กรกฏาคม 2556

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
14 กรกฏาคม 2556
บังเอิญเผลอใจ...
บังเอิญเผลอใจ..

คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตบ้างหรือเปล่า..เคยคิดไหมว่าคู่ชีวิตของคุณจะเป็นอย่างไร..

แม้เรื่องราวความรักจะเกิดขึ้นได้ไม่ว่ากับใคร..แต่ทุกอย่างมันอยู่ที่ตั้งใจหรือแค่เผลอใจ

แล้วความรักของคุณล่ะ..เป็นแบบไหนกันบ้าง?

แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านกระจกหน้าต่างสร้างความอบอุ่นกำลังดีไม่ทำให้อุณหภูมิภายในห้องเย็นเยียบจนเกินไปผ้าม่านสีขาวสว่างพัดพลิ้วตามแรงลมจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดทำงานมาแล้วทั้งคืนหญิงสาวนอนขดกายภายใต้ผ้มห่มผืนหนาหลับตาพริ้มพลางระบายยิ้มน้อยๆ พร้อมขยับตัวเคลื่อนไหวบนหมอนข้างนึกถึงความฝันที่ดูคล้ายจะเป็นเรื่องราวเปี่ยมสุขสำหรับเธอ

รอยสัมผัสจากจุมพิตที่ฝากไว้ตามเรือนร่างยังคงอบอุ่นไม่จางหายตลอดคืนที่ผ่านมาความเร่าร้อนในรสสวาทยังตราตรึงความรู้สึกราวกับมันเกิดขึ้นจริงไม่ใช่แค่ฝันไปความคลับคล้ายคลับคลาของบุคคลแปลกหน้าทำให้เธออยากพบเจอเขาอีกครั้งหากมันเป็นไปได้อย่างใจต้องการหลงใหลใฝ่หาลีลาและท่วงท่าอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนสักครั้งนี่หรือเปล่าสัมพันธ์ทางกายที่ใครหลายคนให้คำจำกัดความ..ร่วมรัก

“โอ้ย.. ปวดหัวเป็นบ้า!”

เสียงทุ้มต่ำดังผ่านโสตประสาทในยามกึ่งหลับกึ่งฝันภาพความทรงจำวาบหวามยังทำให้ติดอยู่ในโลกมายาไม่อยากตื่นหากยังนอนอยู่บนเตียงนิ่มๆ ไม่ใช่กอดก่ายร่างกายของใครบางคนที่ขยับเคลื่อนไหวจนทำให้รู้สึกตัวพร้อมลืมตาพบเจอความจริงแผงอกกว้างและร่างกายเปลือยเปล่าทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวพลางคว้าผ้าห่มพันรอบกายโดยอัตโนมัติใบหน้าคมสันของชายหนุ่มหน้าตาดีนอนกุมขมับจนคิ้วหนาขมวดชนกัน ทำให้เธอย้อนคิดความจำกลับไปยังคืนวานที่ผ่านมา

ภาพคนเมาสองคนนั่งปรับทุกข์ปรึกษาปัญหาหัวใจซึ่งต่างฝ่ายต่างถูกคนรักทำร้ายจนบอบช้ำแอลกอฮอล์สีชาถูกยกดื่มแก้วต่อแก้วจนเรียกได้ว่าเมาหัวราน้ำ ทำให้เธอนึกได้ในทันทีชีวิตนี้พลาดไปเสียแล้วร่างกายไร้เสื้อผ้าอาภรณ์ภายใต้ผ้าห่มเริ่มเย็นวาบสลับร้อนรุ่มคล้ายคนกำลังจะเป็นไข้สายตากวาดมองชายหนุ่มเบื้องหน้าที่ขยับเคลื่อนไหวแต่ยังไม่ยอมตื่นเต็มตาเสียทีเดียวคงเป็นเขาคนนั้น คนแปลกหน้าซึ่งอยู่ในสภาพอกหักไม่ต่างกันเมื่อคืนนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังสับสนและไม่เข้าใจคือเธอกับเขาตกลงปลงใจกันอย่างไรถึงมานอนร่วมห้องภายในสถานที่ซึ่งดูอย่างไรก็คือโรงแรมชัดเจน

จบสิ้นแล้วในความพลาดพลั้งครั้งใหญ่หลวงหญิงสาวพ่นลมหายใจหนักหน่วงก่อนเก็บเสื้อผ้าและชั้นในที่วางเกลื่อนเตียงซุกใต้ผ้าห่มก่อนขยับลงเหยียบพื้นห้องโดยไม่ใส่ใจเขาคนนั้นว่าตื่นหรือหลับอย่างไรประตูห้องน้ำถูกแง้มเปิดอย่างเบาแรง หญิงสาวถอนใจอีกครั้งราวกับแบกโลกหนักๆไว้ทั้งใบ พร้อมหรือยังกับการทำภารกิจส่วนตัวก่อนออกจากสถานที่ผิดพลาดเสียทีเธอได้แต่ถามตัวเอง

