http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
Dream Theater : A Dramatic Tour of Events Live in Bangkok

by merveillesxx


Dream Theater : A Dramatic Tour of Events Live in Bangkok (A++++++++++++++++++)

8 May 2012 / Thunder Dome

วง Dream Theater มาเล่นคอนเสิร์ตบ้านเราสามรอบแล้ว รอบแรกมาตอนปี 2006 อัลบั้มชุด Octavarium จัดที่อิมแพ็ค อันนั้นได้ไปดู ประทับใจมาก ได้รู้ว่าเล่นดนตรีอย่างเทพนี่มันเป็นแบบนี้นี่เอง แต่งานนั้นเสียว่าซาวด์ห่วยนรกมาก ส่วนครั้งที่สอง ตอน 2008 ชุด Systematic Chaos ไม่ได้ไปดู เพราะตอนนั้นจิตตกหดหู่กับชีวิต เสียดายเหมือนกัน พอมาครั้งนี้เลยขอไปดูสักหน่อย

ที่จริงหลังๆ มาก็ห่างเหินกับ DT ไปเยอะเหมือนกัน คือยังตามฟังเรื่อยๆ แต่ไม่ค่อยอิน อย่างชุด Black Clouds & Silver Linings ซื้อมาฟังรอบเดียวแล้วเก็บเลย วิตกจริตเหมือนกันว่า หรือกูฟังเพลงเกาหลีมากเกินไปวะ พอชุดล่าสุด A Dramatic Turn of Events ก็ฟังแบบทิ้งๆ ขว้างๆ จนจะมีคอนเสิร์ตนี่แหละ เลยหยิบมาฟังจริงๆ จังๆ ก็พบว่า...อ๊ะ ก็เจ๋งดีนี่นะ

ปกติแล้วฟังแนวเมทัลน้อยมาก ที่ฟัง DT ก็คงเพราะความเป็น progressive ของมันมากกว่า (เหมือนกับที่ชอบ Pink Floyd ด้วย) ไอ้พวกนี้มันทำเพลงกัน intellectual มากๆ ไม่ว่าจะด้านดนตรี ที่ฟังแล้วกูสงสารคนที่คิดจะคัพเวอร์จริงๆ แล้วที่ชอบมากคือด้านเนื้อหา อัลบั้มของ DT ส่วนใหญ่จะเป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้ม เนื้อหาก็จะจิตวิญญาณ/อภิปรัญามากๆ (โดยเฉพาะชุด Metropolis Pt. 2: Scenes from a Memory ที่แม่งมีระลึกชาติด้วย อ่านเนื้อรอบแรกกูเหวอเลย) ส่วนชุด A Dramatic Turn of Events นี่มันไม่ได้เป็นคอนเซ็ปต์ในเชิง story แต่ก็พอใช่ในแง่ธีม ก็ว่าด้วยชีวิต การเกิด การเจ็บ การตาย การปลง อะไรเทือกนี้

โอเค ตัดมาวันคอนเสิร์ต ไปถึงหน้างานรู้สึกแปลกๆ พอควร หลังๆ ดูแต่คอนเสิร์ตเกาหลีไง บรรยากาศหน้างานมันจะติ่งๆ มีแท่งไฟ มีเสื้อแฟนคลับ พอไปงาน DT บรรยากาศ Macho ทะมึนมาก มีแต่ผู้ชายใส่เสื้อยืดดำ อ๊ากกกก ก็ไปนั่งเจี๋ยมเจี้ยมหลบมุมอยู่พักนึง ไม่ได้ไปต่อคิวยื้อแย่งอะไรกับเขา เพราะกูไม่ได้กะจะยืนแถวหน้าอะไรอยู่แล้ว งานนี้ขอนั่งเลยค่ะ อีกอย่างคอนเสิร์ต DT เค้าก็ยืนดูกันนิ่งๆ อยู่แล้ว จะยืน จะนั่ง ไม่ค่อยต่างกันดอก (อีกสาเหตุที่ไม่ยืน เพราะเบื่อพวกผีไอโฟนไอแพดด้วย)

พอเข้าไปในฮอลล์ ก็เลือกนั่งหลัง mixer เลย เพราะกลัวเสียงจะห่วยอีก คราวนี้ถ้าห่วย กูจะได้ด่าถูกคน ว่ามันห่วยตรง mixer นี่แหละ มองไปรอบๆ มีแฟนเพลงสูงวัยรุ่นลุงเยอะเหมือนกัน (อีกสิบปีข้างหน้า กูก็คงเป็นหนึ่งในลุงๆ เหล่านี้ใช่มั้ย) คนดูบริเวณรอบข้างท่าทางสงบดี ไม่มีแฟนเพลงเมาๆ หรือซ่าส์ๆ เออ วันนี้เลือกสมรภูมิได้ดี (ปกติมักซวยตลอด)

วันนี้มีวงเปิดเป็นคุณ Andy McKee เป็นแนวกีต้าร์นิ้วพริ้วไหว พี่แกก็เล่นเทพจริงๆ นะ แต่เสียงกีต้าร์โปร่งมันฟังแล้วเคลิ้ม ...ประมาณเพลงที่สอง ...กูหลับ 5555 แต่ก็ตื่นมาปรบมือให้ตามมารยาทอันควรทุกครั้ง แหะๆ

หลังคุณ Andy ลงไป รออยู่พักนึง ไฟมืด กรี๊ดดดดดด ท่านๆ DT จะมาแล้วค่าาาาา แค่อินโทรเปิดก็เก๋แล้ว วงชื่อ Dream Theater แต่ดันเปิดด้วยเพลง Dream Is Collapsing ของ Hans Zimmer ฮ่าๆๆๆ ระเบิดพลังกันตั้งแต่เพลงแรกเลย Bridges in the Sky สิ่งที่เซอร์ไพรส์มากคือ เฮ้ย ซาวด์แม่งดีว่ะ! ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยยยย ตอนแรกนึกว่าอุปทานไปเอง แต่กลับบ้านมาเช็คเฟซบุ๊คหลายคนก็บอกว่าซาวด์มันดีจริงๆ (อย่างน้อยมันดีกว่าตอนงานที่อิมแพ็คแน่นอน) การได้ดู DT ในแบบซาวด์ที่ดีเนี่ย ถือเป็นบุญในชีวิตยิ่งกว่าสิ่งใดๆ ซึ้งใจยิ่งนัก แถมแสงสีในงานก็ไม่กะหลั่วด้วย คุณพี่จัดเต็มมาก วูบวาบหวือหวากันสุดขีด แค่เพลงแรกซัด strobe ใส่กูไป 30 ทีแล้ว

DT เล่นเพลงเก่ากับใหม่สลับกันไป มาเพลง 6:00 แล้วต่อด้วย Build Me Up, Break Me Down เพลงนี้ชอบท่อนฮุคที่ร้องว่า You build me up / You break me down / Until I'm falling to pieces / I crash and burn I never learn / I'm your guilty addiction อะไรมันจะทำลายล้างได้ขนาดนั้น จากนั้นเบรคด้วยจังหวะกลางบ้าง กับเพลง Surrounded (เก่าโคตร) แล้วต่อด้วยอีกหนึ่งเพลงโปรดของข้าพเจ้า The Root of All Evil จากชุด Octavarium จนถึงตอนนี้เสียงจากเครื่องดนตรีของท่านเทพๆ ซัดหนักมาก จนเราแอบรู้สึกปวดหูหน่อยๆ แล้วเวลาดูคอน DT เราจะปวดหัวด้วย เพราะเราจะโฟกัสกับเพลงมากๆ ทำนองมันซับซ้อน เราก็จะพยายามตั้งใจฟัง-ตั้งใจดูว่าพวกแม่งเล่นได้ไงวะ ไปๆมาๆ กูขมวดคิ้วจนปวดหัวเลย ว่ากันตรงๆ ดู DT ไม่เหมือนฟังเพลงลัลล้าร่าเริง มันเหมือนการฟังเลคเชอร์จากมาสเตอร์ผู้ยิ่งใหญ่ (ว่าไปนั่น)

ดูไปห้าเพลง ไม่ต้องกังขาความสามารถของเหล่าสมาชิกแล้ว ทุกคนมือระรัวเป็นไฟเหมือนเคย เสียงเฮีย James LaBrie ก็แหลมสูงทะลุโสตไม่มีตก งานนี้คนที่ถูกจับตามองคือ Mike Mangini มือกลองคนใหม่ที่มาแทน Mike Portnoy แกเลยจัด drum solo ให้คนดูหนึ่งดอก ...ข้าพเจ้าเองไม่ได้มีความรู้ดนตรีอะไรมาก จึงมิอาจบ่งบอกได้ว่าใครเก่งกว่ากัน แต่เท่าที่ฟังวันนี้ รู้สึกว่าคุณพี่ Portnoy จะลีลาเยอะกว่า กวนตีนกว่า แต่ Mangini ก็มีลีลาเหมือนกัน อาจไม่หวือหวา แต่เก็บละเอียดครบทุกเม็ด สรุปกับตัวเองประมาณนี้

จากนั้นย้อนเพลงเก๋ากึ้ก A Fortune in Lies และต่อด้วยเพลงชุดใหม่ Outcry เพลงนี้เป็นเพลงที่เนื้อหาดูหลุดจากทุกเพลงในอัลบั้ม แต่สารโดยตัวมันเองก็น่าสนใจดี ตอนอ่านเนื้อนึกถึงพวกการลุกฮือ การปลดแอก พอมาดูคอนเสิร์ตนี่ยิ่งชัดเลย เพราะฉายภาพบนจอเป็น Arab Uprising พอเจอเนื้อเพลงท่อน Rise up, be counted / Stand strong and unite / Wait for the outcry / Resistance is calling tonight นี่ยิ่งอินสุดๆ

พักหูกันบ้าง มาช่วงเพลงอคูสติก แกจัดเพลง The Silent Man กับ Beneath the Surface มาให้ โอ๊ย เพลงหลังนี่กรี๊ดมากๆ ตอนฟังในอัลบั้มนี่ชอบมากเลย เหมือนเพลงสุดท้ายเป็นพูดถึงการปลง พอมาเล่นแบบอคูสติกมันเลยยิ่งปลงหนัก ชอบเนื้อเพลงของเพลงนี้มาก ขอไฮไลท์ไว้ ณ จุดนี้
Until one day I stopped caring
And began to forget why I longed to be so close
And I disappeared into the darkness
And the darkness turned to pain <<<<< ชอบท่อนนี้มาก A++++++++++++
And never went away
Until all that remained
Was buried deep beneath the surface

กลับมามันส์กันช่วงสุดท้าย DT ซัดต่อเนื่อง On the Backs of Angels, War Inside My Head, The Test that Stumped Them All ก่อนพี่เจมส์จะพูดซึ้งว่า “เพลงต่อไปนี้ เป็นเพลงที่พวกคุณทุกคนน่าจะ connect กับมันได้” แน่นอนว่าต้องเป็นเพลง The Spirit Carries On ฟังเพลงนี้ทีไรก็จะร้องไห้ทุกที T_T มันซึ้งมากจริงๆ พอท่อนฮุค คนดูก็ตะโกนร้องตามกระหึ่ม
If I die tomorrow
I’d be alright
Because I believe
That after we’re gone
The spirit carries on
(ตามธรรมเนียมของเพลงนี้ คนดูจะพร้อมใจกันจุดไฟแช็ค แต่เหมือนปีนี้มาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด พอใครจุดไฟแช็คปุ๊บ จะถูกการ์ดเอาไฟส่องหน้าทันที ปีนี้เลยไม่มีดวงวิญญาณไฟแช็ค แต่ก็เข้าใจได้นะ)

ปิดท้ายด้วยเพลงยาว Breaking All Illusions เพลงนี้ท่อนโซโล่ยาวเหยียด โชว์พลังกันเต็มที่ ดูไปก็มีแต่คำว่า EPIC ลอยอยู่ในสมอง พอเล่นจบ DT ก็ลงเวทีไป แต่รอไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาอังกอร์ (หลังจากกูเจอรออังกอร์ X-Japan ครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีการรออังกอร์ใดๆ นานอีกต่อไป) เพลงสุดท้าย แน่นอนว่า Pull Me Under คราวนี้พี่เจมส์ยื่นไมค์ให้คนดูร้องท่อนฮุคเลย จบกันอย่างสวยงาม ฟินกันทั้งฮอลล์ (พร้อมสภาพหูชา...)

สรุป: อยากเจอยอดมนุษย์ ไม่ต้องไปดู The Avengers หรอก ดูคอนเสิร์ต Dream Theater นี่แหละ แม่งยอดมนุษย์ของจริง ขอกราบเบญจางคประดิษฐ์ท่านเทพทั้งห้าไว้ ณ ที่นี้

Set List:
Dream Is Collapsing (Hans Zimmer song)
1. Bridges in the Sky (A Dramatic Turn of Events)
2. 6:00 (Awake)
3. Build Me Up, Break Me Down (A Dramatic Turn of Events)
4. Surrounded (Images and Words)
5. The Root of All Evil (Octavarium)
6. Drum Solo
7. A Fortune in Lies (When Dream and Day Unite)
8. Outcry (A Dramatic Turn of Events)

Acoustic
9. The Silent Man (Awake)
10. Beneath the Surface (A Dramatic Turn of Events)

11. On the Backs of Angels (A Dramatic Turn of Events)
12. War Inside My Head (Six Degrees of Inner Turbulence)
13. The Test that Stumped Them All (Six Degrees of Inner Turbulence)
14. The Spirit Carries On (Petrucci / Ruddess Solo Intro) (Metropolis Pt. 2: Scenes from a Memory)
15. Breaking All Illusions (A Dramatic Turn of Events)

Encore:
16. Pull Me Under (Images and Words)






Create Date : 11 พฤษภาคม 2555
Last Update : 11 พฤษภาคม 2555 3:14:36 น. 0 comments
Counter : 2031 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.