เริ่มจากวันที่ชน ถึงเจรจากับ คปภ.
เราเห็นว่า ไม่เพียงพอต่อรายได้ที่เสียไปจากการที่ไม่ได้วิ่งรถแท็กซี่ และรถที่ซ่อมก็เสียหายหนักมาก ไม่ได้เปลี่ยนอะไหล่ให้ใหม่ทั้งหมด แต่ใช้วิธีการซ่อม จึงไม่เพียงพอค่าเสื่อมราคารถที่เสียหายไป จึงไม่ยอมรับเงิน 20,000 บาทนั้น และอยากขอต่อรองกับทางประักันใหม่อีกครั้ง อย่างน้อยๆทางประกันน่าจะชดเชยขั้นต่ำเป็นค่าเหมาแท็กซี่รายวันตามอัตราปกติคือ วันละ 1500 บาท * 25วัน = 37,500 บาท และค่าเสื่อมราคารถที่เกิดจากการซ่อมต้องตกลงกันว่าสามารถให้ได้เท่าไหร่ เพราะซ่อมมาแล้วมันไม่เหมือนของเดิม ตอนนี้เวลาที่รถวิ่งอยู่ก็มีเสียงดังที่ท้ายรถตลอดเวลา โครงรถก็ไม่ใช่โครงเดียวกันเหมือนของใหม่ รถของผู้ร้องเป็นรถใหม่ ใช้งานแค่ 6 เดือนเอง ไม่เคยชนหนักแบบนี้เลย แต่ทางประกันไม่ต่อรองด้วย

ทาง คปภ. นัดเจรจากับประกัน วันที่ 6 พ.ย. 2556 10.00 น.

วันที่ 6 พฤศจิกายน 2556

ไปคุยกัน3ฝ่าย คปภ. เรา และประักัน

พอไปถึง เจ้าหน้าที่คปภ.ก็อธิบายว่า เขาไม่สามารถชี้เจาะจงให้ประกันจ่ายเงินหรือไปไม่จ่ายเงินให้กับเราได้ แล้วตัวแทนประกันที่มาคุยวันนี้ก็ มาแค่บอกว่า ให้แค่ 20,000 จะเอามั้ย คือไม่มีอะไรคืบหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว งานนี้ทำเราหัวเสียอย่างแรง 

สรุปคือ เหมือนว่า มาแค่ให้ คปภ.รับรู้เฉยๆ ว่ามีการร้องเรียน และให้หนังสือรับรองมาว่ามาร้องเรียนแล้ว เพื่อเอาไปยื่นกับทาง อณุญาโตตุลาการของคปภ. หรือจะไปฟ้องศาล เพื่อให้ชี้ขาดว่าทางประกันต้องจ่ายเงินให้เราเท่าไหร่ ช่วงบ่ายเราก็ได้ไปปรึกษาอณุญาโต 

ท่านก็ให้ข้อมูลว่า เราต้องเอารถเราไปให้อู่ที่รับซื้อขายรถเป็นอาชีพ ทำการประเมินราคา ว่ารถรุ่นนี้ ใช้งานมาเท่านี้ ก่อนชน จะขายได้เท่าไหร่ แล้วเอารูปให้เขาดูว่า หลังชนแล้วแบบนี้จะขายได้เท่าไหร่ แล้วเอาหลักฐานนั้น พร้อมกับหลักฐานทุกสิ่งอย่างที่เรามา มาทำเรื่องฟ้องอีกรอบนึง แ้ล้วเราจะต้องไปหาทนายมาเขียนหนังสือสำหรับฟ้องค่าเสียหายนี้ด้วย

ขั้นตอนต่อไปที่เราจะต้องดำเนินการคือ

1.เอารถไปตีราคา เพื่อให้ได้่ส่วนต่างก่อนกับหลังรถชน ว่าราคาตกลงไปเท่าไหร่

2.นำราคาที่ได้จากการตีราคา ให้ทนายมาเขียนคำร้องเพื่อยื่นเรื่องกับทางอณุญาโตตุลาการ

3.ขอหนังสือมอบอำนาจจากสหกรณ์ เพราะรถเป็นชื่อสหกรณ์ ต้องยื่นในนามสหกรณ์ 

ภาค 2 จะอัพเดทหลังจากได้ทำเรื่องกับอณุญาโตตุลาการแล้วนะคะ