6 มีค 53 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ตอนจบ
วันนี้ตอนจบ จะเป็นรายละเอียดส่วนที่เหลือค่ะ อย่างที่เคยเล่าไว้ในตอนแรกว่า ภูหลวงในอดีตเป็นทะเล ถูกยกตัวขึ้นเป็นภูเขา เวลาเดินเที่ยวรู้สึกคล้ายๆเดินเที่ยวทะเลบนภูเขาค่ะ
ผ่านลานสุริยันเข้ามาในบริเวณที่กั้นรั้วไว้โดยรอบ
ด้านในมีกุหลาบพันปีสีขาว และสีขาวอมชมพู กำลังเริ่มบานประปราย ยังมีดอกตูมที่รอการบานอีกมาก แต่แดดที่ร้อนจัดในช่วงบ่ายทำให้ดอกที่บานแล้วเหี่ยวเฉาไปมากค่ะ
กุหลาบพันปีสีขาวอมชมพู สวยมากๆค่ะ
"เอื้องตาเหิร" เกาะบนต้นไม้ และตามลำต้นของต้นไม้กระจัดกระจายทั่วไป
"เอื้องกระจิบ ขนาดเล็กมากถ้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ไม่ชี้ให้ดูคงมองผ่านไปค่ะ
"เอื้องนิ่ม หรือนิมมานนรดี"
ดอกกล้วยไม้ "แปรงสีฟันพระอินทร์"
ดอกกล้วยไม้ จำชื่อไม่ได้ค่ะ
กล้วยไม้ ที่หาดูยาก "เอื้องขยุกขยุย" หรือ "สิงโตขยุกขยุย" กล้วยไม้หัวเดียวใบเดียว ที่นักท่องเที่ยวขึ้นภูหลวงเพื่อเสาะหาดูต้นนี้ โดยเฉพาะดอกบานหาดูได้ยากมากๆ ( ฟังเจ้าหน้าที่ป่าไม้บอกค่ะ) วันนี้โชคดีจัง เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกค่ะ
ไลเคน ชนิดหนึ่งชื่อ "ฟองหิน"
"มอส" บนกิ่งไม้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ชี้ให้ดูต้นไม้ตลอดสองข้างทาง เขารักธรรมชาติ สุดยอด จริงๆค่ะ
เดินผ่านๆ ไม่ชี้ให้ดูจะเห็นมั้ยนะ "ข้าวตอกฤาษี" ถ้าพบบริเวณไหนแสดงว่าเข้าใกล้แหล่งน้ำแล้วล่ะ ดูคล้ายปะการังในทะเลนะคะ คนอื่นว่ามันคล้ายยังไง มันก็เป็นต้นไม้ ก็ดูให้ดีๆสิ มันแตกกิ่งก้านคล้ายกัน
"หรีด" ดอกไม้สีฟ้าขนาดเล็กมากๆ แต่พอชี้ให้ดูเห็นแล้วก็เห็นที่อื่นกระจัดกระจายทั่วไปค่ะ เดินมาตั้งนาน ถ้าไม่ชี้ให้ดูก็ไม่สังเกตเห็น
"หญ้าขนตาช้าง" หญ้าที่นี่มีชื่อทุกต้นค่ะ
ต้นนี้ก็มีชื่อ แต่จำไม่ได้ เหมือนต้นหญ้าที่เยอรมันค่ะ
ต้นอะไรก็จำชื่อไม่ได้ เล็กนิ้ดเดียว เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เดินผ่านยังมองเห็น สุดยอดๆ
ต้นเฟิร์น
"เฟิร์นนาคราช" เป็นหัวเป็นตัวหงิกๆค่ะ ไม่ชี้ให้ดูจะเห็นมั้ยนะ
"สนหางกระรอก"
"สนทราย"
"สนพันปี" ต้นที่เห็นใบฝอยๆค่ะ
"ประทัดแดง" กาฝากชนิดหนึ่ง แต่ดอกสีสวยดีค่ะ
"หินเจดีย์"
"หินหัวช้าง" มองดูคล้ายช้างที่ถูกคำสาป ให้ยืนอยู่กับที่ค่ะ
สิ่งที่ลืมไม่ได้นึกถึงคือ การบันทึกภาพ ร่องรอยของสัตว์ป่า เช่นช้างป่าเดินเสียดสีต้นไม้ ล้มก้อนหินภายในป่า รอยขุดดินของหมูป่า รอยการกินยอดเฟิร์นของเลียงผา ใกล้ถึงทางออก มีที่พักให้นั่งรอชมวิวมุมสูง ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ถึงประสบการณ์การทำงาน และ สิ่งเหนือธรรมชาติในป่า เขาเล่าถึง นักพรตแปลกประหลาดที่พบในป่า และ ความศักดิ์สิทธิ์น่าสะพรึงกลัวของเจ้าป่าเจ้าเขา การทำงานนั้น ออกลาดตระเวนเดินเท้า ครั้งละ ห้าวันหกคืน จึงกลับฐาน มีการปะทะกับผู้บุกรุกอยู่เป็นระยะ แต่การตั้งรับได้ประโยชน์น้อย เพราะต้นไม้ใหญ่ก็ถูกตัดทิ้งไปแล้วเอากลับให้มีชีวิตเหมือนเดิมไม่ได้อีก การทำงานปัจจุบันจึงปรับรูปแบบ เป็นในเชิงรุก ปลุกจิตสำนึกให้ประชาชน และ เยาวชนโดยรอบบริเวณป่าได้เข้ามาสัมผัสและเกิดความรักความหวงแหนป่า จะได้ช่วยกันรักษาไม่ทำลายป่าค่ะ
Create Date : 06 มีนาคม 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 8 มีนาคม 2553 14:08:52 น. |
Counter : 5669 Pageviews. |
|
|
|