|
|
|
|
| | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
| 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
| 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
| 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
| 28 | 29 | 30 | |
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เศรษฐกิจกระทบการเมือง หรือการเมืองกระทบเศรษฐกิจ
ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่แท้จริง ก็คือระบบการเมือง ฝ่ายการเมืองก็บอกว่าระบบเศรษฐกิจนั่นแหละมีผลกระทบสู่การเมือง ไม่ว่าฝ่ายไหนพูดก็มีเหตุผลพอฟังกันทั้งคู่ .....แต่ว่าผมคับข้องใจอยู่อย่างมาก หงุดหงิด ไม่รู้จะร้องแรกแหกกระเชิงเอากับใคร กรณีการแก้ไขเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจไทยของธนาคารชาติ ที่ใช้นโยบายการเงินแก้ไขโดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ถ้าคิดได้แค่นี้ ผมว่าให้ผมไปเป็นผู้ว่าการแบ็งค์ชาติดีกว่า เพราะการแก้ไขด้วยนโยบายการเงินเช่นนี้ มันเป็นสูตรสำเร็จตามแนวทางของนายเคนส์ นักเศรษฐศาสตร์อเมริกา แสดงว่าไม่ได้มีพลังความคิดอะไรเลยน่าเศร้าครับ การขึ้นดอกเบี้ยมันยิ่งกดอุปสงค์มวลรวม พลังการซื้ออ่อนแอแล้วมันจะแก้เศรษฐกิจได้อย่างไร แนวคิดท่านดร.โกร่ง นั่นแหละของจริง คุณธนินทร์ เจียรวนนท์ ก็ถูกต้อง คุณไปห่วงอะไรว่าเงินจะเฟ้อ คุณก็เรียนตำราเศรษฐศาตร์เล่มเดียวกับผมนั่นแหละ แต่ผมเรียนแล้วก็คิด และออกไปเผชิญปัญหา ศึกษาสังเกต ประมวลความคิดแล้วก็กำหนดนโยบาย จะทำให้มองเห็นทางแก้ไขที่ถูกต้อง...แต่ผมว่าคุณก็เห็นเหมือนผมเห็นนั่นแหละ แต่ว่า บรรดาผลประโยชน์ของพวกนายทุนการเงินมันเป็นม่านบังตาอยู่หรือไม่ ที่ทำให้นโยบายการเงินจึงออกมาเพี้ยนๆ เพื่อรักษาดุลภาพของการค้าหุ้นฝ่ายนายทุนมากกว่า ที่จะเห็นความทุกข์ยากของประชาชน ที่จะรับผลจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย...คิดผิดก็น่าจะคิดใหม่ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วใครอุ้มใคร ถ้าพวกเขามีกำลังซื้อ รัฐบาลเร่งทำเมกกาโปรเจค อุปสงค์มวลรวมจะกระเพื่อม นั่นแหละจะได้ประโยชน์ทุกภาคส่วน แล้วคุณไม่ชอบหรือ? หรือจะรอให้พวกรากหญ้าตายเกือบหมดเสียก่อนจึงจะหนำใจ..เฮ้อ/
| Create Date : 29 กันยายน 2551 |
|
0 comments |
| Last Update : 29 กันยายน 2551 15:40:13 น. |
| Counter : 382 Pageviews. |
|
 |
|
|
|
|
|
|
การเมื่องช่วงนี้ เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย เพราะทุกคนต้องการประชาธิปไตย แต่ว่า ไม่เคารพกฎหมาย อันเป็นหัวใจของระบอบประชาธิปไตย มันก็เลยวุ่นวายกันใหญ่
แม้จะเบื่อเพียงใด ก็ไม่ควรทอดทิ้ง หรือ ท้อถอย ต้องตามไปอย่างกระชั้นชิด มิฉะนั้นจะมีคนกลุ่มหนึ่งจะนำการเมืองไปเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มของตนเอง
ตามทฤษฎีการเมื่อง ไม่ว่าสำนักใดก็ตาม ระบุว่า "การเมืองมันคือการช่วงชิงเพื่อที่จะให้ได้อำนาจรัฐ" เพราะฉะนั้นใครเป็รัฐบาล สิ่งแรกที่เขาทำ คือการสนองตอบผลประโยชน์ของพรรคของเขา เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องปกติ มีแต่พวกดัดจริต หรือไม่เข้าใจระบอบการเมืองเท่านั้นที่บอกว่า รัฐบาลต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน
อาจจะมีคำถามว่า เอ..ถ้าอย่างนั้น การเมืองมันก็ชั่วร้ายใช่ไหม? คำตอบก็คือ ใช่ เราจึงต้องคอยควบคุมการเมืองให้อยู่ในร่องในรอย หมายความว่า ทุกคน ทุกผ้ทุกนาม ต้องเล็งหาพรรคการเมืองเหมาะๆ มีนโยบายดีแล้วสมัคร หรือผลักดันให้นั้นเป็นรัฐบาล เพื่อพวกเขาจะได้สนองความต้องการของเรา เป็นเช้นนี้ทั่วโลก เพราะฉะนั้นคนทุกคนต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมือง จะวางเฉยไม่ได้ ต้องพยายามให้ พรรคตนเองเป็นผู้ที่ได้รับเป็น ส.ส. ให้มากจึงจะได้เป็นรัฐบาล และเป็นรัฐบาลที่สนองตอบความต้องการ พวกชาวไร่ ชาวนา หรือ กลุ่มอาชีพ อยากจะเป็น ส.ส. ก็ต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคและลงเลือกตั้งทั่วไป มิใช่เลือกเฉพาะกลุ่มของตนเอง แล้วไปเป็น ส.ส. ของคนทั้งประเทศ อย่างนี้ไม่ได้
จึงสรุปว่า ป่วยการที่จะคิดเป็นการเมืองใหม่ตามพันธมิตร เพราะมันผิดธรรมชาติ ระบอบประชาธิปไตยเขาไม่ฝืนธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ จะหวังพึ่งกลุ่มนักวิชาการ 24 อธิการ ก็ดูมืดมน เพราะแต่ละท่านที่มาเสนอความคิด ล้วนมีจิตใจอคติเคลือบวิญญาณ จึงไม่เห็นความเป็นธรรมชาติของประชาธิปไตย ปล่อยให้เป็นธรรมชาติเถอะ ระบบมันจะแก้ไขปัญหาด้วยตัวของมันเอง เชื่อเถอะหน่า!
|
|
|
|
|
|
| |
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [