http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
มกราคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 มกราคม 2548
 
All Blogs
 
B.Day 10 Year Bakery – งานเลี้ยงอำลา 10 ปีแห่งค่ายขนมปัง (2)

โดย merveillesxx

//topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3171507/A3171507.html

Part 2

ผู้หญิงสามร่างกับคณิตศาสตร์ฟิสิกส์
เหมือนเบเกอรี่จะรู้ใจผม ถัดจากการระลึกถึงสาวอรอรีย์ ศิลปินถัดมาก็เป็นผู้หญิงในดวงใจของผมอีกเช่นกัน เธอคือสาวสามร่าง ริค วชิรปิลันทร์ ผู้ร่ายมนต์เพลงในอัลบั้ม ‘ปฐม’ อัลบั้ม world music ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์วงการเพลงไทย (เธอไม่ใช่แค่เจ้าเสียง ‘อย่ากลั๊ววว…อย่ากลัว…’ ในโฆษณาของวัน-ทู-คอล หรอกนะ!) ความหลงใหลที่ผมมีต่อเธอพิสูจน์ได้ที่เวบ cityblue.net ในส่วนของ lyric ที่ผมนั่งเปิดพจนานุกรมแปลศัพท์ในเพลงของเธอนั่นแหละ

การปรากฏกายของเธอคือปรากฏการณ์ ด้วยเครื่องอาภรณ์ที่ยังกับหลุดมาจากหนังเรื่อง Queen of the Damned ไม่มีผิด พร้อมด้วยเสียงเอื้อนจากสรรพางค์ที่ปราศจากเครื่องดนตรีใดๆ ประกอบก็สามารถสะกดคนดูทั้งราชมังคลาได้ (ส่วนจะ ‘ทึ่ง’ หรือ ‘อึ้งแดก’ นี่อีกเรื่องหนึ่ง) จบท่อนทำนองความ เธอประกาศว่านี่คือเพลง ‘น้ำตาของไข่มุก’ (พระเจ้าช่วย!) ตามด้วยการย้ำเตือนว่าเธอคือ ผู้หญิงสามร่าง ‘วชิรปิลันทร์-จันทุมา-กาลี’ นี่คือโลกของเธอ ชอบผมที่เธอพูดมากๆว่า “เวลาริคร้องเพลง ริคเอาหัวใจนำเสียงค่ะ” นั่นแหละ! คือคีย์เวิร์ดในการฟังเพลงของริค

เธอเอ่ยต่อว่า เธอได้ออกจากบ้านเบเกอรี่ไป วันนี้เธอจะให้ทุกคนเห็นว่าสิ่งที่เธอได้มานั้นคืออะไรบ้าง เพราะฉะนั้นวันนี้เธอจะเล่นแต่เพลงจากอัลบั้มชุดใหม่ (เพราะถึงเล่นจากชุดแรกคนดูก็ไม่เก็ทอยู่ดี!) ว่าแล้วไม่รอช้าทำนองเพลง ‘ติชิลา’ ก็ขึ้นมาทันที ตรงนี้มีฮา ก่อนหน้านั้นดนตรีขึ้นมาแล้วหยุดไป มีเสียงกรี๊ดแปดหลอดแทรกขึ้นมาพอดี ริคบอก ‘ย้างงง (ยัง)’ เอ้า! ฮา (แต่บางคนคงบอก ‘กลัวแล้วจ้า’) แก้ตัวใหม่ทำนองขึ้นมาอีกรอบ และแล้วริคก็ร่ายรำ…

จบเพลงด้วยความเงียบงันของคนดู ริคบอกว่าเธอรักเบเกอรี่ รักแฟนเพลงเบเกอรี่ แล้วถามอ้อน(ปนสยอง)ไปว่า “รักริค ใช่มั้ยคะ พี่บอย” หันกลับมาหาคนดู “แล้วคนดูรักริคมั้ยคะ” … เงียบ…”แหมตอแหลก็ได้” (ฮา) พูดพอแล้วร้องต่อดีกว่า เพลงสุดบรรเจิด ‘คณิตศาสตร์ฟิสิกส์’ (ชื่อเพลงคิดได้ไงเนี่ย) ส่วนตัวแล้วตอนฟังติชิลาผมไม่ค่อยโดนเท่าไร แต่พอมาเพลงนี้นี่สุดๆ คาดไว้เลยว่าอัลบั้ม ‘ราสมาลัย’ ชุดใหม่ของเธอจะต้องติดหนึ่งในสุดยอดอัลบั้มปี 2005 แน่นอน ถ้าฟังไม่ผิดเพลงนี้มีท่อนฮุคว่า ‘อิสระอยู่ที่ใจ’
…นั่นคือสาเหตุถึงตัวตนของริค…

วงคะนองสองเอก
หลายคนแทบจะลืมไปแล้วว่า วงซีเปียก็เคยสังกัดค่ายเบเกอรี่กับเขาด้วย กับอัลบั้มที่หน้าปกเพี้ยนที่สุดอย่าง ‘สองเอก (Two Eggs)’ ที่เอาคุณคาร่า พลสิทธิ์ มาถือไข่สองใบนั่นแหละ อย่างที่รู้กันชุดนี้ประสบความสำเร็จเจ๊งถล่มทลาย จนซีเปียย้ายค่ายเลย (ฮา) เริ่มต้นด้วยเพลง ‘กรองทอง’ เพลงสนุกๆ ปนเซ็กซี่กับเสียงของครูสาว อ.กรองทอง วันนี้ไม่แน่ใจว่าซีเปียมาครบทีมหรือเปล่า เพราะไอ้ผมก็จำหน้าตาสมาชิกวงไม่ได้ จากนั้นวงก็ถามคนดู “ใครเคยปุ๊นบ้างครับ” ต่อด้วยเพลงสนุกๆชวนถูกจับอย่าง ‘ปู๊นปู๊น’ ตรงนี้ฮามากมีเพิ่มเนื้อเพลงเกี่ยวกับเรื่องพับนก 120 ล้านตัวลงไปด้วย เรียกเสียงเฮได้พอประมาณ ไม่รู้ว่า ‘ท่านผู้นั้น’ จะได้ยินหรือเปล่า …แหม ทำไปได้

จังหวะที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
นั่นคือ ความหมายชื่อวง Crescendo ซึ่งก็น่าจะจริงจากวงอินดี้เล็กๆ ทุกวันนี้พวกเขาคือ หนึ่งในศิลปินค่ายเบเกอรี่ ที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งแล้ว เริ่มด้วยเพลงแรก ‘ยอมได้ไง’ ที่ทำให้ผมเห็นว่านักร้องนำของวงนี้มีความสามารถมากๆในการอิมโพรไวซ์เสียงให้ไหลไปตามท่วงทำนองของเพลง ก็เสียงจำพวก ‘ปั๊บ ปา ดั๊บ ป๊า’ อะไรแบบนั้นแหละครับ ตามด้วยเพลงอันดับหนึ่งบนชาร์ตแฟตเรดิโอ เพลง ‘ความจริงในใจ’ และตบท้ายด้วยเพลงที่ดังไปก่อนหน้านั้นแล้วอย่าง ‘วีนัส’

ผมต้องสารภาพว่าก่อนไปดู B.Day ผมยังไม่เคยฟัง Crescendo แบบจริงๆจังๆ สักที แต่พอจบงานวันนี้สงสัยจะต้องขึ้นไว้ในบัญชีรายชื่อเสียแล้ว ผมชอบเนื้อเพลงในเพลง ‘วีนัส’ มากๆ
…มาจุดไฟรักให้กับฉัน เติมปีกความฝันให้แก่กัน บินข้ามขอบฟ้าไปดั่งฝัน ลอยสู่ความรักไปด้วยกัน…
ฟังแล้วเหมือนจะลอยได้…

โยคีจอมสะบัด
มาแล้ว! หนุ่มเพล์บอยจอมสะบัดก้น เขาคนเดียวเท่านั้นที่ทำท่านี้แล้วดูดี โป้ โยคีเพลย์บอย นั่นเอง กระตุกจังหวะด้วยเพลงฮิตบ้านแตกอย่าง ‘พรหมลิขิต’ โอย…เสียงกรี๊ดสนั่น ร้องตามกันพร้อมเพรียง และขาดไม่ได้กับท่าสะบัดก้นของพี่เค้า ที่ดูกี่ทีก็ไม่เบื่อ จบเพลงโป้หยอดคำหวาน “ที่เรามาฟังเพลงกันในวันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนครับ” ใช่แล้ว! เป็นพรหมลิขิตของผมที่จะมาฟังเพลง ‘ยิ้ม’ เพลงที่ชอบที่สุดของโป้แล้ว
…ยิ้ม...ที่อบอุ่น ให้ใจได้หายจากความสับสนด้วย ยิ้ม...ที่อบอุ่น ให้ใจได้แสงส่องความมืดมนจากเดิม…
เพลงนี้เล่นมันส์มาก กะว่าถ้าซื้อดีวีดีมาดูจะเต้นในบ้าน (อยู่ในงานยืนเต้นไม่ได้ มันจะบังคนข้างหลัง) ชอบมากตอนพี่โป้ทำเสียง ‘โฮ้ว!’ ในเพลง ได้ใจจริงๆ พี่โป้เต้นเหนื่อยแล้ว ขอเพลงซึ้งบ้าง เพลงฮิตบ้านแตกภาคสอง ‘คืนนี้ขอหอม’ เสียดายนิดๆ ไม่ยอมเล่นเพลงวันเกิด แต่แค่นี้ก็พอแล้ว…

