รีวิว กระบี่กล้าจันทราเรือง : ชางเยวี่ย

  กระบี่กล้าจันทราเรือง : ชางเยวี่ย
 
 
"ยืนพิงระเบียงรั้วไร้คำกล่าว ก้มแหงนมองคว้างสามคราว วีรชนเล่า ใครคือวีรชน"
 
เล่มนี้เป็นผลงานของชางเยวี่ยค่ะ อ่านจบเราถึงหาใหญ่เลยว่า นักเขียนคนนี้เคยเขียนอะไรอีกบ้าง อยากจะตามอ่านให้หมดทุกเล่มเลยค่ะ นานๆครั้งเราถึงจะชอบหนังสือของมากกว่ารัก รู้สึกว่ามันตรงใจขนาดนี้ เราอ่านมากกว่ารักมาหลายเล่ม แต่หากพูดกันตามตรงแล้ว เล่มที่ชื่นชอบจากใจจริงนั่น น้อยจริงๆค่ะ และเล่มนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะ
 
กระบี่กล้าจันทราเรือง มาในปกที่เป็นรูปวาดพู่กัน (เขาว่ากันว่า ปกสไตล์นี้จะเข้มข้นกว่าปกติ เหมือนอย่างมายานางของอวี๋ฉิง) เรื่องนี้คล้ายจะแบ่งออกเป็นสองภาคค่ะ ภาคแรกคือ เปลวทรายพรายแสง และภาคสองคือ ร่ายนครจักรพรรดิ ซึ่งถ้าให้เทียบสองภาค เราชอบเนื้อเรื่องช่วงภาคแรกมากกว่าค่ะ
 
เราไม่อยากให้ทุกคนอ่านสปอยก่อนอ่านเรื่องนี้จริงๆ เพราะจุดพีคของเรื่องนี้อยู่ที่การพลิกไปพลิกมา ถ้าหากรู้เรื่องทั้งหมดเสียก่อน เกรงว่าจะเสียอรรถรสไปหลายส่วนเชียวล่ะค่ะ แต่โดยคร่าวๆแบบไม่สปอยคือ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณชายซู่เยี่ยเจ้าเมืองตุนหวง กับ ซาม่านหวาธิดาเทพดาราแห่งลัทธิจรัส เป็นแนวกำลังภายใน ชิงไหวชิงพริบ การเมือง และรักโรแมนติก
 
โอเค... เข้าสู่ช่วงสปอย มาคุยกันหลังอ่านดีกว่าค่ะ เราจะพูดถึงตัวละครที่ชอบแต่ละตัว
 
คุณชายซู่เยี่ย
สุดยอดมือสังหารจากลานยักษ์อสูรแห่งลัทธิจรัส บุตรชายคนโตของอดีตเจ้าเมืองตุนหวงที่ถูกแม่เลี้ยงส่งไปตายยังลัทธิจรัส แต่ไม่เพียงไม่ตาย ยังสามารถยืนหยัดในฐานะมืสังหารที่เก่งที่สุด เกาซู่เยี่ยตกหลุมรักซาม่านหวาและซาม่านหวาก็ตกหลุมรักเกาซู่เยี่ยเช่นเดียวกัน เธอรักมากแม้จะเข้าใจว่าเขาโกหกหลอกลวงทรยศนางก็ยังยั้งมือไม่ฆ่าเกาซู่เยี่ยให้ตาย คุณชายซู่เยี่ยเอาชีวิตรอดกลับมาครองเมืองตุนหวง เข่นฆ่าคนของลัทธิจรัสมากมายเพื่อรอคอยให้ซาม่านหวาถูกส่งออกมาจัดการเขา
ผู้ชายคนนี้รอแล้วรอเล่าหลายปี จนเมืองตุนหวงรุ่งโรจน์ ฆ่าสาวกลัทธิจรัส ใช้ชีวิตอย่างมัวเมาราวกับว่าถ้าหากไม่มัวเมาแล้วจะทนอยู่แบบทรมานแบบนี้ไม่ได้ก็เท่านั้น จนได้พบกับซาม่านหวา ที่ปราศจากความทรงจำทุกสิ่ง
คุณชายซู่เยี่ยใช้ชีวิตคล้ายมีซาม่านหวาเป็นจุดมุ่งหมาย เขารั้งรอที่ตุนหวงเพียงเพื่อรอซาม่านหวา เดินทางหมื่นลี้ไปยังตำหนักจันทราก็เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวเช่นกัน
จุดนี้เอง...ที่เรารู้สึกเสียดายแทนคุณชายซู่เยี่ยมากๆ ตรงที่ตอนจบสำหรับซาม่านหวาแล้ว ทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นทั้งสิ้น เกาซู่เยี่ยตรงหน้าเป็นผู้ชายที่นางเห็นครั้งแรกแล้วชอบ แต่ก็นั่นแหละ ความรักก็ยังคงฝังลึกอยู่บ้าง แม้จะปราศจากความทรงจำก็ตาม
สำหรับเกาซู่เยี่ย ในท้ายที่สุดขอเพียงได้ซาม่านหวามาเคียงข้าง จะเสียอะไรไปมากมาย แม้กระทั่งความทรงจำของนางก็ไม่เป็นไร
 
โม่เซียง
เราค่อนข้างชอบโม่เซียงมากค่ะ คิดว่าเป็นตัวละครที่มีมิติ แล้วก็มีบุคลิกชัดเจนมาก สายสืบจากจงหยวนแฝงตัวเข้าลัทธิจรัสเพื่อจะล้มล้างลัทธิ ถ้าหากโม่เซียงไม่ลงมือล้มล้างลัทธิล่ะก็ เรื่องเข้าใจผิดระหว่างซาม่านหวากับเกาซู่เยี่ยก็คงไม่เกิดขึ้นค่ะ แต่ถึงโม่เซียงจะทำให้ความรักของเพื่อนรักเพียงคนเดียวในโลกของเขาแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ก็ยังแบกซู่เยี่ยขึ้นบ่ารอนแรมข้ามทะเลทรายไกลแสนไกลเพื่อช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้ ทำให้สุดท้ายความเป็นพี่น้องของทั้งคู่ก็ไม่ได้สะบั้นลง
เราชอบความสัมพันธ์ของโม่เซียงและคุณชายซู่เยี่ยมาก แบบว่ารักกันมาก แต่ในความรักกันนั่นคุณชายซู่เยี่ยก็คล้ายจะไม่รู้จักเพื่อนคนนี้ของตัวเองในบางครั้ง โม่เซียงผู้ทะเยอทะยานและมีความฝันอันยิ่งใหญ่ ความฝันที่ไม่ใหญ่เกินกว่าความสามารถและมันสมองของเขา ...แน่นอนต้องรวมถึงความโหดเหี้ยมด้วย
โม่เซียงต้องการแผ่นดิน เกาซู่เยี่ยไม่ต้องการอะไรเลย ต้องการแค่ผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น
 
ลวี่จี
สำหรับภาค "เปลวทรายพรายแสง" ตัวละครอีกหนึ่งที่เราชอบคือลวี่จี ผู้ชักศึกเข้าบ้าน ผู้นำกองทัพหุยเหอมาประชิดกำแพงเมืองตุนหวงด้วยความอคติและเกลียดชังแบบผิดๆมาตลอดชีวิต แล้วก็ยังต้องเสียผู้ชายที่รักไปอีกหนึ่งคน (ไม่ได้เสียไปในแง่ของตายจากกัน) คุณชายซู่เยี่ยก็มีนิสัยเช่นนี้เอง ไม่ใส่ใจว่าใครจะว่าอย่างไร เขาอยากใช้ชีวิตอย่างไรก็จะใช้ชีวิตอย่างนั้น
เราชอบความรันทดของลวี่จี ทั้งชีวิตเต็มไปด้วยความเกลียดที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเอง ความอคติที่รับมาจากคนอื่น และความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ก่อขึ้น ลวี่จีและทัพหุยเหอทำให้ ซู่เยี่ยเลือกพาโม่เซียงกลับมาที่ตุนหวงเพื่อช่วยเมือง มากกว่าที่จะไปตามผู้หญิงที่ตัวเองรัก
 
ถึงเราจะบอกว่าชอบเนื้อเรื่องภาค "เปลวทรายพรายแสง" แต่ตัวละครจากภาค "ร่ายนครจักรพรรดิ" เราชอบหลายตัวมาก แถมชอบชื่อภาคมากด้วย เข้ากันกับเนื้อเรื่องมาก เป็นร่ายนครจักรพรรดิจริงๆ ในภาคสองเป็นเรื่องของโม่เซียงสร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นมาอย่างชาญฉลาดและเลือดเย็นที่สุด
 
เฟิงหยา
เราชอบเฟิงหยามาก เฟิงหยาเป็นปุโรหิตแห่งตำหนักจันทรา ปุโรหิตผู้มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ คล้ายจะอยู่เหนือทุกสิ่งแต่ความจริงแล้วไม่เลย เฟิงหยามีความรู้สึกลึกล้ำมากมาย มีความหวั่นไหว มีความใส่ใจเจือจางอยู่ กับศิษย์อย่างอวิ๋นซีหรือกับผู้หญิงที่เขาอาจจะอยากจะรักอย่างซาม่านหวา ซาม่านหวาเป็นคนดีจนเฟิงหยารู้สึกดีด้วย
เฟิงหยาที่คล้ายจะเข้าใจความรู้สึกของปุโรหิตคนเก่าที่อยากจะตายเต็มที สุดท้ายเขาปล่อยวางและตายไปพร้อมๆกับเจ้าสัทธิจรัส
"ข้ายืนมองอาทิตย์ขึ้นอาทิตย์ตกคนเดียวมานานหลายปีมากแล้ว ใจจริงข้าอยากหาคนดีๆสักคนมาดูพระอาทิตย์เป็นเพื่อนข้าแต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว" เฟิงหยาต่อเกาซู่เยี่ย
"ท่านคิดว่ามีใครชอบอยู่กับตัวประหลาดเช่นท่านจริงหรือ" อวิ๋นซีต่อเฟิงหยา
 
อวิ๋นซี
อวิ๋นซีก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ชอบค่ะ เป็นตัวละครที่แบกความแค้นหนักแน่นของตระกูลต่อผู้ชายที่ทำให้ทั้งตระกูลของเขาต้องตกต่ำลง ไม่สามารถทำอาชีพอะไรได้อีกนอกจากขอทาน อวิ๋นซีอยู่กับเฟิงหยามาเนิ่นนานอย่างอดทน ส่วนหนึ่งในใจของอวิ๋นซีรักและเคารพเฟิงหยา แต่ส่วนที่เหลือก็ชิงชังเขาเช่นกัน เมื่อเฟิงหยาตายไปจริงๆ อวิ๋นซีจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเสียใจ
อวิ๋นซีแตกต่างกับเฟิงหยาตรงความทะเยอทะยานและความโลภอย่างที่มนุษย์พึงมี เราชอบฉากที่อวิ๋นซีคล้ายจะต้องเลือกระหว่างการปล่อยซาม่านหวาไปกับซู่เยี่ยและได้ยศหลี่อ๋องมา หรือ การยอมเสียยศหลี่อ๋องและได้ซาม่านหวามา
สุดท้ายเขาก็เลือกยศหลี่อ๋องนั่นเอง
"คนที่ภายในใจว่างเปล่าเช่นเจ้า วันข้างหน้าจะมีชีวิตอย่างไร" เฟิงหยาต่ออวิ๋นซี
 
จ่างซุนซือหย่วนและองค์หญิงใหญ่อี๋ซิน
ใครจะรัดทนไปกว่าคู่นี้คงไม่มีแล้วล่ะค่ะ ชายหญิงคู่หนึ่งที่จริงๆแล้วรักกันนั้น ยืนอยู่คนละฝั่งโดยสิ้นเชิง องค์หญิงใหญ่อี๋ซินเชื่อใจคู่หมั้นของตัวเองเพราะข่าวของเขาไม่เคยผิดเลย ทำให้นางฆ่าฝั่งโม่เซียงไปได้มากมาย ซ้ำจ่างซุนซือหย่วนยังตัดเส้นเอ็นโม่เซียงต่อหน้าต่อตานาง
จ่างซุนซือหย่วนสังเวยชีวิตทหารมากมายเพื่อให้ได้ความเชื่อใจมาครอง ทั้งที่จริงๆเขาก็รักองค์หญิงอี๋ซิน แต่ที่รักมากกว่าไม่ใช่เจ้านายอย่างโม่เซียง แต่เป็นชาติต่างหาก
คนที่รักชาติมากที่สุดคนนึงในเรื่องก็คือจ่างซุนซือหย่วน ถ้าหากองค์หญิงอี๋ซินไม่คิดสมคบกับต่างชาติอย่างลัทธิจรัส เขาก็คงไม่เลือกฝั่งตรงข้ามกับคนรักโดยสิ้นเชิงขนาดนี้
จ่างซุนซือหย่วนมีความเฉียบขาดและเลือดเย็นมาก คิดดูว่าทำให้เจ้านายตนเองพิการเพื่อให้ได้ความเชื่อใจของคนรัก แต่สุดท้ายก็ฆ่านางตาย แถมนางยังต้องตายด้วยฝีมือของคนที่ตัวเองรักที่สุดถึงสองคนก็คือ จ่างซุนซือหย่วนและจักรพรรดิน้อยน้องชาย ถึงจักรพรรดิน้อยจะไม่รู้ตัวก็ตามทีเถอะ
 
สรุปแล้วประทับใจค่ะ ดำเนินเรื่องเร็วมาก เรื่องแน่นขนาดนี้ ยืดเป็นสามเล่มยังไม่รู้สึกว่ายืดเลยนะ นี่แบบเหลืออีกไม่กี่สิบหน้า เฟิงหยากับซู่เยี่ยยังสู้กันในวังอยู่เลย เรียกว่าไม่พิรี้พิไร ไม่บรรยายเยิ่นเย้อ และเนื้อเรื่องก็เด็ดมาก เข้มข้นมาก ชอบมากกกค่ะ ถือเป็นมากกว่ารักที่เราประทับใจมากที่สุดเรื่องหนึ่งค่ะ เรื่องนี้แทบไม่มีฉากโรแมนติกเลย แต่ทุกคนรู้แน่นอนว่าเกาซู่เยี่ยและซาม่านหวามีความรักที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน :)
ถ้ามีผลงานของชางเยวี่ยออกมาอีก เราต้องติดตามแน่นอนค่ะ
 
ปล.หน้าปกคือโม่เซียงกับซู่เยี่ยเหรอ เรามองอยู่นานมากว่าเป็นผู้ชายสองคนใช่มั้ย 5555



Create Date : 06 สิงหาคม 2560
Last Update : 3 สิงหาคม 2565 14:56:21 น.
Counter : 3765 Pageviews.

2 comments
  
ชอบด้วยอีกคนค่ะ แต่คนเขียนคนนี้มีแปลไทยมาเล่มเดียวเอง
ไม่รู้ว่าที่จีน มีเรื่องไหนอีกบ้าง........อยากอ่าน
โดย: Serverlus วันที่: 8 สิงหาคม 2560 เวลา:22:51:00 น.
  
Serverlus : เสียดายยยยยเนาะคะ
โดย: marina_rain วันที่: 9 สิงหาคม 2560 เวลา:23:43:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

marina_rain
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]



ติดต่อทางอีเมลได้ที่ wasineechann@gmail.com
สิงหาคม 2560

 
 
1
2
3
4
5
7
10
11
12
13
16
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog