อย่าสับสนเธอคนนี้กับ มิ้งค์-ณัฏฐริณีย์ กรรณสูต (ใครเหรอ?) เพราะถึงแม้จะหน้าเหมือนกันอย่างกับโคลนนิ่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย มิเชล แบรนช์ คือ สาวน้อยอายุ 18 (ในตอนโน้น) ที่มาด้วยลุคสาวเก่งสะพายกีต้าร์ เธอทำเพลงดีๆ ไว้หลายเพลง ไม่ว่าจะเป็น Everywhere, All You Wanted หรือ Goodbye to You โดยทั้งสามเพลงถือเป็นเพลงอกหักที่ไม่โง่เกินไปนักสำหรับเด็ก ม.ปลาย แต่ช่วงหลังเธอสนุกสนานกับการออกซิงเกิ้ลคู่กับลุง Santana ไปหน่อย (อีเพลง The Game of Love นั่นไง) แฟนๆก็เลยลืมเธอไปเลย
4 หนุ่มบอยแบนด์จากอังกฤษที่ดังโคตรๆ ในสมัยนั้น แหม ก็จะไม่ให้ดังได้ยังไงคะ ก็คุณพี่เล่นเจาะตลาดเอเชียเสียขนาดนั้น มาเมืองไทยจนกูเห็นบ่อยกว่าญาติบางคนอีก เพลงช่วงแรกๆ ของวงนี้จะง่อยมากๆ เช่น เพลง Like A Rose ที่ลงทุนไปถ่ายเอ็มวีกลางทรายทะเลทราย แต่ดิฉันดูแล้วสังเวชใจมากๆ พอชุดสองก็อุตส่าห์ไปขุดเอาเพลง Take On Me ของลุงๆ Aha มาทำใหม่อีก แต่น่าอัศจรรย์มากที่ชุดสามเปลี่ยนแนวเพลงมาเป็นป็อปร็อคที่ดูมีสติขึ้นมาซะงั้น แต่นั่นก็กลายเป็นชุดสุดท้าย เพราะวงแตกทันที! (ฮา) โถ น่าสงสาร
เธอคือสาวออสซี่ที่เปิดตัวด้วยเพลง Kiss Kiss กับเอ็มวีจะแทบจะโชว์นมทั้งยวงทุก 5 วินาทีจนคนดูอึ้งแดก (ไม่ได้อึ้งเพราะเซ็กซี่ แต่อึ้งเพราะสมเพช) ชนิดที่ถ้ามาออกอากาศตอนนี้ต้องถูกเจ๊เบียบหรือยัยลัดดาสั่งแบนแหงๆ พออัลบั้มที่สอง State of Mind เธอก็หันไปทำเพลงแดนซ์สติแตกชนิดเบรกไม่อยู่ ซึ่งก็โอเคเลยนะ แต่คุณเธอก็ดันติสต์แตกเลิกร้องเพลงไปเสียก่อน แล้วหันไปเล่นหนังแทน ซึ่งหนังที่เธอเล่นก็คือ...เอ่อ Dead or Alive (เฮ้อ) ส่วนเพลง Naughty Girl นี้เป็นเพลงที่เพราะและเก๋จนไม่อยากเชื่อว่าเป็นของเธอ
* One kiss heaven isnt far Youre everything my heart desires Your love has no missing parts Its everything my heart desires
There aint no one better for me Every day and night baby, in my life, its you Youre my front-page story Wanna tell the world Im in love with you, girl
Cant believe its real Everything I feel Baby, its too hard to conceal
( * )
Got it girl You got it baby
Thought Id be forever searching? On an open road I had nowhere to go So I, I said a prayer and God heard it Come and set me free send an angel to me
And then you appeared Everything was clear I just cant believe that youre here (that youre here)
( * )
** (Ooh, yeah) the best thing underneath the stars Youre everything my heart desires (got it going on) Dont change I love the way you are Youre everything my heart desires
หลายเพลงที่พอได้ยินก็สามารถฮัมตามได้ แต่เพิ่งมารู้จักคนร้องแหละว่าหน้าตาเป็นยังไง เช่น Meredith Brooks และ Jennifer Paige(เพิ่งรู้ว่าเพลงนั้นเป็นของ Holly Valance อย่าพูดไป จนถึงตอนนี้ก็ชอบร้องเพลง Kiss kiss เวลาไปคาราโอเกะอยู่เสมอ)
และอย่าบอกใครไปอีก ตอนนั้นนั่งท่องแรพของเพลง Closer to me ของ 5ive ได้หมด แบบตั้งใจท่องมากกกกก จนทุกวันนี้ยังจำได้อยู่เลย
ยัง ยังไม่หมด ร้องเพลง upside down ของ a-teen ได้ทั้งเพลงอีกต่างหาก My grade are down from A to D.... (ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นฝึกเต้นตามด้วยหรือเปล่า)
และคิดว่าตอนนั้น Michelle Branch เท่เหลือเกิน มีสัมภาษณ์เธอใน MTV บ๊อยบ่อย ภาพเธอนั่งไขว่ห้างดีดกีตาร์ใน POP เล่มไหนไม่รู้ยังจำได้แม่น รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เท่มากกกกก
สุดท้ายเพลง Caught in the Middle ของ A1 เป็นช่วงหลังของความบ้าคลั่งเพลง pop แล้ว แต่ก็ชอบเอ็มวีนี้ ดูแปลกตาไปจากเพลงตลาดในช่วงนั้น MTV เปิดบ่อยมาก จำไม่ได้ว่าปริ้นเนื้อออกมาฝึกร้องหรือเปล่า แต่ทุกวันนี้ก็ยังจำได้อยู่เกือบทั้งเพลง เริ่มด้วย บลาๆๆ Just a stage of mine....บลาๆ you can't find....(ตอนนั้นชอบนั่งจ้องว่าฉากในห้องซาวน่า มันเซนเซอร์หน้าอกผู้หญิงรึเปล่า)
และถึงแม้ในปัจจุบันปอจะเลิกฟังเพลงพวกนั้นแล้ว หันไปฟังเพลงคลาสสิคจาก BBC Radio และคลั่งเพลงยุค 50's มากกก แต่อย่าไรก็ตาม ก็ต้องขอบคุณเพลงpop ปวดกบาลพวกนั้น ที่สร้างเสริมรากฐานภาษาอังกฤษให้ เพราะถ้าไม่มีเพลงพวกนั้น ปอคงไม่สามารถนั่งอ่าน The Catcher in the Rye version ภาษาอังกฤษได้อย่างนี้หรอก....
-รักเสียงแหบๆและหน้าละอ่อนๆของ Christian Wunderlich
-ข้องใจว่าวง boyzone มันมีอะไรดีตรงไหน
-ช่วงนั้น นอกจากเพลง pop พวกนี้จะมีอิทธิพลกับชีวิตแล้ว ยังหลงใหลนักบอลอังกฤษหล่อๆด้วย (ช่วงที่ Michael Owen ยังอยู่ Liverpool...David Beckham ยังอยู่ Man U...Jonathan woodgate,Harry kewellและAlan Smith ยังอยู่ Leeds United เป็นต้น)
จริงๆ จะว่าไป ยุคนั้นมีอะไรลับแลๆ อีกเยอะ แบบ Billy Crowford, Billy Piper, วง Dear Mom (ที่มาร้องเพลงกับ TK ด้วย), วง Ultra อ้อ แล้วบอยแบนด์ตอนนั้นนอกจาก Five แล้วยังมีวง Take Five อีก (แล้วก็มีวง Code Red ด้วยนะ 5555)
วง 911 ตอนนั้นดังมาก cover เพลง more than a woman ของ Bee Gees แล้วก็มาร้องเพลงอะไรสักอย่างกับ นิโคล เทริโอ
คิดถึง Kavana ด้วย หล่อมาก + เพลง Will You Wait For Me เพราะสุดๆ (เห็นซีดีที่ร้านป้าโด ขายไม่ออกมา 2 ปีแล้ว เดี๋ยวปั๊ดซื้อซะเลยเนี่ย)
มีวงนี้อ่า Westlife 555 ที่งัดของเก่ามาหากินอีกแระ วงไรน้า ที่ร้อง I will มี BBmac ... Back Here วงที่ร้อง Last Flight Out เมื่อก่อนเห็นนักร้องฝรั่งบ่อยมากๆๆๆๆๆๆ
ปล. pop ชั้นก็อ่านนะ ฮิฮิ เคยแสดงความสามารถแปลเพลงด้วย แต่ไม่ผ่าน แป่ว แล้วกรูจะพูดเพื่อ ?
เพลง Last Flight Out วงที่ร้องชื่อ PLUS ONE . . โอวว หน้าแหกไปเลย . . จริงๆแล้ว Plus One นี่เป็นช่วงท้ายๆที่ฟังเพลงแบบนี้แล้วนะ มันมาในช่วงไล่ๆกับวง O-Town (ที่ดังกับ Now That I Found You อยู่เพลงเดียว)
อ้อ เพลงที่ 911 ร้องกับนิโคลน่ะ ชื่อเพลง All I want is you นะ (จะผิดอีกมั้ยวะเนี่ย) ยุคนั้นถึงโทรไปขอให้ดีเจคลื่นวิทยุแห่งหนึ่งเปิดให้ แล้วแอบอัดเสียงด้วย cassette อย่างทุลักทุเล (แต่มันดันพูดแทรกต้นเพลง-ท้ายเพลงซะงั้น) แต่ตอนนี้เทปยับและสาบสูญไปแล้วเรียบร้อย
Christian Wunderlich นี่เคยคุยกับคนเยอรมันแก่ๆคนนึงนะ เขาคิดเห็นว่าเมื่อก่อนไอ้หมอนี่มันทำเพลงดี แต่เดี๋ยวนี้แย่ลงน่ะ
เพลงที่กรี๊ดอีกเพลงคือ When We Were Young ของ Human Nature ด้วย เพราะเมโลดี้สว่างๆของมันทำให้เราที่ยังไร้เดียงสาอยู่ตอนนั้น นึกถึงทะเลที่โคตรสดใส แดดเจิดจ้าและเป็นของเรากับคนที่เราอยากจะไปด้วยเท่านั้น
อืม ถ้าหมายถึง Mark ที่เราปลื้ม แล้วพี่แกเป็นเกย์นี่...ปอหมายถึง Mark Westlife อ่ะค่ะ (แต่วง A1 มีคนชื่อ Mark แล้วเป็นเกย์ด้วยหรือเปล่าปอจำไม่ได้อ่ะ ถ้าทักผิดขออภัยนะคะ)
นอกนั้นแนวทางการฟังดนตรีในช่วงนั้นของเราสองคนก็คล้ายๆ กันเลยนะ ทันดู MV ของ o-Town กับ Human Nature เหมือนกัน (แต่ พวก Step กับ Jennifer Paige นี่ไม่ทันแล้ว)
ถึง ผู้อ่าน
วันนี้อัพสองบล็อกรวดในหมวด MUSIC นะครับ
ช่วงนี้ผมไม่ค่อยสบาย (เป็นไข้) อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ดูแลสุขภาพกันด้วย
รักแตงโมครับ (เกี่ยวอะไร!?)