กุมภาพันธ์ 2554

 
 
1
2
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
เรื่องของ(น้ำ)มัน . . (หรือนั่น เรื่องของเรา)
สวัสดีจ๊ะ



เอาพื้นที่เดิม มาแต่งเติม เรื่องราวเล่าใหม่

อ่านเจอคอลัมน์นึง เห็นว่าเกี่ยวข้องกับสุขภาพอย่างเลี่ยงไม่ได้

เลยเอามาลงไว้ในนี้ด้วย เผื่อใครผ่านมาผ่านไป ได้เหน็บติดเอวไปกัน

.



บทความเรื่อง "น้ำมันใสๆ ใส่มะเร็ง"

โดยทีมงานจุดประกาย นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 160211

ดักเอาสาระตอนหนึ่งที่คิดว่าเป็นหลักการสำคัญมาประมวล ดังนี้


..."...

นานา (น้ำ) มัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอาหาร ด้านอาหารและโภชนาการ
อย่าง ผศ.ดร.ทิพยเนตร  อริยปิติพันธ์ ศูนย์วิจัยวิทยาลิพิดและไขมัน
คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อธิบายถึงลักษณะของน้ำมันประกอบอาหารที่ใช้กันอยู่ในครัวทุกวันนี้
หากให้แยกชนิดกันจริงๆ คงจะแยกกันไม่หมด


 ตามเอกสารวิชาการเรื่องการเลือกใช้น้ำมันพืชปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ
ที่เธอเขียนนั้นสามารถแยกประเภทของน้ำมันทั้งหมด ออกเป็น 7 ประเภท คือ

I. น้ำมันที่มี กรดไขมันอิ่มตัว (saturated fatty acid; SFA)
โมเลกุลขนาดกลาง เช่น น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์มเคอร์เนิล

ไม่เหมาะใช้ประกอบอาหารความร้อนสูง
เพราะจุดเกิดควันค่อนข้างต่ำ



II. น้ำมันที่มี SFA โมเลกุลขนาดใหญ่ อย่าง น้ำมันปาล์มโอเลอิน

เหมาะสำหรับการ "ทอดอาหาร"
แทนน้ำมันจากไขมันสัตว์



III. น้ำมันที่มี MUFA (กรดโอเลอิก) ปริมาณมาก และมี SFA ต่ำ
ปัจจุบันมาจาก 2 แหล่งคือ พืชธรรมชาติอย่าง น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา
และน้ำมันเมล็ดอัลมอนด์
หรือน้ำมันจากพืชที่มีการดัดแปลงพันธุกรรม
(Genetically modified organism; GMO)
เช่น น้ำมันถั่วเหลือง กรดโอเลอิกสูงและกรดลิโนเลนิกต่ำ
น้ำมันดอกคำฝอย กรดโอเลอิกสูง น้ำมันคาโนลา กรดโอเลอิกสูง
และน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน กรดโอเลอิกสูง เป็นต้น

ทั้งหมด เหมาะกับการ "ต้ม นึ่ง ผัด" มากกว่าการ "ทอดท่วม"



IV. น้ำมันที่มี  MUFA (กรดโอเลอิก) และ PUFA (กรดไลโนลิอิก)
ในปริมาณใกล้เคียงกันอย่าง น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วลิสง และน้ำมันงา

ซึ่งเหมาะกับการประกอบอาหารทั่วไป ที่ความร้อนไม่สูงเกินไปนัก
เพื่อคงสภาพกรดไขมันที่ดีต่อร่างกาย




V. น้ำมันที่มี  PUFA (กรดไลโนลิอิก) มาก 
MUFA (กรดโอเลอิก) ปานกลาง และกรดลิโนเลอิกต่ำมาก
อย่าง น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย
น้ำมันข้าวโพด และน้ำมันฝ้าย

ซึ่ง "ไม่เหมาะ" กับการทอดอาหารอย่างยิ่ง




VI. น้ำมันที่มี กรดลิโนเลอิก ในปริมาณมาก
เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันคาโนลา

ซึ่งไม่เหมาะกับการทอดอาหาร หรือใช้ความร้อนที่สูงเกินไป อีกเช่นกัน



VII. น้ำมันพืช หรือไขสัตว์ ที่ผ่านกระบวนการไฮโดรจิเนชัน
(การเติมไฮโดรเจนให้อะตอมกรดไขมันไม่อิ่มตัวให้กลายเป็นกรดไขมันอิ่มตัว)
น้ำมันประเภทนี้จะมีจุดหลอมเหลว และจุดเกิดควันสูงขึ้น
อย่างเช่น มาการีน และเนยขาว

