พฤษภาคม 2556

 
 
 
1
2
3
5
6
8
9
10
12
13
15
16
17
19
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
สัมผัสมนตรา.. Chapter 11 .. ค้นหาบางสิ่ง

Chapter 11

ค้นหาบางสิ่ง

บรรยากาศภายในห้องเรียนเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงนักศึกษาพูดคุยหยอกเหย้าสนุกสนานก่อนได้เวลาเริ่มต้นศึกษาหาความรู้ซันกลับไปแล้วเมื่อหลายชั่วโมงก่อนแต่เรื่องราวมากมายยังคงวนเวียนสับสนอยู่ในสมองไม่ยอมห่างหายตามไปด้วยแม้ทุกสิ่งทุกอย่างดูคล้ายเรื่องโกหก ทว่าซันจะหลอกลวงเพื่ออะไรไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยหากคิดจะก่อกวนสมองของฟาให้ปั่นป่วนเล่นเท่านั้น

ภาพของความฝันผุดขึ้นซ้ำๆให้นึกถึง ส่วนใหญ่จะเป็นฝันร้ายมากกว่าฝันดี เพียงอย่างเดียวที่คล้ายจะเป็นเรื่องดีนั่นคือภาพของคู่รักซึ่งเดินจับมือเคียงข้างกันไปตามเส้นทาง แม้จะไม่เห็นหน้าค่าตาแต่กลับสร้างความอบอุ่นอย่างอธิบายไม่ได้ทุกครั้งที่ฝันถึงภาพเหล่านั้นหากหญิงสาวในความฝันเป็นตัวเธอ ชายตัวสูงคนนั้นคงหมายถึงนายรันติมา วงหน้าหวานสะบัดปัดความคิดทิ้งมันต้องไม่ใช่เรื่องจริง ชายหญิงคู่นั้นต้องไม่ใช่เธอและเขา

“นี่เธอ..ดูคณะโน้นสิ หนุ่มคนนั้นน่ารักมากเลยนะ เด็กใหม่หรือเปล่า”

“ไม่ใหม่นะฉันเคยเห็นเขาเรียนอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว เห็นว่าอยู่ปีสี่ คงเก็บตัวล่ะมั้งรู้สึกจะหายหน้าไปพักหนึ่งเลยไม่มีใครได้เห็นเท่าไหร่”

เสียงพูดคุยของเพื่อนนักศึกษาระหว่างรอเวลาเรียนดังพอประมาณทำให้ฟาที่นั่งใกล้เคียงได้ยินชัดเจนโดยไม่คิดแอบฟัง ตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มาสามปีไม่เคยสักทีจะเห็นผู้ชายคนไหนเข้าขั้นหล่อเหลาในสายตาสักคนโดยส่วนใหญ่จะเปลี่ยนพฤติกรรมไปทางออกสาวเสียมากกว่าจะเป็นชายแท้จริง และที่สำคัญชายหนุ่มหน้าตาดีเหล่านั้นมักจะสนใจเพศเดียวกันทำให้หญิงสาวที่หวังหมายปองน้ำตาร่วงเป็นแถวๆ

“ดูสิอย่างกับดารา สาวๆ มองตามตาเป็นมันเลยนะเธอ”

แม้ใครจะมองใครตาเป็นมันแต่สิ่งที่ฟาเห็นคือเพื่อนนักศึกษากลุ่มนั้นมองตามยังจุดสนใจเดียวกันไม่มีกะพริบ ดูจะให้ความสนใจกับบุคคลด้านล่างเป็นอย่างมากเวลานี้ความคิดต่างๆ ถูกระงับไว้ชั่วคราว ฟาลุกจากเก้าอี้เดินดูลาดเลา เกิดอยากรู้อยากเห็นว่าบุคคลที่เพื่อนร่วมห้องเรียนคลั่งไคล้หนักหนาจะเป็นอย่างไรและเมื่อสายตาทอดผ่านยังจุดสนใจเบื้องล่าง ซึ่งอยู่ถัดไปอีกตึกเรียนทำให้เธอแทบหยุดหายใจ

“นั่นมันนายรัน..”

เสียงเบาราวกระซิบกระซาบฟารู้สึกว่าเสียงตัวเองดังแผ่วแค่ในลำคอทว่าระดับเสียงกลับทำให้คนด้านข้างได้ยินคำพูดของเธอชัดเจนจนทุกสายตาตรงนั้นเปลี่ยนจุดสนใจหันมองทางฟา อยากรับรู้ถึงสัมพันธ์และความสนิทชิดเชื้อ

“เธอรู้จักผู้ชายคนนั้นเหรอฟา”

“อ่อ..เอ่อ.. มะ ไม่รู้จักเท่าไหร่หรอก”

“ว้า..เห็นเรียกชื่อเขา คิดว่ารู้จักซะอีก จะให้ติดต่อซะหน่อย สาวๆ แถวนี้แอบหลงกันเพียบเลย”

“เอ่อ..ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้ นี่.. พอดีนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ รบกวนบอกอาจารย์ให้ด้วยนะ ฉันลาชั่วโมงนี้”

“ได้สิจ๊ะแล้วจะบอกให้นะ”

ใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ รีบเดินกลับยังเก้าอี้ของตนพลางหยิบหนังสือหอบขึ้นอกและก้าวออกจากห้องเรียนทันทีนายรันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เป็นคำถามที่ผุดขึ้นในความคิด หรือเขาหาเรื่องเข้ามาวุ่นวายอีกแล้วฟานึกหงุดหงิดในใจ ไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของโลก ต้องเห็นเขาป้วนเปี้ยนใกล้ๆแทบทุกครั้ง ฟาสาวเท้ารวดเร็วจากชั้นสองของอาคารลงมาหยุดยืนด้านหน้าตึกเรียน และเดินต่อยังอาคารอีกคณะด้านข้างซึ่งห่างไกลกันพอสมควร

ฟาหยุดฝีเท้ายืนนิ่งเมื่อเดินถึงที่หมายนักศึกษาหลายชีวิตนั่งเล่นในสวนหย่อมข้างอาคารเรียนของคณะโต๊ะม้าหินเต็มไปด้วยนักศึกษาชายหญิงจับจองเกือบเต็มพื้นที่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผ่านเข้าในสายตาของเธอ ชายหนุ่มมาดนิ่งใบหน้าเฉยชายกมือท้าวคางนั่งมองคู่สนทนาอีกคน คงกำลังมีเรื่องปรึกษาหารือ ฟาไม่ได้ตาฝาดไป นั่นใช่เขาจริงๆบุคคลที่เคยจงเกลียดจงชัง และทำให้ความรู้สึกเริ่มแปรเปลี่ยนเมื่อรับรู้ความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เธอลืมเลือน

สองเท้าเตรียมเดินเข้าหาเพื่อถามไถ่ในเรื่องราวที่ซันได้บอกกล่าวให้รับรู้ทว่าต้องหยุดชะงักอยู่กับที่เมื่อมีหญิงสาวอีกคนเดินพรวดมาจากทิศทางใดไม่ทันเห็นเข้ายืนขนาบข้างเป้าหมายของเธอและเพียงไม่นานรันยืนเต็มความสูงลุกเดินตามหญิงสาวคนดังกล่าวหลบเข้าข้างอาคารเรียนฟานึกฉุนในใจยกมืออยากร่ายมนตร์ แต่ความคิดอีกส่วนกลับดึงรั้งให้เธอหยุดการกระทำเหล่านั้นเพราะพลังพิเศษที่มีทำให้เกิดเรื่องราวเลวร้ายมาแล้วครั้งหนึ่งคงไม่ดีแน่หากมันต้องเกิดขึ้นซ้ำสอง

ฟากำมือแน่นพลางสะบัดทิ้งข้างลำตัวมองตามชายหญิงคู่นั้นด้วยจิตใจเจ็บแปลบเมื่อได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดเจนเต็มสองตาลูกคุณหนูในร้านอาหารเมื่อหลายวันก่อนที่คล้ายหรืออาจเป็นคนรักของนายรันติมาตามฟาคาดเดาอยู่ในสายตาทุกฝีก้าวและยิ่งทำให้จิตใจเต้นรุนแรงเมื่อเห็นคนทั้งคู่โอบกอดแนบแน่นเต็มแรงคิดถึงฟายกมือทาบอกสำรวจความผิดปกติ หัวใจเต้นแรงแต่กลับเจ็บปวดไม่ใช่เต้นแรงเพราะรู้สึกตื่นเต้นเฉกเช่นทุกครั้ง หัวใจของเธอเป็นอะไรไปกับแค่ผู้ชายคนนั้นโอบกอดผู้หญิงอีกคน เหตุใดต้องรวดร้าว ทั้งที่เธอเองก็ไม่ได้สนิทสนมกับใครสักคนเป็นอย่างดี

และเป็นอีกครั้งที่สองเท้าเริ่มขยับเคลื่อนไหวแต่ไม่ได้มุ่งไปข้างหน้าตามอย่างเคยตั้งใจ มันถอยหลังออกมาต่างหากคือความต้องการเวลานี้ทั้งที่ใจจริงอยากมาถามไถ่ให้หายข้องใจเสียด้วยซ้ำ ว่าเหตุใดนายนั่นถึงมาอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอแต่ ณ ขณะนี้สมองลืมความคิดทั้งหลายหมดสิ้นและพยายามหลบหลีกภาพเหล่านั้นให้ห่างไกลด้วยการหนีไปให้พ้น

“มันดีแล้วเหรอรันที่ทำอย่างนี้”

เสียงหวานใสกระซิบข้างหูเมื่อเหลือบมองฟาเดินจากไปจนพ้นสายตาอ้อมกอดถูกคลายและปล่อยจนร่างกายเธอเป็นอิสระอีกครั้งร่างสองร่างซึ่งเคยโอบกันแนบแน่น เวลานี้ยืนทิ้งระยะห่างพอสมควร หมดเวลาเสียทีกับการเล่นละครตบตา

“โทษทีนะฝนที่ลากเข้ามาทำอะไรแบบนี้”

“รันกอดซะแน่นฝนคิดจริงจังนะเนี้ย ยิ่งอยากสวมรอยเป็นฟาอยู่ด้วย”

เสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวสร้างรอยยิ้มละมุนบนใบหน้าคมคายรันรู้ดีว่าเพื่อนยังไงก็เป็นเพื่อนอยู่วันยันค่ำไม่มีทางเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นไปได้ สิ่งที่ฝนบอกกล่าวเป็นเพียงหยอกล้อกันสนุกสนานเท่านั้น

“บ้าน่า”

“แล้วจะทำไงต่อไปพี่ซันบอกความจริงกับฟาหมดแล้วนี่ ใช่ไหม”

“อืม..ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปแบบนี้”

“ไหนว่าลาออกจากมหาลัยแล้วไงทำไมยังมาเรียนที่นี่ล่ะ”

“...”ไม่มีเสียงใดตอบกลับ มีเพียงลมหายใจที่ระบายออกมาอย่างอ่อนล้าเท่านั้น

“เพราะฟาสินะเป็นห่วงมากขนาดนั้น ทำไมต้องทำร้ายจิตใจฟาด้วยล่ะฝนรู้นะว่ารันก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน มันไม่มีหนทางอื่นดีกว่านี้แล้วเหรอรันฝนว่าแบบนี้มันจะยิ่งแย่ไปใหญ่นะ”

“จะให้เราทำไงในเมื่อฝนก็รู้ว่าเรากับฟาอยู่ใกล้กันเกินไปไม่ได้”

“ฝนว่ามันต้องมีหนทางที่ดีกว่าสร้างเรื่องตบตาแบบนี้”

“เราไม่อยากเสี่ยงยิ่งเราออกห่างฟามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งดีต่อฟามากเท่านั้น”

น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความเหนื่อยใจนัยน์ตาสีนิลส่อแววเศร้าโศก แม้มันอาจทรมานกับการทำร้ายจิตใจหรือต้องทำเป็นใจร้ายพูดจาเสียดแทงความรู้สึก เขาต้องฝืนใจทำต่อไปไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้

เวลาเรียนของวันสิ้นสุดลงเมื่ออาจารย์ผู้สอนเดินพ้นจากห้องนักศึกษาทั้งหลายทยอยกันกลับบ้าน หลงเหลือเพียงไม่กี่คนในนั้นฟานั่งเหม่อลอยราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง เธอไม่รับรู้และไม่ใส่ใจทุกสิ่งรอบกายตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมาหลังจากเห็นภาพชายหญิงโอบกอดกันฟาได้แต่ทวนความคิดซ้ำๆ เหตุใดจิตใจของเธอจึงอ่อนแอเช่นนี้ จากเคยเป็นหญิงสาวมาดมั่นไม่แคร์ความรู้สึกใครเวลานี้กลับเสียศูนย์ ตั้งแต่ได้รู้ความจริงซึ่งเหมือนเรื่องหลอกลวงเสียมากกว่าสำหรับเธอ

“นี่ฟาคนอื่นไปหมดแล้ว เธอไม่กลับบ้านหรือไง เย็นมากแล้วนะ”

“อ่อ..อืม เดี๋ยวไป พวกเธอกลับกันก่อนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง”

“ตามมาเร็วๆนะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่มาปิดตึก ถูกขังอยู่บนนี้ไม่รู้ด้วย”

รอยยิ้มกระตุกเจือจางพร้อมพยักหน้ารับรู้ฟายังคงนั่งใช้ความคิดอยู่อย่างนั้นต่อเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าเหตุใดเรื่องราวต่างๆ จึงมีผลคล้ายเป็นจุดเปลี่ยนทางความรู้สึกและชีวิตเช่นนี้เธอเคยมีครอบครัวซึ่งรักกันมาก มีพี่ชายคอยปกป้องระวังภัย มีพี่สาวต่างสายเลือดคอยรักและเอ็นดูเหมือนพี่น้องแท้ๆมีคนรักที่หยิบยื่นพลังแปลกประหลาดให้รับสัมผัสนั้นคล้ายสิ่งผูกพันและผูกมัดจิตใจของทั้งสองไว้ด้วยกันแม้มันจะกลับกลายเป็นเรื่องเลวร้ายก็ตาม

เพียงสิ่งเดียวที่ฟาไม่เข้าใจทำไมทุกคนจึงทิ้งเธอไว้เดียวดายคล้ายตัวคนเดียวบนโลกใบนี้เป็นเพราะพลังบ้าบอที่เธอไม่อยากมีใช่ไหม ทุกคนจึงหนีห่างจากเธอแต่พลังเหล่านั้นจะมีผลกระทบอะไรได้มากมายขนาดนั้นเชียวหรือ ในเมื่อเวลานี้เธอรู้สึกว่ามันก็แค่มนตรากิ๊กก๊อกใช้เสกร่ายกลั่นแกล้งคนนั้นทีคนนี้ทีเท่านั้น มันไม่น่าจะมีฤทธิ์รุนแรงจนทำลายชีวิตใครให้ถึงแก่ความตายได้เลย

ท้องฟ้าเปลี่ยนสีแสงแดดค่อยๆ หมดลงจนเริ่มเข้าสู่ความสลัว บรรยากาศมืดมิดคืบคลานทีละน้อยทำให้ห้องเรียนเริ่มมืดลงพร้อมเวลาเคลื่อนผ่านเกือบใกล้ค่ำเต็มทีแสงจากไฟฟ้าในตัวอาคารเปิดสว่างฉุดความรู้สึกของฟาให้มีสติอีกครั้งอุปกรณ์เครื่องเขียนถูกกวาดลงกระเป๋าสะพาย หนังสือสองสามเล่มยกขึ้นจากโต๊ะและก้าวเดินออกจากห้องเรียนก่อนเจ้าหน้าที่จะทำการสำรวจตรวจตราและปิดตึก

เส้นทางตามถนนกว้างขวางไม่มีใครหลงเหลือให้เห็นสักเท่าไหร่ เนื่องจากนักศึกษาส่วนใหญ่เดินทางกลับบ้านตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมาฟาจึงเสมือนครอบครองถนนบริเวณนั้นแต่เพียงผู้เดียว ระหว่างเดินตามถนนคล้ายจะเปล่าเปลี่ยวและอ้างว้างแต่ในสมองกลับไม่เป็นเช่นนั้น ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างให้ฟาขบคิดตลอดเส้นทางที่ก้าวเดิน

“ฟา”

เสียงคุ้นเคยส่งดังทางเบื้องหน้าทำให้ฟาเลื่อนสายตาจากพื้นถนนมองตามเสียงเรียกชื่อ บุคคลซึ่งมีฐานะเป็นพี่ชายยืนกอดอกนั่งพิงฝากระโปรงหน้ารถ ส่งยิ้มน้อยๆ ให้เธอเช่นการทักทายทุกครั้งตามความเคยชินของเขา

“นายมาที่นี่ทำไม”

“ผมอยากมาหาคุณ”

“มาตอกย้ำเรื่องที่นายเป็นพี่ชายฉันงั้นเหรอ”

เสียงหึในลำคอแผ่วเบาพร้อมริมฝีปากเหยียดยิ้มเล็กน้อยก่อนทำหน้านิ่งตามเดิมอีกครั้งเวลานี้ฟารู้สึกวางตัวไม่ถูก ไม่รู้เลยจะต้องพูดจากับเขาอย่างไรหรือเริ่มต้นแบบไหนกับบุคคลในครอบครัวที่คล้ายคนแปลกหน้าไม่รู้จักกันด้วยซ้ำไปแม้ลึกๆ จะคล้ายว่าผูกพันอย่างที่อธิบายไม่ได้ก็ตาม

“ทุกอย่างที่ซันเล่าเป็นความจริงแต่พวกเราไม่รู้ว่าคุณจะเชื่อและเข้าใจหรือเปล่า”

“ฉันก็อยากเชื่อและอยากเข้าใจหรอกนะแต่ตอนนี้มันสับสน ฉันทำอะไรไม่ถูกนายเข้าใจไหมแอล ฉันต้องยอมรับยังไงว่าครอบครัวและน้องสาวในอดีตไม่มีตัวตน แต่กลับเป็นนายที่กลายมาเป็นครอบครัวของฉันแทน”

“ผมรู้ว่าคุณสับสนและสงสัยอะไรอีกหลายอย่างแต่ทุกอย่างเป็นความจริงนะฟา ผมเป็นพี่ชายคุณจริงๆ แม้เรื่องครั้งนั้น ตอนพลังคุณทำลายล้างทุกสิ่งเหมือนทำให้ผมตายแล้วเกิดใหม่แต่เราสองคนก็เป็นพี่น้องไม่เคยเปลี่ยนแปลง”

“นายหมายความว่าไงตายแล้วเกิดใหม่”

“หลังจากถูกพลังของคุณเล่นงานหัวใจผมก็ถูกทำลาย จริงๆ ผมควรตายไปแล้ว แต่ก็ยังรอดมาได้จนทุกวันนี้”

“พลังที่ว่ามันรุนแรงขนาดทำลายชีวิตได้เลยเหรอแอลแล้วทำไมตอนนี้ ฉันกลับทำได้แค่เสกร่ายคาถา ตามนึกคิดเท่านั้นล่ะ”

“อาจเพราะความทรงจำของคุณลบเลือนไปแล้วคุณเลยจำเรื่องราวหรือพลังที่เคยมีไม่ได้ แต่เชื่อเถอะว่าพลังต่างๆ มันต้องกลับมาในเวลาที่คุณไม่รู้ตัว”

“หากพลังพวกนั้นจะรุนแรงมากขึ้นเพราะความรักตามที่ซันเล่าฉันว่ามันคงไม่มีผลอะไรแล้วล่ะ เพราะความรักบ้าบอแบบนั้นคงไม่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับเพื่อนของนายแน่นอน”

“คุณแน่ใจเหรอฟาถามใจตัวเองดีแล้วเหรอว่าที่คุณพยายามเข้าใกล้รัน เพราะคุณเกลียดมันจริงๆ”

ใจกระตุกวูบไหวฟาไม่รู้เหตุผลแท้จริง และเวลานี้รู้สึกอย่างไรกับผู้ชายคนนั้นกันแน่ในจิตใต้สำนึกคล้ายมีบางอย่างกระตุ้นให้อยากเห็นหน้าเขา หากเรื่องเฟไม่เคยเกิดขึ้นจริงความรู้สึกคลั่งแค้นคงต้องจบลง แต่จิตใจสั่นไหวในขณะนี้ เหตุใดจึงไม่ยุติลงเสียที

“เรื่องนั้นนายไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้นมันไม่เกี่ยวกับนาย ฉันรู้ตัวเองดีว่ากำลังทำอะไรอยู่เรื่องของเราสองคนต่างหากที่ต้องเคลียร์กันให้จบ”

แอลขยับร่างกายออกห่างจากรถยนต์ส่วนตัวเดินเข้าเผชิญหน้าหญิงสาว พร้อมแล้วกับการพูดจาให้หายข้อสงสัยแคลงใจหนังสือในมือฟาถูกแอลคว้าถือไว้ให้โดยไม่ทันได้ปฏิเสธ

“คุณมีอะไรก็ว่ามา”

“เราสองคนเป็นพี่น้องกันจริงใช่ไหม”

“ใช่..เราเป็นพี่น้องกันจริงๆ”

“แล้วทำไมนายถึงทิ้งให้ฉันอยู่อย่างเดียวดายมาสองปีเต็มโดยไม่เคยแวะมาหาหรือเหลียวแลฉันเลยล่ะ” น้ำเสียงที่เคยเชื่อมั่นเวลานี้แผ่วเบาจนเหมือนขาดความมั่นใจ

“หลังจากที่คุณควบคุมพลังไม่ได้และถูกลบเลือนความจำในที่สุด ผมก็พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนานร่วมเดือนช่วงนั้นมีรันคนเดียวอยู่ใกล้คุณ บ้านของคุณตอนนี้เป็นบ้านที่พ่อแม่รันยกให้คุณอยู่อาศัยเงินทองที่มีเก็บในบัญชีนั่นก็เพราะรัน แต่คุณลืมทุกคนและเห็นเป็นมนุษย์แปลกหน้า พวกเราจึงไม่กล้าอยู่ใกล้ๆช่วงเวลานั้นรันพยายามสร้างเรื่องทุกอย่างใส่สมองของคุณ เพราะมันน่าจะเป็นทางเดียวเพื่อช่วยให้พลังพิเศษหายไปหลังจากผมออกจากโรงพยาบาลก็ติดตามดูคุณอีกแรง ทั้งเป็นห่วงและคิดถึง แต่ก็เข้าใกล้มากไม่ได้คุณไม่รู้หรอกฟา พวกเราตามดูอยู่ห่างๆ เพียงไม่ได้เปิดเผยให้คุณรู้เท่านั้นเอง”

“ดูยังไงของนายไม่ทราบเท่าที่ฉันจำได้ พวกนายเพิ่งโผล่มาให้เห็นเมื่อไม่นานนี้เอง”

“คุณลองนึกดีๆพวกเราเดินสวนกันบ่อยไป และที่คุณเพิ่งเห็นพวกเราก็เพราะช่วงนั้นคุณนึกอยากแก้แค้นรันไม่ใช่เหรอฟา”

ฟาพยายามไตร่ตรองตามคำพูดของแอลอาจเป็นเพราะเธอไม่ชอบใส่ใจใครต่อใคร จึงไม่ทันสังเกตเห็นพวกเขา แม้จะวนเวียนอยู่ใกล้ๆก็ตาม และความคิดบางอย่างกลับแล่นขึ้นมาในสมองหรือความรู้สึกที่สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนคอยมองเธอทุกค่ำคืนบริเวณที่พักอาศัยนั่นคงเป็นรันจริงๆ เขาคอยดูแลเธออยู่ตลอดเวลาอย่างแอลว่าไว้

“งั้นความรู้สึกที่ฉันมีต่อเพื่อนนายมันเป็นเพียงความแค้นซึ่งความทรงจำสร้างขึ้นมาให้เกลียดชังสินะ”

“ผมคิดว่ามันคงเป็นความผูกพันระหว่างคุณกับรันมากกว่าแต่เพราะสมองว่างเปล่า คุณจึงคิดว่านั่นคือความแค้นที่ต้องชำระให้น้องสาวเท่านั้น”ใจกระตุกอีกครั้งเมื่อได้ฟังประโยคสนทนา จากความรักกลายเป็นความแค้นเพียงแค่ความทรงจำถูกลบหมดสิ้นเท่านั้นเองหรือ

“นายช่วยบอกทีได้ไหมฉันควรอยู่ต่อไปยังไง ฉันคิดมาตลอดว่าครอบครัวตายจากไปหมดแล้ว แต่ตอนนี้นายเดินเข้ามาและบอกว่าเป็นพี่ชายเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่ ฉันต้องปรับตัวและหัวใจยังไงแอล”

ขอบตาร้อนผะผ่าวรู้สึกอยากระบายความอัดอั้นตันใจออกมาแต่คงต้องหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้นเพราะเวลานี้น้ำตากำลังจะพังทลายฟาไม่รู้สึกโกรธเคืองเขาตรงหน้าที่ปล่อยเธอไว้ลำพัง ทุกคนต่างมีเหตุผลต้องเลือกทำกันทั้งนั้นทว่าตอนนี้ เธอไม่เข้าใจและสับสนถึงสาเหตุซึ่งทำให้น้ำตาอยากหลั่งไหล มันเพราะความรู้สึกอย่างไรกันแน่ดีใจหรือเสียใจ สมหวังหรือผิดหวัง

แอลขยับเข้าใกล้พร้อมคว้าโอบร่างบางไว้เต็มวงแขนสัมผัสอบอุ่นทำให้เขื่อนกั้นน้ำตาพังทลายลงมาจนไม่อาจเก็บไว้อีกต่อไปนี่หรือเปล่าความห่วงใยและความรักของครอบครัวที่เธอไม่เคยได้รับมาเนิ่นนาน แอลรู้สึกเสียใจที่ทำให้น้องสาวในไส้ต้องทนอ้างว้างเดียวดายตามลำพังไม่คิดว่าหญิงสาวจิตใจแข็งแกร่งเช่นฟาจะมีมุมความอ่อนแอซึ่งหลบซ่อนเอาไว้ภายในจนไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้

“คุณไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นปล่อยเวลาให้มันเป็นไป แค่คุณให้โอกาสและยอมรับว่าผมเป็นพี่ชายก็เพียงพอแล้วไม่ว่าความทรงจำระหว่างเราจะลบเลือนไปหมดสิ้น แต่เราจะช่วยกันสร้างขึ้นมาใหม่นะฟา”

อ้อมกอดกระชับแนบแน่นส่งผ่านความอบอุ่นและปลอบประโลม ฟายกมือกอดเอวของคนตัวสูงตอบกลับ เป็นการกระทำเพื่อบอกว่าเธอยอมรับและพร้อมทำตามเขาทุกประการเวลานี้ฟากำลังจะมีพี่ชาย มีครอบครัวตามที่เคยขอดวงดาวแล้วจริงๆ

“กลับบ้านไหม ผมไปส่ง”

“ฉันต้องไปเอามอเตอร์ไซค์”

“ไม่ต้องแล้วล่ะผมโทรบอกเก่งให้ขับมันกลับไปแล้ว ไปขึ้นรถเถอะ”

สองร่างซึ่งยืนเคียงคู่จนเห็นความสูงเลื่อมล้ำผละออกจากกันฟายกมือเช็ดคราบน้ำตาเปื้อนแก้มให้แห้งหายระหว่างเดินตรงยังที่นั่งด้านข้างคนขับ ประตูรถปิดตัวลงพร้อมเครื่องยนต์ถูกสตาร์ทล้อเริ่มหมุนเคลื่อนตัวออกจากมหาวิทยาลัยวิ่งตามเส้นทางบนท้องถนนมุ่งยังที่หมายปลายทางระหว่างเดินทางทั้งสองเริ่มต้นพูดจาถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตของฟาหลายเรื่องทำให้เกิดรอยยิ้มแห่งความปลื้มปิติภายในรถยนต์คันดังกล่าว

“ผมย้ายไปอยู่ด้วยดีไหมจะได้มีเพื่อนมีคนคอยดูแล และที่สำคัญจะได้กลับมาเป็นพี่น้องกันจริงจังอีกครั้ง”

ประโยคสร้างความเชื่อมั่นของแอลทำให้จิตใจสับสนไร้ทิศทางดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาหลังจากปรับทุกข์กันเรียบร้อยแล้ว แอลเสนอข้อตกลงจะคอยปกป้องน้องสาวใกล้ๆ โดยย้ายเข้ามาอาศัยด้วยกันเป็นครอบครัวส่วนหนึ่งเพื่อดูแลไม่ให้ฟาใช้พลังหรือมนตราสุรุ่ยสุร่ายอีกต่อไป ยิ่งหยุดใช้ไปเลยยิ่งดี

“รีบร้อนไปหรือเปล่าข้าวของเครื่องใช้ยังไม่ได้เตรียมซักอย่างเลยนะ แล้ว..”

“แล้วอะไร”

“แล้วพวกเพื่อนนายล่ะบอกหมดแล้วหรือไงว่าจะย้ายมาอยู่กับฉัน”

“ซันกับรันไม่คิดมากหรอกน่าอาจยินดีด้วยซ้ำไปที่คุณยอมรับผมแล้ว”

“เมื่อก่อนฉันเรียกนายว่าไงเหรอแอล”

“พี่ชาย..”

ฟาหัวเราะลั่นรถทั้งที่ควรสำรวมอาการเอาไว้ลืมตัวว่าตนเองเป็นกุลสตรีไปเสียสนิท แต่จะให้อดอย่างไรไหวในเมื่อคำที่ได้ยินช่างน่าขำสิ้นดีไม่คิดว่าในอดีตเธอจะเป็นเด็กหญิงที่มีสัมมาคาราวะไม่น้อย แตกต่างกับตัวตนในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง

“นี่แกล้งอำฉันเล่นหรือเปล่า”

“ผมพูดเรื่องจริงคุณเรียกผมพี่ชายจริงๆ ส่วนผมก็เรียกคุณว่าตัวเล็ก”

“ตอนนี้ให้กลับมาเรียกแบบนั้นฉันไม่เอาด้วยหรอกนะคงกระดากปากพิลึก”

