124.120.9.194 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:19:46:37 น. |
|
|
|
โดย: I will see U in the next life. IP: 58.136.68.117 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2549 เวลา:22:14:27 น. |
|
|
|
โดย: estrella (estrella ) วันที่: 24 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:13:29 น. |
|
|
|
โดย: cottonbook วันที่: 24 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:41:57 น. |
|
|
|
โดย: junior_zzz IP: 68.157.16.78 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2549 เวลา:8:57:34 น. |
|
|
|
โดย: เพชร* IP: 58.8.63.140 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:26:45 น. |
|
|
|
โดย: Mint@da{-"-} วันที่: 26 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:14:26 น. |
|
|
|
โดย: noh IP: 61.47.104.166 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:58:50 น. |
|
|
|
โดย: เบิ้ล IP: 125.24.247.56 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2549 เวลา:4:37:27 น. |
|
|
|
โดย: bact' IP: 58.136.73.13 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:12:19 น. |
|
|
|
โดย: แนนซี่ IP: 202.5.87.143 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2549 เวลา:18:29:32 น. |
|
|
|
โดย: โจอี้ IP: 222.123.92.27 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2549 เวลา:21:14:13 น. |
|
|
|
โดย: merveillesxx วันที่: 29 พฤศจิกายน 2549 เวลา:17:00:07 น. |
|
|
|
โดย: ต่อตระกูล วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:9:35:37 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Robert Altman (1925-2006)
สุดยอดผู้กำกับ โรเบิร์ต อัลต์แมน เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 81 ปี (มะเร็ง)
หนังเด่นของเขาคือ MASH, Shortcuts, Gosfork Park และอื่นอีกมากมาย
ขอไว้อาลัย
-------------------------------
Cremaster 03
วันศุกร์นี้ถ้าใครว่าง อย่าลืมไปดู Cremaster 03 ที่ ม.ศิลปากร (ฉาย 18.00 ลานอาจารย์ศิลป์) หนังกำกับโดย แมธทิว บาร์นี่ย์ ศิลปินติสต์จัดสุดเพี้ยน และสามีของ Bjork
Cremaster คือหนังที่ จขบ. อยากดูที่สุดในชีวิต
----------------------
หนังที่ได้ดูช่วงเดือน พ.ย. นี้
01. Try to Remember (Se souvenir des belles choses) (2002, Zabou Breitman, B+)
ดูรอบพิเศษกับ Bioscope
02. Bangkok Noise (2006, นนทวัฒน์ นำเบญจพล, A)
ดูในงาน Pecha Kucha
03. Scrap Heaven (2005, Lee Sang-il, A+) (ดู DVD)
เรื่องนี้ Joe Odagiri เท่มาก
04. Lemming (2005, Domiinik Moll, A+)
ขอกราบเท้า ชาร์ล็อต แรมปลิ้ง / หนังฉายอยู่ที่ลิโด้ ห้ามพลาดเด็ดขาด!
05. Mother (1926, Vsevolod Pudovkin, A-)
ได้ดูที่มหาลัย ในวิชา FILM THEORIES
06. Koyaanisqatsi (1982, Godfrey Reggio, A+)
ดูในงาน SILPAKORN NEW MEDIA SHOW 01 ม.ศิลปากร วังท่าพระ