พฤษภาคม 2556

 
 
 
1
2
3
5
6
8
9
10
12
13
15
16
17
19
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
สัมผัสมนตรา.. Chapter 5.. ความเจ็บปวด


Chapter 5

ความเจ็บปวด

สองมือจับประสาน เดินเคียงคู่ตามเส้นขนานบนรางรถไฟ ทุกสิ่งรอบด้านพลิ้วไหวตามแรงลมพัดหวนหญิงสาวผมยาวสยายเดินทรงตัวโงนเงนบนแกนเหล็กคู่ขนาน มีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งจูงประคองอย่างระมัดระวังช่วยให้เธอทรงตัวอยู่อย่างนั้นเสียงหัวเราะขำขันกังวาน ช่างมีความสุขเหลือเกิน

‘ได้โปรด...ลืมเรื่องระหว่างเราให้สิ้นซาก’

‘ช่วยทำให้ฟาลืมเรื่องทั้งหมดที..

ฝ่ามืออุ่นแตะไหล่บอบบาง เขย่าให้คนหลับใหลรู้สึกตัวตื่น เมื่อเห็นว่าเธอกำลังละเมอราวกับเผชิญฝันร้ายฟาสะดุ้งกาย ยกศีรษะที่ฟุบหมอบกับโต๊ะขึ้นว่องไว รู้สึกหน้ามืดวิงเวียนเล็กน้อย สองมือกุมขมับก่อนปัดเสยไรผมที่ปกคลุมใบหน้าทบทวนความฝันเมื่อครู่ มันคล้ายกับฝันดีในฝันร้าย

“เจ้..หมู่นี้เป็นอะไร ชอบอู้งานจัง แล้วนี่ไปอดนอนมาจากไหน ถึงแอบมาหลับตรงนี้”

“เมื่อคืนกลับดึก”

“ไปสนามแข่งมาอีกเหรอ”

“อืม”

“ไปกับใคร..เดี๋ยวนี้ชักจะเสี่ยงใหญ่แล้วนะ ไม่มีผมไปด้วยได้ไง”

“...”ฟาไม่ได้ตอบคำถามของเก่งเพื่อนรุ่นน้อง เธอกำลังครุ่นคิดถึงความฝัน หมู่นี้เวลาหลับไหลมักจะเห็นภาพเลือนรางของชายหญิงคู่หนึ่งบ่อยครั้งรู้สึกไม่คุ้นชิน และมั่นใจว่าไม่เคยรู้จักสองคนนั้นมาก่อน

“เจ้..เจ้!”

เสียงเรียกชื่อดึงให้ฟาหลุดจากภวังค์ความคิดพลางเลื่อนสายตามองยังเพื่อนรุ่นน้องซึ่งขยับกายนั่งในท่าเดิมเมื่อสะกิดให้ฟารู้สึกตัวมีสติเก่งเลิกคิ้วหนาส่อแววสงสัยในท่าทางแปลกๆ ของฟา และรอคอยคำตอบที่ถามไปได้พักใหญ่

“อะไร..”

“ผมถามว่าเจ้ไปสนามแข่งรถกับใคร”

“แอล”

“ญาติดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วตกลงหมอนั่นจะมาไม้ไหนกันแน่”

ฟาสะบัดความใจลอยทิ้งย้อนคิดตามคำพูดของเก่งอย่างจริงจัง ไม่คิดว่าเพื่อนรุ่นน้องจะมีความคิดเห็นตรงกันเกี่ยวกับสาเหตุที่แอลเข้ามาทำความรู้จักพยายามช่วยเหลือ หาหนทางใกล้ชิด แสดงออกอย่างชัดเจนจนใครต่อใครมองเห็นถึงการกระทำของเขาทว่าไม่รู้เหตุผลว่าแอลทำไปเพื่ออะไร และมาไม้ไหนอย่างที่เก่งว่าไว้

“เก่ง..วันนี้ฉันฝากเอาเจ้าถ้วยฟูไปเก็บบ้านด้วยนะ ส่วนมอเตอร์ไซค์ฉันให้แกยืมอีกวัน”

“วันนี้มีธุระอีกเหรอ”

“อืม..จะไปสนามแข่ง นัดแอลไว้แล้ว”

นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นมองหน้าปัดอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงเวลาหกโมงเย็น ความมืดมิดค่อยๆ คืบคลานและ กลืนกินแสงสลัวสุดท้ายของวันอย่างเชื่องช้าแม้จะงีบหลับไปแค่ชั่วครู่ แต่ภาพฝันยังคงติดตรึงในความจำตลอดเวลาฟานึกถึงชายหญิงในความฝันอีกครั้ง หากไม่ถูกขัดจังหวะเสียก่อน เธอคงได้เห็นใบหน้าของทั้งสองคนชัดเจนแต่ถึงอย่างไรคงต้องรอโอกาส เผื่อความฝันเหล่านั้นจะปรากฏฉายให้เห็นอีกครั้ง

“เจ้..นายแอลอะไรนั่น ไว้ใจได้แน่นะ”

ฟาพยักหน้าให้ตามความรู้สึกที่เธอสัมผัสได้ แม้ความจริงเป็นอย่างไรแต่ฟาเชื่อว่าแอลเป็นบุคคลที่ไม่คิดร้ายและเป็นพิษเป็นภัยแก่เธออย่างแน่นอน

“คงไม่น่ามีปัญหาอะไร”

“อย่ามองโลกในแง่ดีเกินไปนะเจ้ผู้ชายไว้ใจไม่ได้ซักคน เชื่อผมเถอะ”

“รวมแกด้วยหรือเปล่า..เก่ง”

“นั่นไง..ว่าแล้วต้องย้อนแบบนี้ สำหรับผมขอเว้นไว้ซักคนแล้วกัน”

ฟาระบายยิ้มส่ายหน้า คงต้องยกเว้นไว้สักคน ต่อให้ผู้ชายทั้งโลกไว้ใจไม่ได้แต่สำหรับเก่งเปรียบเสมือนพี่น้อง มิตรสหาย ที่คอยพึ่งพาอาศัยกันตลอดมา และฟาก็เห็นเก่งเป็นเหมือนน้องในไส้อีกคน

“ถ้าเฟยังไม่ตายคงดีกว่านี้นะ..ฉันจะได้แนะนำให้แกรู้จักกับเฟ..”

น้ำเสียงแผ่วเบาสายตาสร้อยเศร้า พาคนฟังรู้สึกหดหู่ตาม แม้เก่งจะไม่เคยรู้จักกับเฟกระทั่งหน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่เคยเห็น แต่เขาเชื่อว่าฟาคงรักน้องสาวคนนี้มาก และหวังอยากให้เฟได้พบเจอผู้ชายที่ดีทว่าทุกอย่างมันย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว

“เจ้จะพูดตอกย้ำตัวเองทำไมเรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้วนะ ปล่อยวางดีกว่าเพื่อตัวเจ้เอง”

“แกเริ่มพูดจาไม่เข้าหูฉันแล้วนะเก่งนี่แกหมายความว่าไง จะให้ฉันล้มเลิกเรื่องแก้แค้นนายรันใช่ไหม”

“ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้นแต่ลองคิดสิ เจ้ไม่กลัวผิดคิวบ้างเหรอ คิดจะทำให้ผู้ชายมาหลงรักหากวันหนึ่งเจ้เกิดไปตกหลุมรักนายรันอะไรนั่นซะเอง จะทำไง..”

“ไม่มีทางขี้เก็ก วางมาด ซะขนาดนั้น ฉันคงหลงรักไม่ลง”

“ผมว่าหยุดเถอะใช้ชีวิตสงบไปตามทางของแต่ละคนดีกว่านะเจ้”

“เลิกพร่ำซะทีถึงยังไงฉันก็ไม่ล้มความตั้งใจแน่นอน แล้วตอนนี้กำลังไปได้สวย แต่ฉันเบื่อคุยกับแกแล้วออกไปเก็บร้านดีกว่า”

ฟาทำเสียงเซ็งลุกจากเก้าอี้ เดินเข้าไปทักทายลูกสุนัขที่นอนเล่นอยู่ในลังกระดาษ ก่อนก้าวออกยังหน้าร้านเพื่อทำงานต่อปล่อยให้เก่งนั่งมองฟาจนพ้นสายตา แม้จะห้ามปรามด้วยความหวังดีเพียงใด คงไม่อาจหยุดการกระทำและความคิดของเธอได้เก่งจนปัญญาชักแม่น้ำทั้งห้า ตะล่อมให้ฟาใจอ่อนคงต้องปล่อยให้เรื่องราวเป็นไปตามแต่ใจเธอต้องการ และเก่งทำได้เพียงคอยเป็นกำลังใจรอยื่นมือเข้าช่วยเหลือเมื่อฟาต้องการและร้องขอเท่านั้น



การเดินทางสิ้นสุดเมื่อรถยนต์คันหรูทะยานถึงที่หมายด้วยความเร็วคงที่ เพียงหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงตลอดเส้นทางแม้ฟาจะทำท่าทางร้อนใจอยากถึงสนามแข่งรถอย่างรวดเร็ว แต่ความรู้สึกที่แฝงไว้ ทำให้แอลจับกระแสความหวาดกลัวในตัวเธอได้ชัดเจนเขาจึงเลือกที่จะใจเย็น ขับรถโดยไม่เร่งรีบคลายความรู้สึกตึงเครียดด้วยการชวนฟาคุยหลายเรื่องสัพเพเหระมาตลอดทาง

“วันนี้จะทำไงต่อ..เรื่องไอ้รัน ผมหวังว่าคุณคงไม่เดินเข้าไปฉุดมันออกจากกลุ่มแฟนคลับหรอกนะฟา”

“ฉันบอกแล้วไงฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน นายไม่ต้องสนใจหรอกน่า”

ข้อมือถูกดึงไว้ก่อนฟาจะก้าวลงจากรถเธอถอนใจหนักหน่วง รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเวลานี้กำลังถูกกวนประสาทจากคนที่เคยเซ้าซี้เธอบ่อยครั้ง

“จำไว้นะฟาถึงไงผมก็ไม่อยากให้คุณเข้าใกล้รันไปมากกว่านี้”

“ฉันรู้ตัวเองดีว่าต้องทำไง”

ฟาขืนแขนดึงจนหลุดพ้นการเกาะกุมพลางก้าวลงจากรถ เดินห่างออกไปโดยไม่สนใจแอลที่มองตามไม่มีละสายตา

“คุณไม่รู้ตัวเองหรอกฟาว่ากำลังทำอะไรอยู่”

แอลพึมพำกับตัวเองหวังเพียงให้เธอที่เดินห่างไกลออกไปทุกที หยุดความคิดและการกระทำก่อนทุกอย่างจะผิดพลาดอีกครั้งจนกลายเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย

เสียงจอแจของเหล่าผู้ชมทั้งหลายร่วมลุ้นระทึกกับการแข่งขันความเร็วที่ไล่ล่ากันอย่างเมามันส์เครื่องยนต์กลางสนามแข่งดังสนั่นแต่คงเทียบไม่ได้กับพลังเชียร์ซึ่งดังยิ่งกว่าเมื่อเดินผ่านในระยะใกล้เคียงฟายกมืออุดหูสองข้างป้องกันเสียงกรีดร้องของผู้ชมทั้งหลาย ก่อนมันจะทำลายโสตประสาทจนพังยับเยินสายตากลมโตกวาดมองรอบบริเวณเพื่อหาบุคคลซึ่งได้ประกาศไว้ชัดเจนว่าเขาคือผู้ชายของเธอในคืนที่ผ่านมาพลันสายตาหันเห็นวงล้อมหญิงสาวกลุ่มหนึ่งในมุมซึ่งเกือบเรียกว่าลับหูลับตา แม้จะเพ่งมองอย่างไรความรู้สึกที่สัมผัสได้ มันน่าจะเป็นปัญหามากกว่าเรื่องราวดีๆ และตัวการสำคัญทำให้ฟาก้าวเข้าหาอย่างไม่ลังเลนั่นคือหญิงสาวผมบ๊อบนามว่าซัน

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าหล่อนจะเป็นอะไรกับรันของพวกเราแต่ขอสั่งห้ามไว้ตรงนี้ ให้เลิกยุ่งกับเขาซะ ไม่งั้นศพเธอไม่สวยแน่ ยัยคุณหนูดัดจริต”

หญิงสาวหุ่นเพรียวเข้าขั้นนางแบบอาชีพยืนกอดอกเหยียดยิ้มหลังพูดจาราวกับออกคำสั่ง ห้ามใครหน้าไหนยุ่งกับขวัญใจของพวกเธอประโยคข่มเหงคู่ต่อสู้ คล้ายกับฝูงหมาป่ากำลังดักลูกแกะหลงทางให้จนมุม หวังรอตะครุบเหยื่อ

แม้ฟาจะรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ส่วนลึกของความดียังรู้ว่าอะไรควรมิควรยิ่งเห็นพฤติกรรมไม่เป็นธรรมอยู่ตรงหน้า เธอคงปล่อยผ่านไม่ได้ แม้อีกฝ่ายจะเป็นศัตรูก็ตาม

“พวกเธอนี่หมาหมู่ชัดๆมากันเป็นฝูง เพื่อจะหาเรื่องผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว ไม่อายบ้างหรือไงนะ”

ทุกสายตาในวงนั้นตวัดมองทางฟาเป็นตาเดียวกระแสความโกรธเกรี้ยวพุ่งพล่านเมื่อรู้สึกว่าถูกกระทบกระเทียบกับสัตว์สี่เท้าสาวหุ่นเพรียวที่ดูจะเป็นจ่าฝูงหันมาเผชิญกับฟาซึ่งหน้าอยากสั่งสอนผู้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องราวกับแกว่งเท้าหาเสี้ยน ให้รู้สึกว่าไม่สมควรอย่างยิ่งที่คิดมาวุ่นวายกับพวกหล่อนเวลานี้

“แกก็อย่าทำเป็นอวดเก่งหน่อยเลยอย่านึกว่าพวกฉันจะจำแกไม่ได้ ผู้หญิงอะไรไร้ยางอาย เที่ยวป่าวประกาศว่าผู้ชายเป็นของตัวทุเรศสิ้นดี”

“อิจฉาฉันงั้นสิพวกเธอคงทำไม่ได้แบบฉันใช่ไหมล่ะ เพราะผู้ชายไม่เล่นด้วย”

ฟาเหยียดเสียงเย้ยหยันจ้องสู้สายตาไม่มีเกรงกลัวคู่ต่อสู้ ทั้งที่ฝ่ายนั้นมีจำนวนคนมากกว่าเป็นกองทุกคนในกลุ่มต่างหันเหความสนใจมาทางฟา รอเวลาสั่งสอนบทเรียนให้แก่บุคคลซึ่งยุ่งเรื่องชาวบ้านผิดเวลาและเพียงไม่นานฝ่ามือง้างเต็มแรง ฟาดลงบนศีรษะของสาวหุ่นเพรียวจ่าฝูง ไม่ทันตั้งตัวทำให้หล่อนรีบหันขวับยังต้นตอที่กล้าถูกเนื้อต้องตัว

“นี่แก!!ตบหัวฉันทำไม”

“ฉะฉัน เปล่านะ มือมันไปเอง”

สาวหุ่นเพรียวรู้สึกไม่พอใจอย่างมากเมื่อถูกพวกของตนทำร้ายกันเองแบบนี้ง้างมืออยากโต้ตอบกลับไปบ้าง แต่ยังไม่ทันได้ทำตามใจนึกเพื่อนในกลุ่มอีกสองคนก้าวเดินและฟาดมือลงบนศีรษะหล่อนอีกคนละที ราวกับโดนยาสั่ง

“กรี๊ดดดดด!!พวกแกเป็นบ้าอะไร มารุมตบฉันทำไม”

“ไม่นะ!ฉันเปล่าทำ! มือมันไปเอง”

ฟายกมือปิดปากหัวเราะคิกคักชอบใจ ไม่ต้องลงมือเองให้เสียเวลามนตราจะมีประโยชน์ที่สุดก็ตอนตกอยู่ในสภาวะคับขันไม่อยากออกแรงเช่นนี้กลุ่มสาวหุ่นเพรียวเริ่มมีปากเสียงเถียงกันรุนแรง อีกไม่นานจากที่คาดเดาไว้ คงเกิดการตะลุมบอนตบตีกันอย่างแน่นอน ฟาไม่ใส่ใจเดินเลี่ยงจากฝูงหมาป่าซึ่งกำลังแยกเขี้ยวใส่กันโดยมีลูกแกะหลงทางหลบตามเธอมาอีกคน

“ขอบใจนะที่เข้ามาช่วย”

“ไม่ต้องเสียเวลาขอบใจหรอกเพราะฉันไม่ได้ช่วยใคร แค่เห็นพวกนั้นขวางหูขวางตา”

ซันคลี่ยิ้มเล็กน้อยต่อให้ถูกปฏิเสธว่าช่วยเหลือแต่ซันรู้ดีว่าฟาตั้งใจเข้ายุติเรื่องทั้งหมดและช่วยเหลือเธอด้วยความเต็มใจ

“แวะมาหารันเหรอ”

“ใช่..ฉันมาหาผู้ชายของฉัน”

ฟาหยุดก้าวเดินหันหน้าเผชิญกับซันอย่างจริงจังฟาอยากทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้หญิงคนนี้เจ็บปวดรวดร้าวไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ และเป็นไปตามคาดหวัง นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มทอประกายความรู้สึกเจ็บปวดชัดเจน

“เธอต้องเลิกยุ่งกับรันยิ่งห่างไกลเขาได้เท่าไหร่ยิ่งดี”

ความรู้สึกแอบสงสารซันกลางฝูงหมาป่าเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ยินประโยคสั่งห้ามให้เลิกยุ่งกับผู้ชายเฉยชาคนนั้น ไม่ว่าใครจะห้ามปรามฟายังไม่ยอมฟังนับประสาอะไรกับผู้หญิงคนนี้ ไม่จำเป็นสักนิดที่เธอจะยอมสยบให้

“ทำไมฉันต้องเลิกยุ่งกับเขาด้วยล่ะในเมื่อเธอก็เห็นแล้วว่าเขายอมไหลตามน้ำ ไปส่งฉันถึงบ้านเมื่อคืนนี้และหลังจากนี้ก็คงต้องไปรับส่งทุกวัน หรือว่าเธอหวง..”