แม้จะเคยเกิดเรื่องราวเลวร้าย มันจะเป็นผลดีหรือร้ายที่ทำให้ฟาจำสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เลยแต่ความผูกพันระหว่างพี่น้องไม่อาจถูกลบออกจากความรู้สึกแม้จะจำเรื่องราวไม่ได้ก็ตาม ในความสัมพันธ์ยังเชื่อมโยงถึงกันรถทะยานไปบนเส้นทางหลวงด้วยรอยยิ้มระหว่างพี่น้อง หากทว่าหลายสิ่งยังเป็นคำถามในใจ

“ผมขอแวะไปสนามแข่งหน่อยได้ไหม”

“อืม..นี่แอล.. เพื่อนนายกับผู้หญิงคนนั้นที่เจอในร้านอาหาร เขาสองคนคบกันงั้นเหรอ”

“อืม..คบกัน”

จะคบหาหรือรักใคร่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเหตุใดหัวใจต้องเจ็บแปลบขึ้นมาทุกครั้งที่นึกถึงภาพนั้นภาพที่เขาทั้งสองโอบกอดซึ่งกันและกัน เคยเกลียดเขามากไม่ใช่เหรอฟา อย่าให้เรื่องราวในอดีตที่ไม่เคยมีจริงทำให้จิตใจหวั่นไหวแบบนี้เลยฟาได้แต่ย้ำเตือนตนเองซ้ำซาก ในเมื่อจำเป็นต้องเกลียดเพื่อป้องกันตัวเองให้หลุดพ้นจากพลังพิเศษซึ่งฟาเองก็ไม่รู้ถึงพิษสงจะร้ายแรงสักแค่ไหนทว่าสมควรแสดงบทบาทต่อไปอย่างนั้นจนกว่ามันจะอวสาน

“พวกนายไม่ทำงานกันหรือไงถึงได้มาขลุกอยู่แต่ที่สนามแข่งรถ”

“ก็นี่ล่ะที่ทำงานผม”

สายตาประหลาดใจหันมองยังใบหน้าคมสันไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ฟาเข้าใจมาตลอดว่าพวกเขาเป็นเพียงบุคคลบ้าบิ่นชอบซิ่งท้าทายความตายไม่คิดว่าความสามารถของพวกเขา ไม่ได้มีแค่การแข่งรถและหว่านเสน่ห์ใส่หญิงสาวให้คลั่งไคล้เพียงเท่านั้นแต่ยังเป็นผู้บริหารดูแลสนามแห่งนี้อีกด้วย

“เออ..ฉันว่าจะถาม ทำไมนายนั่นถึงไปอยู่ที่มหาลัยเดียวกันกับฉัน”

“รันเรียนอยู่ที่นั่น”

“ทำไมฉันไม่เคยเห็น”

“เพราะคุณไม่เคยใส่ใจใครไงล่ะฟา”

ประตูถูกเปิดออกเมื่อรถยนต์เข้ามาจอดในลานกว้างเป็นที่เรียบร้อยแล้วฟาปล่อยให้แอลเดินเข้าไปจัดการธุระโดยเธอยืนรออยู่ตรงลานจอดไม่ติดตามไปด้วย แม้จะไม่ใช่วันเปิดทำการของสนามแข่งแต่ในเลนถนนยังคงมีรถวิ่งทดสอบความเร็วไม่เคยขาด สถานที่แห่งนี้คงเป็นเหมือนชีวิตของพวกเขาซึ่งเธอไม่เคยเข้าถึงเนิ่นนาน‘ความเป็นอยู่ระหว่างพวกเราคงเหมือนไกลกันคนละโลกจริงๆ’

ระหว่างมองรถซิ่งในสนามอย่างเพลิดเพลินหางตากลับแลเห็นใครบางคนเดินผ่านทำให้ฟาหันความสนใจยังร่างบอบบางนั้นหญิงสาวซึ่งคุ้นตากำลังก้าวผ่านไป ทว่าความคุ้นชินของนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจกลับฝืนคำสั่งของพี่ชายเสกร่ายมนตราเพื่อยับยั้งเธอคนนั้นให้หยุดเดินภาพลวงตาสร้างเป็นเชือกพันรอบข้อเท้าสองขาของหญิงสาวให้ก้าวไปไหนไม่ได้ราวกับฝ่าเท้าเป็นเหน็บชากะทันหันมีเพียงฟาคนเดียวเท่านั้นที่เห็นการพันธนาการ

“ขอเวลาคุยหน่อยสิ”

ฟาเอ่ยทักทายหญิงสาวผมซอยแต่งตัวหรูหราด้วยมาดผู้ดี กำลังพยายามอย่างมากเพื่อจะขยับร่างกายก้าวเดินอีกครั้งแต่ไม่เป็นผล สองเท้าไม่ตอบสนองใดๆ นอกเสียจากยืนได้นิ่งเฉยเท่านั้นฟาย่างก้าวเข้ายืนตรงหน้าหญิงสาวลูกคุณหนูคล้ายมีเรื่องราวบางอย่างอยากถามไถ่

“มีอะไรกับเราหรือฟา”

“เธอรู้จักฉันด้วยเหรออ่อ.. คงแฟนเธอสินะ”

“เอ่อ..อื้อ.. รันเล่าให้ฟัง ว่าแต่เธอทำอะไรฉัน ทำไมขามันแข็งแบบนี้”

“เปล่านี่”

คำพูดคล้ายไม่รู้เรื่องแต่กลับยิ้มเหยียดราวพอใจในสิ่งที่กำลังทำยิ่งนักฟาไม่ต้องการแกล้งหรือคิดทำร้ายเธอคนนี้ เพียงความสงสัยก่อตัวเท่านั้นทำให้ฟายอมผิดคำสัญญาและเหนี่ยวรั้งหญิงสาวลูกคุณหนูเอาไว้

“เธอเป็นแฟนนายนั่นนานหรือยัง”

“มะไม่นาน”

“ทำไมต้องทำเสียงสั่นอย่างนั่นล่ะกลัวฉันมากหรือไง”

“ไม่นะไม่ได้กลัว”

สายตาหวาดหวั่นหลบการมองสบกับดวงตากลมโตคล้ายถือไพ่เหนือกว่าสองขาพยายามฝืนขยับแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้ฝนจะรู้ดีเกี่ยวกับพลังจิตที่เพื่อนทั้งสองของเธอมี แต่ไม่เคยสักทีจะโดนพลังนั้นควบคุมร่างกายไว้แบบนี้เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคนอย่างเร่งด่วนฝนกวาดสายตามองไปโดยรอบเพื่อหาตัวช่วย และเหมือนโชคเข้าข้างในที่สุด

“มายืนทำอะไรตรงนี้ฝน”

น้ำเสียงราบเรียบทักทายเมื่อเห็นหญิงสาวพร้อมกับความผิดปกติบนใบหน้าทำให้รันรู้ในทันที ฟากลั่นแกล้งเพื่อนของเขาอีกจนได้ตามนิสัยเอาแต่ใจเช่นที่รู้ดี

“เอ่อ..ขาฝนเป็นเหน็บ”

“เดินไหวไหม”

ไม่ทันที่ฟาจะคลายมนตร์สะกดร่างของเธอก็ถูกชนกระแทกเข้าที่ข้างแขนคล้ายหลงไปยืนเกะกะขวางทางรันก้าวเข้าหาหญิงสาวช้อนร่างบางอุ้มแนบอกและเดินจากไปอย่างไม่ใยดี ฟายืนนิ่งรู้สึกสับสนในตัวเองกำลังทำเรื่องบ้าบอแบบนี้ไปเพื่ออะไร เพียงแค่แว้บแรกที่เห็นเธอคนนั้นความรู้สึกหมั่นไส้วิ่งเข้าในสมองแบบรั้งไว้ไม่ทัน คำถามอย่างอื่นฟาคงไม่ใส่ใจอีกแล้วตั้งแต่ได้รับรู้ว่าเฟไม่มีตัวตน

“ฟาทำไมไม่รอที่รถ”

เสียงเรียกชื่อทำให้ฟาหลุดจากภวังค์ความคิดเปลือกตากะพริบถี่บอกให้รู้ว่ายังมีความรู้สึกแม้มันจะเจ็บปวดแปลกๆ ในอกข้างซ้ายฟาหันหลังกลับมองแอลนิ่งๆ ก่อนเปิดปากพูดจา

“มายืนดูรถแข่ง”

“กลับบ้านกันเถอะ”

กระเป๋าเดินทางใบกำลังเหมาะถูกยกชูให้เห็นเพื่อยืนยันว่าพร้อมเดินทางเขาจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ตั้งแต่คืนนี้ ฟาก้าวกลับยังรถยนต์อยากทิ้งความสับสนกองไว้ตรงนั้น แต่สะบัดอย่างไรมันก็ไม่หลุดไปได้เลยสักนาทีรถเคลื่อนที่จากลานจอดออกวิ่งไปตามเส้นทางด้วยความเร็วพอประมาณแต่ทุกอย่างไม่ได้ทำให้หญิงสาวด้านข้างละลายตาจากบรรยากาศข้างทางแม้แต่น้อยไม่ต้องเดาให้เสียเวลาแอลรับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้ฟาเป็นเช่นนี้ และมันคงดีกว่าจะอธิบายความเป็นจริง



To be continued..




Create Date : 28 พฤษภาคม 2556
Last Update : 28 พฤษภาคม 2556 22:24:50 น.
Counter : 648 Pageviews.

3 comments
  
ทำร้ายจิตใจกันเข้าไปนายรัน ระวังฟาจะลงระเบิดนะ
โดย: sakeena IP: 110.169.216.218 วันที่: 29 พฤษภาคม 2556 เวลา:9:01:56 น.
  
อิอิ ฟากำลังมึนอยู่ค่ะ ไม่กล้าปาระเบิด
โดย: มาโซคิส IP: 115.67.167.209 วันที่: 29 พฤษภาคม 2556 เวลา:10:59:28 น.
  
สวัสดียมบ่ายจ้า....แวะมาอ่านต่อหลังมื้อเที่ยง
โดย: ~My Birthday is on April 14~ วันที่: 29 พฤษภาคม 2556 เวลา:13:25:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments