3 ธค 54 แตกต่างแค่เปลือกความคิด ปกปิดจิตประภัสสร
"ตองแตกแยกแยะดู จึงล่วงรู้ลมพายุ เปลือกต้นหนอนไชปรุ ก็ล่วงลุ ข้างในกลวง แตกหน่อกองอหงิก ถูกไก่จิก หนอนแก้วเจาะ น้อมดูให้รู้เหมาะ ทุกสิ่งเพราะเหตุปัจจัย"
สัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสแวะชม วัดผาซ่อนแก้ว ได้หนังสือธรรมะเล่มเล็กสวยงามของท่านอาจารย์ อำนาจ โอภาโสค่ะ " แตกต่างแค่เปลือกความคิด ปกปิดจิตประภัสสร" เมื่อหยิบมาพินิจพิเคราะห์และอ่านดูทำให้สะดุดใจกับคำสอนของท่าน การสอนของท่านอาจารย์ขั้นสุดยอดแต่ละรูปนั้น แม้มีรูปแบบการสอนการนำเสนอที่แตกต่าง แต่ถ้าเราละทิฏฐิและอคติ หยุดนิ่งลงน้อมนำเข้าสู่ใจ จะพบว่าล้วนเกิดประโยชน์และสามารถแทงทะลุเข้าสู่จิตใจได้อย่างซาบซึ้งทั้งสิ้น "คนหลายคนกินน้ำบ่อเดียวกัน เที่ยวทางเดียวกัน แต่ไม่เหยียบรอยกัน"
ธรรมบรรยาย เมื่อวันที่ 7 กย 2549 สรุปใจความส่วนที่ชอบ ท่านอาจารย์เล่าถึงการศึกษาปฏิบัติธรรม เมื่อครั้งอยู่กับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี ที่วัดหินหมากเป้ง เมื่อ พศ 2526 หลวงปู่เทสก์ ได้สอนการปฏิบัติให้หลวงพ่อโดยเฉพาะ มีด้วยกัน 4 ข้อ 1. ให้รักษาศีลข้อเดียว คือ รักษาใจให้ปกติ 2. อย่าส่งจิตออกนอก คือ อย่าส่งออกไปปรุงแต่งเรื่องคนโน้น คนนี้ หรือเรื่องภายนอก ถึงไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายได้ ถ้าเราไม่ส่งจิตออกนอก 3. อยู่กับผู้รู้เสมอๆ ไปอยู่ป่าเขามันว้าเหว่ ก็ให้รู้ให้ดูว่า ใครมันว้าเหว่ จะกวาดลาน ถูพื้น อาบน้ำ ทำทุกอย่างให้อยู่กับผู้รู้ แม้คิดก็ให้ดูว่า ใครเป็นผู้รู้ ผู้คิด แม้แต่ปวดหัว ก็เอาไว้ดูว่าใครเป็นผู้ปวด 4. หาใจให้เจอ ใจคือความเป็นกลาง ไม่เอนเอียงไปทาง ชอบ ชัง ถูก ผิด ดี ชั่ว เจอใจที่เป็นกลาง ศาสนาพุทธจบลงเท่านี้
"... สังขารเหมือนต้นกล้วย ต้นกล้วยมันไม่มีแก่น เราลองลอกกาบดูมันจะไม่มีแก่น เพราะฉะนั้น ตัวนี้มันบังความเป็นจริงอยู่ ....จิตมันประภัสสรอยู่แล้ว แต่ที่เราไม่เห็นมันเพราะมันมีกาบกล้วยนี้บังอยู่ กาบกล้วยนี้คือสังขาร สังขารคือการปรุงแต่งที่เรามัวสนใจแต่เปลือก แต่กาบของมัน ถ้าลอกออกตั้งแต่ต้นถึงใบ ถึงหัวปลีข้างในจะเป็นความว่างเหมือนกัน ....การที่เราไม่เห็นจิตประภัสสร เพราะมีจิตสังขารบังอยู่ ให้เรารู้เท่าทันมัน อย่าไปติดแค่เปลือกสังขาร พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเทียบเหมือนกาบกล้วย ไม่มีแก่นสาร อย่าไปสนใจเปลือก ให้เข้าไปสนใจสภาวะข้างในแทน สภาวะที่มันโล่งว่าง เป็นที่ไม่มีเจ้าของความรู้สึก มันมีแค่ "ความรู้สึก" เป็นธรรมชาติกลางๆ ร่างกายหรือขันธ์ห้าก็เหมือนกัน ไม่มีคำว่า "เรา" มีแต่การรู้ ถ้าไม่ใส่คำว่า "เรา" ลงไปก็สบาย ถ้านำไปใช้กับการงานทุกชนิดมันจะดี เพราะมันไม่มีเมฆหมอกมาปกคลุมให้เสียเวลา ปัญญาดับเพราะไปคิดผิด ปัญญาไม่เกิดจะไปสร้างสรรค์ได้ยังไง เราไม่รู้เลยไปสร้างตัวปิดกั้นปัญญาด้วยการดำริผิด ไปหลงมองแต่เปลือกของการปรุงแต่งจนไม่เห็นสภาวะข้างใน เราจะรู้ว่าอะไรเป็นแก่นสารเมื่อเรารู้สึกตัว การปรุงแต่งมันเป็นที่พึ่งอะไรไม่ได้เลย หมั่นรู้สึกตัวออกมาจากการปรุงแต่งทันทีที่รู้สึกตัว เช่นนี้แหละเราจะสามารถเห็นจิตประภัสสรเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ ซึ่งมีอยู่ในทุกคนได้ ไม่ไปหลงเปลือกที่แตกต่าง เปลือกภายนอกที่เป็นธาตุสี่เหมือนกัน อย่าไปหลงเปลือกที่เป็นกลุ่มก้อน เห็นมันเป็นละอองกระแสของธาตุสี่ เปลือกภายใน คือ เนื้อหาเพียงมุมมองความคิดปรุงแต่งที่แตกต่าง ไม่ก่อชนวนสงคราม ความขัดแย้งขึ้นภายในใจ สงครามภายนอกก็ดับ เห็นความจริงว่า ไม่ว่าปรุงแต่งดี หรือปรุงแต่งร้าย ล้วนเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เกิดดับแฝงอยู่ในความว่าง จิตธาตุรู้เป็นเพียงธรรมชาติที่ไร้เจ้าของ ไม่มีของใครอยู่ในนั้น หากไม่หลงเปลือกปรุงแต่งความคิด ธรรมชาติเดิมที่สะอาด สว่าง สงบ ก็เปิดเผยตัวออกมา นี่คือเป้าหมายของการบรรยายวันนี้"
Create Date : 03 ธันวาคม 2554 |
|
4 comments |
Last Update : 3 ธันวาคม 2554 13:18:16 น. |
Counter : 1510 Pageviews. |
|
|
|