เมืองหลวงพระบาง คือเป้าหมายแรกที่อยากไปเที่ยวในประเทศลาว
แต่ก็เพิ่งจะได้ไปในการเที่ยวประเทศลาวเป็นครั้งที่ 3
เนื่องจากดูจากข้อมูลการเดินทางระหว่างเมืองและที่ตั้งของสถานที่เที่ยวแต่ละจุดแล้ว
สรุปลงตัวด้วยการซื้อทัวร์ครับ โดยนัดเจอกับผู้จัดที่หน้าด่านหนองคาย เช้าวันเดินทาง
ผมและคณะออกเดินทางจากขอนแก่นไปหนองคาย ล่วงหน้า 1วัน โดยรถไฟฟรีครับ
เข้าพักที่โรงแรมใกล้ๆ ด่าน หลังจากนั่งๆนอนๆ ที่โรงแรม พอแดดเริ่มตก คณะของผมก็มีการเดินสำรวจเส้นทางตอนเย็น เพื่อการกะเวลาออกจากโรงแรมในตอนเช้า สรุปว่า 5 นาที ครับ อิอิ
เช้าวันนัดหมาย เจอผู้จัดทัวร์ และผ่านขั้นตอนของด่านตรวจคนเข้า(ออก)เมือง ผมและคณะ รวมทั้งเพื่อนร่วมทัวร์อีกคณะ รวม 7 คน ก็เดินทางข้ามแม่น้ำโขงเข้าสู่ประเทศลาว
หลังจากผ่านขั้นตอนที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองลาว เราก็ต้องรับสมาชิกเพิ่มอีก 1 คน ตามธรรมเนียมครับ น้องไกด์สาวชาวลาว จะดูแลเราไปตลอดการเดินทางทริปนี้ครับ
เมื่อพร้อมแล้วก็ออกเดินทาง โดยจุดหมายแรกคือ มื้อเที่ยงที่วังเวียงครับ
อิ่มแล้วก็เดินทางต่อ จุดหมายปลายทางคือเมืองหลวงพระบาง โดยรถตู้ของเราใช้เส้นทางถนนตัดใหม่ครับ โชเฟอร์บอกเรา โค้งจะน้อยกว่าเส้นเก่า แต่จะชันกว่าเล็กน้อย
ช่วงนี้มีจุดแวะพักชมวิวด้วยครับ
พักกันพอหายเมื่อย ก็เดินทางต่อ หลับๆตื่นๆ ก็ถึงหลวงพระบางตอนค่ำๆ 6 โมงเย็นกว่าแล้ว ไกด์พาเราไปกินมื้อเย็นแล้วพาเดินตลาดมืด ก่อนเข้าที่พักครับ
ตลาดมืด จุดรวมนักท่องเที่ยว มีสินค้าพื้นเมืองให้เลือกชมเลือกซื้อมากมาย ด้วยความล้าจากการเดินทาง เราเดินได้ไม่นานครับ ก็พากันเข้าที่พัก และนัดหมายจะไปตักบาตรข้าวเหนียวกัน
เช้าวันที่ 2 ของทริปนี้ พวกเราพร้อมกันตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง เพื่อไปตักบาตรข้าวเหนียว โดยไกด์ลาวเป็นคนจัดเตรียมสถานที่และข้าวเหนียวกระติ๊บใหญ่สำหรับใส่บาตร
นักท่องเที่ยวมีทั้งที่มารอใส่บาตรและมารอถ่ายรูปครับ
สำหรับการตักบาตรข้าวเหนียว การแต่งกายต้องเป็นเสื้อผ้ามิดชิดเรียบร้อยนะครับ
หญิงควรใส่ผ้าซิ่น ซึ่งคณะทัวร์ของเราก็ซื้อไว้จากตลาดมืดเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ชายต้องมีผ้าคล้องคล้ายๆสไบ อันนี้ไกด์เตรียมมาให้ครับ
ตักบาตรเสร็จ ไกด์ก็พาเราเดินไปเที่ยวจุดต่อไป คือ วัดเชียงทอง เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ครับ เราโชคดีครับ อยู่ใกล้ๆกับจุดที่เราตักบาตรข้าวเหนียว
จากวัดเชียงทอง เดินต่อตามถนนเลียบแม่น้ำอีกไม่นาน เลี้ยวซ้ายตรงสามแยกร้านกาแฟประชานิยม แล้วเดินอีกไม่ถึง 100 เมตร เราก็ถึงตลาดเช้า
ที่ตลาดเช้า มีทั้ง อาหารสด อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป ข้าวของเครื่องใช้ ฯลฯ บบรรยากาศคล้ายๆตลาดสดบ้านเรา แต่จะมีสินค้าแปลกๆให้เราได้ดู ชม ชิมครับ
เดินไปเดินมา ทะลุออกอีกด้านนึง อ้าว คุ้นๆ เป็นถนนที่จัดเป็นตลาดมืดเมื่อคืนนี่นา อิอิ
ก่อนกลับเข้าที่พัก ก็ต้องแวะร้านกาแฟร้านดัง ที่ใครๆบอกว่า มาหลวงพระบางต้องแวะที่นี่
ร้านกาแฟประชานิยม ครับ นิยมกันจริงๆคนเข้าร้านไม่ขาดสายเลย ผมจึงได้ยืนกินกาแฟเลย เช้านี้
กลับเข้าที่พัก จัดการอาหารเช้าอีกรอบที่โรงแรม แล้วเดินทางต่อครับ
เรากลับเข้ามาในเมืองอีกรอบ เพื่อชมพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง และหอพระบาง ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน หอพระบางนั้น คนแน่นมากผมเลยไม่ได้ขึ้นไปกราบ ได้แต่เข้าชมในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเดิมเป็นพระราชวังหลวงที่พำนักของเจ้ามหาชีวิต ภายในห้ามถ่ายภาพครับ
จากพิพิธภัณฑ์ เราข้ามถนนเพื่อขึ้นไปสักการะพระธาตุพูสี
ระหว่างทางขึ้น มีวัดที่น่าสนใจ แต่ไม่ค่อยเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวเท่าไหร่นัก คือ วัดป่าฮวก(ป่ารวก) ซึ่งเป็นวัดไทยวัดเดียวในหลวงพระบาง
รั้งท้ายอีกตามเคย อิอิ เสร็จจากถ่ายภาพวัดป่ารวก ผมต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตัวกลม เพื่อไปขึ้นรถ
จุดหมายต่อของเราคือ ลงเรือไปเที่ยวถ้ำติ่งครับ
รายการนี้เราต้องไปร่วมกับคณะทัวร์อื่น เพื่อแชร์ค่าเรือกันครับ แต่บริษัททัวร์จัดการให้เรียบร้อยแล้ว
อ้าว เรือพาเราเลยถ้ำติ่ง อิอิ ใช่ครับ เขาพาไปกินอาหารมื้อเที่ยงก่อนครับ
อิ่มแล้วก็ลงเรือกลับมาขึ้นถ้ำติ่งครับ มี 2 ถ้ำ คือ ถ้ำเทิง(ถ้ำบน) และ ถ้ำล่าง
ถ้ำเทิง มีขนาดเล็ก ไกด์แนะนำให้เที่ยวชมเฉพาะถ้ำล่างครับ แต่คณะของเรา มีหรือจะยอม
เที่ยวชมถ้ำเทิงเสร็จ ก็รีบลงมาชมถ้ำล่างครับ หอบเลยครับงานนี้
แล้ว... ทุกคนลงไปรอในเรือหมดแล้ว 555 ผมเลยได้วิ่งตัวกลมอีกรอบ
พอนั่งที่เรียบร้อย เหงื่อท่วมตัวพอๆกับตอนขึ้นถ้ำพูคำ ที่วังเวียง เลยครับ
บ๊ายบาย ถ้ำติ่ง กับเวลาที่ค่อยข้างจำกัด แต่ถ้า back pack มาเอง คงไม่ได้มาแน่ๆ
ขึ้นจากเรือ แวะเดินชมสินค้าของบ้านช่างไหครับ ขึ้นชื่อเรื่องการต้มเหล้าและการทอผ้า
จากบ้านช่างไห นั่งรถต่ออีก 1 ตื่น(เหนื่อยมากจากถ้ำติ่งครับ) เพื่อไปน้ำตกตาดกวงสีครับ
เสียดายมากเพราะขากลับ มืดแล้ว ผ่านนาขั้นบันไดด้วยครับ อดเก็บภาพ อิอิ
ที่น้ำตกตาดกวงสี นี้ มีศูนย์ช่วยเหลือหมี ให้ได้ชมด้วยนะครับ การเที่ยวชมควรปฏิบัติตามกฏและคำแนะนำของไไกด์อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยครับ
ขาตั้งกล้องครับ 555 ได้ใช้อีกครั้ง คุ้มแล้วรอบนี้ หลังจากแบกไปใช้ที่ถ้ำติ่งมาเมื่อบ่าย
เสร็จจากตาดกวงสีก็เริ่มมืดแล้วครับ
คณะของเราก็เดินทางกลับเข้าตัวเมืองหลวงพระบาง
อาหารเย็นวันนี้ เราได้กิน "เอาะหลาม" แกงพื้นบ้านของหลวงพระบางครับ
เสียดายว่า หิวมาก ไม่ได้เก็บภาพก่อนกิน เสร็จจากมื้อเย็นเราก็มาเดินตลาดมืดอีก
ช่วงที่ผมไป ตรงกับงานเทศกาลหนังของหลวงพระบางพอดี ได้แต่เดินชมบรรยากาศครับ
ไม่ได้รอดูหนัง(กลางแปลง)กับเขาหรอก งานจัดอยู่ติดกับตลาดมืดครับ
เช้าวันที่ 3 เราสายหน่อยพร้อมกันประมาณ 7 โมงเช้า เพื่อเดินทางไปวังเวียง
ขากลับนี้เราใช้เส้นทางถนนสายเก่าครับ เส้นทางคดเคี้ยวมากจนทำให้หนึ่งในคณะเดินทางผมถึงกับต้องคืนอาหารเช้าที่กินมาจากโรงแรมคืนสู่ธรรมชาติไปสองรอบครับ
จุดแวะที่น่าสนใจคือ "ตลาดสามแยกพูคูน" ครับ
จากตลาดสามแยกพูคูน เราก็เดินทางต่อ จุดหมายของเราคือ อาหารมื้อเที่ยงที่ภูเพียงฟ้า
ซึ่งที่ภูเพียงฟ้านี้ เราจะชม "ภูพระเจ้า" ภูเขาสูงที่ตั้งตะหง่านอยู่เบื้องหน้าจุดชมวิว
อิ่มตาอิ่มใจ อิ่มท้องแล้วก็เดินทางต่อครับ มุ่งสู่วังเวียง
ถึงวังเวียงแล้ว เราก็เที่ยวต่อทันทีครับ จุดแรกจุดเดียวคือ ถ้ำจังครับ
ถึงแม้จะเคยมาแล้ว แต่ก็ไม่ยอมเสียโอกาสที่จะเดินขึ้นไปชมอีกรอบครับ
ครั้งที่แล้ว มาเจอเด็กน้อย ครั้งนี้มาเจอเณรน้อยครับ
หมดเรียวหมดแรงกันไปพอสมควร ไกด์ก็พาเราเข้าที่พักครับ
ตกเย็นผมก้ถึงกับจับไข้ไป 1 คืน ครับ ดีที่พกยาแก้ไข้มาด้วย ไม่งั้นคงได้หายไข้กับราคายาที่ลาวแน่ๆ
เพราะมาวังเวียงครั้งที่แล้ว ซื้อพลาสเตอร์แก้ปวดตราเสือ(แผ่นใหญ่ๆ) ราคา 85 บาท บ้านเราขายกัน 40-50 บาท เองครับ
เช้าวันที่ 4 ของทริป วันสุดท้ายแล้วครับ อาหารเช้ากันที่โรงแรมแล้วออกเดินทางเข้าเวียงจันทน์
เป้าหมายแรกของเราคือ หอพระแก้ว ครับ
ราวบันไดที่เป็นรูปนาคอ้าปาก เท้าก็จับปลาด้วย นี่ถ้าไม่ได้มากับไกด์ก็คงไม่รู้ความหมายครับ
"เขาหมายถึงพวกคนที่ไม่รู้จักพอ ปากก็อ้ากิน มือก็จับของกินอยู่อีก..."
วันนี้ไกด์เพิ่มโปรแกรมให้เรา 1 วัด คือ วัดสีเมือง พาเราไปทำบุญเสริมดวงชะตา ครับ
จากวัดสีเมือง เราก็ถูกพาไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารริมแม่น้ำโขง วิวสวยเชียวครับ แต่อาหารมื้อนี่รสชาตจะอ่อนไปหน่อย
จากนั้นก็เป็นสองสถานที่ ที่ใครมาเวียงจันทน์ต้องเยี่ยมชม คือ
พระธาตุหลวงและประตูชัย
ออกจากเวียงจันทน์ น้องไกด์สาวชาวลาวมาส่งเราถึงแค่ด่านฝั่งลาวครับ
พวกเราทั้งสองคณะก็รวบรวมทิปให้น้องกับพี่โชเฟอร์
ระหว่างรอทำเอกสาร เราก็เดินชอปปิ้งที่ DUTY FREE
รถเข้ามาส่งอีกคณะที่สนามบินอุดรธานี และส่งคณะผมที่เซ็นทรัลอุดรธานี เพื่อต่อรถกลับขอนแก่น
แม้จะต้องถูกจำกัดด้วยเวลาบ้าง แต่ก็เป็นทริปที่ค่อนข้างจะครบถ้วนครับ