เมื่อวานราวๆหกโมงเย็นฝนตกขนาดหนัก ตกๆหยุดๆสลับกัน ค่อนข้างหนักจนทำให้มืดเร็วเป็นพิเศษ ปาป้าของเจ้าเหมียวทั้งสามมีประชุมกลับดึก เราอยู่บ้านคนเดียวยาวไปยันสี่ทุ่มกว่า

เมื่อวานออกหาตัดกิ่งไม้มาปักเพื่อเป็นหลักให้ต้นไม้ที่ปลูกไว้ ตอนแรกก็บรรยากาศดีพอกลับมาช่วงเย็นจึงมีฝน โชคดีที่ตกตอนเรากลับแล้ว

เมื่อวานเลยไม่ว่างมาเล่าเรื่องราวต่างๆที่นี่ ว่าจะเล่าเรื่องนั่งเรือเที่ยวซะหน่อย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เราพากันไปนั่งเรือท่องเที่ยวชมเมืองสต๊อกโฮล์มทางทะเล





ก่อนอื่นต้องมีตั๋วก่อน SEK 210  = 956 บาท สำหรับผู้ใหญ่ และเด็ก 6-11 ปี SEK 105 = 478 บาท และสำหรับเด็กที่ต่ำกว่า 6 ขวบลงมานั่งฟรีค่ะ ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมงกับ 50 นาที นั่งเข้าจริงๆมันก็ไม่นานเลย แป๊บเดียวเอง





บรรยากาศในเรือนั่งสบาย นักท่องเที่ยวไม่ต้องโดนลมโกรกเวลาที่เรือแล่น กว้างขวาง เราเลือกที่นั่งคู่ (มีแบบเรียงสามที่นั่งและเรียงสองที่นั่งแต่สองที่นั่งถ้าไปช้าก็หมด เพราะน้อยกว่า) แต่ละที่นั่งจะมีหูฟังไว้ใส่เพื่อฟังการบรรยายเวลาที่เรือผ่านอะไร ในนั้นก็จะเล่าบอกกล่าว หรือเรื่องราวแต่ดั้งเดิมบริเวณนั้นๆเป็นมายังไงจนมาถึงปัจจุบัน การฟังสามารถเลือกภาษาได้ตามที่มีไว้ มีภาษาจีน, อีกแบบน่าจะเกาหลี และภาษาไทยไม่มี แปลว่าคนไทยเรายังไม่มาทำการตีตลาดที่นี่









สิ่งที่เห็นมากที่สุดคือเรือจอดกันเกลื่อน




มองออกไปเห็นเรืออีกลำกำลังสวนทาง รูปร่างเรือที่เรานั่งก็คือแบบนั้น





เห็นสวนสนุกตั้งเด่นเป็นสง่าปริ่มริมตลิ่ง แต่ไม่น่ากลัวเลย เพราะเป็นที่โล่งกว้าง









นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เรือ















ขบวนซับเวย์บางเส้นทางโผล่ขึ้นมาแล่นข้างบน ที่นี่ไม่มีรถไฟฟ้าที่แล่นสูงๆแบบบ้านเรา เขามีแต่ซับเวย์ จะเห็นว่าบ้านเมืองเขาเขียวชอุ่ม ต้นไม้ครึ้มไปทั่ว ถนนหนทางรถไม่ขวักไขว่ การจราจรไม่หนาแน่นจัดเหมือนบ้านเรา ก็มีบางช่วงที่รถเยอะ และจะเห็นคนขี่จักรยานกันตามในเมืองหลวง แต่ที่แท้รถส่วนใหญ่เขาวิ่งเข้าอุโมงค์ใต้ดินกัน ถนนที่นี่ส่วนใหญ่สร้างไว้ใต้ดิน เพราะมันเป็นเมืองที่เป็นภูเขา และสะดวกช่วงที่หิมะตก

















เส้นทางของสะพานที่ยาวไกล จากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง เพราะบ้านเมืองเขาประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ ใช้สะพานเป็นตัวเชื่อมไปสู่แต่ละเกาะ





หาดทรายเล็กๆ มีพวกเด็กๆมาเล่นน้ำกัน มองเห็นตึกสูงเด่นเป็นสง่า แหม นึกว่าพัทยาบ้านเราซะแล้วววว





ไปทางไหนก็มองเห็นแต่ทะเลสุดลูกหูลูกตา จึงไม่แปลกใจเลยที่นักกีฬาเรือใบของเขาได้เหรียญทองโอลิมปิคเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะเขาเกิดมาก็อยู่กับน้ำกับเรือแล้ว













ในเมืองสต๊กโฮล์ม จะเห็นบรรดาอพาร์ทเม้นท์น้อยใหญ่สร้างไว้ริมน้ำทุกหนแห่ง

เสร็จเรื่องเที่ยวทางน้ำขึ้นบกแล้วเพื่อกลับบ้านเดินมาตามทางเพื่อจะกลับไปที่จอดรถ ที่นี่ถ้าจอดรถไว้ตามข้างถนนไม่มีการมาโดนตำรวจทิ้งใบสั่งไว้ที่หน้ากระจกแบบบ้านเรา จอดรถแล้วเดินไปที่รูดการ์ดเลยเพื่อเสียเงินและมีใบเสร็จออกมาให้เก็บไว้ เป็นอันเสร็จพิธี ขบวนเสกเวย์จะเห็นประจำถ้าเข้ามาเที่ยวในสต๊อกโฮล์มในวันเสาร์หรืออาทิตย์





มาสต๊อกโฮล์มทีไรจะผ่านร้านนี้ประจำ ชื่อร้านเกาะพงัน แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของเป็นคนไทยหรือเปล่าเพราะไม่เคยแวะ เห็นพนักงานเป็นสาวฝรั่ง ไม่มีคนไทยเลยนะเท่าที่เห็น ลักษณะบรรยากาศผู้คนก็เหมือนเวลาเราเดินเที่ยวตามภูเก็ตและมีร้านนั่งกินเหล้า และอาหาร คล้ายกันเลย แต่เกาะพงันนั้นเราไม่เคยไปเลยไม่รู้จักว่าสภาพเป็นไง





แถมท้ายด้วยอีกภาพ โลโก้คุ้นเคยที่บ้านเรา โลโก้เครือข่ายโทรศัพท์มือถือDTAC แต่ที่นี่โลโก้เดียวกันแต่ชื่อ telenor จร้า

เช้านี้ยังไม่ได้งานได้การเลยเพราะตื่นมาก็เจออากาศมืดฟ้ามัวดิน แต่ตอนนี้สว่างโล่งแล้ว เห็นเจ้าเหมียวดำนอนจุ้มปุ๊กอยู่ริมกระจกบานใหญ่ ทอดสายตาออกไปข้างนอกเพื่อมองดูนกนางนวลและผึ่งแดดยามเช้า ส่วนเหมียวอีกสองตัวแยกย้ายกันไปนอนตามที่ต่างๆ สงสัยเราก็ต้องแยกจากคอมเสียแล้ว สุขสันต์วันอังคารจร้า..