ถึง บล็อก
ที่รัก #01
โดย merveillesxx
(หมายเหตุ: 1. ข้อความต่อไปนี้ พิมพ์ในขณะที่ง่วงมาก และไม่สามารถจะทำกิจกรรมใดใดได้อีกต่อไป จึงมาบ่นระบายกับบล็อกตัวเองตามประสาเด็กยุค Lily Chou-Chou
2. อย่างไรก็ตาม น้อง mer ตัดสินใจบรรจุข้อความต่อไปนี้ไว้ในหมวด สาระ ก็เพราะ ไม่อยากเปิดหมวดใหม่ขึ้นมาแล้ว และมันอาจจะเป็นสาระสำหรับใครบางคน หรือไม่ก็ต่อตัว น้อง mer เองในภายภาคหน้า
)
ถึง บล็อก ที่รัก
(คล้ายๆ ไดอารี่ ที่รัก)
-- บล็อกที่รัก แกรู้มั้ย ช่วงนี้ชั้นเหนื่อยฉิบหายเลย
ช่วงหยุด 3 วันนี้ชั้นไม่เป็นอันทำอะไรเลย ไหนจะต้องทำการบ้าน ไหนจะต้องลอกเลคเชอร์ของวิชาที่โดดๆ ไปตอนสอบมิดเทอม ไหนจะต้องพิมพ์งานให้แม่ ไหนจะต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ QUIZ อีก นี่เวลาก็ผ่านไป 2 วันแล้ว รู้สึกเหมือนว่ายังทำอะไรไม่เสร็จสักอย่างเลย เฮ้อ แย่ๆๆๆๆๆ
-- แถมการบ้านที่สั่งมันก็สุดจะงี่เง่าบ่อนทำลายปัญญามากๆ กับการไปหาผลประกอบการย้อนหลังของธนาคาร เกือบ 10 ปีเนี่ยนะ ทั้งที่ในห้องสมุดคณะก็มี แล้วตัวอาจารย์ก็มีอยู่ที่โต๊ะทำงานนั่นแหละ ไม่รู้จะเอากระดาษรายงานเด็กไปเผากงเต้กหรือยังไง
-- และด้วยความวุ่นวายทั้งหลายก็เลยทำให้ชั้นอดไปดูหนังทั้งปวงในเทศกาลหนังสั้นของมูลนิธิหนังไทย แถมสัปดาห์นี้ก็คงไม่ได้อัพบล็อกเสียแล้ว กะว่าจะเขียนถึงหนังเรื่อง Crash (A+) ซะหน่อย เซ็งจริงๆ
-- พูดเรื่องเรียนแล้วก็เซ็ง ยิ่งขึ้นปี 3 เรียนวิชาเอกของคณะตัวเองมากๆ ชั้นก็รู้สึกห่างเหินกับคณะตัวเองมากขึ้นทุกที บางทีก็มีคำถามผุดขึ้นมาในหัวตอนที่อ่านหนังสือว่า นี่กูกำลังทำอะไรอยู่วะเนี่ย มันก็คงจะงี่เง่ามากๆ เลยนะ ถ้ามานั่งถามคำถามโง่ๆ แบบ นี่กูคิดถูกรึป่าววะ ที่เรียนคณะนี้ มันสายไปแล้วล่ะ จากนี้ก็คงต้องมุ่งหน้าตั้งใจเรียนต่อไปล่ะมั้ง อย่างน้อยก็ทำอะไรให้พ่อเค้าดีใจหน่อย (หลังจากที่ผ่านมาไม่เคยจะทำได้เล้ยย
เฮ้อ) แต่มันก็เหนื่อยจังเลยนะ ที่ต้องพยุงเกรดตัวเองไว้ให้เกิน 3.5 ทุกเทอมเนี่ย เรียนจบ 4 ปีชั้นคงหัวขาวทั้งหัวแน่ๆเลย (ตอนนี้ก็หงอกเต็มกบาลแล้ว)
ว่าแต่เรียนจบชั้นจะไปทำอะไร เรียนอะไรต่อดีวะเนี่ย นี่ถ้ากระแดะขอพ่อเรียน FILM ล่ะก็ คงถูกถีบกระเด็นออกจากบ้านแน่ๆเลย อืม สงสัยชั้นก็คงจะต้องไปนั่งทำงานงกๆ ในธนาคาร ในบริษัทไฟแนนซ์เหมือนพวกรุ่นพี่ใช่มั้ยเนี่ย
-- แต่ตอนนี้ชั้นก็ดีใจนะที่พ่อเค้าเข้าใจแล้วว่าชั้นชอบดูหนัง ชั้นรู้สึกดีนะวันที่เค้าเดินเข้ามาบอกว่า จะชอบดูหนังน่ะก็ได้นะ แต่ก็อย่าลืมตั้งใจเรียนล่ะ ดีนะที่พ่อชั้นเค้าไม่คว้าเอากองกล่องดีวีดี (ที่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ดู) มาเขวี้ยงทิ้งใส่พื้น เหมือนตอนที่พ่อของ ทัย หยิบกีต้าร์ของทัยมาฟาดซะเละเทะ ในนิยายเรื่อง พันธ์หมาบ้า น่ะ จำได้ว่าตอนที่ชั้นอ่านถึงตอนนี้ชั้นร้องไห้อย่างรุนแรงมาก ร้องจนไม่สามารถอ่านนิยายเล่มนี้ต่อไปได้หลายชั่วโมงเลยล่ะ (เพื่อนชั้นที่ยืมไปอ่านก็ร้องตอนนี้เหมือนกันนะ) ว่าแล้วก็อยากเอานิยายเล่มนี้มาอ่านใหม่จังเนาะ (แต่มันหนาฉิบหายเลยว่ะ)
แล้วอีกอย่างนึงก็คือชั้นไม่ได้เจอหน้าพ่อมาเกือบๆ ครึ่งเดือนแล้วแฮะ แต่จะว่าไปนานกว่านี้ก็เคยแล้วนี่นา
-- ว่าแล้วก็คิดถึงเพื่อนของชั้นคนนึงที่คุยด้วยกันบ่อยๆ อยู่ดีๆ เจ้าตัวก็บอกว่าจะมุ่งมั่นจะเป็นนักทำหนังทดลองให้ได้ (ทั้งๆที่ไอ้ที่มันเรียนอยู่ไม่ได้เกี่ยวกับหนงกับหนังเล๊ยยย) แม้ว่าจะคุยกับมันทาง MSN แต่ชั้นก็รู้สึกได้ถึงประกายในแววตาของมันเลยล่ะ ดีจังเลยนะ สำหรับคนที่รู้ทางชีวิตของตัวเองแน่นอนแล้วเนี่ย ในขณะที่ชั้นยังงงๆ กับชีวิต (และเพศ) ของตัวเองอยู่เลย เฮ้อ (นี่วันนี้ชั้น เฮ้อ กับตัวเองมากี่รอบแล้วเนี่ย ไม่ใช่ โฟร์-มด นะ จะได้ หายใจเป็นเธอ เฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ ทั้งวัน)
-- ส่วนรุ่นพี่ชั้นอีกคนก็จะไปเป็นแอร์!! แถมมุ่งมั่นว่าจะต้องเป็น แอร์อาหรับ ให้ได้ เพราะว่ามันเงินดี และเธอก็ชอบพวกแขกขาวอย่างรุนแรง ชั้นว่าเธอคงยอมเข้าตัวแลกกับดงห่าระเบิดทั้งหลายของพวกก่อการร้าย เพื่อให้ได้พบชายในฝันของเธอละมั้งเนี่ย อืม..แต่ถ้าเธอได้ผัวรวยๆ หล่อๆ มาสักคน ชั้นว่ามันก็คุ้มล่ะ
-- คะแนนมิดเทอม เทอมนี้ก็ดี 4 ตัว แย่มากๆ ก็ 2 ตัว ที่ตลกก็คือ วิชาที่ชั้นได้ท็อปหรือรองท็อปดันเป็นวิชานอกคณะหมดเลย ฮาไปยิ่งกว่านั้นคือวิชา Abnormal Psychology ชั้นดันเป็นเด็กเสดสาดคนเดียวที่เสร่อไปลง เพราะนอกนั้นเค้าเป็นเด็กเอกจิตกันหมดเลย ในขณะที่พวกเค้าลงวิชานี้กันเป็น วิชาเอก ชั้นกลับลงเป็น วิชาเลือกเสรี !! แถมปรากฏว่าชั้นดันได้ TOP วิชานี้เสียอีก จะว่าไปแล้วมันก็เหมือนชั้นไปหยามหน้าพวกเด็กเอกจิตเลยนะเนี่ย ไม่รู้ตอนที่ไปเรียนวันจันทร์นี้ชั้นจะโดนเด็กเอกจิตลอบฆ่าหมกส้วมห้องน้ำชายชั้นสามหรือเปล่า แต่จะว่าไปก็ดีนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ คนที่จะมาฆ่าชั้นก็ต้องเป็นผู้ชาย แล้วน้องๆ ผู้ชายในคลาสนี้ก็หล่อๆ ตรึมเลย (โฮะ โฮะ โฮะ โฮะ)
เอาเป็นว่าถ้าหลังจากวันจันทร์ไปแล้ว ชั้นหายหัวไปไม่กลับมานั่งหน้าคอม ก็คงแปลว่าชั้นโดนฆ่าตายห่าตายเหวไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็
เจ้าบล็อกของชั้น แกต้องดูแลตัวเองดีๆ รู้มั้ย อย่าให้เสียศักดิ์ศรีที่อุตส่าห์ได้รางวัลป็อปปูล่าอวอร์ด (ที่ไปล็อบบี้ชาวบ้านเค้า) มาล่ะ รู้มั้ย
-- แต่จะว่าไปแล้วชั้นยังไม่ยอมตายง่ายๆ หรอกนะ เพราะชั้นยังดูหนังดีวีดีที่กองไว้อีก 30 แผ่นไม่หมด แล้วยังจะมีหนังสืออีก 60 กว่าเล่มที่กองรอให้ปลวกกินไว้อีก ไหนจะการบ้านที่ต้องไปส่งวันอังคาร แล้วก็พรีเซนต์รายงานกลุ่มตอนเดือนกันยาอีก (ถ้าชั้นตายห่าไป อีพวกสมาชิกในกลุ่มคงส่ง SMS ตามไปสาปแช่งชั้นในนรกแน่ๆเลย) ที่สำคัญชั้น
ชั้นยังบริสุทธิ์อยู่เลยนะโว้ย! จูบกับผู้หญิงสักคนชั้นก็ยังไม่เคยเลย ไม่ยอม
ไม่ยอม ชั้นไม่ยอมตายหรอก
เมื่อคืนวันเสาร์ชั้นนั่งฟังรายการ J-POP ที่เพิ่งคัมแบ็คกลับมาอีกครั้ง (รายการนี้มีตอนวันเสาร์-อาทิตย์ 20.30-24.00 คลื่น U-FM 100.25) ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกแก่ เพราะดีเจเปิดเพลงเก่าๆ โดนๆ สมัยชั้นยังเป็นวัยโจ๋อยู่เยอะเหลือเกิน เพลงที่เปิดเมื่อคืนแล้วชั้นประทับมากๆ ก็เช่น
1. Wait & See Utada Hikaru ไม่ได้ฟังเพลงนี้ตั้งนานเลย ดีเจบอกข่าวด้วยว่า อัลบั้มโกอินเตอร์ Exodus (2004, A) ของเธอ จะไป Release ที่อังกฤษแล้วล่ะ (หลังจากแป้กๆไปในอเมริกา) ชั้นก็หวังว่าเธอจะดังสมใจซะทีนะ เพราะจริงๆแล้วชั้นว่าอัลบั้มชุดนี้มันดีมากเลย แล้วก็เป็นอะไรที่โคตรจะ ทะเยอทะยาน เลยแหละ
Utada Hikaru //www.utada.com
2. Butterfly Penicillin โอ้โห
ชั้นไม่ได้ฟังเพลงนี้มาเกือบ 3 ปีได้แล้วมั้ง จริงๆแล้วชั้นไม่ค่อยชอบเพลงนี้ของ Penicillin เท่าไรหรอกนะ ชั้นชอบพวกเพลง Romance, Dead or Alive, Nice in Lip+L มากกว่าน่ะ จะว่าไปแล้ววงนี้ก็อึดจริงๆนะ จนป่านนี้สี่คนนี้ยังออกอัลบั้มอยู่เลย
Hakuei (Penicillin / Machine)
ชั้นว่า Hakuei นักร้องนำของวงนี้เป็นผู้ชายที่เท่มากเลยล่ะ ชั้นชอบมากๆ เลยเวลาที่เค้าแต่งหน้าดาร์คๆ สไตล์ Marilyn Manson น่ะ อีกอย่างก็คือ ชั้นชอบเสียงเค้ามากๆ เลยน่ะ เสียงของ Hakuei นี่มันเหมือนคนใกล้ตายผสมคนใกล้ถึงจุดสุดยอดเลย แกว่ามั้ย? ชั้นว่าบนเกาะญี่ปุ่นคงมีไม่กี่คนหรอกที่ทำเสียงกระชากใจ (และหน้าตาหล่อ) ขนาดนี้ได้
