มิถุนายน 2556

 
 
 
 
 
 
2
3
5
6
7
9
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
สัมผัสมนตรา.. Chapter 12 ... มันไม่ใช่แค่ความฝัน

Chapter 12

มันไม่ใช่แค่ความฝัน

ต้นไม้ใหญ่ยืนเรียงรายในป่ารกทึบ ยิ่งเดินลึกเท่าไหร่ยิ่งเห็นแต่ความมืดทะมึนหมอกสีขาวลอยตามอากาศเย็นเยียบกรีดผิวกายจนชาวาบไปทั้งเรือนร่างแต่ในความอึมครึมนั้นยังมีความงดงามสวนดอกไม้หลากสีถูกหมู่แมลงมีปีกอย่างผีเสื้อยึดคุมกลีบดอกและใบจนแทบไม่เหลือพื้นที่ว่างเปล่ากระต่ายป่าสีขาวตัวโตกระโดดเข้าดงดอกไม้พาผีเสื้อบินฟุ้งขึ้นกลางอากาศทว่าธรรมชาติเหล่านั้นกลับถูกทำลายเมื่อเกิดบางสิ่งบางอย่างทำให้กระต่ายตัวนั้นล้มหงายหลังนอนชักดิ้นชักงอก่อนสิ้นลมหายใจ

ขนปุยสีขาวเกรอะกรังไปด้วยคราบเลือดตาเหลือกค้าง เลือดข้นเหนียวไหลออกจากจมูก เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกเมื่อร่างไร้วิญญาณถูกยกขึ้นสำรวจการเต้นของหัวใจไม่มีอีกแล้วชีวิตสัตว์ตัวน้อยดวงตาเหม่อลอยไร้แววพราวราวกับไม่มีความรู้สึกรับรู้ใดๆ ลมโชยเอื่อยพาเส้นผมยาวสยายพัดพลิ้วรอบกายคล้ายมีคลื่นแสงบางๆ ครอบคลุมไว้และค่อยๆ จางหายในที่สุด มือบางเปื้อนเลือดแดงฉานและลุกลามเต็มใบหน้านวลขาวเมื่อยกปาดน้ำตาคลอเบ้าแววตาเริ่มทอประกายกลับสู่สภาวะปกติ

ร่างบอบบางของหญิงสาวถูกโอบกอดแนบแน่นก่อนจะร้องไห้ฟูมฟายราวกับขวัญกระเจิงและทุกอย่างกลับสู่เหตุการณ์เดิมอีกครั้งเมื่อคลื่นพลังรอบกายเธอเกิดเป็นเปลวสีฟ้าอ่อนส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดตรงจิตใจราวกับกำลังจะแตกสลายเป็นเสี่ยงทุกสิ่งมีชีวิตที่วนเวียนอยู่รอบบริเวณนั้นร่วงหล่นลงพื้นดิน สิ้นลมหายใจตามกันรวมทั้งบุคคลที่โอบกอดร่างบางเอาไว้ เริ่มทนรับความเจ็บปวดไม่ไหว เนื่องจากพลังบางอย่างส่งผลให้ใจเต้นรัวคล้ายกลองตีกระหน่ำบีบรัดรุนแรงจนปวดร้าวก่อนหยุดเต้นพร้อมหมดลมหายใจ ล้มลงตรงหน้าเธอ

“ไม่!!”

จิตใจสั่นสะเทือนร่างกายสะดุ้งเฮือกก่อนลุกพรวดขึ้นนั่ง เม็ดเหงื่อซิบเต็มวงหน้าเปลวเทียนสว่างวาบส่องแสงรอบห้องนอน ลมหายใจถูกทอดถอนหนัก ระงับอาการเต้นแรงของหัวใจให้สงบและกลับมาเป็นปกติดังเดิมเสียงเคาะประตูดังเป็นจังหวะเตือนให้รู้มีผู้มาเยือน เกือบลืมไปเสียสนิทว่านับจากนี้เธอไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านนี้เพียงลำพังฟาขยับกายลงจากเตียงก้าวถึงประตูและเปิดออก

“เป็นอะไรไปฟา! ตะโกนซะดังเลย”

“เปล่าๆแค่ฝันร้าย”

แอลยกมือลูบไล้ศีรษะหญิงสาวเบื้องหน้าก่อนนำนิ้วปาดเม็ดเหงื่อให้แห้งหายจากหน้าผากนวลเนียนคงเป็นฝันร้ายซึ่งฟาเคยเล่าว่าเกิดบ่อยครั้งยามค่ำคืน และคืนนี้ก็เช่นกัน ความฝันเหล่านั้นกลับมาเยือนอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรใช่ไหม”

“อืม..ไม่เป็นไร ก็แค่ฝันร้ายที่มันเหมือนจริงมากเท่านั้น” ฟาพูดพลาง ระบายลมหายใจพลาง

“อุบัติเหตุรถคว่ำอีกแล้วสินะ”

“ไม่ใช่..ฉันฝันเห็นนายตาย”

เรื่องในความฝันสมจริงราวกับเกิดเหตุการณ์ตามที่ซันเคยเล่าให้ฟังอาจเพราะรับรู้เรื่องเลวร้ายมากไปเลยเก็บมาคิดและฝันเช่นนี้ ถ้วยฟูวิ่งขึ้นบันไดกระดิกหางตรงหาเจ้านายพร้อมกระโดดพันแข้งพันขาก่อนถูกคว้าขึ้นอุ้มโซฟานั่งเล่นหน้าห้องนอนถูกร่างบางหย่อนกายลงนั่ง พลางถอนใจปัดความหวาดผวาจากฝันร้ายเมื่อครู่ทิ้งแอลนำถ้วยฟูปล่อยลงพื้นก่อนตัวเองจะนั่งตามบนโซฟาอีกคน

“ฝันว่าไง”

“เรื่องราวเหมือนที่ซันเล่าทั้งหมดหลังจากโดนพลัง หัวใจนายก็หยุดเต้นใช่ไหมแอล แล้วตอนอยู่โรงพยาบาลล่ะนายเป็นไงบ้าง”

“ผมไม่รู้หรอกระหว่างพักรักษาตัวเป็นไงผมจำอะไรไม่ได้เลยช่วงนั้น กว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็นานหลายเดือน”

ระหว่างกำลังสนทนาฟานำมือกุมขมับเริ่มเกิดอาการแปลกๆคล้ายพยายามควบคุมความรู้สึกบางอย่าง นัยน์ตาเคยดำสนิทเวลานี้แปรเปลี่ยนเป็นสีเทาไร้แววประกายเสียงถ้วยฟูครางหงิงๆ ก่อนนำตัวลงนอนชักดิ้นชักงอราวกับเจ็บปวดทุรนทุราย แอลหันมองถ้วยฟูด้วยอาการตกตะลึงต่อภาพที่เห็นเมื่อตั้งสติได้เขาลุกยืนและก้าวหามันอย่างรวดเร็ว สำรวจอาการที่ไม่ปกติและเมื่อหันหาฟาอีกครั้งเขายิ่งตะลึงหนักกว่าเดิม ดวงตาเบิกกว้าง ภาพเหตุการณ์ครั้งนั้นกลับมายืนในความคิดหรือฟากำลังเผชิญกับพลังที่เกินควบคุม และมันกำลังจะเกิดเรื่องเลวร้าย

“ฟา!!ตั้งสติ! คุมตัวเองไว้!”

“นะ..นาย.. พาถ้วยฟู.. ออกไป.. เดี๋ยวนี้!”

มือกำเกร็งกุมศีรษะพยายามต่อต้านความรู้สึกร้อนรุ่มในกายให้กลับมาเป็นปกติฟาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพ่นออก เธอทำอย่างนั้นถี่รัวจนความรู้สึกปกติค่อยๆกลับมา สองเท้าพาร่างกายก้าวเดินยังระเบียงนอกห้องนอนอย่างเร่งด่วน สายฟ้าสว่างแว้บเป็นสายก่อนเสียงครืนดังตามเป็นระยะเมฆดำทะมึนก่อตัวเป็นกลุ่มใหญ่ก่อนปล่อยสายฝนร่วงโปรยปราย ความเย็นฉ่ำของน้ำฝนบนฟ้าสาดรดร่างกายร้อนระอุให้เย็นลงครั้งนี้นับว่าโชคดีที่ฟายังรู้ตัวกับบางสิ่งบางอย่างซึ่งกลืนกินความรู้สึกเอาไว้ ทว่าครั้งหน้าจะเป็นอย่างไรหากเกินความสามารถต้านทานอยู่

ร่างกายสั่นเทายืนสงบนิ่งกลางสายฝนที่ยังตกกระหน่ำลงมาไม่มีขาดระยะพลังเหล่านี้ต้องเกิดจากความรักที่มีต่อนายรันติมามิใช่หรือเวลานี้ยังไม่มีความรู้สึกเหล่านั้นเกิดขึ้น ทำไมจึงควบคุมตัวเองไม่ได้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น

“ฟา!”

คนตัวสูงรีบรุดเข้าหาหญิงสาวที่ร่างกายเปียกปอนไปทั้งตัวแอลจับแขนสองข้างเขย่าให้ฟามีสติ น้ำตาของเธอค่อยๆ เอ่อไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว

“นายกับถ้วยฟูไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ยัยโง่..ห่วงตัวเองก่อนดีกว่าไหม”

แอลระบายยิ้มพลางดึงร่างบางโอบกอดอย่างโล่งอกราวยกภูเขาหนักอึ้งทิ้งอยากขอบคุณโชคชะตาที่ไม่ทำให้ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง แอลผละร่างบางออกยืนมองวงหน้าหวานเปียกชุ่มไปด้วยสายฝนเย็นฉ่ำ สำรวจแววตาของฟาคนเดิม และดวงตากลมโตคู่นั้นก็กลับมาเป็นน้องสาวของเขาแล้วจริงๆ

“นายมองอะไรแอล”

“มองหาฟาคนเดิม..ถ้าคุณพูดได้แบบนี้ ผมเชื่อว่าฟาคนเดิมกลับมาแล้ว”

“บ้าหรือไง”เสียงหัวเราะขำขันดังกลางสายฝน ทำให้หญิงสาวเบื้องหน้าระบายยิ้มออกมาก่อนจะนิ่งเฉยคล้ายมีบางอย่างในใจ

“ฉันรู้แล้ว..ทำไมนายถึงลืมเรื่องราวระหว่างที่พักในโรงพยาบาล”

“ทำไม..แล้วคุณรู้ได้ไง”

“ความฝันไงเรื่องอุบัติเหตุ มันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น”

“ยังไง..”

“ไว้รอฉันพิสูจน์ความจริงก่อนอีกไม่นานนายคงได้รู้เหตุผล เอาเป็นว่าเราอย่าเพิ่งคุยกันตอนนี้เลยฉันเป็นห่วงถ้วยฟู เข้าบ้านไปหามันกันเถอะ ป่านนี้ไม่รู้เป็นไงบ้าง”

“เจ้าถ้วยฟู..อาการปางตายเลยนะฟา”

ประโยคสะเทือนจิตใจเธอทำร้ายเจ้าหมาน้อยจนปางตายเชียวหรือ ฟานิ่งอึ้งรู้สึกย่ำแย่ ทว่ารอยยิ้มของแอลทำให้ฟาโล่งใจยกมือชกเข้าที่ลำแขนก่อนก้าวเดินเข้าบ้านเพื่อดูอาการของถ้วยฟูว่าสาหัสจริงเท็จแค่ไหน คำพูดของชายหนุ่มที่เดินตามหลังอาจเชื่อถือไม่ได้สักนิด

ผ้าขนหนูถูกโยนคลุมศีรษะก่อนฟาจะก้าวถึงรังนอนของถ้วยฟูมือรีบหยิบผ้าผืนนั้นออกให้พ้นจากสายตา ร่างกลมขนปุยนอนหลับตานิ่งตรงช่วงท้องกระเพื่อมขึ้นลงบ่งบอกให้รู้ว่ายังหายใจ ฟาแย้มยิ้มโล่งอก เวลานี้สบายใจได้เสียทีว่าลูกสุนัขที่ห่วงนักหนาไม่เป็นอะไรสาหัสอย่างคาดเดาฟานำผ้าขนหนูขึ้นเช็ดผมและจ้องมองถ้วยฟูอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่

“เห็นไหมผมบอกแล้วว่ามันปางตาย”

“หลับเป็นตายสิไม่ว่ามันคงเหนื่อยมากกับการต่อสู้พลังของฉัน”

“จะว่าไปคุณเก่งนะฟาเปลี่ยนพลังจิตที่ควบคุมไม่ได้ ให้เป็นมนตราคาถาเสก”

“คาถากิ๊กก๊อกสิไม่ว่า”

“คุณทำได้ไง”

“ฉันก็แค่ตั้งสมาธิแล้วนึกเอาบางครั้งก็เหมือนมีบางอย่างกระตุ้นความคิดให้ทำอย่างนั้น”

“งั้นเหรอ..เอาล่ะ ถึงเวลาไปพักผ่อนได้แล้ว ถ้วยฟูมันไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะ” ฟายักคิ้วให้พี่ชายก่อนเดินหลบขึ้นชั้นสองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอนวันนี้เหนื่อยล้าเต็มกลืน

หลังจากจัดการภารกิจส่วนตัวเรียบร้อยฟาก้าวนั่งยังเตียงนอนจ้องมองเปลวเทียนอย่างสงบนิ่ง พลังจิตอย่างนั้นหรือคือสิ่งที่เธอมีและสามารถทำร้ายใครต่อใครโดยไม่รู้ตัวฟาลองควบคุมจิตใจ สายตาทอดมองปลายเทียน และเพียงไม่นานเปลวไฟก็ลุกโชนสูงราวกับเล่นกลครั้งนี้ไม่ต้องใช้นิ้ววนเวียนหรือนึกสร้างภาพหลอน แค่ใช้สมาธิเพียงน้อยนิดเท่านั้นพลังแปลกประหลาดซึ่งได้รับจากเขา มันเป็นสิ่งที่ไม่ต้องการและไม่อยากมี เพราะมันทำให้เธอไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปอย่างที่ควรเป็นสำหรับเธอสมควรเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

เสียงดนตรีดังกระหึ่มจากหอประชุมขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยวันนี้มีงานเลี้ยงฉลองครบรอบยี่สิบปีของการเปิดสถานศึกษาแห่งนี้ทางคณะอาจารย์จัดงานสังสรรค์สร้างความบันเทิงให้กับเหล่านักศึกษาได้ผ่อนคลายหายเครียดแม้กฏข้อบังคับจะสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้นำของมึนเมาเข้ายังเขตหอประชุม แต่กฏมีไว้แหกเสมอจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับวัยเลือดร้อนคึกคะนอง

“เจ้ชนแก้วหน่อย ได้ข่าวว่ามีผู้ชายหลงเข้าไปอยู่ในบ้านหนึ่งคน ดีใจด้วยนะ”

“น้อยๆหน่อยนะเก่ง เดี๋ยวใครมาได้ยินก็เข้าใจผิดพอดี แอลหน่ะพี่ชายฉันนะแก”

“แต่พี่ชายก็พาน้องสาวหวั่นไหวไม่ใช่หรือไงผมยังจำได้เลยนะ ช่วงที่แอลเข้ามาเจอเจ้ใหม่ๆ”

“ใครบอกว่าแอลทำฉันหวั่นไหว..มันเพราะ..”

“อะไรเจ้เพราะอะไร”

“ไม่มีไร”

ชายหนุ่มผู้ดึงดูดสายตาเวลานี้ต่างหากทำให้เธอหวั่นไหวหัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย นักศึกษาปีสี่หลายคนกำลังเดินเข้ายังโถงห้องประชุมเพียงคนเดียวที่มีผลต่อจิตใจดวงน้อย แม้จะเคยตั้งมั่นแค้นเคือง แต่เวลานี้กลับต้องข่มใจเพื่อละสายตาจากเขาฟาพยายามถามตัวเองหลายครั้งว่าเพราะเหตุใด แต่กลับไร้ซึ่งคำตอบ หรือหัวใจของเธอไม่เคยเป็นของเธอตั้งแต่แรกกลุ่มชายหนุ่มเดินเข้านั่งประจำโต๊ะพร้อมเครื่องดื่มหลากหลายถูกพนักงานเสิร์ฟยกประเคนทุกการกระทำของรันอยู่ภายในสายตากลมโตตลอดเวลาตั้งแต่เข้ามาในห้องประชุมแห่งนี้

แก้วในมือยกจิบจากน้ำอัดลมกลายเป็นเครื่องดื่มมึนเมาได้อย่างไร ฟาชำเลืองมองเพื่อนรุ่นน้องลืมไปเสียสนิทว่าเก่งยื่นส่งน้ำเมาให้ระหว่างเธอพุ่งความสนใจยังเขา และควรถึงเวลาเลิกใส่ใจใครที่พยายามดึงดูดสายตาเสียทีแอลกอฮอล์ถูกดื่มอย่างรู้ตัว ไม่บ่อยนักกับสิ่งมึนเมาที่มีรสชาติฝาดจะไหลกลืนลงคอแต่วันนี้คงปล่อยเลยตามเลยสักวัน

ค่ำคืนอันยาวนานค่อยๆผ่านตามเข็มนาฬิกาเคลื่อนที่ไม่มีหยุดพัก แอลกอฮอล์รสขมยิ่งดื่มยิ่งเหมือนน้ำเปล่ากลืนได้คล่องคอทำให้เพลินเพลิดกับความรู้สึกแปลกใหม่ ทว่าสุราก็คล้ายน้ำเปลี่ยนนิสัย ความรู้สึกคับอกคับใจบางครั้งเลยถูกระบายออกมาฟาเริ่มเมามากขึ้นได้แต่พูดจาเรื่อยเปื่อยไม่มีหยุด จนเก่งต้องคอยสะกิดให้เพลามือกับการรินเหล้าดื่มเองแบบเพียวๆ

“นี่ฟา..ฉันว่ามีคนสนใจเธอนะ หนุ่มหล่อเสียด้วย ดูสิมองมาทางนี้ตลอดเลย”

“คาย..มอง..”

ดวงตาหวานเยิ้มหันตามจุดสนใจของเพื่อนร่วมคณะซึ่งชี้ชวนให้มองตามความพร่ามัวเริ่มเห็นภาพซ้อน ฟาหัวเราะร่วนลุกยืนพยายามประคองตัวให้มั่น

“เฮ้!เจ้จะไปไหน”

“อย่ายุ่งน่า..”

“พวกพี่จะบ้ากันหรือไงยุอะไรแบบนั้น ก็รู้นิสัยเจ๊แกอยู่” เก่งบ่นเพื่อนร่วมคณะของฟายกใหญ่

“ปล่อยฟาบ้างเถอะนายเก่งทำเป็นจงอางหวงไข่ไปได้ หากฉันเป็นฟาจะรีบกระโดดเข้าหาเลยหนุ่มหล่อทอดสะพานแบบนี้หายากนะจะบอกให้ ยิ่งเขามองฟาตลอดเวลาอย่างนั้น งานนี้ฟาได้แฟนแน่ๆ”

เสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวบริเวณนั้นสร้างความหงุดหงิดให้เก่งไม่น้อยเขาไม่รอช้ารีบรุดเข้าประคองเพื่อนรุ่นพี่ซึ่งกำลังเดินตรงยังกลุ่มนักศึกษาปีสี่ฟาสะบัดมือเก่งออกจากร่างกาย แต่ด้วยแรงอันน้อยนิดและสติแทบจะหมดเต็มทีทำให้เก่งยิ่งออกแรงโอบประคองคนเมาให้ออกจากห้องประชุมอย่างทุลักทุเลไม่รู้จริงๆ ว่าฟาคิดก่อปัญหาอะไร

“เจ้!มีสติหน่อยสิ บ้าเอ้ย! ไม่น่าหาเรื่องให้เจ้กินเหล้าเลย อยากจะบ้าตาย”เก่งได้แต่โทษตัวเองระหว่างหอบหิ้วฟาออกจากงานสังสรรค์

“ให้ช่วยอะไรไหมน้องชายพี่สาวเมาหมดสภาพอย่างนั้น พวกพี่อุ้มไปดีกว่า”

เสียงวี้ดวิ้วผิวปากของเหล่านักศึกษาชายเอ่ยแซวระหว่างเห็นเก่งหอบหญิงสาวซึ่งเมาหมดสภาพแทบพยุงตนเองไม่ไหวก้าวเดินจะล้มไม่ล้มแหล่ เก่งไม่ใส่ใจเสียงนกเสียงการอบด้าน พยายามพาฟาหนีให้ห่างจากปากเหยี่ยวปากกาทว่าทั้งสองร่างที่เคยฉุดกระชากลากถูต้องหยุดชะงัก เมื่อแขนของฟาถูกใครบางคนคว้าครองเอาไว้

“นี่ผู้หญิงของฉัน”

เก่งยืนอึ้งยอมแต่โดยดีให้เขายึดร่างบอบบางประคองไว้แทน ถึงอย่างไรก็พอรู้มาบ้างว่าบุคคลที่นำตัวฟาออกจากห้องประชุมเคยเป็นคนรักกันมาก่อนเมื่อครั้งอดีตรันหิ้วแขนของฟาออกนอกสถานที่อย่างยากลำบากเนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควรเพราะเธอทั้งสะบัด ทั้งดิ้นพรวดๆ พยายามแกะมือที่จับกุมไว้ให้หลุดพ้นจากร่างกาย

“เดินดีๆไม่เป็นหรือไงเล่า”

“คายใช้..ให้มายุ่งกับฉัน.. ปล่อยเส่ะ!”

“ชอบนักหรือไงเป็นเป้าสายตาพวกผู้ชายในนั้น”

“อย่ามายุ่งกับ..ฉันได้ไหม!”

ความมึนเมาทำให้ฟาเกือบประคองตัวเองไม่อยู่หนำซ้ำลิ้นยังพันกันจนพูดแทบไม่รู้เรื่อง แต่เธอยังอวดดีปฏิเสธการช่วยเหลือ ทั้งที่เขาพยายามพยุงให้กลับบ้านอย่างปลอดภัย

“เดินเฉยๆเถอะน่า”

“นายใช่ม้าย..ที่มองฉันเมื่อกี้” ฟาพยายามเพ่งสายตาสำรวจความคุ้นเคยกับบุคคลตรงหน้า“นายคือคนที่เคยรักกับฉันมาก่อนนี่ งั้นช่วยเตือนความจำที.. ว่าเราเคยรักกันยางไง”มือไม้ชี้สะเปะสะปะไปทั่ว

“ไร้สาระ..คออ่อนแล้วยังจะกล้ากินเหล้า”

รถยนต์ซึ่งจอดสนิทคือจุดหมายที่รันกำลังประคองฟาเข้าหาแต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูรถ แรงดึงกระชากทำให้เขาต้องหันกลับมามองเธอก่อนจะถูกฝ่ามืออบอุ่นผลักอกจนแผ่นหลังปะทะกับรถที่จอดอยู่อย่างจังฟานำมือท้าวรถและเงยมองคนตัวสูงที่ยืนกอดอกนิ่ง เบนสายตาหันทางอื่นไม่มองเธอสักนิด

“นายคิดว่า..ฉันมาวง้านเหรอ ฉันไม่ได้มาว!” ฟานำมือตบอกยืนยันว่าเธอมีสติแทบร่อยหรอเต็มทีอีกครั้งที่รันเบือนหน้าหนีไม่อยากเสวนากับเธอเท่าที่ควร “รู้ม้าย.. ฉันจำคนรักอย่างนายไม่ได้เลยสักนิด..ไหน.. ช่วยยืนยันหน่อย.. ว่าเราเคยรักกันยางไง”

ฟาเขย่งกายให้ความสูงเทียบเท่าเขามืออีกข้างซึ่งว่างเปล่าดึงคอเสื้อให้ใบหน้าคมคายโน้มลงมาเล็กน้อย ความใกล้ชิดทำให้ลมหายใจรดรินซึ่งกันและกันปากชมพูระเรื่อค่อยๆ เลื่อนเข้าใกล้ริมฝีปากของเขาตรงหน้า นัยน์ตาสีนิลจ้องมองวงหน้าหวานนิ่งๆไม่ตอบสนองใดๆ กับความวาบหวามที่กำลังจะเกิดขึ้น สัมผัสอบอุ่นทำให้เขาวางตัวนิ่งเฉยจ้องเธออยู่อย่างนั้น และเพียงไม่นานมือของฟาปล่อยจากคอเสื้อเปลี่ยนเป็นปิดปากตัวเองรู้สึกพะอืดพะอมกะทันหันจนต้องนำใบหน้าซบลงบนแผ่นอก ขาเริ่มอ่อนปวกเปียกก่อนจะสำรอกออกมาเต็มเสื้อเชิ้ตสีขาวจนเปรอะเปื้อน

“ยัยบ้า!!”

เสียงตวาดส่งดังพลางประคองร่างบางที่กำลังล้มทั้งยืนสติไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้วเวลานี้ เสื้อเลอะอาเจียนส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวจนต้องถอดทิ้งก่อนนำร่างอ้อนแอ้นเข้านั่งในรถและพากลับที่พักอาศัยโดยเร็วที่สุดรันนั่งประจำตำแหน่งคนขับพลางหันมองหญิงสาวด้านข้างซึ่งยกมือปัดป่ายใบหน้าตัวเองยุกยิกไม่อยู่สุขทำให้เขาต้องส่ายศีรษะเอือมระอา

“ผู้หญิงอะไรอวดดีเป็นบ้า”

กระจกรถฝั่งคนเมามายถูกกดลดระดับครึ่งบานเพื่อรับลมจากด้านนอกความเย็นแบบธรรมชาติคงช่วยให้เธอที่เมาจนแทบไม่เหลือสติรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง

สัมผัสละมุนละไมบริเวณริมฝีปากรับรู้ถึงความอบอุ่นพาเคลิ้มฝันไปไกลบางจังหวะรู้สึกถูกเลียไล้ทั่วทั้งแก้มและใบหน้า ร่างกายถูกกดด้วยน้ำหนักพอประมาณคล้ายมีบางอย่างทับตรึงเอาไว้จนรู้สึกอึดอัดบางทีความฝันช่างเสมือนจริง หรือเจ้าชายจากในนิทานจะมีตัวตนและจุมพิตปลุกให้เธอฟื้นตื่นจากนิทรา

“เฉาก๊วยหยุดกวนพี่เขาเสียทีสิ ดื้อใหญ่แล้วนะเรา”

เสียงแว่วผ่านหูเจ้าชายในฝันหรือเปล่าชื่อเฉาก๊วย เปลือกตาปรือเปิดพร้อมมือปัดป้องจากบางสิ่งที่อยู่บนร่างกายโดยอัตโนมัติสุนัขขนหยิกฟูสีดำสนิทเลียแผล่บที่ปากและข้างแก้มอยากเล่นด้วยเต็มทีฟาลุกนั่งพร้อมจับสุนัขแปลกหน้าไว้ในมือพลางลูบไล้ส่วนหัวจนถึงกลางหลังสายตาเลื่อนมองหญิงสาวซึ่งแย้มยิ้มให้เธอตรงปลายเตียง

“คุณ..”

“ขอโทษด้วยนะฟาเจ้าเฉาก๊วยมากวนซะตื่นเลย เป็นไงบ้างหายปวดหัวหรือยัง”

ฟามองสำรวจไปรอบห้องเกิดคำถามขึ้นในความคิด‘ที่ไหน’ ทำไมซันถึงอยู่ตรงหน้าเธอสายตาเลื่อนต่ำมองสุนัขพันธุ์พุดเดิลเพศผู้อีกครั้งเจ้าชายในความฝันคือหมาน้อยตัวนี้อย่างแน่นอน

“ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่”

ซันหลุดขำพลางยกมือขึ้นปิดปากเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เสียงกริ่งดังหน้าบ้านพร้อมร่างสูงโอบอุ้มร่างบางเมาไม่ได้สติไว้ในอ้อมแขนสีหน้าของเขาดูหงุดหงิดด้วยคิ้วขมวดยุ่งเหยิงซันได้แต่นึกห่วงเมื่อเห็นรันอยู่ใกล้ชิดฟาอีกครั้งแต่ก็อดขำไม่ได้เมื่อเห็นสภาพของแต่ละคนย่ำแย่ คนหนึ่งมีสติแต่ต้องเปลือยกายท่อนบนเนื่องจากถอดเสื้อทิ้งเพราะฤทธิ์หญิงสาวที่สสบไสลในอ้อมแขนอีกคนก็เมามายจนไม่มีสติหลงเหลือ

‘ทำไมพาฟามาที่นี่’

‘ฝากดูหน่อยแล้วกัน ไม่อยากให้แอลดูแลยัยนี่ตอนกำลังเมา’

‘หวงแม้กระทั่งพี่ชายหรือไงนะ’

‘บ้าน่า’

ซันได้แต่นึกย้อนเหตุการณ์และขำขันอยู่คนเดียวพาฟาที่กำลังมองอยู่ถึงกับงุนงงเล็กน้อยไม่เข้าใจว่าซันเป็นอะไรถึงดูอารมณ์ดีผิดปกติเมื่อเห็นสายตาแปลกใจทำให้ซันหยุดขำทันทีและเปลี่ยนท่าทางให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

“เมื่อคืนจำอะไรได้บ้างไหม”

ฟาพยายามรื้อค้นความจำตั้งแต่ตนเองนั่งอยู่ในงานสังสรรค์ของมหาวิทยาลัยเมื่อคืนนี้และทุกอย่างเริ่มเลือนรางจนคิดได้อีกทีคือจุมพิตที่เจ้าชายในฝันฝากรอยเอาไว้สายตาเลื่อนมองสุนัขซึ่งวิ่งกระโดดหาซัน ดึงฟาให้หลุดจากภวังค์ความคิด และเกิดข้อสงสัยจนเก็บไว้ไม่อยู่

“ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง”

“รันพามาส่งเห็นว่าฟาเมามากเมื่อคืนนี้ พี่เลยดูแลเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ว่าแต่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าไหม จะได้ลงไปกินข้าวต้ม ทำไว้ให้เรียบร้อยแล้วข้างล่าง”

“เมื่อคืนนายนั่น..เอ่อ.. รัน มาส่งฉันที่นี่เหรอ”

“ใช่..รันมาส่ง” สายตากวาดมองไปรอบห้องหวังเห็นเขาที่ตกเป็นประเด็นสนทนาแต่กลับไร้วี่แววเมื่อห้องทั้งห้องมีแค่เธอกับซันและหมาน้อยอีกหนึ่งตัวเท่านั้น

“แล้วนายนั่นล่ะ”

“กลับไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ”สายตาส่อแววใคร่รู้ ซันจึงอธิบายเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่าง“รันชอบไปนอนที่สนามแข่งมากกว่านอนที่นี่”

ความจริงแล้วเพราะฟาต่างหากทำให้รันต้องย้ายที่นอนเนื่องจากซันอยากตัดไฟเสียแต่ต้นลม ถึงอย่างไรก็อดเป็นห่วงเรื่องความรุนแรงของพลังไม่ได้อยู่ดีแม้รันอยากคอยดูแลหรือเฝ้าติดตามฟาแค่ไหนก็ตาม คงทำตามแต่ใจต้องการไม่ได้ หากยังไม่มีหนทางแก้ไขที่ดีกว่านี้

“ฉันมีเรื่องอยากถามขอเวลาคุยด้วยแปบหนึ่งได้ไหม”

“ได้สิมีอะไรเหรอฟา”

“เมื่อสองปีก่อนเป็นคุณใช่ไหมที่ขับรถคันนั้นจนเกิดอุบัติเหตุ”

ซันได้แต่ยืนนิ่งอึ้งน้ำเสียงอึกอัก หลบหลีกสายตาคาดคั้นรอฟังคำตอบ ทั้งที่ฟาควรลืมเรื่องราวทั้งหมดเหตุใดเธอยังจำวันนั้นได้ วันที่ซันจงใจขับรถให้เกิดอุบัติเหตุ 



To be continued..




Create Date : 01 มิถุนายน 2556
Last Update : 1 มิถุนายน 2556 20:28:09 น.
Counter : 516 Pageviews.

4 comments
  
มาแล้ว พี่มาโซ ^^
ไม่สบายเหรอคะ เห็นว่ากินยานอน
พักผ่อนเยอะๆนะคะ

ว่าจะเมนท์ที่กระทู้แล้วลืม อิอิ
นายรันกล้าบอกเนอะ ผู้หญิงของฉัน น่ารักดี

โดย: lovereason วันที่: 1 มิถุนายน 2556 เวลา:22:15:24 น.
  
ไม่สบายค่ะ ปวดท้อง สงสัยจะมีวันมามาก คิคิ

เม้นที่ไหนก็ได้จ้า ตามอ่านหมดล่ะ

รันน่ารักสิ อิอิ
โดย: มาโซคิส IP: 124.121.34.249 วันที่: 1 มิถุนายน 2556 เวลา:22:21:49 น.
  
ฟาควบคุมพลังได้แล้วหรอ
โดย: sakeena IP: 58.11.130.7 วันที่: 1 มิถุนายน 2556 เวลา:23:01:58 น.
  
คุมได้แค่ช่วงนั้นค่ะ

เดี๋ยวจะคุมไม่อยู่อีกที
โดย: มาโซคิส IP: 115.67.34.110 วันที่: 2 มิถุนายน 2556 เวลา:3:17:26 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments