อัลบั้มสตูดิโอลำดับที่ 4 จากนักร้องนักแต่งเพลงชาวอเมริกันอย่าง Sara Bareilles หลังจากออก EP ชื่อ Once Upon Another Time ไปปีที่แล้ว (ที่มีเพลงกล่อมนอนเพราะๆอย่าง Once Upon Another Time หรือเพลง Sweet as Whole ที่ทำให้แฟนเพลงของเธอตกใจและขำกับเนื้อเพลงไปในเวลาเดียวกัน) คราวนี้เธอกลับมาพร้อมกับอัลบั้มที่ชื่อว่า The Blessed Unrest ที่มีที่มาจาก quote ของ Martha Graham ว่า
“The Blessed Unrest” by Martha Graham
There is a vitality, a life force, a quickening that is translated through you into action, and because there is only one of you in all time, this expression is unique.
If you block it, it will never exist through any other medium and be lost. The world will not have it.
It is not yours to determine how good it is; nor how it compares with other expressions. It is your business to keep the channel open. You do not even have to believe in yourself or your work.
You have to keep open and aware directly to the urges that motivate you. Keep the channel open.
No artist is ever pleased. There is no satisfaction whatever at any time. There is only a queer divine dissatisfaction; a blessed unrest that keeps us marching and makes us more alive than the others.
ซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้ม มีซาวน์อิเล็กโทรพร้อมกับเสียงเปียโนติดหู และเนื้อเพลงปลุกกำลังใจที่ Sara แต่งร่วมกับ Jack Antonoff จากวง fun. (Say what you wanna say / And let the words fall out / Honestly, I wanna see you be brave) เพลงนี้ได้ชิงแกรมมี่สาขา Best Pop Solo Performance (เธอได้ชิงสาขา Best Female Pop Vocal Performance จากซิงเกิ้ลแรกของสองอัลบั้มก่อนหน้าคือเพลง Love Song และ King of Anything) ผมจำได้ว่าพอเพลงนี้ออกมาตอนแรกนั้น มันได้ขึ้นชาร์ต iTunes ใน Top 10 ก่อนจะตกลงมาในเวลาต่อมา เนื่องจากการโปรโมตที่ยิบย่อยและยังไม่มีกระแสอะไรมากนัก แต่พอหลังจากเพลง Roar ของ Katy Perry ออกมา ก็โดนคำวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของซาวน์ที่คล้ายกันโดยเฉพาะเสียงเปียโนตลอดทั้งเพลง (แม้ว่าเพลงหลังจะดังกว่าด้วยฐานแฟนเพลง) แต่ทั้งนี้ก็ทำให้ทางค่ายตัดสินใจโปรโมตเพลงนี้ทางวิทยุอีกรอบ และ Sara ก็โปรโมตเพลงนี้ต่อไป จนถึงขณะนี้เพลงนี้ก็ยังวนเวียนอยู่ในชาร์ต iTunes เรื่อยมาแม้กระทั่งตอนที่ผมเขียนอยู่นี้ (เป็นเรื่องน่าตลกที่ว่าเธอชิงแกรมมี่ในสาขาเดียวกับเพลง Roar อีกด้วย)
(การแสดงสดของเพลง Brave ที่ผมคิดว่าเพราะที่สุด)
02 – Chasing The Sun :
(การแสดงสดเพลง Chasing the Sun เป็นเพลงปิดในคอนเสิร์ตของเธอพร้อมกับ Intro เพราะๆที่เพิ่มมา)