“มันไม่ใช่อย่างที่เธอเข้าใจ”

“แล้วอะไรล่ะที่ฉันไม่เข้าใจ หรือเธออยากเตือนไม่ให้ฉันยุ่งกับเขา เพราะเขากะล่อน เจ้าชู้หลายใจ งั้นเหรอ” ฟาหัวเราะเยาะในลำคอ “เรื่องพวกนี้ฉันรับรู้หมดแล้วล่ะไม่ต้องหวังดีนักหรอกนะ ฉันว่าเธอเอาเวลามาเตือนตัวเองดีกว่าหากวันหนึ่งนายนั่นทิ้งเธอขึ้นมา จะได้ไม่ต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าหาหนทางทำใจไว้แต่เนิ่นๆ คงดีกว่า”

“เธอต้องฟังเรานะเราอยากให้เธออยู่ห่างรัน”

“ซัน..มาทำอะไรตรงนี้”

คนตัวสูงหยุดยืนเบื้องหน้าพร้อมถามไถ่ขัดจังหวะการสนทนาระหว่างสองสาวรันหันสายตามองทางฟาชั่วขณะก่อนหันเหมองซันอีกครั้ง ทำเป็นไม่ใส่ใจราวกับฟาไม่มีตัวตนเริ่มสร้างความหงุดหงิดใจให้ฟาไม่น้อย เขามีสิทธิ์อะไรถึงแสดงว่าไม่สนใจเธอต่อหน้าผู้หญิงคนนี้

“มาได้จังหวะเลยนะฉันอยากกลับบ้านพอดี เริ่มเบื่อที่นี่แล้ว”

ฟาก้าวหาชายหนุ่มพร้อมส่งยิ้มเชือดเฉือนพยายามเรียกร้องความสนใจให้เขาหันมองทางเธอและเป็นผลสำเร็จเมื่อฟาคล้องมือเข้าที่แขนของรันทำท่าราวกับเกาะไม่ยอมปล่อยรันไม่ได้ขัดขืนการกระทำของเธอแต่อย่างใดเขาทำเพียงอย่างเดียวคือปรายตามองทางหญิงสาวอีกคนซึ่งยืนหน้าซีดเซียวราวกับเหนื่อยใจอย่างหนักฟาไม่รอช้ารีบแสดงละครต่อเมื่อเห็นว่าโอกาสมาถึง เธอดึงให้รันก้าวตามปล่อยให้ซันยืนมองอยู่อย่างนั้น

“นี่เธอกำลังทำบ้าอะไร”

“ก็ให้นายไปส่งบ้านไงฉันได้ข่าวมาว่าวันนี้นายไม่มีแข่งรถ”

ฟายิ้มเยาะรู้สึกถูกใจกับการแสดงละครบทนี้ยิ่งนักคนหนึ่งเดินตามแบบงุนงงไม่เข้าใจในการกระทำของเธอ ส่วนอีกคนยืนมองภาพบาดตาบาดใจ คล้ายถูกแย่งชิงของรักของหวงไปต่อหน้าต่อตาคืนนี้เธอคงหลับฝันดี ฟานึกขำสะใจ

“ซัน!”

ลำแขนซึ่งโดนคล้องกุมเอาไว้เวลานี้ถูกสะบัดออกอย่างแรง รันออกวิ่งรวดเร็ว เพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวหญิงสาวอีกคนซึ่งกำลังทรุดฮวบก่อนล้มลงกระแทกพื้นสองแขนช้อนร่างบางอุ้มแนบอก ใบหน้าคมคายสื่อออกชัดเจนว่าร้อนรนอย่างหนักภาพคู่รักแสดงความห่วงใยต่อกันทำให้จิตใจของคนมองเห็นเจ็บแปลบโดยไม่รู้ตัววงหน้าหวานอุ่นระอุ ขอบตาร้อนผ่าว รวดร้าวในอกความรู้สึกเหล่านี้คือความโกรธที่เขาทิ้งเธอไว้ แล้วเลือกผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมฟาได้แต่ทบทวนความรู้สึกที่เกิดขึ้นหากมีใครผ่านมาเห็นคงหัวเราะสมน้ำหน้าเธออย่างแน่นอน

ฟาพยายามก้าวเดินแต่ร่างกายดื้อรั้น ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ราวกับมันไร้เรี่ยวแรงผู้หญิงคนนั้นมีความหมายแค่ไหนเชียว ถึงดูรีบร้อนเข้าช่วยเหลือ กับแค่มารยาทหญิงหลายเล่มเกวียนอาจพยายามเล่นละครตบตา ขัดขวางไม่ให้ฟาเข้าใกล้ผู้ชายที่ชื่อรันและที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่า เมื่อสีหน้าของเขาแสดงออกว่าห่วงใยกันอย่างสุดซึ้งแต่ทำไมกับเฟถึงไม่เคยดูดำดูดีแบบนี้สักครั้ง ปล่อยให้น้องสาวของเธออยู่อย่างเดียวดายจนทนไม่ได้ที่จะอยู่บนโลกใบนี้ยิ่งคิดยิ่งแค้นเคือง ชิงชัง เพิ่มทวีคูณฟาพยายามตั้งสติระงับความรู้สึกให้นิ่งเฉยแต่มันยากเหลือเกินที่จะสะกดอารมณ์หวั่นไหวเอาไว้

“ฟา..”

เสียงเรียกชื่อจากด้านหลังทำให้ฟากำมือไว้แน่นเม้มปากหนัก กะพริบตาถี่ขับไล่ความอ่อนแอ ความโกรธเคือง ความสับสน สารพัดอารมณ์ที่เกือบทะลักจิตใจเวลานี้ฟาฝืนกลืนก้อนจุกอกกลบเกลื่อนความรู้สึกก่อนหันหาแอล และส่งยิ้มแสร้งว่าไม่เป็นอะไรให้เขาเห็น

“มีอะไรกับฉันเหรอแอล”

“คุณร้องไห้..”

ประกายใสแวววับตรงขอบตาเมื่อสะท้อนแสงไฟทำให้แอลสังเกตเห็นความผิดปกติ แท้จริงแล้วแอลยืนมองสถานการณ์อยู่นาน ตั้งแต่ฟาก้าวลงจากรถเขาตามดูเธออยู่ห่างๆ ไม่ให้คาดสายตา

“เปล่านี่ฉันจะร้องทำไม นายนี่หาเรื่องชัดๆ”

ฟายกมือปาดขอบตาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดพลางหันหลังกลับไม่ใส่ใจว่าแอลจะเห็นหรือคิดว่าเธอมีปัญหาบางอย่างที่กำลังต่อต้านมันอย่างหนักในใจฟาก้าวเท้าเตรียมหนีผู้ชายช่างเซ้าซี้ เธอรู้ดีต่อให้ปฏิเสธอย่างไรแอลคงต้องหาทางซักไซ้ความจริงทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเดินไปไหน แขนของเธอถูกคว้าและดึงให้หันกลับมายืนยังจุดเดิมอ้อมแขนอบอุ่นกอดรัดร่างกายไว้แน่นทำให้ความรู้สึกคับอกคับใจเมื่อครู่ระบายออกมาเป็นหยาดน้ำตา ไหลรินลงมาอย่างไม่รู้ตัววงแขนของแอลราวกับเป็นมนตร์วิเศษซึ่งเสกร่ายให้จิตใจของเธอโล่งสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนอารมณ์ความรู้สึกย่ำแย่ที่ถาโถมเหมือนถูกสะกดให้ปลดปล่อยออกมาโดยไม่ต้องกักเก็บเอาไว้อีกต่อไป

ร่างสั่นเทากำลังสะอื้นไห้ความเข้มแข็งแพ้บางสิ่งบางอย่างที่ฝังไว้ในจิตใต้สำนึกแอลรู้ดีสิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับฟาเวลานี้คืออะไรแม้ร่างกายและความคิดพยายามต่อต้านความจริง แต่จิตใจและความรู้สึกไม่เคยหลอกลวงเพียงแค่ฟายังหลงทางอยู่ในเขาวงกตและหาทางออกไม่เจอเท่านั้นทุกอย่างที่ลงเอยจึงเหมือนการหลอกตัวเอง วงแขนกระชับร่างบอบบางแน่นขึ้นอีกเขาเพียงต้องการส่งผ่านความอบอุ่นและความรู้สึกปลอบใจให้เธอรับรู้หวังเพียงสักวันเธอจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดเหล่านี้

“มีอะไรอยากระบายให้ผมรับฟังบ้างไหม”

แอลตั้งคำถามเมื่อรับรู้ถึงความสงบน้ำใสที่เคยเออล้นเหือดหายมีเพียงคราบน้ำตาเปรอะเปื้อน ฟาเลือกที่จะเงียบและไม่ตอบสิ่งใดออกไปเนื่องจากเธอก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เพราะเหตุใดจึงต้องเสียน้ำตามากมายขนาดนี้เธอเจ็บช้ำแทนน้องสาวจริงหรือ คือสิ่งที่ฟากำลังค้นหาเพื่อตอบคำถามกับตัวเองฟาผละกายออกจากวงแขนอบอุ่น แม้อ้อมกอดของแอลจะทำให้รู้สึกดีมากขึ้น แต่ความเจ็บช้ำยังวนเวียนในจิตใจไม่จางหายไปเสียทีเดียว

“ฉันเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้อยู่ดีๆ ก็อยากร้องไห้ขึ้นมา สงสัยคิดถึงพ่อแม่ คิดถึงน้องสาว”

“คุณมีพ่อแม่มีน้องสาวด้วยเหรอ”

“เคยมี”

“งั้นเหรอ”

น้ำเสียงเศร้าสร้อยของแอลคงตกอยู่ในภาวะสมเพชเวทนาผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเหลือตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีแม้กระทั่งครอบครัว ฟาได้แต่นึกน้อยใจในโชคชะตา ไม่ชอบใจเลยกับการเปิดเผยความอ่อนแอให้ใครเห็น

“ช่างมันเถอะอยู่คนเดียวมาได้ตั้งนาน วันนี้เป็นบ้าอะไรกันนะถึงต้องร้องไห้แบบนี้”

“คุณแน่ใจเหรอว่าที่ร้องไห้เป็นเพราะคิดถึงครอบครัว”

“...”ไม่มีคำตอบใดหลุดออกจากปากของฟาสิ่งที่แอลถามไถ่ทำให้เธอชะงักนิ่งราวกับถูกเข็มนับร้อยทิ่มแทงหัวใจจนพรุนเจ็บแปลบจนช้ำใน อาการเหล่านี้มันคืออะไรกันแน่ทำไมคำพูดที่ดูเหมือนไม่มีพิษสงกลับกระแทกจิตใจได้รุนแรงเพียงนี้ความรู้สึกของฟาเวลานี้คล้ายเธอหลงลืมบางอย่างไป ทั้งที่ย้อนคิด ทบทวนรื้อฟื้นเท่าไหร่ กลับคิดไม่ออก จนเริ่มปวดร้าวที่ศีรษะขึ้นมา

“กลับบ้านกันเถอะผมจะพาไปส่ง วันนี้รันคงไปส่งไม่ได้ตามที่คุณต้องการ”

“เพราะผู้หญิงคนนั้นสำออยใช่ไหมนายนั่นเลยต้องตามเอาอกเอาใจขนาดนั้น”

“ซันไม่ได้แกล้งเป็นลมอย่างที่คุณเข้าใจนะฟา”

“แน่ใจเหรอนายมองผู้หญิงคนนั้นใสซื่อเกินไปหรือเปล่า”

“ฟา..ฟังผมนะ.. ซันเป็นโรคหัวใจและเธอคงอยู่ได้อีกไม่นาน”

“...”ประโยคช็อคขั้นโคม่า ฟาหันสายตาตกตะลึงมองทางแอล ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่วิ่งผ่านเข้าโสตประสาทเขาหลอกให้เธอยอมลดทิฐิใช่ไหม คือสิ่งที่ฟาพยายามบอกตนเอง

“ซันป่วยมานานแล้วเพราะเธอไม่มีใครดูแล รันเลยต้องอยู่เคียงข้างซันตลอดเวลาแบบที่คุณเห็นไม่ใช่เพราะซันแกล้งอ่อนแอเพื่อที่จะอยู่กับรันอย่างที่คุณเข้าใจ”

“ไม่จริงหรอกนายโกหก นายไม่อยากให้ฉันทำร้ายจิตใจเพื่อนนายใช่ไหมแอล ถึงได้กุเรื่องมาหลอกลวงฉันแบบนี้”

ความรู้สึกผิดซัดกระหน่ำกลางจิตใจอ่อนแอฟาไม่อยากเชื่อว่าเธอทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังป่วยเป็นโรคหัวใจหรือเพราะเธอคนนั้นอ่อนแอนายรันจึงต้องคอยดูแลอยู่ข้างกาย และทิ้งน้องสาวของเธอไปความสับสนถาโถม ฟาเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าความแค้นที่ฝังลึกภายในใจจะถูกต้องจริงตามที่คาดเดาเธอกำลังทำร้ายจิตใจผู้ที่บอบช้ำ

“ฟา!คุณจะไปไหน”

แอลตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวซึ่งวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วยังไม่ทันที่เขาจะรวบรวมสติตัดความตกใจทิ้ง ฟาก็หายไปจากสายตาของเขาเสียแล้วแอลก้าวเท้ารวดเร็วเพื่อออกตามหาเธอ สายตากวาดมองไปรอบบริเวณสนามแข่งซึ่งมากมายไปด้วยผู้คนแต่ไร้ซึ่งวี่แววของสาวผมทรงหางม้าที่เขาพยายามหาตัวให้เจอ

ประตูทางออกเป็นหนทางเดียวที่ฟามองเห็นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลอย่างต่อเนื่องโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวว่าเหตุใดต้องร้องไห้เช่นนั้นเธอรับรู้เพียงอย่างเดียวว่าเจ็บจุกที่หัวใจภาพอุบัติเหตุที่ฝังจำในอดีตวิ่งกลับมารุมเร้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งภาพฝันของคู่รักตามหลอกหลอนและภาพของหญิงสาวซึ่งป่วยทางร่างกายล้มลงต่อหน้าต่อตาทุกอย่างวนเวียนอยู่ในหัวสมองจนฟาเองสับสน กดดัน เริ่มทนรับสภาพไม่ได้

มือยกปาดน้ำตาพลางก้าวเท้าเดินตามเส้นทางถนนสายเปลี่ยว ไร้ผู้คน ไร้รถวิ่งผ่านไปมาฟายังคงร้องไห้ ตามร่างกายร้อนระอุคล้ายถูกไฟแผดเผาอาการเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธอเลยสักครั้งจนต้องถามตนเองว่าเวลานี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่สายลมนิ่งสงบเมื่อครู่เริ่มออกอาการแปรปรวนโหมพัดจนต้นไม้ไหวเอนกิ่งก้านสะบัดพลิ้ว เศษซากใบลอยปลิวว่อนประกายสว่างฟาดลงมาเป็นสายบนท้องฟ้ามืดทมิฬ เสียงคำรามครืนดังเป็นระยะและเพียงไม่นานสายฝนเกิดโปรยปรายลงมาเป็นสาย

ฟาแหงนหน้าขึ้นฟ้าปล่อยให้น้ำฝนชะล้างใบหน้า นำพาความอ่อนแอให้เลือนหายไปโดยเร็ว ผิวกายถูกความหนาวเย็นเกาะกุมเสื้อผ้าเปียกปอนทว่าสายฝนไม่อาจกลบเกลื่อนความหม่นหมองในจิตใจที่รวดร้าวอย่างไม่ทราบสาเหตุความสับสนเข้าครอบงำจนเริ่มทนไม่ไหว

“ฉันอยากหายไปจากตรงนี้!”

เสียงตะโกนดังกลางสายฝนกระหน่ำราวเกิดปาฏิหาริย์ ร่างบอบบางที่เคยยืนเปียกปอนเวลานี้หายสาบสูญไร้ร่องรอยจนใครบางคนที่ออกตามหาเธอแทบล้มทั้งยืน แอลได้แต่พึมพำกับตนเอง

“พลังคุณไม่เคยหายไปงั้นเหรอฟาทั้งที่คุณลืมเรื่องราวระหว่างพวกเราหมดสิ้น แต่พลังคุณยังคงอยู่”


To be continued..




Create Date : 07 พฤษภาคม 2556
Last Update : 7 พฤษภาคม 2556 20:04:20 น.
Counter : 528 Pageviews.

4 comments
  
เคยเป็นอะไรกันหรอ อยากรู้ๆๆๆๆ
โดย: sakeena IP: 124.122.132.105 วันที่: 8 พฤษภาคม 2556 เวลา:10:02:04 น.
  
รอติดตามน้าาาาคะ
โดย: มาโซคิส IP: 115.67.71.42 วันที่: 8 พฤษภาคม 2556 เวลา:12:06:09 น.
  
มาหา ฟา รัน แอล ซัน
และก็พี่มาโซ ค่า อิอิ

ตกลงยังไงน๊อ ฟาเนี่ย
ส่วนรันจะเป็นเจ้าชายน้ำแข็งอยู่แล้ว อิอิ

โดย: lovereason วันที่: 8 พฤษภาคม 2556 เวลา:16:34:59 น.
  
อิอิ

โดย: มาโซคิส วันที่: 9 พฤษภาคม 2556 เวลา:19:13:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments