My story

---

---

แรงบันดาลใจ

                        มันเป็นช่วงที่ผมเรียนอยู่ตอนปี3 ผมได้เห็นบล็อคของพี่ปูเป้ ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก แต่พอเปิดอ่านไปเรื่อยๆก็แบบ...เฮ้ย มันใช่ คือเป็นบล็อคที่ให้ความรู้อย่างแท้จริง ทั้งๆที่พี่เค้าก็ไม่ได้จบมาทางนี้โดยตรงแต่สามารถอธิบายได้เป็นฉากๆ ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ผมก็เลยคิดจะเลียนแบบเค้าบ้าง(คงไม่ว่านะคับพี่ปูเป้) แต่ผมจะเสนอเรื่องราวของอาหารเสริมเป็นหลักครับ ทำไมต้องเป็นอาหารเสริมล่ะ?? ประการแรกเลยก็คือผมเรียนมาทางนี้โดยตรงและมั่นใจว่าจะให้ความรู้ได้อย่างที่ถูกที่ควร คือเอาจริงๆก็คือ ตอนเรียนเรื่องพวกเนี๊ยเค้าก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกะวิตามินมากนักหรอกครับ ไม่ว่าจะเป็นเภสัชวิทยา เคมีชีวะ เคมีอินทรีย์ เคมีอนินทรีย์ คือพูดน้อยมากๆ และที่เค้าสอนก็จะสอนในแนวแบบว่า โรคที่เกิดจากการ "ขาด" วิตามินครับ และน้อยสุดๆๆๆ ที่จะพูดถึงวิตามินในเชิง สวยงาม ป้องกันรักษาโรค คือจะอธิบายไงดี เช่น เป็นเหน็บชา เพราะขาดB1 ก็ไปกินอาหารที่มี B1 ซะเป็นต้น แต่จะไม่บอกว่ากินB1ทุกวันนะเพื่อป้องกันนู้นนั่นนี่ งง มั๊ยคับ 555 ผมยังงงเองเลย เอาเป็นว่า บทความทั้งหมดที่ผมเขียนเนี๊ย ต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ทั้งจากการทำงาน จากการค้นคว้า (พูดง่ายๆว่า ไปแสวงหามาให้อ่านกันนั่นเองคับ) ประการที่สองก็คือ ผมชอบเปิดไปดูกระทู้ที่เค้าถามเรื่องอาหารเสริม ประมาณว่า กินตัวนี้ดีมั๊ย กินตัวนั้นดีมั๊ย กินตัวใหนดี อะไรทำนองนี้ ซึ่งก็จะมีคนเข้ามาตอบแบบ เยอะอ่ะ ซึ่งคำตอบที่ถูกจริงๆก็ซัก 5 เปอร์เซนต์ได้มั๊ง ส่วนที่เหลือก็...ขอโทษนะคับ เรียกว่า ไม่รู้จริง แต่อยากตอบว่างั้น(ขอโทษนะครับที่พาดพิง) ที่แย่ไปกว่านั้น ผมไม่เคยตอบคำถามพวกนั้นเลย 555 ทำไมนะเหรอ ประการแรก ถ้าผมตอบคงต้องใช้พื้นที่ซักกระดาษ A4 ละมั๊ง เพราะผมชอบร่ายเหตุผล ประการที่สองคือ ไม่มีเวลาเนื่องจากเรียนหนัก ประการสุดท้ายนี่สำคัญสุดๆคือ ขี้เกียจ!!!!! ก็เลยปล่อยพี่น้องเม้าส์กันไปตามยถากรรม แล้วเวลาก็ผ่านไปนานพอสมควร ตอนนี้ผมมีความรู้สึกอยากบอกอยากเล่าอภิมหากาพย์อาหารเสริมแล้วล่ะซิ ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ

---

ทำไมต้องขาย

                        คืองี้... จะเล่าให้ฟัง ตอนแรกๆผมก็ไม่ได้คิดเชิงพาณิชย์อะไรนี่หรอก เพราะอยากจะบอกเล่าให้ฟังเจงๆ แต่!!!! อาหารเสริมส่วนใหญ่ที่ผมคิดว่ามีประสิทธิภาพดีเป็นของนอกซึ่งราคาถูกกว่าของที่ขายในไทยซะด้วยซิ และผมก็เห็นเวลาใครจะซื้อก็จะสั่งซื้อกันทางเวปไซต์กันทั้งนั้น ผมเเลยมีแนวความคิดที่ว่า งั้นเรามาแชร์กันมั๊ย เราช่วยกันมั๊ย คือ ผมให้ความรู้ที่ ...จริง+++... ไม่โฆษณาขายของ เพราะผมจะรีวิวให้ดูหลายๆยี่ห้อ ที่ผมคิดว่าโอเค ไม่ใช่ว่า มันจะดีไปหมดทุกอย่างเหมือนที่เค้าขายๆกัน แล้วพี่น้อง ก็ช่วยกันอุดหนุนผม เพราะไม่ว่ายังไงพี่น้องก็ต้องซื้อจากคนอื่นอยู่แล้วจริงมั๊ย อีกอย่างสินค้าที่ผมขายผมบอกตรงๆว่าเอากำไรไม่มากหรอก ไม่แพงแน่นอน กำไรเล็กๆน้อยๆนี้ก็คิดซะว่าเป็นค่าสมอง ค่าขนม และทุนการศึกษาของเด็กน้อยตาดำๆ นะฮ๊าฟฟฟ....

ผมไม่อยากให้คนอื่นกล่าวหาว่าเป็น blogger แฝง คือ ใช้ความรู้ที่มีอยู่จริงบ้างไม่จริงบ้างเชียร์สินค้านู้นนี่ แล้วสร้างภาพให้เราๆเห็นว่าเค้าไม่ได้รับประโยขน์จากแบรนด์ใหนนะ เค้าทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ เค้าทำเพราะเค้าชอบนะ ประกอบกับการที่คนเรามักจะเชื่อว่า คนที่เสียสละ ทำเพื่อคนหมู่มาก โดยตัวเองไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรคือคนดี มีคุณธรรม ไม่มีทางหลอกลวง เป็นคนที่มีจิตใจสูงส่งเหนือมนุษย์ธรรมดา(ที่ผมพูดนี่ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะครับพี่น้อง ขอย้ำ บางคนเท่านั้น ที่ยังมีพฤติกรรมเช่นนี้ ในสังคมนี้ จริงๆ) พอเราเห็นว่าคนเหล่านั้นทำโดย "ไม่หวังผลตอบแทน" ทำเพราะ "จิตเสียสละ" เราก็จะ"เชื่อ" แบบหมดใจ หมดความสงสัยครับ  พอคนเหล่านี้มีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจก็จะมีอำนาจสิทธิ์ในการต่อรองกับแบรนด์ต่างๆเพื่อหวังอามิสสินจ้างแบบ "ลับๆ" ทั้งที่ไปขอค่าจ้างโดยตรงเลย หรือ ทางแบรนด์ติดต่อจ้างด้วยตัวเองก็ตาม โดยพวกเราไม่สามารถรู้ได้เลย เนื่องจากหน้าฉากนั้น คนเหล่านี้เป็นเสมือนบุคคลที่ทำประโยนช์ "โดยไม่หวังผลกำไร"แต่แท้จริงแล้ว ไม่ใช่!!! หนักข้อเข้าถึงขนาดมีการรวมตัวเป็น " มาเฟีย " คุมซอยเลยก็มี เรียกได้ว่า แบรนด์ใหนจะทำการตลาดได้ต้องผ่านปลายปากกาของ blogger พวกนี้เสียก่อน เพราะพวกคนเหล่านี้สามารถทำให้แบรนด์ใหนรวย ขายดิบขายดี หรือแบรนด์ใหนจน ขายไม่ได้เลย ทั้งๆที่ความจริงอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไปก็ได้ ของบางอย่างดี แต่ทำให้เลวได้โดยการใส่ร้ายป้ายสี ใส่ไข่ หรือ ของใหนเลว ก็ทำให้ดีได้ โดยการเชียร์จนออกหน้าออกตา ใช้อำนาจสิทธิ์เหนือการตัดสินใจที่ตัวเองมี ชี้นำไปทางใหนก็ได้ ผมจึงอยากจะเตือนพี่น้องว่า การที่พี่น้องจะเชื่ออะไรก็ตาม พี่น้องอย่าลืมหลัก "กาลามสูตร" ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเครื่องชี้ทางนะคับ 

ผมเป็นคนตรงๆ ขายก็บอกว่าขาย ให้ความรู้จริง ไม่ดิสเครดิตแบรนด์นู้นนี่  ผมดูที่ต้วผลิตภัณฑ์ ไม่ได้ดูที่แบรนด์ ถึงผมจะขายแบรนด์ A ได้หรือไม่ได้ ผมก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับแบรนด์ A เลย  ประกอบกับแบรนด์แต่ละแบรนด์ที่ผมสนับสนุนหรือไม่สนับสนุน น้อยมากที่ทำการตลาดในไทย ส่วนใหญ่ทำการตลาดในอเมริกา ส่วนที่ทำการตลาดในเมืองไทยจากที่ผมดูแล้วของที่ขายบ้านเรานั้น การจะผุดวิตามินที่มีคุณภาพจริงๆออกมาซักตัวนี่ ยากกก อย่างยิ่ง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ผมจะใส่ความ หรือ เชียร์ แบรนด์ต่างๆไปทำไม

เป็นที่น่าแปลก และ น่าสงสารคนไทยนะครับที่การซื้ออาหารเสริมแต่ละครั้งต้อง จ่ายแพงกว่า แต่ ได้ของห่วยกว่า  กว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว

ผมไม่ได้กล่าวอ้างอิงใคร ถ้าใครไม่เป็นดังที่ผมกล่าว ก็อย่าร้อนตัวนะครับ 555

 ขอย้ำอีกครั้ง blogger ที่มีจิตเสียสละ มีจิตเป็นสาธารณะมีอยู่มากมาย กลุ่มบุคคลที่ผมพูดให้ฟังเป็นเพียงกลุ่มคน "กลุ่มหนึ่ง" เท่านั้น เปรียบได้กับ เงามืดภายใต้แสงอาทิตย์

ดูสินค้าที่ร้าน

---