ร่วมครึ่งชั่วโมงที่ความปวดปร่ายึดครองสมองจนทนนอนต่อไม่ไหวชายหนุ่มดึงร่างกายลุกขึ้นในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนโดยมีหมอนหนุนไว้ด้านหลัง สันฝ่ามือตบกระแทกศีรษะเบาๆเพื่อเรียกสติคืนมา เมื่อเปลือกตาเปิดกว้างจนมองเห็นรอบบริเวณ รวมทั้งสภาพล่อนจ้อนของตัวเองจึงเกิดเป็นคำถามในใจ..อยู่ไหน ความสับสนปนเปสงสัยวิ่งพล่านในสมองทำให้งุนงงหนักกว่าเดิมอีกเท่าตัวนึกไม่ออกจริงๆ ว่าตัวเองมานอนอยู่ในที่แปลกตาได้อย่างไรและความคิดต้องหยุดชะงักเมื่อประตูด้านข้างเปิดกว้างพร้อมหญิงสาวในชุดสูทกระโปรงสั้นระดับหัวเข่าย่างกรายออกมา

“เห้ย!!”

หมอนสีขาวใกล้มือถูกคว้าปิดร่างกายท่อนล่างอย่างตกตะลึงคล้ายถูกผีหลอกกลางวันแสกๆคำถามที่สองวิ่งตามมา..เธอคือใคร รวมทั้งอีกหลากหลายคำถามที่ยังนึกไม่ออกและไม่ทันได้ซักถามแม้แต่ดึงสติที่กระเจิดกระเจิงให้กลับมายังยากเย็น เธอกลับไม่มองไม่เห็นทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนกระเป๋าแบรนด์เนมใบกำลังเหมาะถูกสะพายพาดไหล่ก่อนก้าวเดินยังประตูทางออกและหยุดฝีเท้าลงตรงนั้นชั่วครู่โดยไม่หันหลังกลับมาระหว่างการเจรจากับเขา

“ลืมเรื่องวันนี้ให้หมดทำเหมือนเราสองคนไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่ต้องอยากรู้ ไม่ต้องสงสัยเพราะฉันก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกัน”

ประตูเปิดพร้อมหญิงสาวก้าวออกไปมีเพียงความว่างเปล่าและความสับสนทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ชายหนุ่มนั่งนิ่งคล้ายแปลงร่างเป็นหินและอยากระเบิดตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับเธอเมื่อคืนนี้ พิษสงของน้ำเมาช่างรุนแรงร้ายกาจขนาดทำให้ความจำเลอะเลือนจนนึกอะไรไม่ออกเชียวหรือชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนักจนเวลานี้รู้สึกว่าสร่างเมาเป็นปลิดทิ้ง


=====



ถนนฟุตบาทยามสายโด่งแทบจะไร้ผู้คนเดินผ่านไปมาเมื่อเลยเวลาเข้างานมาแล้วกว่าสองชั่วโมงชายหนุ่มสาวเท้ายาวไม่ถึงกับรีบร้อนมากนัก ถึงอย่างไรวันนี้คงถูกตัดคะแนนความประพฤติโทษฐานเข้าทำงานช้ากว่าปกติเพราะฤทธิ์เหล้าแท้ๆ ทำให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดหลายอย่าง ระหว่างเดินบีบนวดต้นคอในใจพลางคิดถึงบุคคลแปลกหน้าซึ่งลอยแว้บผ่านสมองหญิงสาวหน้าตาดีผู้อยู่ร่วมห้องสองต่อสองทำให้ย้อนทวนเรื่องราวตลอดเส้นทางจนถึงโต๊ะส่วนตัว

“เห้ย..ไอ้เรย์เมื่อคืนหนักหรือไงวะ มาทำงานเอาป่านนี้”

“เออ.. หนักจนงง”

“เป็นไงบ้างวะแม่สาวอกหักคนนั้น”

ประโยคย้ำเตือนความจำเริ่มมองเห็นภาพเลือนรางยังเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เพราะโดนหักอกและถูกบอกเลิกแบบฟ้าผ่า ความเจ็บแปลบกัดกินจิตใจจนช้ำเลือดช้ำหนองต้องหายาบรรเทาอาการดังกล่าวโดยหันพึ่งเหล้าจ๋าปรับทุกข์ จนพบเธอแปลกหน้าซึ่งอยู่ในอาการไม่ต่างกันเมื่อหัวอกเดียวกันเจอกันจึงเข้าใจความรู้สึกและถูกคอกับการระบายสิ่งอัดอั้นตันใจ แต่ให้ค้นความคิดอย่างไรกลับนึกไม่ออกถึงความสัมพันธ์ทางกายระหว่างเธอคนนั้น

การทำความรู้จักระหว่างเขากับเธอเริ่มต้นจากคำยุแยงในวงเพื่อนฝูงแม้เขาไม่อยากมีส่วนร่วมในความสนุกขำขันแต่ลองทำเพื่อฆ่าเวลาคงไม่เสียหายอะไร เธอคนนั้นระบายความในใจเกี่ยวกับชีวิตรักซึ่งดูอาการคงสาหัสกว่าเขาหลายเท่าแม้ลักษณะของเธอจะเป็นคนพูดน้อยไม่ค่อยแสดงความรู้สึกมากมาย แต่ขึ้นชื่อว่าเหล้ามีส่วนทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนแทบทุกรายบางคนอาจพูดจนลิงหลับ กับบางคนอาจนิ่งเฉยจนแมวป่วยยังมี

การปรับทุกข์ระหว่างกันดำเนินเรื่อยมาจนถึงเวลาปิดร้านจากท่าทางกรุ้มกริ่มในฤทธิ์สุราแปรเปลี่ยนเป็นเมาไม่รู้เรื่องฟุบหมอบกับโต๊ะเกือบหมดสภาพคนพอครองสติไหวอย่างเขาจึงหอบหิ้วหญิงสาวหาที่ค้างอ้างแรมแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยไม่คิดลวนลามหรือล่วงเกินนั่นคือความคิดครั้งสุดท้ายหลังจากพาเธอเข้าโรงแรม แต่เมื่อฟื้นคืนชีพเหตุใดจึงไร้เสื้อผ้าอาภรณ์มันเป็นความสับสนที่นึกเค้นอย่างไรกลับจนปัญญา

“พี่เรย์..พนักงานใหม่มาแล้ว ไม่ไปดูแลน้องเลี้ยงหน่อยเหรอ”

ความคิดทั้งหลายถูกรบกวนจากเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องมัวแต่เสียเวลาคิดเรื่องส่วนตัวจนลืมไปเสียสนิทเกี่ยวกับหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลพนักงานใหม่ถึงการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆเมื่อเข้ามาอยู่ยังองค์กรเดียวกัน ชายหนุ่มเตรียมลุกยืนเพื่อสานต่อหน้าที่แต่ยังไม่ทันก้าวเดินไปไหนเพียงหันมองตามจุดสนใจของเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็ทำให้เขาแทบหยุดหายใจพลางยกมือขยี้ตาตัวเองแรงๆเพื่อยืนยันความชัดเจนว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่ผีหลอกกลางวันวงหน้านวลเนียนแย้มยิ้มน้อยๆ หยุดยืนเบื้องหน้าในระยะห่างพอประมาณ

“สวัสดีทุกท่านค่ะดิฉันพิม ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ”

เสียงปรบมือแสดงความยินดีต้อนรับดังสนั่นพอๆกับการเต้นของหัวใจซึ่งจ้องมองเธอไม่ละสายตา มันคือความจริง หญิงสาวแปลกหน้าเมื่อคืนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี่เองจะเรียกว่าโลกกลมจนคับแคบคงไม่ผิด เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงสำหรับเขา ความรู้สึกวูบไหวเกิดขึ้นในทันทีจากบุคคลที่ผ่านมาแล้วน่าจะผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เธอยึดครองความสนใจของเขาอย่างจังคำถามก่อร่างสร้างตัว เธอจะคิดเหมือนกันกับเขาไหม หรืออาจไม่คิดอะไรอย่างที่ป่าวประกาศไว้ชัดเจนก่อนจากกันแม้กระทั่งอยู่ห่างเพียงไม่กี่ก้าวในระดับสายตา เธอยังทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน

“สวัสดีครับ..ผมเรย์.. รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของคุณตลอดระยะเวลาหกเดือนเต็ม”

การแนะนำตัวเริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อชายหนุ่มขยับเท้าย่างกรายเสียงแซวขำขันส่งดังไม่ขาดระยะพร้อมสายตาหยอกเย้าของเพื่อนร่วมงานทำให้เขาตกอยู่ในอาการประหม่าผิดกับเธอที่กระตุกยิ้มเล็กน้อย พยักหน้านิดหน่อยเป็นอันรับรู้ ก่อนวางตัวนิ่งเฉยออกไปทางเย็นชาเสียด้วยซ้ำงานนี้คงหนักอึ้งหากคิดทำความรู้จักจนกลายเป็นสนิทสนมกับเธอคนนี้ให้มากกว่าเดิมเพราะเธอแสดงท่าทางไม่แยแสต่อสิ่งใด

โต๊ะทำงานพร้อมอุปกรณ์อย่างเครื่องคอมพิวเตอร์ถูกจัดหาอย่างเต็มใจบริการตามหน้าที่พี่เลี้ยงฝึกหัดแม้อยากถามไถ่สารพัดอย่าง แต่ความคิดอีกส่วนกลับดึงรั้งให้หยุดความต้องการไว้ก่อนเวลานี้จะให้ขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวคงไม่เหมาะสม ไหนจะต้องวางตัวให้สุภาพเมื่ออยู่ภายในสายตาเพื่อนร่วมงานหลายคนตลอดเวลา

“ผมจะไปชงกาแฟอยากได้อะไรไหม”

“ไม่.. ขอบคุณ”

น้ำเสียงเรียบนิ่งตอบออกมาคล้ายไม่ลังเลคิดสักนิดทำให้คนถามพยักหน้ารับรู้และก้าวเดินยังห้องกาแฟขอพักรบกับหน้าที่การงานสักหน่อยเสียงซุบซิบผ่านโสตประสาททำให้เขาชะงักฝีเท้าลงตรงนั้น จะเรียกว่าจงใจแอบฟังคงไม่ผิดเพราะเรื่องราวที่บังเอิญผ่านมาได้ยินเป็นของพนักงานคนใหม่หรือผู้หญิงแปลกหน้าของเขาตามความที่พอจับประเด็นได้คร่าวๆ จากเพื่อนร่วมงานขาเม้าท์ได้เรื่องว่า เมื่อเช้านี้มีคนเห็นพนักงานคนใหม่แวะเข้าร้านสั่งซื้อยาแบบป้องกันฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์บ้างก็เล่าต่อถึงข่าวลือที่ดังกระฉ่อนโดยไม่เน้นความจริง กล่าวหาว่าเธอเป็นเด็กเสี่ยบ้างล่ะควงผู้ชายไม่เลือกบ้างล่ะ และทุกเรื่องราวคงจำนนต่อหลักฐานเมื่อทุกอย่างมันฟ้องตำตาทำให้เขาผู้จงใจแอบฟังถึงกับหดหู่รู้สึกผิดลึกๆ ในใจ หากไม่เพราะเรื่องเมื่อคืนนี้เลยเถิดเธอคงไม่ต้องวิ่งหายาป้องกันอย่างนั้น

ชายหนุ่มเดินคอตกกลับโต๊ะทำงานโดยปราศจากถ้วยกาแฟในมือเขาลอบมองหญิงสาวชั่วครู่ก่อนถอนใจหนัก เพราะเขาแท้ๆทำให้เธอคนนี้ถูกกล่าวหาไปต่างๆ นานาจนสนุกปากขาเม้าท์ป่านนี้คงจะเสียหายกับข่าวคาวราวไฟลามทุ่งเป็นที่เรียบร้อยความรู้สึกผิดและอยากรับผิดชอบวิ่งวนในความคิดคงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างที่ดีกว่ายืนมองแบบนี้

“เอ่อ..คุณพิม.. คือว่า.. เรื่องเมื่อคืน..”

“บอกแล้วไงคะเราไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร ฉันไม่อยากฟัง” หญิงสาวพูดจาโดยสายตายังให้ความสนใจต่อคอมพิวเตอร์ตรงหน้าไม่หันมองคู่สนทนาแต่อย่างใด แม้เขาพยายามอธิบายสิ่งต่างๆ เธอยังวางตัวนิ่งเฉยไม่ใส่ใจ

“แต่เพราะผมทำให้คุณเสียหายเพื่อนร่วมงานคนอื่นเลยพูดถึงคุณในทางไม่ดี ทุกอย่างมันเป็นเพราะผมคุณจะด่าจะว่าผมยังไงก็ได้ แต่ขอร้องช่วยเคลียร์กันก่อนได้ไหม”

“มันไม่เกี่ยวกับคุณ”มันไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้นนอกจากตัวเอง หากคืนนั้นเธอไม่เมามายจนคุมสติไม่อยู่ เรื่องทุกอย่างคงไม่เกิดขึ้นเขาคงไม่ต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่ร่วมกันกระทำไม่ต้องสงสารเห็นใจหรือสมเพชต่อผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งซึ่งกลายเป็นข่าวตกอยู่ในวงติฉินนินทา

“แต่ผมอยากขอโทษ..และรับผิดชอบ”

“ช่างมันเถอะฉันไม่แคร์สายตาใคร ชินซะแล้วกับคำพูดที่ใครอยากพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น”

“แต่..”

“อย่ารบกวนกันตอนนี้เลยค่ะฉันไม่อยากเสียเวลากับการทำงาน”

ผู้หญิงอะไรไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยต่อให้ทำใจแข็งจนเย็นชา เขาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี เก้าอี้ส่วนตัวถูกหย่อนกายลงนั่งพลางมองเธอคนนั้นเป็นระยะในท่าทางนิ่งเฉยกลับมีเสน่ห์ดึงดูดสายตา ทำให้เข้าใจว่าทุกอิริยาบถที่เธอแสดงออกมาเป็นเพียงเกราะกำบังความหวั่นไหวเท่านั้นเขาไม่มั่นใจต่อสิ่งที่คาดเดาว่าจริงเท็จแค่ไหน แต่เขาเชื่ออย่างนั้นเชื่อว่าเธอเป็นคนเข้มแข็งพอตัว


====



การร่วมงานทำความรู้จักดำเนินมาได้กว่าสามอาทิตย์หญิงสาวยังคงวางตัวนิ่งเฉยตามแบบฉบับ ไม่สุงสิงกับเพื่อนร่วมงานคนไหนเป็นพิเศษมีบ้างกับการทักทายพูดจาตามมารยาทในสังคมโดยมีใครบางคนเฝ้ามองเธออย่างห่วงใยตลอดเวลา และทำให้เขาหนักใจกับการเข้าหาคล้ายเธอปิดกั้นความรู้สึกจนยากเข้าถึงนิสัยแท้จริง

“เลิกงานแล้วคุณไปไหนต่อหรือเปล่าพิม”

“มีอะไรหรือเปล่าคะพอดีฉันโตแล้ว อยากไปไหนก็ได้ เรื่องส่วนตัวไม่จำเป็นต้องบอกใครนี่คะ”

ลิ้นชักโต๊ะถูกเปิดพร้อมหยิบกระเป๋าสะพายพาดบ่าเตรียมตัวเดินทางเมื่อถึงเวลาเลิกงานในความกวนประสาทของเธอ บางครั้งก็สร้างความหงุดหงิดใจแก่เขาจนอยากจับบีบคอแล้วเขย่าด้วยความหมั่นเขี้ยวเสียให้เข็ดแต่ความคิดต้องหยุดลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอยากตามดูเธอห่างๆจนบางครั้งเกิดระแวงตัวเองจะกลายเป็นพวกโรคจิตที่คอยตามดูเธอแทบทุกฝีก้าวไม่เข้าใจตัวเองเหตุใดจึงอยากอยู่ใกล้และต้องการเห็นเธออยู่ในสายตารู้สึกห่วงหาและคิดถึงในคราวเดียวกัน

หน้าอาคารสำนักงานในระยะห่างพอควรเขาจำเป็นต้องหยุดยืนกับที่เมื่อเป้าหมายพบเจอใครบางคนร่างสูงหุ่นดียืนเคียงคู่เธอคนนั้น ทั้งสองพูดคุยด้วยสีหน้าตึงเครียดชั่วครู่ก่อนเธอทำท่าจะเดินหนีให้ไกลจนถูกยึดข้อแขนดึงรั้งเอาไว้ไม่ให้ไปไหนความรู้สึกฉุนกึกโถมอารมณ์กะทันหัน ผู้ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงกล้าถูกเนื้อต้องตัวเธอคนที่ได้ชื่อว่าภรรยาไร้ตัวตนของเขา ไม่ว่าเหตุการณ์จะดีร้ายอย่างไรวันนี้คงไม่ปล่อยเลยตามเลย

“คุณเป็นใครไม่ทราบถึงมาฉุดกระชากผู้หญิงของผม”

สองสายตาหันมองตามเสียงแอบอ้างทันทีโดยมีหญิงสาวถอนใจหนักหน่วงเอือมระอาต่อสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ส่วนชายหนุ่มอีกคนส่งรังสีอำมหิตออกจากแววตาดุดันอยากรู้ที่มาที่ไปว่าเขาเป็นใครมาจากไหนถึงกล้าพูดเต็มปากว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขา

“ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันพิม..”

“ฉันไม่รู้จัก..รวมทั้งคุณด้วย ขอตัวนะคะ”

หญิงสาวผละจากชายหนุ่มทั้งสองเหน็ดเหนื่อยกับการตอบคำถามและเผชิญหน้ากับบุคคลที่อยากหนีให้ห่างไกล กับชายคนหนึ่งซึ่งเป็นแค่เพื่อนร่วมงานแม้จะเคยมีความลึกซึ้งแต่คงเป็นอะไรมากกว่านั้นไม่ได้อีกแล้วส่วนอีกคนเคยเป็นคนที่รักมากร่วมสองปีเต็ม แต่แล้วต้องพบเจอความจริงว่าเขาเป็นคนมีครอบครัวอยู่แล้วเธอจึงยอมตัดใจบอบช้ำทิ้งเพื่อเริ่มชีวิตใหม่ด้วยการไม่มีเขาโดยไม่คิดทำลายชีวิตครอบครัวของใครแม้จะรักมากเท่าไหร่ก็ตาม

“เลิกยุ่งกับเธอซะแล้วจะหาว่าผมไม่เตือน”

เขาที่แอบอ้างยังส่งคำขู่ด้วยสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของแม้เธอจะไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาดก็ตามแต่เขาจำเป็นต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลมทั้งที่ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนั้นด้วยซ้ำว่าคบกันขั้นไหนและจากการคาดเดาผู้ชายคนนี้คงเป็นคนเดียวกับที่สร้างบาดแผลให้เธอจนอกหักเมื่อไม่นานมานี้เขายอมรับกับตัวเองอย่างเต็มใจมีความรู้สึก หึงหวงจนเลือดขึ้นหน้านั่นคือสิ่งที่รู้ตัวที่สุด

ชายร่างสูงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงส่งสายตาฟาดฟันอยู่ชั่วครู่จนยอมสงบศึกและหันหลังกลับขึ้นรถหรูก่อนขับออกนอกสถานที่อย่างรวดเร็วปล่อยให้เขามองรถยนต์คันดังกล่าวเคลื่อนตัวออกไปจนลับตา ทำให้นึกถึงเธออีกครั้งป่านนี้คงเดินไปไกลได้สักระยะหนึ่ง สองเท้าเริ่มก้าวเดินเพื่อไล่ตามเธอให้ทัน

“นี่คุณพิม..รอผมก่อน” ประโยคร้องขอสั่งให้รั้งรอไม่สะทกสะท้านถึงจิตใจเธอยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถูกคว้าข้อมือไว้ทำให้ฝีเท้าชะงักตามในทันที

“อย่ามายุ่งกับฉัน”

“ผมจำเป็นต้องยุ่ง”ตื้อเท่านั้นยังครองโลกเป็นคำนิยามของเขา เพียงออกเสียงยืนยันอย่างหนักแน่น เธอจึงยอมนิ่งเฉยหยุดแรงขืนในทันทีพร้อมรับฟังในสิ่งที่เขาต้องการเจรจา “ผมเชื่อว่าเขาคนนั้นเป็นคนเดียวกับที่ทำให้คุณผิดหวังเสียใจแล้วระหว่างคุณกับเขาจะเคยมีความสัมพันธ์กันมายังไง ผมไม่สน แต่ผมคงปล่อยให้เขามาทำร้ายจิตใจคุณไม่ได้อีกแล้ว”

“คุณมีสิทธิ์อะไร”

“คุณรู้ดีว่าผมมีสิทธิ์อะไรแม้จะเป็นความสัมพันธ์แบบพลั้งเผลอ แต่ผมจะรับผิดชอบต่อการกระทำที่ผมเต็มใจ ให้โอกาสผมได้ไหมแม้ผมจะไม่รวยถึงขั้นเศรษฐี ไม่หล่อแบบดาราดัง แต่ผมจริงใจกับคุณจริงๆ นะคุณพิมคุณไม่จำเป็นต้องเชื่อในสิ่งที่ผมพูด แค่คุณเปิดโอกาส แล้วผมจะทำให้คุณเห็นว่าผมพร้อมดูแลคุณตลอดไป”

“...”หญิงสาวดึงแขนจนพ้นพันธนาการพลางหันเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง แววตาจริงจังและคำพูดของเขาคล้ายไฟอุ่นที่กำลังหลอมละลายน้ำแข็งภายในจิตใจทีละน้อย

“ผมรู้มันอาจฟังดูโอเวอร์กับการอยากคบกันทั้งที่เราสองคนยังไม่รู้จักมักคุ้นกันเลยด้วยซ้ำ แต่ผมก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงอยากดูแลคุณ อยากอยู่ใกล้คุณ ไม่อยากให้คุณคลาดสายตา ผมคงชอบคุณเข้าให้แล้ว”

รอยยิ้มน้อยๆระบายตรงมุมปากพร้อมหลบสายตาลงต่ำ เมื่อรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวกับการสารภาพความในใจด้วยอารมณ์เบรคแตกเป็นครั้งแรกเขาไม่รู้ว่าเธอที่ยืนนิ่งเฉยจะรู้สึกอย่างไร ยังรับฟังหรือทำหูทวนลมแต่เขากลับโล่งอกเมื่อได้ระบายสิ่งที่ค้างคาจนหมดเปลือก แม้เขาและเธอจะเจอกันแบบเผลอไผลแต่เขามั่นคงต่อความรู้สึกของตัวเองว่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญให้เธอกับเขาต้องเจอกันอย่างแน่นอน

เสียงเครื่องยนต์วิ่งตรงมาด้วยความเร็วสูงทำให้คู่สนทนาละสายตาจากกันพลางหันมองยังรถหรูคันคุ้นตา สองมือยกผลักร่างหญิงสาวให้พ้นเส้นทางมัจจุราชโดยอัตโนมัติและเขาจำเป็นต้องปะทะเข้ากับมันอย่างจัง ร่างทั้งร่างลอยกระแทกบนกระโปรงหน้ารถก่อนกลิ้งตกลงมานอนแน่นิ่งบนพื้นถนนพร้อมรถคู่กรณีขับหนีคดีจงใจฆาตกรรมอย่างว่องไว หญิงสาวรวบรวมสติสัมปะชัญญะวิ่งเข้าหาคนโดนรถชนพร้อมตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

“คุณต้องไม่เป็นอะไรนะทำใจดีๆ ไว้ก่อนนะเรย์”



====


ห้องฉุกเฉินดับไฟสนิทเมื่อการผ่าตัดผ่านพ้นร่วมหกชั่วโมงกว่ากับข่าวดีที่ว่าอาการผู้ป่วยปลอดภัยทุกประการ ความกังวลสร่างซาแทบจะหายเป็นปลิดทิ้งหญิงสาวและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆต่างทยอยยังห้องผู้ป่วยพิเศษเพื่อดูอาการของคนถูกรถชนที่นอนหมดสติเพราะฤทธิ์ยาสลบ และข่าวดีอีกเรื่องจึงตามมาเมื่อคดีจงใจขับรถชนคลี่คลายเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ดำเนินคดีแจ้งว่าคู่กรณียอมมอบตัวแต่โดยดี โดยให้การว่าคลั่งแค้นและโกรธเคืองที่เขามายุ่มย่ามกับอดีตคนรักอย่างเธอทำให้จงใจขับรถชนเพื่อสั่งสอนไม่คิดเอาชีวิตถึงตายแต่อย่างใดจึงเบรกรถกะทันหันให้กระแทกชนเพียงเท่านั้นก่อนหนีความผิด

ความบอบช้ำเจ็บแปลบตามร่างกายกระตุ้นให้ผู้ป่วยรู้สึกตัวตื่นขึ้นหลังจากหลับใหลไปกว่าครึ่งคืนสายตากวาดมองรอบห้องจนหยุดลงตรงร่างบอบบางที่ฟุบใบหน้าตะแคงหลับด้านข้างเสี้ยวหน้าคุ้นเคยทำให้เขานึกดีใจที่เธอไม่เป็นอะไรจากเหตุการณ์ตอนนั้น แขนค่อยๆขยับเคลื่อนไหวแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อความเจ็บแปลบวิ่งซ่านจนชาไปทั้งร่างกายน้ำตาซึมเพราะความปวดร้าวพลางมองร่างกายตัวเองที่เข้าเฝือกอ่อนเอาไว้ทั้งแขนและขา เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งให้หมดสิทธิ์หากคิดจะลูบไล้เส้นผมของเธอทำได้เพียงนอนมองและปล่อยให้เธอหลับไหลอยู่อย่างนั้นต่อไป

“ตื่นแล้วเหรออาการเป็นไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“...” คนถูกถามส่ายหน้าเบาๆพลางระบายยิ้มเล็กน้อย ตั้งแต่ตื่นขึ้นเมื่อหลายชั่วโมงก่อนเขายังไม่ได้หลับตาอีกเลยได้แต่นอนมองเธอด้านข้างอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน

“แปลกดี.. แขนขาเข้าเฝือกแต่กลับพูดไม่ได้”

“ผมไม่เป็นอะไรแล้วน่า”

“งั้นเหรอ..”

เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรอยยิ้มละมุนละไมจากเธอมันทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวาหายเจ็บปวดชั่วพริบตาไม่เคยคิดเลยว่าความรู้สึกเหล่านี้จะกลับมายืนกลางใจอีกครั้งทั้งที่เคยสั่งห้ามตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่สนใจผู้หญิงคนไหนอีกนับแต่ครั้งที่โดนหักอกจนแทบเสียคน

“พิม.. ตกลงคำตอบว่าไงที่ผมเคยถามก่อนถูกรถชน”

“อยากคบกับฉันคุณก็หายเร็วๆ แล้วกัน ฉันจะรับไว้พิจารณา”

ความอบอุ่นวิ่งวนเวียนในจิตใจเสมือนเป็นแรงพลังให้ร่างกายต่อต้านความเจ็บปวดได้กำลังใจอย่างนี้จากเธออีกไม่นานร่างกายคงหายดีและต่อจากนั้นคงมีกันและกันตลอดไป


====



สองเดือนต่อมา..

ชุดบ่าวสาวถูกถอดจากร่างกายของคู่แต่งงานเมื่อเข้ามาอยู่ร่วมห้องหอทั้งสองใช้เวลาคบหาดูใจตั้งแต่ชายหนุ่มออกจากโรงพยาบาลจนความรักก่อตัวรวดเร็วการตกลงปลงใจจึงเกิดขึ้นในเวลาต่อมาสมการรอคอย เหงื่อโทรมกายพร้อมสองร่างกอดก่ายแนบเนื้อเหนื่อยหอบด้วยความอิ่มเอมและเปี่ยมสุขภายใต้ผ้าห่มหนา

“พิม..ผมถามอะไรอย่างได้ไหม”

“ถามอะไร..”

“คืนนั้นที่เจอกันครั้งแรกเราเมาจนไม่รู้เรื่องอะไรเลย คุณแน่ใจได้ไงว่าเราสองคนมีอะไรกันจริงๆ ในเมื่อ..”

“ในเมื่ออะไร”

“...”ชายหนุ่มหยุดคำพูดในลำคอพลางยกกายมองใบหน้านวลเนียนในอ้อมกอด นิ้วเรียวเกลี่ยไกล่ตามไรผมชุ่มเหงื่อแม้เขาจะเคยมีคนรักมาก่อนแต่เขาคงไม่โง่จนไม่รู้ว่าผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องเพื่อเขาเรื่องในคืนนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิดเพียงแค่สภาพที่เห็นว่าเปลือยเปล่าไม่จำเป็นต้องมีอะไรลึกซึ้งเสมอไปมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะจำอะไรไม่ได้ถ้ามันเกิดขึ้นจริง

“นี่คุณอยากบอกอะไร”

“คุณยังบริสุทธิ์คืนนั้นเราแค่ถอดเสื้อผ้าเพราะความอึดอัดนะ ผมคงเดาไม่ผิด”

“นี่เราไม่ได้มีอะไรกันงั้นเหรอ”

“ใช่..ผมกับคุณไม่เคยมีอะไรกัน ผมมั่นใจ”

“โอ้ย..พลาดอีกแล้ว ฉันก็เอะใจตั้งแต่วันนั้นทำไมฉันจำอะไรไม่ได้นอกจากความฝันที่เหมือนจริงมากๆ”

พลาด..คำพูดของเธอต้องการสื่อบอกอะไรหรือเปล่าหรือแท้จริงแล้วเธอพลาดที่เลือกเขาเป็นชีวิตคู่ พลาดที่พลั้งเผลอเข้าใจผิดพลาดที่ต้องพบเจอกับเขา ความน้อยอกน้อยใจถาโถมในความรู้สึก แต่คงปล่อยให้ทุกอย่างคาใจไม่ได้ทั้งที่เขาได้ครอบครองเธอแล้วทั้งตัวและหัวใจ

“คุณเสียใจงั้นเหรอที่แต่งงานกับผม”

“เปล่านี่..ฉันก็แค่บ่นถึงเรื่องวันนั้น”

“งั้นคุณจงใจรักผมใช่ไหม”

“เปล่า..ฉันบังเอิญรักคุณต่างหาก รักที่คุณจริงใจ รักที่คุณเป็นคุณ รักที่คุณสัญญาว่าจะดูแลฉันตลอดไปนับจากวันนี้”

ระหว่างความรักของคนสองคน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหนเมื่อไหร่ จะตั้งใจหรือเผลอใจ มันก็คือความรักซึ่งควรค่าแก่คู่รักที่พร้อมจริงใจต่อกันพร้อมดูแลใส่ใจเติมเต็มคำว่ารักให้ล้นใจตลอดกาล 


The end



Create Date : 14 กรกฎาคม 2556
Last Update : 14 กรกฎาคม 2556 20:13:46 น.
Counter : 1015 Pageviews.

7 comments
  


สวัสดียามเช้า วันนี้วันพระ ขอให้คุณพระคุ้มครองนะครับ
โดย: พันคม วันที่: 15 กรกฎาคม 2556 เวลา:7:30:30 น.
  
โชคดีได้เจิมให้ด้วย..สงสัยเป็นพรหมลิขิต..
โชคดียามเช้าครับ
โดย: พันคม วันที่: 15 กรกฎาคม 2556 เวลา:7:31:35 น.
  
สวัสดียามบ่ายค่า
ตามมาอ่าน น่ารักดีค่ะ ถ้าเจอผู้ชายดีๆ แบบนี้บ้างก็ดีสิ อิๆ แต่ไม่เอาพลาดแบบนี้นะ คงได้กลั้นใจตายเอาจริงๆ
โดย: ประกายพรึก วันที่: 15 กรกฎาคม 2556 เวลา:13:43:51 น.
  
มาแอนดูหนุ่มสาวจ้าพี่มาโซ ^^
เมื่อคืนจะเข้ามามัวแต่ปั่นนิยาย แหะๆ
โดย: lovereason วันที่: 15 กรกฎาคม 2556 เวลา:15:05:31 น.
  
@ ขอบคุณคุณพันคมมากนะคะ ที่มาสร้างพรหมลิขิต อิอิ

@ คุณประกายพรึก ขอบคุณนะคะ มาโซก็อยากเจอผู้ชายดีๆ แบบในนิยายบ้าง ฮ่าๆ

@ นุ่นได้หลับได้นอนบ้างหรอเปล่านี่
โดย: มาโซคิส IP: 124.122.37.7 วันที่: 15 กรกฎาคม 2556 เวลา:20:55:49 น.
  
อ่านแล้วอบอุ่นดีจังคะ แล้วจะเข้ามาติดตามนะคะ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยคะ
โดย: NiCheNook วันที่: 22 สิงหาคม 2556 เวลา:14:49:33 น.
  
NiCheNook ขอบคุณนะคะ
โดย: มาโซคิส วันที่: 24 สิงหาคม 2556 เวลา:20:04:26 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments