<<
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
24 สิงหาคม 2549

แม่...ของฝน


ยังคงอยู่ในเดือนแห่งความรัก สายสัมพันธ์ของแม่และลูก

เรื่องที่จะมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้ เกิดจากความประทับใจส่วนตัวที่มีต่อผู้หญิงคนนึง

ดารุณี กฤตบุญญาลัย

ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า MDA ไม่ค่อยจะได้ติดตามเรื่องราวของคนที่เรียกว่า ไฮโซ สักเท่าไหร่
แต่กิจกรรมบางอย่าง ชักนำให้ได้รู้จักกับ คุณดารุณี

จุดเริ่มต้นที่ได้รู้จักกับเธอคนนี้มีสองกิจกรรมคือ
เธอเป็นดีจีจัดรายการวิทยุคลื่น "ลูกทุ่งมหานคร" และเป็นหนึ่งในผู้แสดงรายการ "ไฮโซ บ้านนอก"
และสิ่งที่ทำให้ประทับใจมากคือ การทำหน้าที่ดีเจ

เมื่อก่อน MDA ติดตามฟังคลื่นนี้เป็นประจำในช่วงเวลาย่ำค่ำของทุกวัน รวมทั้งวันเสาร์ อาทิตย์
โดยความชอบส่วนตัว นำนิยมที่จะฟังคลื่นที่มีดีเจคุย หรือเล่าประสบการณ์ส่วนตัว หรือตอบคำถาม
MDA ชอบใจวิธีการตอบปัญหาของเธอมาก
เพราะมองได้ว่า เธอเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ให้ข้อคิดและกำลังใจกับคนที่ถามคำถามได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
ความประทับใจในตัวของเธอยังอยู่ในความรู้สึก แต่ไม่ได้ติดตามผลงานหรือประวัติส่วนตัวของเธอสักเท่าไหร่

จนเมื่อสองวันที่แล้ว MDA เข้าไปรอเพื่อนในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า หมื่นฝันวันลูก ของคุณ วิรุฬกานต์ กฤตบุญญาลัย
ถึงกับหยิบขึ้นมาเปิดดูเนื้อหาข้างใน ด้วยเหตุผลสองประการคือ
ความประทับใจในตัวคุณดา และสองรู้สึกคุ้นๆ กับนักร้องชื่อนี้
จะว่า MDA เชยหรืออะไรก็ได้ เพิ่งจะได้รับรู้ว่า เขาทั้งสองเป็นคุณแม่และคุณลูกสาวคนโต
ด้วยความสนใจ MDA สามารถกวาดตาอ่านเนื้อหาข้างในหนังสือทั้งเล่มในเวลาอันจำกัด

สิ่งที่ได้รับจากหนังสือเล่มนั้น คือความประทับใจ MDA ประทับใจข้อความที่แสนอบอุ่นที่คุณน้ำฝนถ่ายทอดออกมาให้รับรู้ถึงความรักของลูกที่มีต่อคุณแม่

รวมไปถึงความประทับใจในตัวคุณน้ำฝน
...เธอเคยดำรงตำแหน่งเป็น ทหารสังกัดกองทัพอากาศ สามปี...
...เธอเคยเดินตามความฝันของเธอ โดยการเปิดร้านกาแฟ...
...เธอเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง ด้วยความมั่นใจในการตัดสินใจ...
หลายคนอาจจะมองว่า เหตุที่เธอสามารถทำตามฝันเธอได้ เป็นเพราะเธอมีทุนสนับสนุน
แต่หากย้อนกลับมามองที่ตัวเราเองบ้าง เราอาจจะไม่กล้าที่จะลงมือทำตามความฝันหรือตัดสินใจทำอย่างเช่นเธอได้ ภายใต้การยอมรับของครอบครัว
สิ่งต่างๆ ของความเป็นตัวตนของคุณน้ำฝน ถูกบ่มฟักโดยคุณแม่ดา แม่ที่เต็มไปด้วยความเข้าใจในตัวลูก

อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วก็แอบที่จะยินดีไม่ได้ว่า บุคคลที่ MDA แอบชื่นชมอย่างคุณดา เป็นคุณแม่ที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง เพราะเธอมีครอบครัวที่อบอุ่น เธอจึงสามารถแสดงความคิดเห็นในเรื่องของปัญหาชีวิตต่างๆ ที่หลายคนเขียนมาเล่าให้เธอฟังได้อย่างลงตัว



Create Date : 24 สิงหาคม 2549
Last Update : 24 สิงหาคม 2549 13:29:12 น. 7 comments
Counter : 772 Pageviews.  

 

ประวัติ
จาก “เจ๊ดา” ขาประจำ “ไฮโซ” สุภัทธา สุขชู Positioning Magazine มิถุนายน 2548
(//www.positioningmag.com/magazine/details.aspx?id=34396)

ดารุณีเป็นคนหนองคายโดยกำเนิด แต่สืบเชื้อสายมาจากเวียดนามและจีน พ่อเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก ส่วนแม่เปิดร้านขายยา ร้านทำผม และร้านตัดเสื้อ เลี้ยงลูก 3 คน เธอย้ายมากรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนต่อ ม.7 ที่ ร.ร. เขมะสิริอนุสสรณ์ จากนั้นก็เป็นนิสิต คณะพาณิชย์-บัญชี จุฬาฯ ราว 1 ปีหลังเรียนจบ จึงแต่งงานกับ “ประกิจ กฤตบุญญาลัย” และใช้ชีวิตครอบครัวมากว่า 30 ปี มีลูก 3 คน คือ น้ำฝน น้ำพุ และน้ำนิ่ง

ปัจจุบัน ดารุณีเป็นรองประธานกรรมการบริหารบริษัทซีเนเตอร์ (ประเทศไทย) ประธานที่ปรึกษาและหุ้นส่วนโออิชิกรุ๊ป และเป็นหุ้นส่วนธุรกิจอื่นร่วมกับเพื่อน ก่อนหน้านี้ เธอยังเคยทำธุรกิจก่อสร้าง และเปิดร้านเสื้อผ้า Convento ด้วย นอกจากนี้ กับบทบาททางสังคม เธอเป็นกรรมการฝ่ายหารายได้สภาสตรีแห่งชาติ รองกรรมการฝ่ายหารายได้โครงการหัวใจไร้สาร และเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาประหยัดน้ำมันให้กับภาครัฐ

ดารุณีเข้าวงสังคมเต็มตัวเมื่อปี 2537 แต่ได้รับความสนใจและถูกพูดถึงมากในปี 2539 ก่อนจะดังเป็นพลุแตกราวปี 2541 ซึ่งตลอด 10 ปีมานี้ เธอน่าจะออกงานมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000- 5,000 งาน โดยเธอตั้งเป้าเกษียณตัวเองจากงานสังคมในอีก 2 ปีข้างหน้า หาก “น้ำพุ” ลูกสาวคนที่สองมีหลานให้เธอเลี้ยง

นอกจากการออกงาน อีกส่วนของความดังของเธอยังเกิดจากการเวียนว่ายในวงการแสดง ซึ่งงานแสดงทั้งหนัง ละครและวีซีดี ใน 3 ปีที่เข้าวงการมีรวมกันกว่า 20 เรื่อง ยังเป็นอดีตพิธีกรรายการเกมโชว์ รวมถึงออกรายการต่างๆ เช่น แฟนพันธุ์แท้เพชร (เธอเป็นผู้ชนะ) เจาะใจ คนค้นคน (ตอน ค้นชีวิตคนในแวดวงสังคม) และไฮโซบ้านนอก เป็นต้น เธอยังเป็นพรีเซนเตอร์ โฆษณาประหยัดพลังงานของกระทรวงพลังงาน และเป็นดีเจคลื่น FM 95 อสมท. อีกทั้งยังมีหนังสือพ็อกเก๊ตบุ๊ค “นู้ด-เดิร์น ดารุณี” ของตัวเอง


โดย: MDA วันที่: 24 สิงหาคม 2549 เวลา:13:33:44 น.  

 
ยางตอนในบทสัมภาษณ์ คอลัมภ์ บุคคลสนทนา: ดารุณี-วิรุฬกานต์ กฤตบุญญาลัย “แม่เป็น Wonder Woman...”
หนังสือ หญิงไทย ฉบับที่ 644 ปีที่ 27 ปักษ์แรก เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2545
(//www.yingthai-mag.com/detail.asp?ytcolumnid=1486&ytissueid=644&ytcolcatid=1&ytauthorid=24)


...ถามว่ารักลูกมากมายแค่ไหน คงต้องตอบว่าความรักนี้มันค่อยๆ เกิด ตอนเห็นหน้าลูกครั้งแรกรู้สึกดีใจมาก เขาอยู่ในท้องเรามา 9 เดือน ตอนนี้เขาออกมาแล้ว หน้าตาเขาเป็นอย่างนี้นะแต่ความรักที่ค่อยๆ เกิดนั้นมาจากการที่เราเฝ้าป้อนนมป้อนข้าว เฝ้าดูเขาค่อยๆ คลาน ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ เติบโตขึ้นมาทุกวันทุกวัน ลูกสาวสองคนดิฉันคลอดปกติ ลูกชายคนเล็กนี่ผ่าออก พวกเขาทั้งสามเกิดมาจากความรักของดิฉันและสามี ดังนั้นเราต้องดูแลเขาอย่างดี เราต้องวางแผนให้เขามีอนาคตที่ดี ความผูกพันแต่ละเดือน แต่ละปีนี่ต่างหากที่ทำให้แม่รักลูกทุกคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวันนี้บอกได้เลยว่าพ่อแม่ทุกคนนั้นต้องมีความรู้สึกเหมือนดิฉัน คือถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพ่อแม่สามารถตายแทนลูกได้ (เสียงเครือนิดหนึ่งแล้วก็กลับเป็นปกติ) ดิฉันเชื่อว่าอันนี้เป็นความรู้สึกจริงๆ ของพ่อแม่ทุกคน”

คุณดารุณีเลี้ยงลูกด้วยความรัก ความเข้าใจ ใช้ความผูกพัน เป็นสิ่งเชื่อมสายสัมพันธ์พ่อแม่ลูก หลักสำคัญในการเลี้ยงลูกคือ อย่ารักลูกลำเอียง อย่าตามใจลูก และต้องลงโทษเมื่อลูกทำผิด

ดารุณี : “...ดิฉันไม่ใช่แม่ที่สปอยล์ลูกหรือเอาใจลูกจนเด็กทำอะไรไม่เป็น เพราะว่าเด็กที่ถูกสปอยล์จะเป็นเด็กที่โตขึ้นมาอยู่ในโลกก็ลำบาก อยู่กับผู้คนก็ลำบาก จริงอยู่ดิฉันให้ลูกทุกอย่างแต่ให้ไปพร้อมอธิบายเหตุผล การที่ลูกโตขึ้นมาเป็นคนมีเหตุผล เพราะพ่อแม่หมั่นให้เหตุผลเขาเสมอดิฉันจะทำให้เขารู้ว่สิ่งไหนที่เขาควรจะได้ ควรจะมี แล้วสิ่งไหนที่เขาไม่ควรได้ ไม่ควรมี เขาก็จะไม่ขอเลย นิสัยอย่างนี้จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ ดิฉันเลี้ยงลูกอย่างที่คุณแม่เลี้ยงดิฉันมาคือท่านจะให้ดิฉันทำงาน ช่วยท่านหยิบจับทำโน่นทำนี่ ไม่ใช่คอยประคับประคองให้เรียนหนังสือทำตัวเป็นคุณหนู ดิฉันจะใช้ให้ลูกช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ เสมอ อย่างน้ำฝน พอเขามีน้องสาว เขาก็ต้องช่วยแม่เลี้ยงน้อง ต้องมีกิจกรรมช่วยครอบครัว ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์...

...สิ่งสำคัญที่สุดคือ พ่อแม่อย่ารักลูกลำเอียง รักลูกต้องรักให้เท่าๆ กัน พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะชื่นชมลูกคนที่สวย คนที่หล่อ คนที่เรียนเก่ง แล้วเปรียบเทียบให้ลูกอีกคนฟัง การพูดเปรียบเทียบระหว่างเด็กเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย เพราะคนแต่ละคนมีความสามารถไม่เหมือนกันคนที่เรียนไม่เก่ง เขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านอื่นที่อาจจะเด่นชัดเวลาเขาโตขึ้นก็ได้ หน้าที่ที่สำคัญของพ่อแม่คือปลูกฝังให้เขามีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ปลูกฝังให้เขารู้จักตัวเองและช่วยเขาวางแผนชีวิตว่าอนาคตเขาจะไปทางไหน ปลูกฝังให้เขาคิดว่าเขาต้องเลี้ยงตัวเองให้ได้ ต้องรู้จักต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ส่วนการตัดสินใจเลือกที่จะเป็นอะไร หรือชอบอะไรก็ต้องแล้วแต่ตัวของเขาเอง...”

“...บ้านเราจะเป็นประชาธิปไตยมาก เราจะมีเรื่องพูดคุยกันทุกวันเวลานั่งทานข้าวเย็นครบห้าคนพ่อแม่ลูก ก็จะมีเรื่องโน้นเรื่องนี้มาแลกเปลี่ยนกัน เวลาที่พ่อแม่มีเรื่องโต้เถียงหรือทะเลาะเบาะแว้งกันไม่ควรทำให้ลูกเห็นนะคะ เพราะจะเป็นการสร้างความรู้สึกก้าวร้าให้กับเด็ก ทำให้เด็กมีความกดดันเนื่องจากเขาไม่รู้จะเข้าข้างใครดี ดิฉันว่าถ้าพ่อแม่คนไหนมีปัญหากันควรจะแยกไปคุยกันในที่ส่วนตัวเพียง 2 คน โอ.เค.ว่าอาจจะให้ลูกได้ยินการโต้เถียงกันบ้างในกรณีที่ไม่รุนแรง เพื่อให้ลูกได้เห็นภาพทุกภาพที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้แต่ถ้าถึงขั้นจะลงไม้ลงมือกันอย่าทำให้ลูกเห็น ดิฉันยกตัวอย่างครอบครัวคนอื่นนะคะ เพราะที่บ้านดิฉันไม่เคยมีปากเสียงกันเลย บ้านเราเป็นครอบครัวหรรษา เราอยู่กันอย่างมีความสุขตลอด 29 ปี ชีวิตสมรสลูกๆ สามคนก็รักและห่วงใยกันดี ลูกทุกคนเป็นเด็กดี รู้จักรับผิดชอบต่อตัวเอง ต่อสังคม ดิฉันสอนลูกอยู่เสมอว่า “การที่ลูกเกิดมา ทำอะไรให้กับตัวเองนั่นเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว เพราะมนุษย์ย่อมเห็นแก่ตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง แต่ถ้าเราเกิดมาแล้วรู้จักทำอะไรให้กับคนอื่น สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เราบอกกับตัวเองว่าเราเกิดไม่เสียชาติเกิด” เพราะฉะนั้นลูกจะคิดถึงจิตใจคนอื่นก่อนเสมอเป็นเด็กที่รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นเด็กที่มี Service Mind ตลอดเวลา เขาชอบบริการคน ชอบเป็นผู้ให้มากกว่าจะเป็นผู้รับ...

...ดิฉันจะเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกแบบตีลูกนะคะ ตอนช่วงที่พวกเขายังเด็กๆ เขาจะไม่เข้าใจเหตุผลหรอกค่ะ เด็ก 3-5 ขวบ จะเอาเหตุผลอะไรมาพูดกัน ซนกันหมดเลยทั้ง 3 คน แต่เด็กซนเป็นเด็กฉลาดนะคะ เป็นเด็กอยากเรียนรู้ เด็กซนน่ะดีให้เขาซนไปเถอะ แต่เราก็ต้องคอยดูแลเขาหน่อย เหตุที่ดิฉันต้องตีลูก เพราะเคยมีประสบการณ์สมัยที่ดิฉันยังสาวๆ บ้านที่อยู่ใกล้ๆ กันเขาพูดเสมอว่าเขาเลี้ยงลูกด้วยเหตุผล เขาไม่ตี ไม่ดุว่าลูกเขาเลย จนเมื่อลูกเขาเริ่มโตเป็นสาวแล้วไปชอบผู้ชายคนหนึ่งและออกไปเที่ยวด้วยกัน เด็กสมัยก่อนกับสมัยนี้ไม่เหมือนกันนะคะ สมัยนี้เด็กผู้หญิงเด็กผู้ชายคบหาเป็นเพื่อนกัน ไปไหนอิสระได้และเขารู้จักรับผิดชอบตัวเองได้ก็ไม่เป็นไร แต่สมัยก่อนไม่ได้เลย พ่อแม่เขารู้เข้าก็ไม่พอใจ พ่อเขาดุด่าลุกสาวด้วยภาษารุนแรงที่ลูกไม่เคยได้ยินมาก่อน ลูกสาวโดนพ่อดุก็เสียใจ เถียงพ่อกลับไปทันที พอเถียงปุ๊บ คุณพ่อก็ตบหน้าลูกสาวด้วยอารมณ์โมโหเชื่อไหมคะว่าลูกเดินขึ้นบ้านไปพักเดียว คุณพ่อเขาเดินขึ้นไปตาม ลุกสาวผูกคอตายไปแล้วเนี่ยล่ะค่ะคือประสบการณ์ที่ทำให้ดิฉันตั้งใจเลยว่า ต้องตีลูกแน่ๆ เมื่อลูกทำผิด และในการตีจะบอกเลยว่าตีกี่ครั้ง ทำโทษอย่างนี้แล้ว ถ้าหนูทำผิดอีกแม่ก็จะตีอีก แล้วจะตีให้เจ็บมากเจ็บจริงๆ ค่ะตีเจ็บเพื่อให้หลาบจำ ไม่เชื่อถามเขาได้เลย...”

น้ำฝน : “...ฝนว่าที่ลูกๆ เติบโตมาเป็นแบบนี้ เพราะว่าแม่มีจิตวิทยาในการเลี้ยงดูลูกมากๆ เลย ซึ่งเมื่อฝนอายุเท่านี้ฝนมองย้อนกลับไปในอดีต ฝนพอจะเข้าใจว่าทำไมเราจึงไม่เคยดิ้นพราดๆ ร้องขอของเล่น เอาแต่ใจตัวเอง เพราะว่าแม่กับพ่อให้เราจนมากเกินพอ แม่จะให้ทุกอย่างที่แม่เห็นว่าลูกสมควรจะได้ ดังนั้นของบางอย่างที่เราดูแล้วว่ายังไม่เหมาะกับเรา เราก็จะไม่ขอเพราะเราก็ไม่อยากฟังแม่ปฏิเสธด้วย แล้วจะรู้สึกเหมือนตัวเองใช้ไม่ได้ ขออะไรไม่รู้เรื่อง ฝนจำได้ว่าแม่มีคำพูดดีๆ เช่น แม่จะบอกว่าของชิ้นนี้หนูได้มากกว่าเด็กในวัยหนูควรจะได้แล้วนะ แล้วทำไมหนูถึงได้รู้ไหมเพราะหนูขยันเรียนไง ฝนคิดเองนะว่าถ้าเด็กคนไหนดิ้นพราดๆ แล้วได้ของ เขาก็คงจะดิ้นอย่างนั้นไปจนโตเวลาเขาอยากได้อะไรแล้วไม่ได้ แต่ที่บ้านฝนถ้าขยันเรียนเราก็จะได้สิ่งที่เราอยากได้...


ดารุณี : “...เราเลี้ยงลูก 3 คนมาด้วยกัน รับข้อมูลอะไรก็รับเท่าๆ กัน เราเลี้ยงเขาเหมือนปลูกต้นไม้ ไม่ใช่เพียงแค่รดน้ำให้เจริญงอกงาม เราถือกรรไกรเข้าไว้ คอยตัดแต่งให้โตเป็นพุ่มสวยด้วย ลูกเราเดินไม่สวยก็ต้องจับลูกสอนเดิน บุคลิกไม่ดีเราก็ฝึกให้ลูก การพูดจาต้องชัดถ้อยชัดคำ คำควบกล้ำภาษาไทยต้องพูดให้ชัด พูดครึ่งไทยครึ่งฝรั่งไม่เอา ยกเว้นพูดทับศัพท์คำที่จำเป็น สิ่งที่สอนลูกเหล่านี้ไม่เคยบอกให้เขารู้ตัวเลย ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในนี้หมด (ใช้มือทาบลงไปบริเวณหัวใจ) แล้วเราจะทำเป็นขั้นเป็นตอน ค่อยๆ ใส่ให้ลูกซึมซับไปทีละเล็กทีละน้อย ...



โดย: MDA วันที่: 24 สิงหาคม 2549 เวลา:13:36:48 น.  

 
เมื่อก่อนนี้ก็ไม่ได้รู้จักหรอกค่ะ เพราะว่าไม่สนใจกับสังคมบุคคลชั้นสูงเท่าไหร่เพราะว่าเกินเอื้อมไป แต่เมื่อมาดูหลักการ แนวคิด (ของบางคน) ก็ต้องยอมรับเลยค่ะ ว่า เค้าเก่ง เค้าเจ๋ง และดีนั้นเป็นเพราะอะไร และรู้ล่ะค่ะว่า ปัจจุบันเค้าเป็นแบบนี้ได้เพราะเหตุใด ...

ชื่นชมจากใจค่ะ


โดย: JewNid วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:2:50:45 น.  

 
ประทับใจ...อ่านแล้วชอบมาก..ขอบคุณ MDA ที่นำมาให้อ่านค่ะ


โดย: sea IP: 203.170.228.172 วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:21:18:26 น.  

 
ขอบคุณนะคะ
ได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของเธอ


โดย: prncess วันที่: 30 สิงหาคม 2549 เวลา:10:23:36 น.  

 


โดย: Rera IP: 58.147.120.61 วันที่: 2 กันยายน 2549 เวลา:13:47:05 น.  

 
เจ๊ดาเป็นคนน่ารัมากคะ อ่านแล้วชอบมากเป็นตัวอย่างที่ดีคะ


โดย: คนที่ชื่นชม IP: 58.147.120.61 วันที่: 2 กันยายน 2549 เวลา:13:48:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

MDA
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ขอแค่ใช้เวลา 24 ชั่วโมงให้คุ้มค่า
เพื่อวันของเราจะมาถึง

[Add MDA's blog to your web]