ส่ำสัตว์ส่อสับสนสิ้นสุขสันต์
เพลิงโพลงพลุ่งพลุกพล่านพล่าผลาญพลัน
ครึกโครมครันครั่นคร้าม คร่ำครางครวญ
๒. ฟืนไฟฟอน ฟ้อนฟายฟุ้งเฟื่องฟ้า
โหยหันหาโหยไห้หะโหยหวน
รี่เร้นร่างร้อนเร่าร้าวรนรวน
ปรับแปรปรวนปรูประ เปรียะประปราย
๓. ผ่าวเผาเพี้ยง เพียงผ่านผันพวยพุ่ง
มาดแม้นมุ่งไม้มวลเหมือนมั่นหมาย
วิ่งวิ่งวุ่น วกวนเวียนวุ่นวาย
สิ้นเสื่อมสายสุขสม ทรุดซมซาน
๔. ดับด่าวโดย แดดายดะด่าวดิ้น
ร่างรวยรินรุ่มร้อนระรนร่าน
คลับคล้ายคลาคลั่งขลุกเคลื่อนคลุกคลาน
หย่อมเหย้าย่านย่ำแย่ ยียับเยิน
๕. กลิ้งเกลือกกลบ กลับกลายกล่นเกลื่อนกลาด
ไหวหวั่นหวาดเหวอะหวะวะเหวอเวิ่น
หม่นหมองไหม้มอดม้วยเมื่อมองเมิล
ทับถมเทินทบท่าว ทั่วทิศทาง
๖. พอผ่านแผ้ว พิศผืนพ่างพื้นภพ
ส่ำสัตว์ศพซ้อนสุมสูญเสียสร้าง
หวั่นหวาดวูบวาบไหววอดวายวาง
จิตใจจางจำจด.. จารจิตเจียว ๚ะ๛
โดย หลวงศรีปรีชา (เซ่ง)
จากกลบท ศิริวิบุลกิตติ์ หน้า ๖๑ ลำดับที่ ๔๓
๑ จากจอมเจ้าใจจวนจิตรจิตรจักเจียน........ให้หันเหียนหุนหันหันเหหวน
เดินเดียวแด่วดุ่มดันดั้นดงดวน......................ท้อแท้ทวนทับเทาท้าวท้าวทาง
ลัดลอดเลียบแลเหลียวเหลียวแลหลง............เหนเหมหงส์หวนเหินหันหวงหาง
แม้นเหมือนแม่มามุ่งเมียงมองมาง..................นึกแน่นางน้ำเนตรแนวหน้านอง
แลลิงลมล้อลูกเล้าโลมเลี้ยง...........................มุ่งหมายเมียงมาดแม้นเหมือนแม่หมอง
เลี้ยงลูกแล้วเล้าโลมละเลิงลอง......................จิตรเจตจองจ่อจดใจเจียมจน
ยูงเหยาะย่องเหยียบอยู่ยอดยูงเยี่ยม................เหินหาญเหี้ยมเหิดหันหวนหาญหน
แลเล่ห์ลายเลื่อนล่องล้ำเลิศล้น.......................ยางเหยียบยลยอดยางย่างยอย้อน
ลิงโลดเลียมเล่นลูกลูกลิงไล่..........................ท้อแท้ไห้โหยโหนห้อยหันหวน
ครอแครครือครุ่นเครงครึกครื้นครวญ.........เลี่ยมล่อล้วนหลากหลายหลายเหล่าลิง
ช้างเช่นเชิงชาติช้างเชิงชาญชน.......................แผ่เผื่อผลไผ่ผายโผผางผิง
ชุดชาติชักชาติเชื้อชึงชัมชิง.............................เหล่าลูกลิงแล่นโลดเหลียวหลังแล
กวางเกวิงเกวงแกวดกวัดกว่าแกว้วเกวิด.......หกหันเหิดหูหางเห็จหันแห
ตัวตื่นตื่นไต่เต้าตัวเติบแต้...............................ลอดลัดแลลงลุมลิมลาลด
แรดร้ายแรงเริงร้อนรานร่านแร้น...................หมูหมีเหม้นแม่นเหมือนหมึกเหมาะหมด
ดำดูดีแด้วเดินเดาะแดะดด...............................เลี้ยวลัดลดเลาะและเลียมเลียบแล
ยามย่ำแย้มเยื้อนย่างยิ้มแย้มย่อง.......................เรไรร้องริหริงร่าแหร้แหร้
จักจั่นเจื่อยจ้าจับจิตรแจ้วแจ้............................ไท้ท้อแท้ทุ่มทิ้งทับเท่าทวน ฯ
๑-----------------------๑
--------------------------------------------------------
กลบทอักษรล้วน
โดย (พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) : ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)
หน้า ๔๙๔
๐-------------------------๐...........................มีมิตรไม่เหมือนหมายมาม่ายหมาง
เจบจิตร์จริงเจียวเจ้าจะจำจาง....................รักษหฤๅรื้อแรมร้างเริศราโรย
คิดคำเคืองแค้นคำคำคมคด.......................เหนหันเหียนเหี้ยนหดให้หวรโหย
โอ้อกเอ๋ยอกโอ้โอ้อกโอย........................ช่างชมโชยชายเชือนเช่นเชิงชี้
ดูเด็ดดวงแดดิ้นได้โดยด่วน.....................สิ้นสื่อสวนสิ่งสงสัยสิใส่สี
ทำทบทวนเทียมเทียบที่ท่วงที..................กับเกษแก้วกากีก็กลกัน
งามงอนงอนงามงามงำเงื่อน......................ยามยิ้มแย้มแย้มเยือนแยบเย้ยหยัน
จับจิตร์เจิมใจจงเจ้าเจียนจันทร์.................กล้ำกลิ่นกลั่นกลบกลั้วกลิ่นเกลี้ยงเกลา
แบบบัวแบ่งบานแบะบุ้งเบียนบ่อน............จัดเจนจรจนจักจี้ใจเจียวเจ้า
หล่อนเลยเหลิงละเลิ่งหลงแล้วลาดเลา.....เหมือนมัวเมามั่งมีมิตรมี่เมือง
ฉะโฉมฉายเฉิดฉาดเฉียดฉาวโฉ................แห่งหนเห่โห่หับหูเหือง
คิดคำคนค่อนแค่นควรแค้นเคือง.......กระดื้กระเดียมกระด้างกระเดื่องกระดากกระเด็น
เสียสัตย์เสียสิ่งสื่อสารสื่อสวน...................ให้หิวโหยโหยหาหวรเหนห่างเหน
เราริร่างร่ำเรื่องเรืองรักษเร้น.....................ไว้เปนเช่นอักษรล้วนควรดูเอย ฯ
(พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) : ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ)