Group Blog |
ก้าวที่ 1 => การผ่าตัดเพื่อเตรียมความพร้อม ตอนที่ 1 กว่าจะเป็นแม่คนนี่ไม่ง่ายจริงๆ มกราคม 2556 => หยุดกินยาคุม 24 เมษายน 2556 => ตรวจสุขภาพ ก่อนที่จะไปตรวจสุขภาพเนี่ยก็เคยคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นเหมือนคนอื่นๆ พอปล่อยปุ๊ปลูกก็คงมา แต่ที่จะไปตรวจเพราะว่ากลัวตัวแม่เองจะเป็นพาหะธาลัสซีเมีย เพราะว่าคุณยายของลูกเป็น แม่เลือกตรวจกับคุณหมอมฆวัน ที่สมิติเวช ศรีนครินทร์ คุณหมอท่านเก่งมากๆเลยรู้ไหม คุณหมอซักประวัติของแม่แบบละเอียด แม่เป็นคนประจำเดือนมาไม่ค่อยตรงเท่าไหร่ รอบแกว่ง 32-37 วัน และจะปวดท้องมากๆ เวลามาก็มาเยอะ หลายวัน แถมยังมีอาการเหมือนจะท้องเสียด้วย คุณหมอเลยบอกว่าแม่อาจจะเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่นะ แล้วคุณหมอก็ ultra sound ผ่านช่องคลอด ปรากฏว่าเจอถุงน้ำเล็กๆที่รังไข่ด้านขวา 12 ใบ รูปออกมาเป็นจุดกลมๆเล็กเหมือนลูกประคำเลย ตอนนั้นแม่ยังงงๆ ว่าเอ๊ะ อะไรยังไง แล้วแม่จะมีหนูได้ไหมเนี่ย หลังตรวจเสร็จคุณหมอก็อธิบายว่าแม่เป็น PCOS คือ ไข่ไม่ตกทำให้มันค้างอยู่เยอะหลายใบ และจากการซักประวัติคุณหมอค่อนข้างมั่นใจว่าแม่เป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ด้วย แต่มันจะตรวจไม่เห็นต้องใช้วิธีผ่าตัดส่องกล้องผ่าหน้าท้องเข้าไปตรวจดู แต่ถ้าจะผ่าแล้วคุณหมอก็อยากรักษาไปด้วยเลยทีเดียวจะได้เคลียร์ชุดใหญ่ ต้อนรับหนูไงจ๊ะ แต่ก่อนก่อนผ่าตัดเนี่ยคุณหมอมฆวันบอกว่าแม่มีคลื่นหัวใจที่ทำงานผิดปกติ คุณหมอเลยส่งต่อไปยังคุณหมอประพนธ์ แม่เลยโดนทั้งตรวจ EKG, Ultra sound หัวใจ, X-ray ปอด สรุปว่าแม่คลื่นหัวใจทำงานผิดปกติจริงๆ แต่หัวใจกับลิ้นหัวใจยังทำงานดีอยู่ คุณหมอเลยสั่งแม่งดทานทุกอย่างที่มีคาแฟอีน ไม่ใช่แค่ ชา กาแฟ นะลูก รวมถึง โค้ก ช็อคโกแล๊ค เค้กพวกหน้าชาเขียว เรียกได้ว่าเหลือแค่น้ำเปล่ากับน้ำผลไม้เท่านั้นที่ทานได้ เพราะว่าตาแฟอีนน่าจะเป็นตัวกระตุ้น แต่แม่ก็อดทนนะลูกเพื่อหนู หลังจากที่คุณหมอประพนธ์บอกว่าแม่สามารถผ่าตัดได้ แม่ก็นัดวันผ่าเลย แม่เลือกผ่าวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม (แม่ใจร้อนมากๆ) ต้องนอนโรงพยาบาล 4 วัน จริงๆแล้วมันมีวิธีการรักษาอย่างอื่นอีกนะ แต่แม่ใจร้อนไง เพราะถ้ากินยาไม่หาย แม่ก็ต้องผ่าอยู่ดี อีกอย่างแม่เชื่อใจมือคุณหมอมฆวันด้วย 4 พฤษภาคม 2556 วันนี้แม่ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อที่จะมากินโจ๊กให้เสร็จก่อน 7 โมง และไปโรงพยาบาลตอน 9 โมง บอกตรงๆว่าแม่ตื่นเต้นมาก แม่ไม่เคยต้องผ่าตัดแบบวางยาสลบมาก่อนเลย พอไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็เรียกแม่เข้าไปฟังถึงขั้นตอนการผ่าวันนี้และ mark จุดที่จะผ่า หลังจากนั้นคุณพยาบาลพี่วาสนา ก็พาพ่อกับแม่ไปเลือกห้องพัก พ่อของหนูอยากให้แม่ได้พักห้องที่สบายที่สุดเลยจะขออัพเกรดห้อง แต่ชั้นที่เกี่ยวกับเรื่องสูติชั้น 12 ไม่มีห้องว่างมีแต่ห้อง standard ต้องไปชั้น 14 ซึ่งเป็นผู้ป่วยปกติ แต่พอขึ้นไปแล้วแม่กลับชอบห้องชั้น 12 มากกว่า เลยลงมาใหม่ พี่พยาบาลวาสนาก็น่ารักมาก ช่วยจัดการให้ทุกอย่าง สรุปแม่ได้ห้อง 12306 จริงๆแม่ว่าห้องนี้ก็สบายกว่าโรงแรมบางที่ซะอีก แม่ได้ห้องตอนประมาณ 10 โมง หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดโรงพยาบาล และคุณพยาบาลก็มาเจาะเลือดและใส่เข็มน้ำเกลือ แม่เพิ่งรู้ว่าเข็มให้น้ำเกลือสำหรับการผ่าตัดจะใหญ่กว่าเข็มปกติ และแม่เองเป็นคนเส้นเลือดเล็กด้วย เกือบจะต้องเจาะใหม่แล้วเพราะว่าเข็มมันพอดีกับเส้นเลือดเหลือเกิน แต่คุณพยาบาลก็เก่งมากจริงๆพยายามใช้น้ำเกลือช่วยดัน จนสุดท้ายเข็มก็เข้าไปได้ หลังจากนั้นก็มีการเอาเลือดไปตรวจอีกหลอดใหญ่เลย และก็มาเจาะที่หูดูการไหลและการแข็งตัวของเลือด มาสวนทวาร (กลัวเจ็บมาก แต่สุดท้ายไม่เจ็บเลย แค่แน่นๆท้อง) มีมาโกนขนตรงนั้นด้วย เสร็จแล้วก็อาบน้ำ นอนเล่น ดูทีวี แต่ยังต้องงดน้ำงดอาหาร แล้วก็มีคุณหมอประพนธ์ (คุณหมอด้านหัวใจ) เข้ามาตรวจการทำงานของหัวใจอีกที คุณหมอดีนา (วิสัญญีแพทย์) มาอธิบายขั้นตอนการวางยาสลบ พอประมาณบ่าย 3 คุณพยาบาลก็มาต่อสายน้ำเกลือให้ พร้อมกับแผ่นพับอธิบายระดับความเจ็บปวดหลังผ่าตัด และก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดเข้าห้องผ่า แม่นะตื่นเต้นมาก ส่วนพ่อของลูกน่ะเหรอ ลั้นลา เอากล้องมาถ่ายรูปคู่กับแม่ใหญ่เลย บอกว่าจะเก็บไว้ให้หนูดูตอนโต และแล้วก็ถึงเวลา ประมาณ 16.15 เตียงก็มารับลงไปห้องผ่าตัดที่อยู่ชั้น 6 ระหว่างลงลิฟท์ แม่ตื่นเต้นมือเย็นไปหมดเลยลูก พ่อก็คอยปลอบแม่อยู่ข้างๆ พ่อมาส่งแม่ได้แค่หน้าห้อง หลังจากนั้นพ่อต้องเข้าไปรออยู่ในห้องพักจนกว่าคุณหมอจะโทรมา การผ่าจะใช้เวลา 1 ชั่วโมง และแม่ต้องอยู่ในห้องพักฟื้นอีก 2 ชั่วโมง (17.00 - 20.00) ถึงจะกลับไปห้องพักได้ สาเหตุที่คุณหมอให้พ่อรออยู่บนห้องเพราะว่าผ่าเสร็จคุณหมอจะได้โทรเข้ามาในห้องเพื่อแจ้งอาการ หรือว่าถ้าฉุกเฉินจะได้ให้พ่อร่วมตัดสินใจทันที พอแม่ถูกเข็นเข้ามาในห้อง (ยังไม่ใช่ห้องที่จะผ่าตัด) ประตูห้องก็ปิดลง แม่หันไปเห็นพ่อแอบน้ำตาคลอด้วย ^_^ แม่ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นอีกเตียงนึง แล้วก็ถูกเข็นไปห้องผ่าตัดจริงๆสักที พอเข้าไปถึงในห้อง แม่ก็ต้องเปลี่ยนอีกเตียงนึงมาเป็นเตียงห้องผ่าตัด ซึ่งเล็ก และแคบมาก ขนาดพอดีตัวเลย แม่ก็บอกคุณพยาบาลในห้องว่าแม่ตื่นเต้นมากถึงมากที่สุด คุณพยาบาลก็ได้แต่ปลอบว่าใจเย็นๆ 555 หลังจากนั้นก็ถอดชุดที่ใส่มาเป็นแก้ผ้าหมดเลย แต่ว่าจะมีผ้าคลุมอยู่ แม่บอกว่าหนาว แอร์ในห้องมันเย็นจริงๆนะลูก คุณพยาบาลเลยเอาผ้ามาห่มให้อีกชั้นนึง หลังจากนั้นก็มีคนมารุมแม่เต็มไปหมด แปะนู้นแปะนี่ มือถูกห่อเข้าไปใต้ผ้าพร้อมมัดไว้หลวมๆข้างลำตัว ขาก็มีคนมาใส่เครื่องกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด คนในห้องก็ต่างคนต่างทำหน้าที่ตัวเองอย่างคล่องแคล่ว สักพักคุณหมอมฆวันก็เข้ามาทักทาย และตามมาด้วยคุณหมอดีนา คุณหมอบอกว่าเดี๋ยวจะมีการให้ยาทางเส้นเลือดแสบหน่อยนะคะ (อันนี้แม่เข้าใจว่าเป็นยาฆ่าเชื้อนะ เพราะคุณหมอบอกว่าจะให้ดมยาสลบ) เสร็จแล้วคุณหมอก็เอาหน้ากากมาให้ดมแล้วบอกว่าอันนี้ยังไม่ใช่ยานะเป็นอ๊อกซิเจน ให้สูดลึกๆ แม่ดมเข้าไปแล้วไม่มีกลิ่นอะไรก็สูดลึกๆเข้าไป 2 ที พอทีที่ 3 เอ๊ะมันมีกลิ่นแปลกๆเหมือนยา แต่ตาแม่ยังคงแป๋วอยู่ด้วยความตื่นเต้น คิดในใจว่าแล้วถ้าแม่ไม่สลบล่ะ พอคิดเสร็จแค่นั้น รู้สึกตัวอีกที คือทั้งหนาวและเจ็บแผล พร้อมกับพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว เพราะห้องมันกว้างและมีพยาบาลนั่งเฝ้าอยู่ปลายเตียง -------------------------------------------------------------------------------------------------- เรื่องยังอีกยาว ขอต่อตอน 2 นะคะ ^__^ |
touch_sky_like_bird
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] Friends Blog Link |