สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปรู้จักกับเมืองซูวอน เมืองที่มีประวัติศาสน์ที่น่าสนใจอีกเมืองหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ค่ะ เมืองซูวอนตั้งอยู่ที่จังหวัดคย็องกีมีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน ห่างจากกรุงโซลประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นเมืองที่ยังคงมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมโบราณเกาหลี ปัจจุบันซูวอนเป็นเมืองเดียวของประเทศเกาหลีใต้ที่ยังคงมีกำแพงเมืองที่มีสภาพสมบูรณ์อยู่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลักที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมในจังหวัดคย็องกี นอกจากเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมแล้วเมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานใหญ่ของบริษัทซัมซุงด้วยค่ะ การเดินทางไปยังเมืองนี้ก็สะดวกสบาย โดยรถไฟใต้ดินจากโซลสาย 1 ลงสถานี Suwon ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หรือรถไฟด่วน KTX ขึ้นได้ที่สถานี Yongsan ลงที่สถานี Suwon ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีค่ะ
วันที่ไปเลือกขึ้นรถไฟด่วน KTX เพราะเร็วกว่าและค่าโดยสารก็ไม่แพงนั่งแปปเดียวถึงค่ะ
ภายในรถไฟ ที่นั่งกว้างสบายค่ะ มีชากาแฟให้บริการด้วยนะคะตรงโบกี้เบอร์ 4
ลงจากรถไฟมาก็มาต่อแท็กซี่ค่ะ จริงๆแล้วมีรถบัสผ่านนะคะ แต่นั่งแท็กซี่ก็สะดวกเหมือนกันเพราะไม่ไกลมากราคาก็ไม่แพงค่ะ เพราะไปกันสามคนหารกันตกคนละไม่เท่าไหร่ ราคาน่าจะพอๆ กับนั่งรถบัส คุณลุงคนขับก็ถามจะไปลงที่ไหน (กำแพงเมืองซูวอนยาวประมาณ 5.5 กิโลเมตร มีสถานที่ให้เที่ยวชมหลายจุดค่ะ) ตอนไปไม่ค่อยได้ศึกษารายละเอียดเท่าไหร่จำชื่อไม่ค่อยได้ ก็เอารูปรถไฟหัวมังกรให้ดู บอกคุณลุงคนขับจะไปที่นี่ค่ะ จะไปนั่งรถไฟหัวมังกรรอบเมือง พร้อมกับโชว์รูปในมือถือให้ดู คุณลุงก็ขับมาส่งไว้ที่ ประตู Changyongmun ค่ะ
ก่อนถึงประตู Changyongmun ต้องผ่านประตูนี้ก่อนค่ะ ประตู Paldalmun ประตูทางทิศใต้ของป้อมฮวาซอง ประตูนี้ถูกกำหนดให้เป็นมรดกของชาติ ลำดับที่ 402 รูปร่างของประตูจะคล้ายๆ พระจันทร์เสี้ยว ประตูนี้ตั้งอยู่ตรงกลางถนนเลยค่ะกลายเป็นวงเวียนของการจราจรไม่เชื่อมต่อกับกำแพงเพราะว่าก่อนที่จะมีการบูรณะกำแพงพื้นที่แถวนี้ค่อนข้างเจริญแล้วมีตึก, อาคาร, ร้านค้าเยอะทำไม่สามารถสร้างให้เชื่อมต่อกับกำแพงเดิมได้
ถึงแล้วค่ะประตู Changyongmun ตอนที่ไปเจอช่วงที่มีการแสดงโชว์การขึ่ม้าต่อสู้ในสมัยก่อนด้วยอาวุธประเภทต่างๆ พอดีเลยคะ โชคดีมากๆ นักท่องเที่ยวมารอชมการแสดงค่อนข้างเยอะเหมือนกันนะคะ
เมืองซูวอนเป็นเมืองที่มีสเน่ห์และสวยมากๆ ค่ะ จากตอนแรกที่กะว่าจะนั่งรถไฟหัวมังกรชมรอบเมืองซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที เปลี่ยนใจเดินเที่ยวเองดีกว่าเพราะว่ามีเวลาทั้งวัน กำแพงก็แค่ 5.5 กิโลเอง เหอๆ ก็เริ่มเดินจากประตู Changyongmun เลยค่ะ กลุ่มเราเลือกเดินวนซ้ายกลับย้อนไปตรงประตู Paldalmun (รถไฟหัวมังกรก็ดีนะคะเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาเที่ยวมาก, เด็กเล็ก, ผู้สูงอายุที่สุขภาพไม่ดีค่ะ)
ใครไม่อยากเดินหรือนั่งรถไฟหัวมังกร ที่นี่มีจักรยานให้เช่านะคะ
ส่วนเราเดินเลียบกำแพงชมเมืองไปเรื่อยๆ ค่ะ อากาศกำลังดี ลมพัดเย็นสบาย
เดินมาเรื่อยๆ จนผ่านประตู Paldamun และซื้อตั๋วเพื่อขึ้นไปชมกำแพงด้านบนเขาค่ะ
ประตูลับ Seonammun ซึ่งเป็นประตูสำหรับไปยังศาลาพักผ่อน Seonamganu
Hwaseong Jangdae หรือหอสั่งการทหารที่เฝ้าประจำการตรงป้อมปราการ จากที่นี่มองไปข้างล่างจะเห็นพระราชวัง Hwaseong Haenggung ค่ะ
ถ่ายมาแค่ด้านหน้าพระราชวังไม่ได้เข้าไปข้างในคะ เพราะว่าเห็นจากมุมสูงแล้วคล้ายๆ กับพระราชวังในโซลเพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า พระราชวัง Hwaseong Haenggung เดิมเคยเป็นพระราชวังประทับชั่วคราวของกษัตริย์และพระราชวงศ์ในช่วงสมัยสงคราม (1776-1800) และพระราชวังแห่งนี้กษัตริย์ชองโจทรงใช้เป็นที่ประทับในระหว่างการเดินทางไปสัการะหลุมศพของพระบิดาค่ะ พอเดินถึงตรงนี้ก็ตกลงใจโบกแท็กซี่กลับบ้านกันค่ะ เพราะขาเริ่มบวม 555
ใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่นี่ถือเป็นสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งของเกาหลีเลยค่ะ อยู่ใกล้โซลเดินทางสะดวก และง่ายมากค่ะ