เมื่องานมาถึงตรงนี้ ผมสังเกตว่าจังหวะของงานมีความต่อเนื่องมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ในช่วงแรกเหมือนกับพอศิลปินลงไป จะเกิด dead air อยู่พักนึง แต่ถัดจากนั้นมาปัญหานี้จะทุเลาลงไป

จรวดทะยานจังหวะ
จู่ๆ เสียงกรี๊ดชนิดไม่บันยะบันยังก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมา ผมชะเง้อคอมองอยู่นานว่าใครกัน พอจอภาพขึ้นก็ถึงบางอ้อ คุณพี่บุรินทร์ ณ โตโยต้า นั่นเอง ในความคิดผมบุรินทร์ไมใช่คนเสียงดีนะครับ แต่เสียงเขากระเส่าได้ใจจริงๆ ให้ตายสิ! สี่หนุ่มหัวใจกรู๊ฟจะพาคุณทะยานสู่ยุค 70’s แล้ว เริ่มด้วยเพลงจังหวะบางๆอย่าง ‘แค่เธอก็พอ’ ตามด้วยเพลง ‘หยุด’ สองเพลงนี่ไม่เท่าไร แต่เพลงต่อมานี่สิ เพลงโปรด ‘คนใจร้าย’ นั่นเอง
…เจอะแล้วรีบวิ่งหนีซะ อย่ามองเขา ก่อนที่เขาจะเข้ามา เจอะแล้วให้ระวังจะมีปัญหา อย่าไปมองหน้าเขา…
จบโน้ตตัวสุดท้ายทางวงก็ไม่รอช้า ปล่อยหมัดเด็ดต่อด้วยเพลง ‘ฮอร์โมน’ นี่ก็เป็นอีกเพลงโปรดของผม ผมคิดว่ากระทรวงศึกษาน่าจะเอาเพลงนี้บรรจุไว้ในหลักสูตรวิชาจริยธรรมนะครับ คุณว่ามั้ย?
…ความบริสุทธิ์นั้นเก็บให้ดีๆ ก่อนที่จะพลีให้ใคร…
วันนี้ GR เชื่อมจังหวะความต่อเนื่องของเพลงได้ดีมาก เล่นกันแบบนอนสต็อปก็ว่าได้ แบบนี้สิถึงจะเรียกว่า ‘กรู๊ฟ’

เมื่อวงกลมสามวงกลับมาซ้อนทับกันอีกครั้ง
เมื่อคราวที่ผมเขียนถึงคอนเสิร์ต An Era Has Been Completed ผมทิ้งท้ายไว้ว่า วงกลมทั้งสามได้แยกกัน และแผ่ออกไปเส้นตรง เพื่อไปตามทางของแต่ละคน แต่วันนี้พวกเขากลับมาแล้วครับ! มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง พี่นภก็ตะโกนว่า ‘พี-โอ-พี’ เอ้า! กรี๊ด
…ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ผมรู้สึกถึงแสงสว่างในใจ ตอนที่ได้ยินคำๆนี้…

P.O.P ‘นภ-ก้อ-โต้ง’ กลับมารวมกันอีกครั้ง นี่คือภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าผม พร้อมกับเพลง ‘แค่ได้พบเธอ’ ทันใดนั้นคนดูก็ลุกขึ้นเต้นก็แล้ววิ่งไปแจมกันข้างหน้าทันทีเลยครับ มันเหมือนปรากฏการณ์ ‘เดจาวู’ เลยครับ เพราะผมเคยเห็นภาพนี้เมื่อครั้งงาน An Era Has Been Completed … พี่นภตะโกนต่อ ‘ครั้งนี้’ เพลงจังหวะสนุกๆ ชวนเต้นกันต่อได้ ถึงตอนนี้จอภาพ 45 จอบนเวที แสดงภาพที่ยิ่งใหญ่มากๆ เพราะมันแบ่งจอภาพเป็น 3 ส่วน นั่นก็คือภาพสมาชิกแต่ละคนบนเวทีนั่นเอง
…สำหรับผม นั่นเป็นภาพที่น่าตื้นตันใจ…

วันนี้ P.O.P เล่นมันส์มากๆ แถมออกไปทางหลุดๆ เมาๆ ด้วยนะ (สงสัยฟัง Million Ways to DOPE เอ๊ย DOBE มากไป) จบเพลงที่สอง พี่นภตะโกน(อีกแล้ว) ‘พี-โอ-พี เนเวอร์ ดาย (P.O.P never die)’ โอ้โห! เสียงสนั่นเลย (ผมก็หนึ่งในเสียงนั้นแหละ) ส่งท้ายด้วยเพลงความหมายดีๆ อย่าง ‘เวลา’ ผมขอสารภาพว่าเพิ่งมาชอบเพลงนี้เมื่อต้นปีนี้เอง โดยเฉพาะตรงท่อนที่ว่า
…ว่าเรานั้นจะยังรักกัน อีกนานเท่าไร ไม่มีใคร ที่จะรู้หรอก เวลาจะเป็นคำตอบ เวลาจะบอกกับเธอ และฉันเอง...
ถ้าผมได้ฟังเพลง ‘เวลา’ เร็วกว่านี้ ผมคงไม่ทำอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ผิดพลาดไปในอดีต
ผมเคยเกลียดท่อน ‘นานานา’ ในเพลงนี้มากๆ แต่วันนี้ผมร้อง ‘นานานา’ ตามพี่นภได้อย่างสนิทใจ
…มันสอนให้ผมรู้ว่า บางสิ่งบางอย่างต้องใช้ ‘เวลา’…

ขนมปังไส้รวมมิตร(ฮิต)
จากนี้ไปคือขบวนการเพลงฮิตจากเบเกอรี่มิวสิก เริ่มด้วยโป้กับบุรินทร์ออกมาร้องเพลง ‘สัญญา’ ด้วยกัน (เพลงที่ไปทำริงโทรแล้วเสนาะหูที่สุด), บุรินทร์กับเพลงบาดอารมณ์อย่าง ‘รักที่ผ่านพ้นไป’, บอย ตรัยกับโหน่ง พิมพ์ลักษณ์กับเพลง ‘รักของเธอมีจริงหรือเปล่า’, เอ Crescondo กับริค ในเพลง ‘ข้อความ’ เห็นมั้ยริคเขาก็ร้องเพลงธรรมดาๆเป็นนะ ตอนเพลงนี้ผมนึกไปถึงคอนเสิร์ต Pru-Dog ที่ท้ายงาน น้อย-ป๊อด-นภ ร่วมกันร้องเพลงนี้ให้กับโจ้ รู้อยู่แล้วว่าในงานต้องมีการระลึกถึงพี่โจ้ แต่ผมก็ขอระลึกไปก่อนแล้วล่ะ และตบท้ายด้วยเพลงที่ผมทวงถามไปตอนต้นกับ ‘ก้อนหินละเมอ’ นำเสนอ Soul After Six และศิลปินทุกคนที่ร้องไปในช่วงแรก

คอนเสิร์ตช่วงแรก ยังถือว่าเรียบๆ มาเรื่อยๆ ไปถึงขั้นพีค สำหรับผมก็โอเค แต่ผมคิดว่าบางคนอาจจะบ่นว่าน่าเบื่อก็ได้ อีกอย่างคือ ภาพกราฟฟิกฝีมือคุณ เจ้ย อภิชาติพงศ์ ยังไม่ได้สำแดงเดชสักเท่าไร (ช่วงแรกแทบไม่มีการใช้ภาพกราฟฟิกเลย จอภาพขึ้นแต่ภาพศิลปินบนเวทีเท่านั้น) อย่าห่วงไป…งานนี้ยังอีกไกล (จริงๆ)

เวลา 21.34 เสียงป๋าเต้ดประกาศพัก 10 นาที เอาล่ะ ถ้าคุณเมื่อยก็พักสายตาสักนิดนะครับ

ทีแบบนี้ดันตรงเวลาจริงๆ เกิน 10 นาทีมานิดเดียว ผมกลับมาจากเข้าห้องน้ำแทบไม่ทัน ทันใดนั้นเองเสียงกรี๊ดก็เริ่มกระหน่ำเมื่อภาพบนจอขึ้นสัญลักษณ์งาน 10 Year Bakery พร้อมไปไล่เรียงรายชื่อศิลปินปี 1994 ยัน 2004 ท่วงทำนองเสียงอินดัสเทรียล ซาวด์สั่นสะท้าน ผมกำลังคาดเดา ใครกำลังมา?

เรื่องราวของพรู
มันเหมือนเกิดจราจลกลางเมือง ทันทีที่ภาพน้อย วงพรูปรากฏบนจอภาพ เสียงกรีดร้องทะลักทะลายบาดหู ผู้คนวิ่งไปข้างทางกันไม่คิดชีวิต พรูมาแล้ว! ลืม ‘ไอ้เบ๊’ จากเรื่องทวารยังหวานอยู่ไปซะ! ‘น้อย วงพรู’ กลับมาแล้ว วันนี้พี่ท่านมาแบบเท่มาก โก้นหัว ใส่แว่นดำ อย่างกับพระเอกหนังเรื่อง Natural Born Killer ของโอลิเวอร์ สโตน ไม่มีผิด ภาพบนจอเป็นน้อยเต็มหน้า แต่เป็นรูปขาวดำ ขอบอกว่าเจ๋งมากๆ

เริ่มเพลงแรกกับ ‘Romeo & Juliet’ ซึ่งเป็นเพลงโปรดของผม
…อยากจะหนีไปให้ไกล ที่ไหนก็ได้ให้ไกลแสนไกล ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องระวัง ไม่ต้องกลัวใครจะสนใจ…
เสียงคนดูกรี๊ดอยู่เป็นห้วงๆ เสียงเรียก ‘พี่น้อยๆ’ มีอยู่ไม่ขาด ได้รู้ว่าวงพรูมีแฟนเยอะขนาดนี้ ผมก็ดีใจ
ต่อกันที่เพลงใหม่ (ผมคิดว่าอย่างนั้นนะครับ) ขึ้นมาท่อนแรกก็ตรงกับพี่น้อยแล้ว เพราะมันร้องว่า “ผมเป็นคนแปลกก…กก” (ฮา) เพลงนี้จังหวะเปรี้ยวสุดๆ แถมภาพบนจอเป็นพี่น้อยโชว์ท่าทางต่างๆ ซึ่งผมขอบอกเลยว่ามันคือ Performance Art ของแท้แน่นอน แถมตอนท้ายสุกี้ยังปล่อยลำแสงเลเซอร์สีเขียวมาจากกีต้าร์ของตัวเองอีก บอกได้คำเดียวว่าตอนนี้อลังการงานสร้างมากๆ

พอมาถึงตรงนี้คุณตำรวจก็มาเคลียร์คนที่มาออกันอยู่ข้างหน้าให้กลับไปที่นั่ง เข้าใจว่าคงไปบังคนข้างหลังและเพื่อความเรียบร้อยครับ เพลงใหม่ไปแล้ว ต่อด้วยเพลงฮิตอย่าง ‘ทุกสิ่ง’ (ไม่ต้องบอกใช่มั้ยครับว่าเสียงดังขนาดไหน) ถ้าไม่เต้นก็ไม่ใช่น้อยจริงมั้ย ว่าแล้วพี่น้อยก็โชว์กระบวนท่านกกระเวียน วิ่งเต้นบนเวทียาว 60 เมตรซะเลย (กลัวพี่สะดุดสายไฟจริงๆ) จบเพลงแอบมีกุ๊กกิ๊ก น้อยเข้าไปจูบสุกี้ บอกด้วยว่า ‘I love you’ สุกี้ตอบว่า ‘เออ กรูก็รักมรึง’ (ฮา)

เพลงสุดท้ายกับเรื่องราวของเด็กชายที่ชื่อ ‘พรู’ ช่วงนี้ไฟสปอตไลท์จะส่องไปที่พี่น้อย ฉากหลังจะเป็นรูปบ้านเก่าๆตามชนบท ซึ่งถ้าใครรู้ที่มาของ ‘พรู’ คงจะอินกันได้ไม่ยาก ตอนท้ายพี่น้อยเดินมาที่เครนยกตรงกลาง แสงไฟส่องจนเขาขาวโพลนไปทั้งตัว ไม่เกินเลยไปนักถ้าผมจะบอกว่า ณ วินาทีนั้นเขาเป็นเหมือน ‘พระเจ้า’ เมื่อจบเพลงทั้ง 4 คนก็โค้งให้ผู้ชม ทิ้งไว้ซึ่งความรอคอยต่ออัลบั้มชุดสองของพรู

เมืองแห่งความสุข เมืองแห่งโดโจ
เสียงจังหวะชวนเต้น พร้อมกับแดนเซอร์กว่า 30 ชีวิตบนเวที หลังจากโยกย้ายส่ายสะโพกกันพอประมาณ ก็ตัดฉับเข้าทำนองเพลง ‘โอม’ ของ H โดยทันที สามสาวโตก็ขึ้นเยอะเลย แทบจำไม่ได้ ต่อด้วยสองสาววง Niece กับเพลง ‘บีบมือ’ อีกหนึ่งเพลงดังของโดโจ
…หัวใจล่องลอยทุกครั้งที่ฟังเสียงเธอ และเสียงของเธอก็ช่างอบอุ่น จนใจฉันอ่อนไหว ช่วยบีบมือของฉัน แล้วบอกว่าวันนี้ไม่ได้ฝันไป…
ตอนนี้จอภาพ 45 จอก็ได้แสดงศักยภาพอีกครั้ง เป็นภาพกราฟฟิกน่ารักๆ พร้อมกับชื่อศิลปินในค่ายโดโจ อืม…แต่ความจริงอยากให้ขึ้นภาพศิลปินและแดนเซอร์เยอะๆ ด้วยนะ (ฟ่อ! ฟ่อ!)

อีกหนึ่งเพลงฮิตของ Niece อย่าง ‘Kiss’ กับท่าเต้นน่ารักๆ (ยังจำกันได้ไหม?) อันนี้แอบเห็นผู้ชายสองคนที่นั่งข้างหน้าเต้นตามได้เหมือนสุดๆ คงอยากลุกขึ้นมาเต้นเหมือนกันแหละ แล้วออย (oil shocking pink สาวผมชมพูไง) ก็ออกมาช่วยกันร้องเพลง ‘ต่อให้ใครไม่รัก’ (เป็นเพลงของวง H) ออยสวยขึ้นเยอะเลย แทบจำไม่ได้ (แหม..ถ้าตอนออกเทปทำลุคแบบนี้ ได้กินตังค์ผมไปแล้ว) ตบท้ายชุดแดนซ์มาราธอนชุดนี้ด้วยสองสาว Mr.Sister กับเพลง ‘อาม่าดุ’ อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าสมัยก่อนผมเหยียดหยามค่ายโดโจไว้มาก (เรื่องเสียงห่วยบ้าง ก็อปเพลงบ้าง) แต่มาวันนี้ผมมีความสุขมากเวลาฟังเพลงของโดโจ (ซึ่งเป็นคอนเซปต์ที่คุณสมเกียรติต้องการให้เป็น) ไม่ว่าจะเพราะแก่ตัวหรือตัณหากลับก็ตาม การที่ได้ดูสาวๆโดโจ พร้อมแดนเซอร์ชุดใหญ่ในวันนี้ ถือเป็นความสุขมากๆ

อาณาจักรแห่งชัยชนะที่เหลือเพียงหนึ่ง
หนึ่งในศิลปินที่ผมตั้งใจมาดูมากๆ ใน B.Day ก็คือ Triumphs Kingdom (TK) แต่ถึงตอนนี้พวกเราคงเข้าใจกันดีว่าวันนี้โบจะมาคนเดียว (นั่นเป็นเรื่องน่าช้ำใจ แต่ที่ผมช้ำใจยิ่งกว่าก็คือที่โบไปตัดผมเนี่ยแหละ ทำม้าย..ยย!) โบมาชุดกระโปรงสีดำแอบเซ็กซี่เล็กๆ กับเพลง ‘กันและกัน’ มีคนร้องตามกันพอควร จบเพลงปุ๊บเหล่าสาวๆ โดโจก็พากันเข้าไปหมดเลย คนดูข้างหลังผมบ่นเลยว่า “อ้าว แค่นี้เองเหรอ ไม่มีผ้าเช็ดหน้า อะไรเลยเหรอ” นั่นน่ะสิ ผมก็แอบคิดแบบนั้นเหมือนกัน
…เสียดายจริงๆ ที่วันนี้ไม่ได้เห็นอาณาจักรแห่งชัยชนะทั้งสอง…

ตอนนี้ป๋าเต้ดโผล่มา(แต่เสียง)อีกครั้ง ไม่ใช่ปล่อยพักแต่เพื่อประกาศสองเรื่องสำคัญ ว่าหนึ่ง ห้ามสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด (เสียงเฮตรึม) แถมเล่นมุกอีก “ถ้าจะเลิกวันนี้เลยก็ยิ่งดี” ข้อสองคือกรุณาสนุกในที่ของตัวเองเท่านั้น อันนี้เพราะว่ามีบางคนมั่วที่นั่งครับ ไม่ต้องอะไรเลยกลุ่มข้างหน้าผมเนี่ยแหละ มั่วกันเป็นกลุ่มเลย หรือที่ข้างๆผมสองที่ พอเจ้าของเดิมลุกไปเข้าห้องน้ำ จู่ๆก็มีใครไม่รู้มานั่งเสียบเฉยเลย
…เฮ้อ! คนไทยรวยแต่เงินจริงๆด้วย…

ระหว่างความเงียบนั้นเอง จอภาพก็ขึ้นประโยคขึ้นมา เช่น ‘สวัสดีครับ’ ‘ผมขอโทษ’ เริ่มจะเดาได้ พอประโยค ‘ผมขอโทษนะครับสำหรับภาพในวีซีดี’ อันนั้นฮาสนั่น (รู้แล้วใช่มั้ยครับว่าใคร) ตามด้วย ‘ผมรักน้องปูจริงๆนะครับ’ (ฮาอีกรอบ) แต่จู่ๆก็ดันขึ้นว่า ‘ผมขอโทษที่วันนี้ไม่สามารถมาแสดงได้’ เล่นเอาคนดูใจแป้วทั้งงาน แต่ทันใดนั้นก็ขอต่อว่า “…ถ้าไม่มีเสียงกรี๊ดจากคนดู” เท่านั้นแหละ…ราชมังคลาแทบแตก

เจ้าพ่อแร็พสะเดิด
ทีร็อคสะเดิดยังมีได้ แล้วทำไมจะมีแร็พสะเดิดบ้างไม่ได้ เขานี่แหละเจ้าพ่อแร็พตัวจริง ของแท้และดั้งเดิม ใช่แล้ว! เขาคือ โจอี้บอย เปิดฉากด้วยเพลงจากอัลบั้มชุดล่าสุดอย่าง ‘ยกมือขึ้น’ เพลงนี้มันส์จริงๆ แต่เสียดายคนดูยังไม่ลุกขึ้นเต้นกัน แต่ก็ยกมือตามอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะท่อน “พวกเราพุทธ คริสต์ อิสลาม เราไม่เอาสงคราม ขอให้ยกมือขึ้น” นี่เฮลั่นสนั่นเมือง จบเพลงทักทายคนดูพอสมควร วันนี้มากันครบทีมทั้ง โจอี้ เพชร นัท และ Spydamonkee ต่อด้วยเพลงเก่าๆ อย่าง ‘เอโพด’ และ ‘อวัยวะ’ ‘นั่งอยู่ตรงนี้’ ต่อจากนั้นโจอี้ ก็ขอเคลียร์กับคนดูว่า “ถามจริงเหอะ 10 ปีที่ผ่านมาเนี่ย ฟังผมรู้เรื่องมั้ย” (ฮา) ว่าแล้วก็แร็พเป็นไฟชนิดสดๆให้ฟัง แร็พคนดูก็อึ้งแตกกันเป็นแถบ โจอี้ก็เลยลองแร็พแบบช้าๆให้ฟัง ว่าไอ้ที่พูดไปเมื่อกี้มันว่าอะไร แร็พเสร็จคนดูก็เฮเลย

ครั้งแรกและครั้งเดียว เจ้าตัวบอกอย่างนั้น เพราะวันนี้โจอี้บอยจะมาเล่นกีต้าร์! ว่าแล้วเพลง ‘แม่คุณ’ แบบอคูสติกก็มา ฉากหลังตอนนี้ฮาดี เพราะฉายภาพมือคนถือปากกาเขียนช่องคำพูดเหมือนในการ์ตูน (เข้าใจว่าเขียนสดๆ ตอนนั้นเลยนะ) มีฮาเหมือนกันอย่าง “เพลงแม่คุณ ไม่ใช่แม่ผม” (แป่ว..) แล้วก็ต่อด้วยเพลงที่เจ้าตัวแต่งให้คุณแม่ชื่อเพลง ‘เหลือขอ’ แถมปล่อยมุกด้วยว่า “คุณไม่เคยเจอแบบผมคุณไม่รู้หรอก” (ฮา – น่าจะหมายถึงกรณีวีซีดีแหละครับ)

ได้เวลาย้อนเวลาวันหวานแล้ว โจอี้ขนขบวนเพลงฮิตติดดาวชุดใหญ่ มาเมดเล่ย์ให้พวกเราเต้นกันแล้ว ว่าแล้วก็ชวนคนดูลุกขึ้นเต้นเลย เริ่มด้วย ‘รักเธอไม่มีหมด’ ‘ลอยทะเล’ ‘Fun Fun Fun‘ ‘กากี่นั้ง’ จบด้วยเพลง ‘สาละวัน’ งานนี้ 3 สาวมากับครบเลยครับทั้ง คริสติน โรวีน่า โอ๋ ช่วงนี้เต้นมันส์ไม่หยุดไม่หย่อนเลย…ขอบอก ผมคิดว่าเป็นช่วงที่คนลุกขึ้นเต้นมากที่สุดในงานแล้วครับ
…สนุกจริงๆ…

ผมเคยเสียศรัทธากับโจอี้บอยไปพักใหญ่เหมือนกันกับเทปที่เขาออกกับแกรมมี่ชุดแรกๆ (ไม่ใช่เพราะเรื่องย้ายค่ายนะ แต่เพลงมันไม่ค่อยถูกหูน่ะ) จนตอนก้านคอคลับนี่กลับมาฟังใหม่ แต่พอมาวันนี้ผมบอกเลยว่าเขาคือแร็พเปอร์ที่เจ๋งมากๆ วันนี้เขาคือเอนเตอร์เทนเนอร์ตัวจริง ที่สำคัญเขาคือ ‘ตัวจริง’ ไม่อย่างนั้นคงไม่อยู่มาตลอดรอดฝั่งมาถึง 10 ปีหรอก จริงมั้ย?

ชายเสียงทุ้มนุ่มลุ่มลึก
หลังจากเสียงเปียโนนุ่มๆ ของโต๋แล้ว หนุ่มใหญ่กับกีต้าร์โปร่งคนนี้ก็ออกมา ธีร์ ไชยเดช นั่นเอง เพลงแรกเป็นภาษาอังกฤษชื่อว่า ‘My Life is Here’ ที่เหมือนต้องการจะบอกว่าชีวิตของเขาอยู่ตรงนี้คือดนตรี และเบเกอรี่มิวสิกก็คือที่ของเขา ต่อด้วยเพลง ‘ฝันไป’ เพลงที่มีเนื้อหาดีๆ ว่า
…คนเรานานนาน หัวใจมันเปลี่ยนไป ตัวเราพึ่งเข้าใจ ดูแต่วันวาน ที่เธอเคยใส่ใจ วันนี้ไม่อะไรเหลือเลย…
จอภาพขึ้นไปภาพคล้ายควันลอยลงมา…เปรียบดั่งภาพที่เรา ‘ฝันไป’

ผ่านไปสองเพลงคุณธีร์ก็สวัสดีคนดู พร้อมบอกชื่อเพลงที่ร้องไปเสร็จสรรพ (เสียงพี่เขาหล่อจริงๆ) คุณธีร์กล่าวต่อว่า 10 ปีกับเบเกอรี่มิวสิกมีทั้งสิ่งได้และสิ่งที่เสียไป “กับสิ่งที่เสียไปผมคงไม่ต้องบอกว่าคืออะไร” และภาพพี่โจ้ อมรินทร์ ก็ฉายขึ้นบนจอภาพ กับเสียงของเขาในเพลง ‘สัมพันธ์’ ถ้ายังจำกันได้ตอนงาน Pru-Dog คุณธีร์ก็เป็นคนพูดเปิดงานไว้อาลัยให้กับโจ้ ผมเชื่อว่าถ้าพี่โจ้มีโอกาสได้ทำเพลงกับคุณธีร์อีกมันน่าจะอัลบั้มที่น่าฟังไม่น้อย
…หวังว่าเขาคงจะได้ยิน…

ขนมปังรุ่นใหญ่
ชุดนี้จะเป็นเพลงบัลลาดเสียส่วนใหญ่ ร้องโดยรุ่นใหญ่ในค่ายทั้งนั้น เริ่มด้วยพี่นภกับเพลง ‘ที่แห่งนี้’ ฉากหลังจะเป็นเส้นยาวปลิวไสวคล้ายผมผู้หญิง จนสุดท้ายกลายเป็นคลื่นทะเล ตามมาด้วยสาวเสียงดีอย่างรัดเกล้า (วันนี้มาชุดแดงแรงฤทธิ์ เปรี้ยวมาก) กับเพลงสุดฮิต ‘โปรดเถอะ’ เรียกเสียงคนดูได้สนั่น, สาวเสียงดีมากๆอีกคนคุณมาริสา กับเพลง ‘สักวันหนึ่ง’ เสียงเธอดีมากๆ ได้เสียงปรบมือจากคนดูไปหลายยกทีเดียว เชื่อแล้วว่าบ้านนี้เก่งกันทั้งตระกูลจริงๆ ผมชอบภาพในตอนนี้มากๆ เพราะเป็นภาพเด็กนักเรียนทำภาษาใบ้ความเนื้อหาในเพลง

มาทางผู้ชายเสียงดีบ้าง สายชล ระดมกิจ กับเพลง ‘ฝากรัก’ (ได้ยินเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลงรุ่นเดอะตรึม) แล้วก็เพลงความหมายดีมากๆ อย่าง ‘Home’
…ไม่ว่าวันเวลาจะเปลี่ยนหมุนเวียนไปเท่าไร ฉันยังคงมีแต่เธอ เป็นความหวังและความเข้าใจ พร้อมจะเก็บทุกสิ่งทิ้งความสุขทุกอย่าง และจะทำทุกทางเพื่อบ้านหลังนี้…
ที่เซอร์ไพรส์จริงๆ ต้องยกให้คนนี้ เศรษฐา ศิระฉายา มาแบบไม่ทันตั้งตัวกับเพลง ‘เหมือนเคย’ (แหม..แต่งตัวเหมือนงาน Million Ways to Love เลยนะ) เด็ดสุดก็ต้องภาพที่ขึ้นมา เพราะเป็นภาพเศรษฐา-อรัญญาสมัยหนุ่มสาว ดูแล้วอบอุ่นใจ น่ารักดี




Create Date : 03 มกราคม 2548
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2548 18:39:58 น. 0 comments
Counter : 1756 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.