กลบท จตุรงคนายก
ข้อบัญญัติ : บัญญัติพิเศษเพิ่มจากกลอนทั่วไปคือ
๑.) ภายใน ๑ วรรค มีการวางคำไว้แปดคำ แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงละสี่คำ โดยเขียนให้คำที ๑ ,๓ ,๕ และ ๗ ซ้ำกัน
๒.) ภายในวรรคให้มีการสัมผัสอักษรกันสองคู่คือ คำที่ ๒-๔ และ คำที่ ๖-๘
๓.) ภายในวรรคให้คำที่ ๔ และ ๖ สัมผัสสระกัน
ในหนึ่งบาท (๒ วรรคหน้าและหลัง) การส่งสัมผัสระหว่างวรรค ให้คำที่ ๘ วรรคต้น ส่งไปยังคำที่ ๔ ของวรรคถัดไปในบาทเดียวกัน
* อ้างอิง : กลบทนี้มีที่มาปรากฏเฉพาะในตำรากลบท "ศิริวิบุลกิตติ์"
** ข้อควรระวัง : การสัมผัสอักษรคือการเล่นอักษรที่ออกเสียงพยัญชนะต้นเสียงเดียวกัน ฉะนั้น
คำเดี่ยวสัมผัสกับคำเดี่ยวเท่านั้น //คำควบกล้ำสัมผัสกับคำควบกล้ำเท่านั้น มิอาจใช้ร่วมกันได้
และ ร. เล่นสัมผัสได้กับ ร.และ ฤ เท่านั้น // ล.เล่นสัมผัสได้กับ ล. และ ฦ เท่านั้น
ผู้เขียนกลชนิดสัมผัสอักษรพึงรอบคอบ
โดย หลวงศรีปรีชา (เซ่ง) ผู้คิดประดิษฐ์กลบทนี้
จากตำรากลบท ศิริวิบุลกิตติ์ หน้า ๑๐ ลำดับที่ ๖
@ จักกรีดจักกรายจักย้ายจักย่อง
ไม่เมินไม่มองไม่หมองไม่หมาง
งามเนื้องามนิ่มงามยิ้มงามย่าง
ดูคิ้วดูคางดูปรางดูปรุง
ดั่งดาวดั่งเดือนดั่งจะเลื่อนดั่งจะลอย
พิศแช่มพิศช้อยพิศสร้อยพิศสุง
ช่างปลอดช่างเปลื่องช่างเรืองช่างรุ่ง
ทรงแดงทรงดุ่งทรงวุ้งทรงแวว
แสงเขียวแสงเหลืองแสงเรืองแสงรอง
เป็นชั้นเป็นช่องเป็นถ้องเป็นแถว
ลายแดงลายดำลายอำลายแอ่ว
ดอกวาวดอกแววดอกแก้วดอกพิกุล
....... ฯลฯ .......