รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย จะเกิดภาคไหนๆก็ไทยด้วยกัน
เชื้อสายประเพณีไม่มีกีดกั้น เกิดใต้ธงไทยนั้น ปวงชนทุกคนคือไทย
Group Blog
 
 
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
31 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
"โรคภัยมันเอาร่างกายของพ่อไปแล้ว อย่าให้มันเอาใจของเราไปด้วย"

From: R. pateepkulrat [mailto:ratchanuch_n@yahoo.com]
Sent: Thursday, January 26, 2006 10:32 AM
From: Usa Rujipat [mailto:Usar@betagro.com]

แง่คิดดีๆจากชายชราผู้จากไป
สัปดาห์สุดท้ายของปี 2548 ผมไปงานสวดและงานเผาศพผู้ชายวัย 81 ปีที่ผมรู้จักเขามายาวนาน 30 ปี ไม่ใช่ญาติแต่สนิทนักรักใคร่เสมือนญาติ

ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วันเขาสั่งลูกและภรรยาแบบคนไม่ครั่นคร้ามความตายว่าสวดสามวันแล้วเผาไม่ต้องบอกใครให้วุ่นวาย อย่าเศร้า อย่าร้องไห้ ทุกคนต้องมีวันนี้เพียงแต่เขาอยู่หัวแถวเลยต้องไปก่อน
แล้วลูกเมียก็ทำตามคำสั่งสวดสามวันเผา งานสวด 3 คืนมีคนฟังพระสวดคืนละ 14 คนคือเมีย ลูก หลาน เขยสะใภ้และผมซึ่งเป็นคนนอก เป็นงานศพที่มีคนไปร่วมงานน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยไปฟังสวด
วันเผามีเพิ่มเป็น17 คนสามคนที่เพิ่มเป็นเพื่อนบ้านที่เคยคุยด้วยเกือบทุกเย็นคนหนึ่ง เป็นแม่ค้าล็อตเตอรี่ที่เคยยืมเงินแล้วไม่มีสตังค์จ่ายเลยเอาล็อตเตอรี่ทยอยผ่อนใช้หนี้แทนเงินงวดละสองใบคนหนึ่ง และคนสุดท้ายเป็นหญิงที่ผู้ตายเคยผูกปิ่นโตทุกมื้อเย็น ทั้งสามคนบอกว่าเกือบมาไม่ทันเผาเคราะห์ดีที่แวะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่บอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว 3 วัน

หลังฌาปนกิจพระกระซิบถามเจ้าหน้าที่วัดว่าเจ้าของงานจ่ายเงินค่าศาลาสวดพระอภิธรรมแล้วหรือยัง พระท่านคงไม่เคยเห็นงานศพที่มีคนน้อยแบบที่ผมก็รู้สึกตั้งแต่สวดคืนแรก จริงๆแล้วผู้ตายเป็นคนค่อนข้างมีสตังค์ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทยจนเกษียณอายุที่ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยแต่ด้วยความที่รักและศรัทธา อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์อดีตผู้ว่าการแบงค์ชาติจึงดำเนินชีวิตแบบไม่ปรารถนาให้ใครเดือนร้อน -แม้กระทั่งวันตาย

ผมสนิทกับเขาเพราะเขามีความฝันในวัยเด็กอยากเป็นนักประพันธ์แบบไม้ เมืองเดิมที่เขาเคยนั่งเหลาดินสอและวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้ เมื่อตัวเองเป็นนักเขียนไม่ได้พอมาเจอะผมที่เป็นนักข่าวก็เลยถูกชะตาและให้ความเมตตา การมีโอกาสได้พูดได้คุยกับเขาตามวาระโอกาสตลอด30 ปีทำให้ได้แง่คิดดีๆมาใช้ในการดำรงชีวิต

วันหนึ่งเขารู้ว่าขโมยยกชุดกอล์ฟของผมไปสองชุดราคา 4 แสนกว่าบาท เขาปลอบใจผมว่า "ของที่หายเป็นของฟุ่มเฟือยของเราแต่มันอาจเป็นของจำเป็นสำหรับลูกเมียครอบครัวเขา คิดซะว่าได้ทำบุญจะได้ไม่ทุกข์" เขามีวิธีคิด "เท่ๆ"แบบผมคิดไม่ได้มากมาย เป็นต้นว่าสุขและทุกข์อยู่รอบตัวเราอยู่ที่ว่าเราจะเลือกหยิบเลือกคว้าอะไร

คงเป็นเพราะเขาเลือกคว้าแต่ความสุขช่วงปีสุดท้ายของชีวิตเขาต่อสู้กับโรคชรา เบาหวาน หัวใจ ความดัน เกาต์และไตทำงานเพียง 5 เปอร์เซ็นต์โดยไม่ปริปากบ่นแถมยังสามารถให้ลูกชายขับรถพาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์โดยที่ตัวเองต้องหิ้วถุงปัสสาวะไปด้วยตลอดเวลาเนื่องจากไตไม่ทำงานปัสสาวะเองไม่ได้

6 เดือนสุดท้ายของชีวิตต้องนอนโรงพยาบาลสามวันนอนบ้านสี่วันสลับกันไปเวลาลูกหลานหรือเพื่อนของลูกรวมทั้งผมด้วยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลเขามีแรงพูดติดต่อกันไม่เกิน 10 นาที แต่ 10 นาทีที่พูดมีแต่เรื่องสนุกสนานเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนไปเยี่ยมไข้ทุกคนพูดตรงกันว่า "คุณตาไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย ตลกเหมือนเดิม" พอแขกกลับลูกหลานถามว่าทำไมคุยแต่เรื่องตลก
เขาตอบว่า "ถ้าคุยแต่เรื่องเจ็บป่วยวันหลังใครเขาจะอยากมาเยี่ยมอีก" เขาเป็นคนชอบคุยกับผู้คนไม่ว่าจะอยู่บนเตียงคนไข้หรืออยู่บนรถแท็กซี่ บ่อยครั้งที่นั่งรถถึงหน้าบ้านแล้วแต่สั่งให้โชเฟอร์ขับวนรอบหมู่บ้านเพราะยังคุยไม่จบเรื่อง แล้วจ่ายเงินตามมิเตอร์!

4เดือนสุดท้ายของชีวิตแพทย์ที่รักษาโรคไตมาตั้งแต่สมัยเป็นแพทย์อินเทิร์นจนกระทั่งเป็นหัวหน้าแผนกแนะนำให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลให้แข็งแรงแล้วค่อยกลับบ้าน แต่อยู่ได้4 วันเขาวิงวอนหมอว่าขอกลับบ้าน หมอซึ่งรักษากันมา 16 ปีไม่ยอมเขาพูดกับหมอด้วยความสุภาพว่า "ขอให้ผมกลับบ้านเถอะ ผมอยากฟังเสียงนกร้องคุณหมอไม่รู้หรอกว่าคนคิดถึงบ้านมันเป็นอย่างไรเพราะพอเสร็จงานหมอก็กลับบ้าน" หมอได้ฟังแล้วหมดทางสู้ ยอมให้คนไข้กลับบ้านแต่กำชับให้มาตรวจตรงตามเวลานัดทุกครั้ง

1 เดือนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตเขาสูญเสียการควบคุมอวัยวะของร่างกายเกือบทั้งหมดเคลื่อนไหวได้อย่างเดียวคือกะพริบตา แต่แพทย์บอกว่าสมองของเขายังดีมากเวลาลูกเมียพูดคุยด้วยต้องบอกว่า"ถ้าได้ยินพ่อกะพริบตาสองที" เขากะพริบตาสองทีทุกครั้ง! เห็นแล้วทั้งดีใจและใจหาย เขายังรับรู้ แต่พูดไม่ได้นี่กระมังที่เรียกว่าถูกขังในร่างของตนเอง

สิบวันก่อนพลัดพรากภรรยากระซิบข้างหูว่า "พ่อสู้นะ" เขาไม่กะพริบตาซะแล้วทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สองเดือนเคยตอบว่า "สู้" เขาสู้กับสารพัดโรคด้วยความเข้าใจโรคสู้ชนิดที่หมอออกปากว่า "คุณลุงแกสู้จริงๆ"

ตอนที่วางดอกไม้จันทน์ผมนึกถึงประโยคที่แกพูดกับลูกเมื่อสี่เดือนก่อนว่า"โรคภัยมันเอาร่างกายของพ่อไปแล้ว อย่าให้มันเอาใจของเราไปด้วย"


Create Date : 31 มกราคม 2549
Last Update : 31 มกราคม 2549 16:36:57 น. 6 comments
Counter : 578 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ
เป็นประโยคที่ดีและลึกซึ้ง


โดย: I am just fine^^ วันที่: 31 มกราคม 2549 เวลา:17:08:57 น.  

 
กว่าจะทำตามประโยคนั้นได้ มันก็ยากอยู่นะ

อ่านแล้วเศร้า


โดย: ZAZaSassY วันที่: 31 มกราคม 2549 เวลา:20:49:06 น.  

 
สังขารไม่เที่ยง ดูคนอย่าดูที่เปลือก ดูให้ลึกถึงแก่นใน ดั่งคำที่ว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา ตายไปก็อเอาไปไม่ได้ เอาไปได้แต่คุณความดีที่เราทำ จัดงาน แต่ง งานบวชหรืองานอื่นๆๆ ก้อเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ 0ป่าว


โดย: โอ๊ป IP: 202.133.159.55 วันที่: 31 มกราคม 2549 เวลา:22:07:04 น.  

 
อ่านแล้วคิดถึงพ่อใหญ่(ตา)ที่จากไปร่วม20ปี


โดย: โอ๊ป IP: 202.133.159.55 วันที่: 31 มกราคม 2549 เวลา:22:11:04 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ อนุโมทนาบุญค่ะ



โดย: ป่ามืด วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:6:37:14 น.  

 
อ่านแล้วปลงครับ


โดย: ต่อตระกูล วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:18:20:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

FaRaWaYGiRL
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




It hurts to love someone and not be loved return. But what is more painful is to love someone and never find the courage to let that person know how you felt. May be god wants us to meet a few wrong people before meeting the right one so that when we finally meet the right person, we will know how to be greateful for that gift. "เพื่อน 'OoY เขียนให้ก่อนจากกัน"(ขอบคุณค่า)

เราเป็น ญ ที่ดูจะทำมะดาคนนึงที่มีบ้านเกิดอยู๋โคราชเป็นคนสุดท้องของครอบครัว เอาแต่ใจตัวเอง ใจร้อน ขี้หงุดหงิด โมโหง่าย..ขี้น้อยใจ โกรธง่ายหายไว..แค่เนี้ยพอมะ??

เราเริ่มทำบล็อกเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2549 โดยการชักนำของเพื่อนคนนึง..จะว่าเค้าชักนำก้อไม่ได้ ก็เค้าส่งบล็อกเค้ามาอวด เราก้อสนใจ..จากนั้นก้มีบล็อกเป็นของตนเอง..

แต่งโน่นเติมนี่จนเป็นอย่างที่เห็นค่ะ

สุดท้ายนี้ก้อจะลืมไม่ได้คือ ขอบคุณป้ามด, คุณนุทศรี, คุณgoret, คุณ asita, คุงอย่ามาทำหน้าเขียว น้องแข Rebel, คุง9A และคนอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยชื่อด้วยนะคะที่ช่วยเอื้อเฟื้อสำหรับทุกอย่างที่ทำให้หน้าบล็อกออกมาเก๋ไก๋ชไนเดอร์แบบเนี้ยกิกิกิ



หลังไมค์ถึงเรา




แบนเนอร์ย่าดา..โดนบังคับอ่ะ 555555

Color Codes ป้ามด
ชื่อบล็อกเพื่อนทางนี้ค่า
New Comments
Friends' blogs
[Add FaRaWaYGiRL's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.