ชั้นจำได้ว่าพวกแฟน J-ROCK รุ่นป้าๆ (อิ อิ อิ) เค้าเล่าให้ฟังว่า Penicillin เคยมาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทยด้วย ตอนนั้นมีวงไทยขึ้นไปเล่นด้วยคือ JR-VOY
ผลก็คือโดนโห่ซะเละเลยล่ะ ตอนนั้นฟังเรื่องนี้แล้วก็สะใจนะ แต่มาคิดๆ ดูตอนนี้แล้วก็น่าสงสาร JR คนหล่อ (แต่ยังร้องเพลงห่วยสนิทเหมือนเดิม) เหมือนกันนะ
ว่าไปแล้ว ถึงแม้ชั้นจะชอบคิดว่าตัวเอง แก่ อยู่บ่อยๆ แต่บางทีชั้นก็รู้สึกว่าตัวเองเกิดช้าจนพลาดอะไรดีๆ หลายๆ อย่างไปนะ โดยเฉพาะยุคที่ J-ROCK รุ่งเรืองนี่ชั้นยังเล่น ตั้งเต กับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนอยู่เลย จริงๆ แล้วชั้นก็คงเป็นเด็ก J-ROCK รุ่น(เกือบ)สุดท้ายของประเทศไทยล่ะมั้งเนี่ย เพราะตอนนี้เค้าก็ไม่ค่อยฟังกันแล้วล่ะ
Penicillin //www.penicillin.jp
3. Tonight LUNA SEA นี่ก็อีกเพลงนึงที่ชั้นไม่ได้ฟังนานแล้ว สมัยตอนที่มันออกมาใหม่ๆ ชั้นไม่ค่อยชอบเพลงนี้เลยนะ รู้สึกว่าสองชุดหลังเนี่ย LUNA SEA แต่งเพลงมักง่ายยังไงไม่รู้ ชั้นจำได้แค่อย่างเดียวแหละว่า พระเอกมิวสิกวิดีโอเพลงนี้หล่อดี แต่พอมาฟังตอนนี้ใหม่ก็รู้สึกว่าเพลงมันโจ๊ะดีนะ
จริงๆแล้วชั้นก็ไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้ของวง LUNA SEA หรอกนะ (ชั้นเป็นสาวก X-JAPAN, Malice Mizer, Shazna, Laputa, Dir en grey ยุคแรก) แต่ชั้นก็คิดว่าเพลงของวงนี้หลายเพลงเหลือเกินที่มันมีคุณค่าต่อประวัติศาสตร์วงการ J-ROCK และเพลงมากมายของวงนี้ที่ชั้นชอบมากๆ จนต้องอัดใส่ MD ติดตัวไว้ฟัง (เออ ชั้นไม่มีหรอก ไอ้ I-POD หรือไอ้ป๊อด อะไรนั่นน่ะ)
เพลงของวงนี้ที่ชั้นชอบมากๆ จนอ้อนวอนพระเจ้าขอเอาติดตัวไปด้วยตอนตาย ได้แก่ Mother, DESIRE, END OF SORROW, ROSIER, Rain, Up to You, gravity, I for You, Precious
, WISH และอื่นๆ อีกมากมาย
Sugizo (LUNA SEA)
สมาชิกของวงนี้ที่ชั้นชอบมากๆ ก็คือ Sugizo (มือกีต้าร์) แหละ ชั้นชอบให้ฉายาเค้าว่า มือกีต้าร์ที่แร่ดที่สุดในโลก แกต้องมาดูลีลาดีดกีต้าร์ของเค้าในคอนเสิร์ตนะ มันจะมีแต่ท่าที่คนปกติเค้าไม่ทำกันทั้งนั้นเลย (ฮา) แต่ชั้นก็ชอบเสียงลีดกีต้าร์แสบแก้วหูของเขามากๆ
ตลกดีที่รุ่นพี่ของชั้นคนนึงไปดูคอนเสิร์ตของวงนี้ที่ญี่ปุ่น แล้วเค้าก็เล่าให้ฟังว่า เสียงกีต้าร์ของ Sugizo แม่งโคตรแสบแก้วหูเลย!
อีกอย่างที่ชั้นชอบเค้ามาก ก็เพราะในงานเดี่ยวของ 5 คนในวงนี้ ชั้นชอบงานของเค้ามากที่สุดแหละ งานแรกๆ มันเป็นเพลงอิเล็กโทรนิคซาวด์หลอนๆ ไปเลย (แฟนเก่าชั้นบอกว่าเพลงของเค้าเหมาะกับการเปิดตอนอัพยา หรือไม่ก็ตอนมีอะไรกันน่ะ อืม
เสียดายที่ตกลงชั้นกับเค้าก็ไม่เคยลองดูซะทีว่ามันใช้ได้เวิร์คมั้ย ดันเลิกกันไปซะก่อน) แล้วมันก็มีอัลบั้มนึงที่เป็นซาวด์แทร็กของหนังที่เค้าเล่นคู่กับน้อง Kou Shibasaki (นางในฝันของชั้นไง) ที่ชื่อ Soundtrack (แกงงมั้ย? ก็คือมันเป็นอัลบั้มซาวด์แทร็กของหนังที่ชื่อว่า ซาวด์แทร็ก น่ะแก) มันจะเป็นเพลงบรรเลงด้วยไวโอลินทั้งชุดเลยล่ะ (Sugizo เค้าเล่นไวโอลินได้ แล้วลีลาก็แร่ดพอๆ กับตอนที่เล่นกีต้าร์นั่นแหละ)
Sugizo - single "Rest in Peace & Fly Away"
ชั้นชอบเพลงตอนจบของหนังที่ชื่อ Rest in Peace & Fly Away แบบแทบจะเป็นบ้าเลยล่ะ เพลงนี้มันทำให้ชั้นรู้สึกว่าตัวเองมีปีก แล้วก็บินขึ้นไปหาสายเมฆสีขาวยาวเป็นทางบนท้องฟ้าได้
เว่อร์มั้ยล่ะ? จะว่าไปชั้นว่าจะเขียนถึงหนังเรื่องนี้มาเป็นชาติแล้ว แต่ชั้นดูหนังตั้งแต่สมัย ม.5 แน่ะ แถมตอนนั้นก็ดูไม่รู้เรื่องเลยว่ะ
(แต่ชั้นเคยก็เขียนถึงหนังเรื่อง Soundtrack ไว้นิดหน่อย ที่นี่ )
เหตุการณ์ที่ชั้นจำไม่รู้ลืม เกี่ยวกับ Sugizo ก็คือ คอนเสิร์ตอะไรสักอย่างของวง LUNA SEA ตอนที่พวกเค้าเล่นเพลง DESIRE อยู่ แล้วท่อนกลางๆ ของเพลง Sugizo ก็เดินเข้าไปกอดคอ Ryuichi (นักร้องรำ) แล้วอยู่ดีๆ สองคนนี้ก็ จุ๊บ กันซะงั้น !! !! !! !! !! แหม
ก็เพราะช็อตนี้นั่นแหละ ที่ทำให้ชั้นชอบเพลง DESIRE เป็นบ้าเป็นหลังเลย ไม่รู้เหมือนกันนะว่า DESIRE ในเพลงนี้หมายถึง แรงปรารถนาภายในใจ ของใครรึป่าว อิ อิ อิ
LUNA SEA //www.lunasea.co.jp
Sugizo //www.sugizo.com
เฮ้อ พูดถึงเรื่อง J-ROCK ทีไรก็รู้สึกแก่ทุกที ไว้แค่นี้ก่อนดีกว่านะ
แกว่ามั้ย
บางที แฟนเก่า นี่ก็เหมือน ผี เนาะ
ชั้นเคยได้ยินเค้าพูดกันประมาณว่า ความรักก็เหมือนผี ไม่เห็นด้วยตา แต่รู้สึกถึงมันได้ หรือไม่ก็ ความรักก็เหมือนผี หลายคนที่พูดถึงมัน แต่น้อยคนนักที่จะเคยเจอมันจริงๆ
แต่ตอนนี้ชั้นรู้สึกว่าความรัก นี่มันเหมือนผี เหมือนวิญญาณที่หลอกหลอนเรามากกว่า
คนๆ หนึ่งเค้าเคยหนีจากชั้นไป จากไปโดยทิ้งเครื่องหมายคำถามไว้ในหัวชั้นชนิดมหาศาล ชั้นพยายามวิ่งตามเค้าให้ทัน ด้วยทุกวิถีทางที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ แต่ชั้นก็รู้ในที่สุดว่ามันเปล่าประโยชน์ You cant love someone you dont know anymore ชั้นชอบประโยคนี้จากเพลง Out of Time ของวง Blur มาก
และชั้นก็คิดต่อว่า You cant love someone who didnt love you anymore และความรู้สึกครั้งล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นกับชั้นคือ You cant love someone you dont love anymore
นั่นแหละ หลังจากนั้น ชั้นก็เลยเลิกวิ่งตามเค้า แล้วก็ตัดสินใจจะอยู่ห่างเค้าให้มากที่สุด เพราะไม่ว่าจะน้ำเสียง อากัปกริยา หรือรูปสัณฐานของใบหน้า และทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเค้า ล้วนนำชั้นไปสู่ความเจ็บปวด ชั้นก็เลยตัดสินใจว่า ชั้นกับเค้า ควรจะอยู่ คนละโลก กัน
น่าตลกมั้ยเล่า
ที่กลายเป็นว่าหลังจากนั้น ชั้นกลับต้องเป็นฝ่ายวิ่งหนีเค้าเสียเอง แล้วเค้าก็พยายามก็เดินผ่าน เฉียดไปมา ที่อาณาเขตบริเวณของชั้นอยู่เป็นครั้งคราว
กับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ชั้นไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไรจากชั้นกันแน่ ไม่รู้ว่าเค้าจะรู้หรือเปล่าว่า คำว่า เหงา ของเค้า มันทำให้ชั้น เศร้า ขนาดนั้น ตลอด 2 ปีมานี้ชั้นไม่เคยพูดคำว่า เหงา ให้เค้าฟังสักครั้งเดียว แต่แน่นอนว่าชั้น เศร้า มาตลอดสองปี (โว้ย!)
สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ชีวิตชั้นหยุดชะงักไปช่วงหนึ่งเลยล่ะ มันก็เหมือนกับเพลง The Ghost of You ของ The Tears ที่ชั้นเปิดกรอกหูอยู่ทุกวันนี่ไง Its hard to move on when the ghost of you stays
คนบางคนบอกว่าบางทีเค้าอาจจะต้องการกลับมาหาชั้นก็ได้ แต่ชั้นไม่อยากจะเชื่อแบบนั้นหรอกนะ คนแบบชั้นไม่มีทางทำให้ใครอยากกลับมาหาเป็นครั้งที่สองหรอก บางทีชั้นอาจจะเป็นแค่ ภาพหลอน ในชีวิตสำหรับคนอื่นๆ ก็เป็นได้
แต่ว่านะ
ถ้าเป็นตอนนั้น ถ้าเค้าอยากกลับมาหาชั้น ชั้นจะวิ่งโผเข้าหาเค้าโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดสักวินาทีนึงเลย แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว เหตุการณ์นั้นมันกัดกินชีวิตและวิญญาณของชั้นมามากเกินพอแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ มันทำให้ชั้นรู้ว่าตัวเองมีชะตาชีวิตที่ไม่ต่างไปจาก โจวมู่หวัน ในหนังเรื่อง 2046 เลย ชั้นยังคงฝังตัวเองอยู่ใน อดีต ครั้งนั้น และชั้นผู้มี อดีต อันแสนปวดร้าว ก็ไปสร้าง อดีต อันปวดร้าวให้กับผู้อื่นจนได้ จริงๆ แล้วตอนดูหนังเรื่อง 2046 ชั้นน่าจะคิดได้ว่า คนอย่างชั้น
.
ไม่ควรจะมีใคร
ชั้นเคยคิดว่าชั้นลืมทุกสิ่งทุกอย่างได้แล้ว แต่ก็อย่างที่ว่าไป ขนาดเหลียงเฉาเหว่ยหล่อขนาดนั้น เค้ายังลืมผู้หญิงคนนั้นของเค้าไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดาๆ อย่างชั้นล่ะ บางทีมันอาจจะเป็นอีกสักปี ..2 ปี
3 ปี
5 ปี
10 ปี กว่าที่ชั้นจะลืมและ ให้อภัย ได้ หรือบางทีอาจจะต้องเป็นปี 2046 จริงๆ ล่ะมั้งเนี่ย
แกรู้มั้ยชั้นไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเองจะเขียนอะไรทำนองนี้ ชั้นไม่เคยคิดจะเขียนไดอารี่ หรืออะไรที่เป็นส่วนตัวลงในตัวแกเลยนะ ชั้นเคยเกลียดมากเลย เวลาที่คนเรียกบล็อกของชั้นว่า เว็บไดอารี่ เนี่ย
แต่คืนนี้มันดึกมากแล้ว ชั้นไม่รู้จะคุยกับใคร หมา 4 ตัวของชั้นมันก็หลับกันไปหมดล่ะ (พวกนี้เลี้ยงเสียข้าวสุก ไม่ยอมเฝ้าบ้านตอนกลางคืน ปล่อยให้กูเฝ้าแทน)
บางทีหลังจากโพสต์ข้อความต่อไปนี้ลงไปในตัวแก ชั้นก็คงยอมรับแล้วมั้งว่าแกก็เป็น เว็บไดอารี่ ของชั้นเหมือนกัน แต่ว่าชั้นจะไม่มาเขียนอะไรแบบนี้บ่อยหรอกนะ เพราะมันทำให้ชั้นรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าน่ะ หวังว่าคงอีกนานนะ ที่ชั้นจะมาคุยกับแกอีก
ชั้นไปนอนแล้วล่ะ แล้วพรุ่งนี้พอชั้นเปิดคอมพิวเตอร์ของชั้นขึ้นมา
ชั้นกับแกก็จะเจอกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ ชั้นจะไม่ คุย กับแกแล้ว
Create Date : 14 สิงหาคม 2548 |
|
21 comments |
Last Update : 14 สิงหาคม 2548 5:39:58 น. |
Counter : 2236 Pageviews. |
|
|
|
อยากบอกว่า มีความทุกข์อีกมากมาย รออยู่
แค่นี้จิ๊บจ๊อย จริงๆ นะ
ตอนเรียนหนังสือเคยมีคำถามประเภท "ชั้น มาทำอะไรอยู่ที่คณะนี้ " เหมือนกัน แต่โชคดีมากที่มีวิชา มีอาจารย์ที่ทำให้ชั้นหยุดตั้งคำถามประเภทนี้ได้ เขาเอาหนังมาให้นักเรียนดู และถกกันอย่างเมามัน เอาหนังสือที่ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอยู่ในโลกนี้ด้วยมาให้อ่าน เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนโลกทัศน์ชั้นอย่างสิ้นเชิง และทำให้ชั้นมีความสุข และทนเรียนวิชาที่เราไม่ชอบได้ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เรียนวิชาที่เราชอบ อีกสองสามวิชา มันทำให้ชั้นรู้ว่าเราไม่ได้สามารถได้อะไรมาโดยไม่ต้องแลกกับสิ่งไหนเป็นการทดแทน
ถ้ามีโอกาส ชั้น อยากให้แกได้เรียนวิชาของอาจารย์คนนี้นะ ลองข้ามคณะไปเรียนดู เค้าชื่อ ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ นะ
อีกอย่างชั้นอาจจะโชคดีตรงที่ ไม่ต้องมีใครมาบังคับให้ชั้นต้องคอยประคองเกรด 3.5 นี้เอาไว้ ชั้นอาจจะเคยเป็นนักเรียนที่เกรดห่วยๆ แต่ก็มีความสุขกับการเรียน มีความสุขกับกิจกรรมที่ทำสมัยเรียน และรู้ว่าตัวเองอยากจะทำงานอะไรมาตั้งแต่เรียนหนังสือ
ไม่ต้องเป็นห่วงอนาคตข้างหน้าหรอก การเรียนระดับปริญญาตรี เป็นเหมือนการปูทางให้แกเตรียมพร้อมกับโลกข้างหน้าต่อไปเท่านั้น
การทำงานไม่ตรงกับที่เรียน ไม่ใช่เรื่องใหญ่ในชีวิตจริงๆ นะ พ่อ แม่ ก็คงคาดหวังให้ลูกได้ทำงานในแบบที่ตัวเองชอบ พ่อแม่ชั้นก็คาดหวัง แต่เราก็พิสูจน์ให้เขาเห็นได้ว่างานที่เราทำนั้นและชอบนั้น ก็สามารถดูแลตัวเอง และดูแลเขาได้ รวมทั้งทำให้เราชื่นชมกับตัวเราเองได้ ชีวิตมันต้องพิสูจน์อยู่ระดับหนึ่งเหมือนกัน
อยากให้ลองถามตัวเองดีๆ ว่า ความทุกข์ที่เราแบกนั้น เป็นเพราะความคาดหวังของคนอื่น หรือความคาดหวังในตัวเอง ชั้นไม่ค่อยทุกข์เพราะความคาดหวังของคนอื่น
( เอ่อ แต่ถ้าเป็นพ่อ แม่ก็ยกไว้ล่ะกัน ) ส่วนมากที่ชั้นทุกข์เนี่ยเป็นเพราะความคาดหวังต่อตัวเอง แล้วไม่ได้ดังหวังมากกว่า
ชอบเพื่อนที่อยากเป็นแอร์ของแกนะ ดูหล่อนชัดเจนดี
ป.ล.1 อยากอ่านที่จะเขียนถึง Crash นะ ช้าหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ป.ล. 2 ขอให้หลุดจากมนต์สะกดของผีร้ายโดยไว
ถามตัวเองให้ดีอีกเช่นกัน ว่าเป็น "ผี" ที่ร่ายมนต์สะกดแกไว้ หรือเป็น"ตัวแกเอง" ที่สะกดตัวเองไว้ ชั้นเคยเป็นแบบนี้ แต่ตอนที่หลุดออกมาได้แล้วนี่ ก็มานั่งนึกได้ว่าเป็นตัวกูเองนี่หว่าที่สะกดตัวเองไว้ให้ตกอยู่ในเวทมนต์อันนั้น
ป.ล. 3 ฝากลูบหัวหมา ที่เลี้ยงเสียข้าวสุกของแกด้วย ชั้นนะอยากเลี้ยงหมาก็เลี้ยงไม่ได้ เพราะอยู่คอนโด
เออ เด็กสมัยนี้เขาไม่ใช้เครื่องซีร็อกซ์ ซีรอกซ์เล็คเช่อร์รึ
สมัยชั้น บางคนเจอหน้าเครื่องซีร็อกซ์มากกว่าอาจารย์บางคนอีก (ร่วมทั้งชั้นด้วย )
วันนี้จะไปดูหนังสั้นแหล่ะ มาบอกให้อิจฉา อิอิ