แฟนเพลงเรียกร้องให้เพลงนี้เป็นซิงเกิ้ลที่สอง และเป็นเพลงที่ผมชอบมากที่สุดจากอัลบั้ม เนื้อเพลงปลุกกำลังใจให้ไม่ท้อแท้ (You said, remember that life is / Not meant to be wasted / We can always be chasing the sun! / So fill up your lungs and just run / But always be chasing the sun!) มาพร้อมกับเสียงเปียโนและจังหวะที่ตื่นตัว
เพลงโปรโมตอัลบั้ม มาพร้อมกับเปียโนบัลลาดสบายๆที่ทำให้แฟนเพลงอัลบั้มก่อนๆของเธอดีใจ และเนื้อเพลงเศร้าๆ (You can have Manhattan / Cause I can’t have you)
(Lyric Video ของเพลง Manhattan)
05 – Satellite Call :
บัลลาดเปียโนที่มาพร้อมซาวน์ที่แปลกใหม่พอสมควร ผมฟังตอนแรกแล้วไม่ค่อยชอบเลย จนต้องฟังหลายๆรอบถึงจะใช้ได้ ซาวน์หลอนๆก้องๆหู (Ou ou ou ou ou ou ou ou ou ou / Ou ou ou ou ou ou ou ou ou ou) เพลงแอบยาวไปนิดเพื่ออารมณ์ของเพลง
เพลงทำนองสนุกๆที่พี่สาวของ Sara มาร่วมร้องเล็กๆด้วย เพลงนี้แอบมีซาวน์และคีย์หลักของเนื้อเพลงคล้ายๆกับเพลง King of Anything (Sara ร้องสองเพลงนี้ต่อกันในคอนเสิร์ต)
(ในคอนเสิร์ตที่ Sara ร้องเพลง King Of Anything ต่อจากเพลงนี้ทันที)
07 – Cassiopeia :
(การแสดงสดเพลง Cassiopeia กับฉาบอันลือลั่น)
เพลงน่ารักสดใสๆเกี่ยวกับกลุ่มดาวแคสซิโอเปียที่ผมชอบและคิดว่าน่าสนใจสำหรับเพลงของ Sara โดยเฉพาะเนื้อเพลงและตอนที่เธอร้องสดพร้อมกับตีฉาบไปด้วย (Tonight / Come on, come on collide / Break me to pieces I / I think you're just like heaven)
08 – 1000 Times :
(ร้องสดเศร้าๆ)
บัลลาดเศร้าๆ จุดเด่นคือการขึ้นเสียงสูงในประมาณท่อนท้ายๆเพลงที่ทำให้เศร้ามากขึ้นไปอีก เนื้อเพลงเกี่ยวกับการรำพึงถึงคนรัก (And we could buy the minute, though / Is it so bad if I wanna cry out / That I would die to make you mine / Bleed me dry almost every time / But I don't mind, no I don't mind it / I would come back 1000 times)
ซาวน์ป๊อปอิเล็กโทรชัดที่สุดในอัลบั้ม มาพร้อมกับเนื้อเพลงที่น่าสนใจ (Walking in the garden was a serpent-shaped heart and he told me / That what is broken cannot show, and less than beautiful is worse than unholy / Idolized my innocence, stole it from me in the end / Now I'm wide awakened and still paying for the poison they sold me)
11 – Islands :
เพลงให้อารมณ์เศร้าๆอีกเพลง พร้อมกับซาวน์ Huh huh ha, Huh huh ha อีกทั้งเป็นเพลงที่เรายังไม่เคยเห็น Sara ร้องสดที่ไหนเลย (When will you realize / You must become an island / And see for yourself that that's what I am)
12 – December :
เพลงเปียโนบัลลาดแบบ Manhattan เป็นเพลงปิดอัลบั้มที่ทำหน้าที่ปิดอัลบั้มได้อย่างดีเยี่ยม ให้อารมณ์เศร้าๆเล็กๆ (But not enough to consume the darkened state I'm in / The darkened state I'm in, the darkened state I'm in / December... / You've always been a problem child / December... / You run me down right restless and wild / But I remember when you used to be mine)
เพลง I Just Want You ที่สุดท้ายแล้วเธอไม่ได้ใส่ไปในอัลบั้ม โดยเธอบอกกับแฟนเพลงว่าเพลงนี้เธอเขียนเหมือนกับเพลงรักที่เธอมอบให้แฟนเพลงและอยากที่จะเก็บไว้แค่สองฝ่ายเท่านั้น ><
(พ่อของ Sara ส่ง E-Mail ให้เธอตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนเป็นกำลังใจและมันก็กลายเป็นจริง)
ทิ้งท้าย : เป็นเรื่องน่าสนใจที่แกรมมี่ให้เกียรติอัลบั้มนี้ชิงแกรมมี่ในสาขา Album of the Year โดยไม่มีใครคาดคิด (และเขี่ยอัลบั้มของ Justin Timberlake (ที่รวมทั้งสองพาร์ท) ออกไปหน้าตาเฉย) อีกทั้งที่มีประเด็นกับเพลง Roar นั้น ทั้งสองเพลงได้ชิงในสาขา Best Female Pop Vocal Performance นอกจากนี้เพลง Roar ยังได้ชิงสาขา Song of the Year แต่ Sara กลับชิงในสาขาอัลบั้มแทน (อัลบั้มของ Katy Perry ออกวางแผงเลยจากกำหนดการณ์แกรมมี่ จึงไม่มีสิทธิ์ส่งชิงในปีนี้) ส่วนตัวผมยินดีกับ Sara เพราะเธอน่าจะได้รับความสนใจจากผู้คนมากกว่านี้ (แน่นอนว่าเลพง Love Song ดังมาก แต่เธอก็เรื่อยๆมาตลอด) อีกทั้งวันประกาศผู้เข้าชิงแกรมมี่ยังตรงกับวันเกิดครบ 34 ปี ของเธอด้วย
(การประกาศชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ในสาขา Album of the Year)
อ้าว ออกอัลบั้มใหม่ (The Blessed Unrest) ไม่ทันไร ก็ออกบันทึกการแสดงสดตัวนี้ออกมาต่อเลยหรือเนี่ย (ซึ่งไม่รู้ว่าไทยจะเอาเข้ามาขายไหม เพราะกว่าจะเอาอัลบั้มเข้ามาขายก็รอตั้งนาน) ตัวนี้ก็นำเพลงเก่าๆมาร้องสดเหมือนเคย และมีขายทั้งแผ่น DVD กับ CD ในอันเดียวกัน (คล้ายกับตอน Between the Lines: Sara Bareilles Live at the Fillmore แต่อันนี้ tracklist มีเหมือนกันทั้งสองฟอร์แมท)
Tracklist:
1. Love On The Rocks / Bennie and the Jets 2. Uncharted 3. Love Song 4. (Sittin' On) The Dock of the Bay 5. Manhattan 6. Let The Rain 7. I Just Want You 8. Come Round Soon 9. Once Upon Another Time 10. Brave 11. King of Anything 12. Gravity 13. Goodbye Yellow Brick Road
จะสังเกตเห็นว่ามีเพลงของเธอเองจากอัลบั้มก่อนๆ อย่าง Love Song, Come Round Soon, Love On The Rocks และ Gravity (Little Voice) หรือจาก Uncharted, Let The Rain และ King of Anything (Kaleidoscope Heart) หรือจากอัลบั้มใหม่ Manhattan และ Brave (The Blessed Unrest) รวมไปถึง EP อันใหม่อย่างเพลง Once Upon Another Time ส่วนเพลงที่ไม่เคยอยู่ในอัลบั้มอย่าง I Just Want You ก็นำมาร้องในนี้ด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือเพลงที่เธอร้อง Cover ในคอนเสิร์ตของเธอเองบ่อยๆอย่าง Bennie and the Jets ของ Elton John, (Sittin' On) The Dock of the Bay ของ Otis Redding (ที่เธอเคยร้องไปแล้วใน Between the Lines: Sara Bareilles Live at the Fillmore) และ Goodbye Yellow Brick Road ของ Elton John
สรุป : แค่ฟัง Sara Bareilles ร้องสดเพราะๆก็คุ้มค่าแล้ว แต่โดยรวมบันทึกการแสดงสดอันนี้ส่วนใหญ่มีแต่เพลงจากอัลบั้มเก่าๆ อีกทั้งเพลงจากอัลบั้มใหม่ก็มีแค่สองเพลงเท่านั้น ใครที่หวังจะฟังเพลงจากอัลบั้มใหม่ก็คงต้องผิดหวังหน่อย