เหมาะกับการประกอบอาหารด้วยความร้อนสูง
เช่น โดนัททอด ไก่ทอด ขนมอบ เค้ก และคุกกี้ เป็นต้น

หากพูดถึงความเข้าใจในการใช้น้ำมันของผู้คนทั่วไป
ผศ.ดร.ทิพยเนตร รู้สึกว่าโดยส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้ที่ถูกต้อง

ซึ่งบางครั้งอาจจะเกิดจากปัจจัยด้านราคา
ทำให้บางครั้งน้ำมันจึงขาดการใส่ใจไป

ซึ่งในส่วนผู้ผลิตหรือการดูแลของทางภาครัฐเอง
ก็ยังไม่เข้มงวด และชัดเจนเท่าที่ควร

 "อย่างที่ฝรั่งเศสเขาจะระบุไว้ข้างขวดอย่างชัดเจนว่า
ถ้ามีไขมันลิโนเลอิกเกิน 2 เปอร์เซ็นต์ ห้ามนำไปทอดอาหาร
แต่ที่ประเทศไทยไม่มี"

 ซึ่งในภาวะน้ำมัน (ครัว) แพงสำหรับคนในสายอาหารอย่างนี้
เธอถือว่าเป็นโอกาสในวิกฤติที่คนจะได้หันมาใช้น้ำมันที่หลากหลายขึ้น
เพราะน้ำมันแต่ละชนิดต่างมีกรดไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแตกต่างกัน


"จำง่ายๆ ว่า ถ้าปรุงอาหารทั่วไปก็ใช้น้ำมันถั่วเหลือง
น้ำมันรำข้าว น้ำมันดอกทานตะวัน อะไรจำพวกนี้
แต่ถ้าจะทอดอาหารก็ใช้น้ำมันปาล์มโอเลอิก
แต่ทุกอย่างไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำค่ะ"


..."...


ที่มา: //www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/lifestyle/20110216/377420/น้ำมันใสๆ-ใส่มะเร็ง.html

~ . . ~

.

.

.

น้ำมันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ในการประกอบอาหารหลายชนิด

หลายครัวเรือนและตามร้านอาหารทั่วไป

มักใช้น้ำมันปาล์มเป็นหลัก ด้วยราคาถูก

.

ยุคหลังมาหน่อย ก็ค่อยขยับมาใช้น้ำมันถั่วเหลืองกันมากขึ้น

เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น ก็จัดหลากหลายสารพัดน้ำมันออกวางตลาด

ศาสตร์แห่งน้ำมัน ก็ศึกษา วิจัยและพัฒนากันไป ไม่หยุดหย่อน

.

เราในฐานะผู้บริโภค ก็คงต้องเลือกสรรกัน ตามข้อมูลปัจจัยที่มีอยู่ตามจริง

เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งใดที่เลือก ก็ย้อนเข้าตัวเองกันทั้งนั้น

ดังนั้น ใส่ใจในสุขภาพ พิถีพิถัน กับคุณภาพชีวิตซักนิด

ราคาแพงกว่าหน่อย แลกกับ สุขภาพ . . สำคัญนะ

. .

~ You get what you pay ~





.

.

.

เอ พูดเรื่องน้ำมัน นึกถึงเพลงอะไรดีล่ะเนี่ย

เพลงนี้ก็ละกัน เก็บ"มัน" เอาไว้

เอามั้ยล่ะ ตรงนี้มีเพียบเลยนะ อยากแบ่งให้ +55




.

.


เก็บมันเอาไว้ _ Butterfly Harp version*






*ขิม (พิณผีเสื้อ) _ ประวัติขิม โดย ชนก สาคริก:
 //www.banrakthai.com/new/board3.php?num=14


@Bright Buddhist All Saints' Day, 180211 _ 2 oc



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2554 19:19:56 น.
Counter : 1142 Pageviews.

17 comments
  
สวัสดีคุณเลื้อย
ขอบคุณที่ไปคอมเม้นท์ค่ะ
ได้อ่านบทความของพระไพศาล วิสาโล แล้วค่ะ
ชอบมาก จี้ใจดำมาก ๆ เลยค่ะ

เป็นแต่กินเหมือนกัน
เลยไม่มีความรู้เลยว่าน้ำมันแต่ละประเภทเค้าไว้ทำอะไรบ้าง
แต่ส่วนใหญ่น้ำมันมะพร้าวเค้าก็หมักผม ทาผิว แล้วก็กินแบบเย็น ๆ เนอะ
แล้วที่เห็นทอดปาท่องโก๋กันก็น้ำมันปาล์มอยู่นะ พวกโอลีนไง

แต่ก็น่าเห็นใจนะ
ว่าคนขายพวกของทอดเค้าคงไม่สามารถทอดครั้งเดียวแล้วทิ้งได้
คงทำได้เพียงกรองพวกดำ ๆ ออกไปแล้วเอากลับมาใช้ใหม่
มีแต่เราเนี่ยแหละที่ควรจะมีวิจารณญาณในการกินด้วย

เดี๋ยวนี้พยายามหลีกเลี่ยงของทอดมาก ๆ
แต่แหม มันอร่อยหนิเนอะ ทำไมของอร่อยมักจะไม่มีประโยชน์แถมโทษมาอีกเพียบก็ไม่รู้

เพลงนี่ตอนแรกนึกว่ามาแบบธรรมะนะเนี่ย
แต่พอมาอ่านบรรทัดสุดท้าย อ้าว พี่เจนี่นา

สวัสดีวันพระใหญ่ค่ะ
เพิ่งกลับมาจากไหว้พระ เวียนเทียนแต่เย็นตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน พื้นยังอุ่น ๆ ก็เวียนแล้วค่ะ
ไม่อยากเจอคนเยอะ สติหลุดหมด เลยเลือกไปเวียนตอน 5-6 โมงเย็นพอให้แดดร่มหน่อยก็เวียนแล้ว เป็นแบบนี้ทุกปีค่ะ

เอาบุญมาฝากค่ะ
บุญรักษานะคะ
โดย: ยัยลีลี วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:04:13 น.
  
สวัสดี ยัยลีลี

อืมม ดีใจที่ได้แนะบทความธรรมะที่ถูกจริตกับเธอนะ

เรื่องน้ำมัน ให้ถกจริงๆ พูดกันยาวเลยล่ะ 3 วันคงไม่จบ

แรงจูงใจที่นำมาแปะ เพราะเห็นว่า ช่วงนี้น้ำมันปาล์มถูกผูกขาดตลาด
พ่อค้าแม่ค้าหลายคน จะเอามาใช้ทอดซ้ำบ่อยกว่าเดิมอีกหลายๆ รอบ
สิ่งที่กลัว จากผลกระทบการกักตุนน้ำมันของกลุ่มพ่อค้า
(เขาว่ากันว่ามาจากสาเหตุนั้น)
ก็เพราะ "มะเร็ง" นี่ล่ะ โอกาสเสี่ยงต่อผู้บริโภคสูงขึ้น

เพราะปกติของทอดตามร้านทั่วไปใช้น้ำมันปาล์มเป็นหลักนั่นแหละ
เท่าที่รุ หลักฐานทางวิชาการยังคงถกเถียงกันอยู่
ในเรื่องของคุณค่าโภชนาการ
และการเป็นสารก่อมะเร็ง (Carcinogen)
ทฤษฏีเดิมว่า น้ำมันปาล์ม ก่อมะเร็ง
ต่อมา บางงานวิจัยแย้งว่า น้ำมันปาล์ม ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง
แต่ยังไง คิดว่า ยังยืนพื้นที่ concept เดิม
คือ น้ำมันปาล์มไม่ดีต่อสุขภาพ อยู่ดี

และน้ำมันที่ใช้ซ้ำ แทบทุกชนิด ก่อมะเร็งได้ทั้งสิ้น
(น้ำมันปาล์มนี่ตัวร้าย อันตรายใกล้ตัวเลยนะ)
เนื่องจากการผ่านความร้อนสูงๆ ในการปรุงอาหาร
ทำให้ไขมันสามารถจับตัวเปลี่ยนรูปร่าง
ยิ่งผ่านความร้อนสูงหลายรอบ มันก็แปลงร่างหลายกระบวนท่า
และไอ้รูปร่างที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ นั้น
เราไม่รุว่า รูปไหน ฟอร์มใด จะก่อมะเร็งกับร่างกายมากน้อยเพียงใด

เป็นเรื่องที่ยังคงศึกษาวิจัยกันต่อไปในวงวิชาการ
เพราะโมเลกุลของน้ำมันนั้น ประกอบด้วยคาร์บอนหลายตัว
มันจึงวิ่งไปมา ย้ายแขนขา สลับหน้า แปลงร่างได้ตั้งเยอะแยะ

ที่ร้ายกว่านั้น ได้ยินมาว่า ตามร้านรถเข็นหลายเจ้า
ใส่สารบางอย่าง ทำให้น้ำมันใส เวลาทอด
นั่นยิ่งอันตรายสุดๆ เพราะมันหลอกลวงผู้บริโภคด้วยการมองเห็น
ทำให้คิดว่า ไม่อันตราย ทั้งที่จริงๆ หยิบยื่นโรคร้ายให้คนอื่น
จะโดยรุเท่าไม่ถึงการณ์ หรือตั้งใจก็แล้วแต่
ผลกระทบจึงตกที่ผู้บริโภคตาดำๆ ทีี่ไม่รุเรื่องไร
เห็นเพียงความอร่อยตรงปลายลิ้นเท่านั้นไง
ผลระยะยาว จะไปโผล่ตามมะเร็งตามอวัยวะต่างๆ นั่นแหละ
กว่าจะรุ ก็อาจสายเกินไปแล้วก็ได้ .. มะเร็งไม่เข้าใครออกใครหรอก

นักวิชาการจึงออกมาเตือนในสื่อหลายๆ แขนง
(จริงๆ เขาก็เตือนกันมานานแล้ว)
แต่นั่นก็คือวิถีทำมาหากินของชาวบ้านตาดำๆ ล่ะนะ
เราผู้บริโภค จึงต้องเลือก ใช้วิจารณญาณ และระมัดระวังเอง

เลือกอะไรใส่ตัวดีๆ ละกัน
เลี่ยงของทอดไว้ จึงถือว่าเป็นการรักและป้องกันตัวเองในระยะยาว

น้ำมันมะพร้าว ได้ยินว่า ช่วงนี้กำลังฮิต คงเป็นของเล่นใหม่ชิ้นหนึ่ง
ของนักวิจัย และนักการตลาดหัวใสได้ สรรพคุณ คงดีจริงตามว่า
พี่คนนึงแนะนำมา ก็ซื้อติดมาขวดนึง ตอนนี้หน้าหนาว
น้ำมันมะพร้าวเลยเป็นไขขาว เป้นก้อนนอนอยู่ในขวดเลย ใช้ไม่ได้

...

เพลงธรรมะ ยังไม่มีคิวในช่วงนี้น่ะ ส่วนใหญ่เป็นเพลงบรรเลง
กับฟังธรรมเทศนามากกว่า ไม่นิยมเอามาแปะเอง
เพราะของอย่างนี้เป็นปัจเจก รุด้วยเฉพาะตน

อนุโมทนาบุญด้วย ทีไ่ด้เวียนเทียนวันพระใหญ่เช่นนี้นะ
สงบหน่อย ก็จิตสมาธิอยู่กับตัวด้วยเลยเนอะ ดีจัง อนุโมทนาจ้า
สาธุ..

โดย: เลื้อย วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:44:48 น.
  
ตอนเย็นเราแวะไปบล๊อก "ในความอ่อนไหว" เพราะตามลิ้งค์งานตะพาบงาบๆๆๆ นั้นเอง แต่ไม่รุว่าเลื้อยเหงเราที่หนายยยย อิอิ

เห็นเลื้อยอยุ่เม้นบนๆ ก็กดลิ้งค์ว่าจะตามไปหลังจากเม้นให้บล๊อกนั้นเสดแระ แต่พอดีมีงานเข้าเล็กๆ เลยปิดไปหมดเลยแหละ แหะๆ
เสียดายจริงเชียว ที่ไม่เลี้ยวไปหาเลื้อยก่อน ให้เลื้อยดั้นด้นมาหาเราก่อนสะนี่
เลื้อยสบายดีโน๊ะ อ่านเรื่องน้ำมันๆ แล้วเซรงๆๆ ตอนนี้เราใช้น้ำมันงาอยู่ เพราะส่วนใหญ่ทอดในกะทะเทฟลอน(เขียนงี้ป่าว)ใช้ความร้อนไม่สูง เราไม่ได้อ่านบทความนี้จนจบหรอกนะคะ เพราะตอนนี้มีแต่ฟาร์มเร่งรีบ แฮ่ๆๆๆๆ
คิดถึงเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือความผูกพันธ์นะต๊ะ
ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ อากาศแปรปรวน เหมือนความวิปริตเดินขบวนมาทักทายโลกเราเลย

มาคราวหน้าจะเอากลอนมาฝากนะก๊ะ
คืนนี้นอนหลับฝันดีน๊าาาาาาา
โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:08:05 น.
  
เจ้าเลื้อยจ๋า พี่อ่านจบแล้วและตั้งใจจะเม้นยาวๆ
แต่เจ้าสตีเว่นเขามาแย่งใช้คอมฯอ่ะจ่ะ น่าตื๊บมากๆ

เอาสั้นๆก่อนละกันนะ เรื่องน้ำมันทำอาหาร ส่วนใหญ่พี่ใช้
น้ำมันเมล็ดทานตะวัน กับน้ำมันข้าวโพดน่ะ โอเคอยู่เนาะ
ส่วนน้ำมันงากับน้ำมันมะกอกจะใช้เหยาะๆหมักพวกเนื้อต่างๆ
ส่วนน้ำมันมะพร้าวเอามาทำกับข้าวไม่เหมาะ เลยเอาไว้อม
หรือซดอ่ะจ้ะ แพงกว่าใครเพื่อนเลยล่ะน้ำมันมะพร้าวนี่
โดย: พี่ตา (เกลือหนึ่งกำน้อย ) วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:2:05:22 น.
  
ว้าว คุณเลื้อยเปลี่ยนบลอกใหม่ สวยน่ารักจังเลยค่ะ
อ่านบทความแล้วนึกถึงตัวเองยังไงไม่รู้แฮะ กินมันซะทุกน้ำมันเลย อิอิ

เอา snowdrops จากเกาะอังกฤษมาฝากค่ะ

โดย: ค๊อปเตอร์ใบไม้ (arlendil ) วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:16:54:17 น.
  
ที่โคลอมเบีย ทุกอย่างทอด ตั้งแต่เช้าจรดเย็น

น้ำมัน อย่าให้พูดถึงว่าใช้ซ้ำกี่ครั้ง แล้วเปลี่ยนบ่อยหรือเปล่า
พี่เองชอบกินของทอด เลี่ยงไม่ได้
ที่เลื้่อยบอกเล่ามา ถ้าทำอาหารเองก็จะจำไปใช้
แต่กินนอกบ้าน สังเกตที่สีอาหารอย่างเดียว
ถ้าไม่ดำ เกรียม หรือ อมน้ำมัน
รวมถึงมีสะเก็ดดำ ๆ จากการทอกซ้ำ ๆ
ก็เอาแล้ว กินได้
คนเราจะอยู่ยาวไปอีกกี่ปี
ได้กินของชอบสักหน่อย เรื่องอื่นค่อยว่ากัน อิอิ



โคลอมเบีย ก็ยังมีอะไรหลาย ๆ อย่าง
ที่น่าติดตาม ค้นหา รวมถึงอิทธิพลเถื่อนที่ว่ามาด้วย

กาแฟที่ว่า แค่แยกเปลือก สีที่เห็นคงเพราะความอ่อนแก่มัง
พอส่งโรงงานคั่ว ก็คงเป็นสีเดียวกัน แต่ที่แน่ ๆ หอม

วันนี้เหนื่อย หนาวด้วย ขอตัวไปนอนก่อนละจ้า
โดย: ostojska วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:37:58 น.
  
อานะ ใช้น้ำมันถั่วเหลืองซะส่วนใหญ่ น้ำมันปาส์มไม่ค่อยใช้ เดี๋ยวนี้มาใช้น้ำมันข้าวโพดแล้วเป็นบางครั้ง มาอ่านนี่ ก็ได้ความรู้ดีนะจ้ะ

ดูแลสุขภาพด้วยจ้า
โดย: kapeak วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:59:14 น.
  
สวัสดีจ้า สหายบล็อค ..

สบายดีกันนะ ขอบคุณทุกความระลึกถึงจ๊ะ




#ฉัตรจัง..

แม่นแว้ว แถวนั้นล่ะ เพราะเราไม่ได้ตระเวณบ่อยนัก ช่วงนี้

น้ำมันงา เราก็ใช้นะ แต่ไม่บ่อย เพราะมีกลิ่นเฉพาะตัว
แต่ใช้ความร้อนไม่สูงนี่ดี และดีตรงคงคุณค่าอาหารด้วย



...

#พี่ตา..

น้ำมันที่พี่ใช้นั้น คุณภาพจัดว่าใช้ได้เลยนะนั่นพี่

จัดเป็นเคล็ดทำอาหารด้วยเลย น้ำมันงา
กับมะกอกนี่ หมักเนื้อดีหรอคะ
ซื้อเก็บไว้ 2 ขวด จะเอามาใช้มั่ง
แต่ไม่ค่อยได้ใช้เนื้อเลยค่ะ
เลยใช้ผัดกับข้าวอย่างหลักเลย

น้ำมันข้าวโพดหรือทานตะวัน(ไม่ชัวร์ค่ะ)
มีแบบ cold press
(ผ่านกระบวนการบีบอัดที่อุณหภูิมิไม่สูง
คงคุณค่าอาหารมากกว่า คุณภาพดีกว่า แพงกว่า)
เคยเห็นขายในไทยนานมาแล้ว (ขวดลิตร 70 บ.ได้)
ไม่รุยังมีไหม อาจมีหลากชนิดขึ้นแล้ว

น้ำมันมะพร้าว หนูยังไม่ได้ใช้เลยค่ะ
นอนแข็งอยู่เลย แหะๆ



...

#โบจัง..

snowdrops มันคืออิหยังล่ะนี่ อ่อ ดอกไม้สายพันธุ์หนึ่งนี่เองเ
เลยเปิดหาจาก wiki ดูประดับความรุด้วยเลย
เป็นเจ้าดอกที่ชอบทำคอตกเนอะ
ขอบคุณสำหรับของฝากจ้า



...

#พี่เอ้..

หนูเองก็ใช้หลักแบบนั้นเหมือนกันค่ะ
ตามร้าน เลือกยาก ก็ใช้วิธีแยกด้วยตากับกลิ่นเอาล่ะค่ะ



กาแฟสีต่าง เพราะเหตุนี้นี่เอง เลยได้รุไปด้วย
เด่วไว้รอเกาะล้อเที่ยวตอนต่อไปค่ะพี่
ขอบคุณที่พาเที่ยวตื่นตาตื่นใจด้วยค่ะ



...

#คุณอาเปี๊ยก..

เหมือนกันเลยค่ะ ตอนอยู่ไทย ก็ใช้น้ำมันถั่วเหลืองเป็นหลัก
บางครั้งก็บ้าพลังใช้น้ำมันข้าวโพด Mazola เป็นปี๊บเลย
แต่อยู่นี่ ใช้น้ำมันหลากหลายเลยค่ะ (แต่ไม่มีน้ำมันปาล์มขาย)
Canola oil, Olive oil, Grapeseed oil, Blackbean oil,...
แต่ตอนนี้ใช้ Grapeseed oil สีออกเขียวเล็กๆ
มันเขียวเหมือนย้อมทางเดินอาหารเลย
(สังเกตจาก output น่ะค่ะ แหะๆ)



...

take care, all blogger friends

โดย: เลื้อย วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:15:16:16 น.
  
ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมระยะนึงแล้ว
สบายดีนะครับ...มิได้ลืมแต่ประการใด
ยังระลึกถึงอยู่เสมอครับ
โดย: panwat วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:18:20 น.
  
จบดำน้ำแล้ว
เหนื่อยมากกกกก
โดย: ตามเส้นทางของหัวใจ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:19:19 น.
  
แก...........มาเป็นสาระเชียว อิอิอิ ก็เลยไม่แน่ใจว่ามาถูกบล็อกป่ะ ฮ๋าๆๆๆๆ

คิดถึงแกหว่ะ อยากไปดื่ม ๆๆๆๆๆๆๆ อยากเมาๆๆๆๆๆๆๆๆ
โดย: อุ๊ (oumon ) วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:3:14:38 น.
  
ขอบใจนะจ๊ะ เลื่อยเองก็ด้วย
ไม่รู้อากาศยังเย็นอยู่ไหม
สองสามวันมานี้พี่แย่เล็กน้อย

จากเมือง ขึ่นเขา เข้าป่า เดี๋ยวร้อนตับแลบ
จู่ ๆ ก็หนาวจนขาสั่น เอาเข้าไป
วัยนี้แล้ว ปรับตัวช้า เลยพาลเอาปวดหัวเล็กน้อย

แต่วันนี้ดีขึ้นแล้วล่ะ

เดี๋ยวก็ว่าจะไปนอนแล้ว
(มาบล็อกนี้ทีไร ต้องมาก่อนเข้านอนทุกที)

โดย: ostojska วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:8:12:25 น.
  
คุณเลื้อยครับ
เช็คหลังไมค์ด้วยครับ ^^
โดย: พระัจันทร์ของขวัญ (Great_opal ) วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:19:35:29 น.
  
คุณเลื้อย..
snowdrops ที่เกาหลีไม่มีหรอค่ะ
โบก็คิดว่ามันจะมีเหมือนกัน ในประเทศที่มีหิมะซะอีก

ยังไงก็.. รักษาสุขภาพด้วย อากาศอุ่นขึ้นรึยัง
น้องโบที่เกาหลีบอกว่า... อากาศยังเลวร้ายเหมือนเดิม
แต่อุ่นขึ้นนิดเดียว....

หมายความว่าไงไม่รุ้ หรือว่าโบแปลอังกฤษของคนเกาหลีไม่ได้ไม่รุ้นะค่ะ

คิดถึงนะค่ะ...
โดย: ค๊อปเตอร์ใบไม้ (arlendil ) วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:24:02 น.
  
รับโทรศัพไม่ทันจ้า
ช่วงนี้กำลังยุ่งกะเจ้าmac อยู่
ไ่ม่ค่อยเข้าใจระบบการทำงานของมัน
โดย: ตามเส้นทางของหัวใจ วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:41:54 น.
  
สวัสดีจ้า

เพิ่งได้แวะไปทักทายสหาย
ห่างไปหลายวัน สารพันภาระ
วุ่นวายหลากหลายเรื่องอยู่
ยังไปได้ไม่ครบทั่วบล็อคเลย
ร่างกายไม่ค่อยเอื้อเท่าไหร่

ใครแวะมา ขอบคุณด้วยล่ะเน้อ
วันไหนฟื้นตัวหน่อย อาจได้ไปโผล่ทักทายบ้าง

รักษาสุขภาพดีๆ เน้อ

โดย: เลื้อย วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:18:54:10 น.
  


เช้าวันใหม่ของ เดือนใหม่
ทักทายกันด้วยความสุขตลอดทั้งเดือนนะครับคุณเลื้อย
โดย: panwat วันที่: 1 มีนาคม 2554 เวลา:8:19:06 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เลื้อย
Location :
Seoul,  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



สวัสดี ชาวโลก...ออนไลน์

ขอบคุณที่แวะเข้ามาแล้วเยี่ยมชมค่ะ

นานๆ จึงจะได้มาอัพซักกะครั้งแหละ...
ตามแต่ใจจะพาไป

หากเข้ามาอัพบ่อย ตายแน่เลย
งานท่วมหัว เอาตัวไม่รอด..

จะทักทาย ติชม ประการใด ตามสบายละกัน ^^'

ไว้คุยกันค่ะ ;)

ปล. ชักงงๆนิดหน่อย ตรูแปะไว้คราวก่อน
แล้วไฉนจึงหายไปได้ละเนี่ย...งึ่มๆ