ที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก

 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
18 กันยายน 2551
 

ริค วชิรปิลันธ์ โชคเจริญรัตน์

PROFILE
ว่างๆ จะมาเรียบเรียงใหม่ ไม่ได้มีเจรนาละเมิดลิขสิทธิ์นะ แค่ชอบริค แล้วอยากเก็บรวบรวม เรื่องราวของริคไว้เป็นที่เป้นทางเท่านั้นเอง เอาไว้อ่านเวลาคิดถึงๆ
จุดเริ่มต้น...ก่อนหน้านี้

"ตอนเด็กๆ ชอบร้องเพลงการ์ตูนไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดเริ่มต้นที่รู้ว่าตัวเองชอบร้องเพลงจริงๆ จังๆ ก็ตอนอยู่โรงเรียนประจำที่ราชบุรี เมื่อซิสเตอร์จับสอนร้อง scale และไล่โทนเสียง และจับมาร้องเพลงประสานเสียงที่โรงเรียน ในมิสซาและในงานโรงเรียน

"ตอนแรกริคจะชอบร้องเสียงสูง เพราะจะเป็นพวกที่ร้องแนว Heavy ที่ต้องร้องเสียงสูงมาก และก็ไปร้องเพลง Rock แข่งกับผู้ชาย เลยต้องร้องให้แน่นจริงๆ จนชนะ และพวกเค้าก็ยอมรับเรา พอช่วง ม.ปลายก็มีวงกับเพื่อน ไปๆ มาๆ เหลือริคเป็นนักร้องคนเดียวที่มาร้องเพลงที่ Rock Pub กับวงใหม่ แล้วก็ร้องที่ Metal Zone ด้วย"

"ต่อมาเข้าประกวดดนตรีโครงการ Pepsi Music Festival พอชนะ พี่สุกี้ก็เอาเข้ามาทำงานเพลงกับเบเกอรี่ จะเป็นรุ่นเดียวกับพี่ป๊อด Moderndog ตอนที่ชนะ Coke Music Awards และริคก็ใช้ทุนชีวิตในการทำงานเพลงมาเรื่อยๆ จนออกมาเป็น ริค - วชิรปิลันธ์ ในทุกวันนี้"

ผลงานที่ผ่านมาของ ริค - วิชรปิลันธ์

ตอนที่ทำงานในเบเกอรี่ ก่อนออกอัลบั้มแรก (ปฐม) ก็ไปร้องให้ในอัลบั้มแรก ของพี่โป้ (ชุดที่เป็นนมหนาม)
หลังจากนั้น ก็มาร้องเพลง "กัด" ให้อัลบั้มที่ 2 ของโจอี้ (โจอี้แมน)
ร้องให้ Pixyl 2 เพลง
และก็มาออกอัลบั้มตัวเอง "ปฐม"
ต่อมาก็ร้องเพลง "เฉย" ให้โจอี้บอย (อัลบั้มบางกอก)
พอออกมาจากเบเกอรี่ ก็มาร้องเพลโฆษณา แต่โดยมากไม่ค่อยได้ออกในเมืองไทย จะไปออกที่อื่นอย่าง อินโดฯ เช่น โฆษณาเรโซน่า และสบู่ลักส์
หลังจากนั้นก็มาร้องคอรัสเพลง "รั้ง" ในโจอี้ ตอนที่เค้ามาอยู่แกรมมี่แล้ว
ร้องให้พี่สุหฤท เพลง "Hua Jai Ping Pung"
และมีเล่นคอนเสิร์ตกับทีโบน
ร้องเพลงประกอบโฆษณา 1-2-call 2 ชุด คือ ชุดที่เป็นปาล์มมี่เดินที่ชายหาด กับชุด "อย่ากลัว"
และมาร้องให้โฆษณานีเวีย
ร้องเพลงและอ่านสปอตวิทยุและ TV ให้เนสกาแฟ
ร้องเพลงในหนังเรื่อง บุปผาราตรี ชื่อเพลง "Auto-Mata" (ซึ่งมีอยู่ในอัลบั้ม "ราสมาลัย" นี้ด้วย)
ร้องเพลง "ถึงเธอ" ให้ Crescendo เป็นเพลงที่ร้องให้พี่โจ้
ก็ถือว่าร้องเพลงประกอบโฆษณามาเยอะมาก ถ้าไม่ใช่ (ไม่นับรวม) เสียงตลาด และก็มาออกอัลบั้มล่าสุด "ราสมาลัย" ค่ะ
ประวัติความเป็นมาในอัลบั้ม "ราสมาลัย"

หลังจากออกมาจากเบเกอรี่ ก็มีโอกาสไปร้องคอรัสให้ Day Tripper เลยได้เจอพี่กอล์ฟ ทีโบน ซึ่งพี่เค้าก็บอกว่าเค้าชอบและสนใจการร้องเพลงในแบบเรามาตั้งแต่แรกแล้ว ก็เลยชวนมาทำงานเพลงกัน โดยมีการคุยกันว่าต่างฝ่ายต่างชอบและไม่ชอบอะไรแบบไหน พอคุยกันจนหาจุดที่ลงตัวแล้วได้ ก็ทำงานชุดนี้กันจนออกมาเป็นอัลบั้ม "ราสมาลัย" นี้ค่ะ โดยงานชุดนี้จะแบ่งเป็น 2 ภาค ภาคละ 6 เพลง โดยแบ่งเป็นภาค Dark กับ ภาค Light ซึ่งจะวางตลาดประมาณต้นมกราคม โปรดติดตามนะคะ

//www.pantown.com/board.php?id=3320&area=1&name=board1&topic=62&action=view






"ริค" วชิรปิลันธิ์ โชคเจริญรัตน์ เป็นนักร้องหญิงที่มีผลงานการร้องและแต่งเพลง ในแนวดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากความเชื่อทางศาสนาที่นับถืออยู่ เขียนเพลงโดยใช้ชื่อแฝงสองชื่อ คือ "วชิรปิลันธิ์" กับ "จันกาลี" (Wachira & Jankali) แทนบุคลิกภาพ 2 ด้านในตัวเอง

ริค วชิรปิลันธิ์ เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนนารีวิทยา [1] โรงเรียนประจำในจังหวัดราชบุรี [2] เข้าสู่วงการจากการเข้าประกวดเป๊ปซี่มิวสิคอะวอร์ด เมื่อปี พ.ศ. 2536 กับวงดนตรีชื่อ Mad Hot โดยร้องนำในแนวเดธเมตัล [3] เป็นที่สะดุดตาของกมล สุโกศล แคลปป์ ซึ่งชักชวนให้มาเข้าสังกัดเบเกอรี่มิวสิกในปี พ.ศ. 2538 [4]

ริค มีผลงานร้องเพลงร่วมกับศิลปินหลายคนเช่น เพลง "กัด" และ "เฉย" [5] ร่วมกับโจอี้บอย เพลง "รามซิงค์เรดิโอ" ร่วมกับโยคีเพลย์บอย เพลง "แหก" ร่วมกับ Pixyl [6] มีผลงานเดี่ยวชุดแรกชื่อชุด "ปฐม" ในปี พ.ศ. 2542 (ใช้เวลาทำ 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2537)

หลังจากหมดสัญญากับเบเกอรี ริคย้ายมาสังกัดหัวลำโพงริดดิม ได้ร่วมงานกับ นรเศรษฐ์ หมัดคง ในอัลบั้ม "สุนทราภรณ์อีเคลกติก" ซึ่งนำเพลงของสุนทราภรณ์มาเรียบเรียงใหม่แบบร่วมสมัย ร้องเพลง "ทะเยอทะยาน" ของ Day Tripper ทำเพลงประกอบโฆษณา และเพลงประกอบภาพยนตร์ "บุปผาราตรี" และ "วิญญาณโลกคนตาย" [7] มีงานแสดงสดชื่อ "เหนืออาณาจักรแห่งสายเสียง" ในปี พ.ศ. 2549 [8][9]

ดนตรีของริค วชิรปิลันธิ์ มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมอินเดีย และโดยส่วนตัว เธอนับถือเจ้าแม่กาลี [3]

//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%84_%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C


เพลงบ้า - คนเพี้ยน
#
เพิ่งคุยกันเมื่อวันก่อน เผอิญอ่านเจอบทความนี้พอดี ^^
======
คนหนึ่งชื่อ "ปฐมพร ปฐมพร" ผู้ชายที่ประกาศตนเองว่าเขาตายไปแล้ว ตายเพื่อเกิดเป็น "พราย"

อีกคนชื่อ "ริค วชิรปิลันธ์ โชคเจริญรัตน์" ผู้หญิงที่ใครๆ หลายคนมองว่าเธอคือเจ้าแม่กาลีเป็นผู้ทำลาย

ไม่ใช่เพียงแค่งานเพลงที่เธอและเขาทำเท่านั้นที่ถูกวิจารณ์ว่าบ้าบอ

หากแต่เป็นตัวตนและการกระทำของทั้งคู่ก็ถูกสังคมตัดสินว่าเพี้ยนด้วยเช่นกัน

บทสัมภาษณ์ถึง "แนวความคิด" และ "ความรู้สึก" ของทั้งคู่ต่อไปจากนี้คงจะไม่สามารถลบภาพของการเป็น "คนเพี้ยน" ออกไปจากสายตาคนทั่วไปได้(เพราะนั่นไม่ใช่จุดประสงค์)แต่อย่างน้อยๆ ก็คงจะทำให้ใครหลายคนเห็นและเข้าใจถึงความ "เป็นจริง" ในบางสิ่งบางอย่างที่ทั้งคู่ทำมากยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่วงการเพลงของบ้านเราเต็มไปด้วย "การค้า" การโฆษณา การขาย "แบบฟอร์ม" มากกว่าเนื้องานที่แท้จริงยิ่งขึ้นไปทุกวันๆ เช่นนี้

ตัวตนและหนทางของ "ริค วัชรปิลันธ์"

ต่อให้เอาเนื้อเพลงของผู้หญิงคนนี้มาออกกาง แต่เชื่อเถอะว่ายากยิ่งหลือเกินที่จะหาใครจะมาร้องเพลงของเธอได้

หรือถ้าจะพูดให้ถูกน่าจะเรียกกันว่าเป็นการสวดกันซะมากกว่า

"ถ้าถามว่าเริ่มที่จะชอบเรื่องของศาสนาอะไรตอนไหนก็น่าจะประมาณ ป.5 - ป.6 คือ มันเริ่มจากที่ว่าตนเองเกิดราศีพิจิกเนี่ยก็อยากจะรู้ว่าตัวตนเองเป็นอย่างไร แล้วก็สงสัยว่าทำไมต้องมีธาตุต่างๆ ด้วย เช่นพิจิกเป็นธาตุน้ำแต่ทำไมไม่เห็นใจเย็นเลย ทำไมตัวเองเหมือนไฟ"

"ทำให้สงสัย ก็อยากจะรู้ จากนั้นก็เริ่มที่จะสนใจเรื่องดวงดาว พัฒนาไปเรื่อยๆ เพิ่มมากขึ้น เลื้อยไปอันอื่นมากขึ้นเหมือนเชือก เหมือนสิ่งเหล่านี้มันเชื่อมโยงกันเองจนไปถึงเรื่องของศาสนาก็อยากจะรู้ว่าศาสนาคริสต์คืออะไร ทำไมวงนูโวเขาถึงห้อยไม้กางเขน มันดีอย่างไร แล้วเพื่อนๆ บางคนก็ใส่ด้วยความเท่ห์ ซึ่งริคจะเป็นคนที่แบบว่าก่อนจะเท่ห์หรือจะหยิบอะไรมาใส่ก็ต้องรู้จักมันก่อนว่ามันคืออะไร ริคเป็นคนที่ไม่สามารถที่จะทำอะไรลงไปโดยที่เราไม่รู้จักได้ แบบว่าไม่รู้แต่ก็ทำอย่างนี้มันไม่ใช่นิสัยของเรา"

ย้อนกลับไปในอดีต จากที่เริ่มชอบการร้องเพลงแบบจริงๆ จังๆ ระหว่างที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำที่จังหวัดราชบุรี(ไปเรียนเพราะอยากรู้เรื่องศาสนาคริสต์)ต่อมาเจ้าตัวก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมการประกวดดนตรีในโครงการ "เป็ปซี่ มิวสิค เฟสติวัล" ก่อนจะได้รับการชักชวนจาก "สุกี้-กมล สุโกศล แคลปป์" จากค่ายเบเกอรี่ มิวสิคให้เข้าร่วมในสังกัด

หลังจากนั้นอัลบั้มชุดที่ชื่อว่า "ปฐม" ของเธอก็ออกมาชนิดที่ทำเอาวงการเพลงต้องอึ้ง

ทั้งในเรื่องของปก เนื้อหาของเพลง ที่สำคัญด้วยการร้องราวกับการท่องคาถาหรือบทสวด บวกกับสิ่งที่เธอเป็นทั้งในเรื่องของการนับถือเจ้าแม่กาลี การแต่งตัวที่เหมือนกับแม่มด การสักตามร่างกาย การเจาะจมูก การสนใจหมกมุ่นในเรื่องของศาสนา เรื่องของโลก การค้นหาตัวตนภายใน ต่างๆ เหล่านี้ทำให้หลายคนพร้อมใจกันฟันธงว่าผู้หญิงคนนี้เพี้ยน

"ตอนนี้เป็นพุทธ แต่เป็นพุทธเหมือนมหายาน จริงๆ แล้วก็ยังนับถือฮินดูอยู่ด้วย แต่ริคว่า ริคก็นับถือพระพุทธเจ้าด้วย เพราะฉะนั้นที่อยู่ตรงกลางก็น่าจะเป็นมหายาน ก็คือในวัชรญาณ เหมือนในเนปลเหมือนในธิเบตก็คือจะนับถือพระผู้เป็นเจ้าด้วย แล้วก็นับถือพระอวโลกิเตศวรด้วย"

"คือเพราะว่าจริงๆ ที่เข้าไปเพราะว่าส่วนใหญ่ริคจะเน้นถึงเรื่องของการใช้เสียง คือการกำเนิดพยางค์ ตัวอักษรเทวนาตีอย่างคำว่าโอมอย่างนี้ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับการใช้เสียงที่ริคร้อง การสวดมนต์ด้วย อย่างเวลาพระทิเบตมาเมืองไทยก็จะได้รับจากตรงนั้น ริคสนใจในพยางค์ ในเรื่องของเสียงซึ่งในตรงนั้นก็มีวิธีของคนที่ใช้เสียงได้ด้วยเหมือนกัน คือเหมือนกับใช้เสียง จนวันนึงเสียงนั้นจะไม่มี กลายเป็นความเงียบสงบ สุดท้ายก็กลายเป็นไร้รูป"

ว่างเว้นจากงานเพลงชุดแรกมานานกว่า 7 ปี ล่าสุดในตอนนี้นักร้องสาวคนนี้ก็มีงานใหม่ออกมาแล้วในชื่อ "ราสมาลัย" ที่จะแบ่งออกเป็นสองภาค คือ "Dark" และ "Light" ซึ่งถึงแม้เจ้าตัวจะบอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับบทสวดแต่อย่างไร ทว่าหลายคนก็ยังรู้สึกว่าฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี

"ชุดแรกริคอยากทำให้คนศรัทธากอ่น แต่พอมาชุดนี้ริคก็อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองจะทำไม่เกี่ยวข้องกับตรงนั้น เหมือนกับแบบจบไปแล้ว นี่คือเริ่มต้นใหม่ ชุดนี้มันเป็นการสื่อเรื่องออารมณ์มากกว่าที่จะใช้ในการสวดมนต์อันที่แล้วก็ไม่เล่นแล้ว"

"ริคอยากให้คนฟังเพลงริคที่เมโลดี้ที่ไม่เกี่ยวกับนื้อเพลง ก็คือฟังวิธีที่ริคใช้เสียง ใช้อารมณ์ มาฟังเรื่องอารมณ์ในการสื่อมากกว่าที่จะฟังเนื้อหา เพราะเนื้อหามันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของริคอยู่แล้ว"

"เพลงของริค ริคอยากให้ทุกคนใช้หัวใจฟัง เพราะว่าริคใช้ในหัวใจในการร้อง คือริคเปิดให้ลูกริคฟัง ก็ฟังได้ เปิดให้นักเรียนโรงเรียนอนุบาลก็ฟังแล้วก็เต้นได้ หมายความว่าไงก็หมายความว่าต้องไม่มีอคติ แสดงว่าเด็กยังไม่มีการรู้จักอคติ แต่ทีนี้พอโตขึ้นมาคนเราจะมีอคติคติ พอมองเห็นจะไม่ชอบแล้ว พอฟังไม่รู้เรื่องก็อคติแล้วไม่ฟังเมโลดี้แล้ว ไม่ฟังวิธีการร้องแล้ว ไม่มองว่าเป็นนักร้องแล้วจะมองว่าเป็นอะไรที่ประหลาด เพี้ยนหรือบ้าก็แล้วแต่เขา..."

เวลาถูกคนมองว่าเพี้ยน?

"นั่นปัญหาทางสมองคนอื่น ริคก็ไปห้ามคนอื่นคิดว่าริคเพี้ยนไม่ได้ แต่นั่นมันคือการที่เขาแค่มอง เขาไม่เคยคุยกับริคไงคะ ขนาดคนที่รู้จัก พ่อแม่พี่น้องในบางมุมเขายังไม่รู้จักเราเลย เพราะฉะนั้นริครู้สึกว่าริคไม่เอาเรื่องนี้มาให้รกสมอง เพราะริคคิดไปแล้วริคไม่รู้ว่าจะได้อะไรขึ้นมา เพื่ออะไร เพื่อรู้สึกว่าเราเท่ห์หรือ"

"ริคคิดว่าตอนนี้ริคเจอหนทางที่ริคพอใจคือเรื่องของการใช้เสียง แต่ไม่ได้แบบว่าริคตรัสรู้ ริคไม่ได้แปลว่าริคสิ้นสุดแล้วในชาตินี้ไม่ได้หมายความว่างั้น ริคยังคงต้องดำเนินต่อไปเพราะว่าริครู้สึกว่ามันยังมีอะไรมากมายที่ริคอยากจะเรียนรู้ จากสิ่งที่ต้องการอีกมากมายแต่นี่เป็นสิ่งนึงที่มันเป็นตัวริค อย่างอื่นริคก็ยังเป็นแม่คน ริคก็ยังไปอัดเพลงโฆษณาเพื่อที่จะทำมาหากิน คืออย่าได้มองว่าริคต้องเพี้ยนขนาดไม่ทำอะไร"

หลายคนนึกภาพไม่ค่อยออกมาว่า "ริค วชิรปิลันธ์" จะเป็นแม่คนแบบไหน?

"แม่ของริคไม่ได้แปลว่าต้องเสียสละแบบว่าทุกอย่างในความเป็นตัวเองทิ้งไปให้เขาหมดนะ เพราะว่าริคถือว่าริคมีหน้าที่เป็นแม่ที่ต้องเลี้ยงดูเขาก็คือส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้แปลว่าลูกจะต้องมาทำให้ริคอดทำในบางอย่างที่ริคเป็นตัวเอง"

"เพราะฉะนั้นลูกก็ต้องให้เกียรติริคในสิ่งที่ริคเป็น เช่น จะมาสั่งเหมือนกับว่าริคมีลูกต้องอดเล่นดนตรีทำอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ได้เลย ไม่มีสิทธิ์ เพราะว่าคุณกับชั้นวันนึงมาเจอกัน แล้ววันนึงก็ต้องจาก ชั้นก็มีหน้าที่ส่งให้คุณเติบโตขึ้น แต่คุณก็ต้องใช้ชีวิตของคุณ เป็นตัวของคุณแล้วก็สามารถดำเนินชีวิตของตัวเองได้โดยที่วันหนึ่งชั้นเป็นแค่คนอื่นไป แล้วก็ดูแลคุณไปตลอดชีวิตไม่ได้"

ทำไมถึงทำเพลงแบบธรรมดาไม่ได้?

"ร้องแบบธรรมดาก็ร้องได้ เพียงแต่ริครู้สึกว่ามันไม่จำเป็นต้องให้คนรู้ก็ได้เพราะว่ามันง่าย มันไม่ท้าทาย แต่แบบนี้ริคสนุกกับการใช้เสียงของริคมากกว่า"

"คนฟังไม่เยอะบั่นทอนมั้ย มันไม่ถึงกับใช้คำนี้ มันเหมือนกับว่าเออ คนมันไม่ฟังว่ะ มันไม่เก็ตว่ะ ก็จะมาคิดแค่นี้ แต่ไม่เสียใจอะไร เพราะมันก็จริง เนื่องจากมันมีเหตุผลปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างที่มันไม่ใช่ความผิดเรา มันไม่ใช่ความผิดของคนฟังมันก็แค่รสนิยมที่มันไม่ตรงกันเท่านั้นเอง"

พูดถึงวงการเพลงบ้านเราหน่อย?

"พูดรวมทั้งหมดก็คือมันเป็นเรื่องของธุรกิจ คือถ้าภาพไม่ออกมาก่อนก็คนก็จะไม่จดจำมันไม่ได้เพราะว่าเสียมันก็คล้ายกันหมด มันจะต่างกันไม่มากนิดๆ หน่อยๆ"

"มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งริครู้ว่าที่เขาพูดเขาคงไม่ได้คิดแบบว่าไม่ดีหรือว่าอะไรหรอก คือท่านบอกริคว่า ริคน่าจะทำอะไรที่มันเป็นแบบว่าเปลือกๆ บ้าง แค่แบบว่าผิวเผินก็พอ เพราะว่าบ้านเราไม่มีใครเข้าใจถึงสปริตที่ริคทำ ไม่เข้าใจว่าทำไมริคถึงรู้สึกแบบนี้ ทำไมคนเราถึงไม่ยอมที่จะลองฟังดนตรีที่แตกต่างบ้าง ไม่ต้องอยู่แบบเดิมๆ ความรู้สึกแบบเก่าๆ คือสิ่งที่ริคทำมันไม่ได้ประโยชน์อะไรกับที่นี่"

"แต่ริคก็บอกว่า ชุดต่อไปหนูอาจจะอีกแบบนึงก็ได้ แต่ตอนนี้หนูพอใจกับที่มันเป็นแบบนี้ แล้วหนูก็รู้สึกว่าหนูได้เจอสิ่งที่หนูเป็น หนูภูมิใจกับมันมาก เคยมีน้องบางคนมาบอกว่าชอบริคมาก ก็มาบอกว่าหนูอยากจะมาเป็นนักร้องมาก แต่หนูไม่มีลุกน่ะค่ะ"

"อือ มันเป็นเรื่องที่แปลกมากนะ คิดดูสิขาอยากเป็นนักร้องแต่เขาห่วงเรื่องภาพ เขาไม่ได้บอกว่าหนูจะทำอย่างไรจะร้องได้ดี หนูควรจะทำอย่างไรกับเสียงหนู หนูควรจะรู้จักเสียงและความเป็นตัวเองในเสียงของหนูได้อย่างไร เขาไม่พูดเลย"

คิดว่าตัวเองมีพลังวิเศษมั้ย?

"ไม่คิดเลย ริคคิดว่าทุกคนมีหมดแต่ช่วยไม่ได้ถ้ายังต้องอยู่ในสังคมลักษณะแบบนี้ ถ้ายังอยู่ในระบบของทุนยิยมหรือว่าอะไรอย่างนี้ก็ไม่มีใครเจอพลังวิเศษอะไรหรอก"

"จริงริคว่ามันก็มีทุกคนเรานั่นแต่เราลืมมันไป ก็คือความสมถะ คือไอ้พลังพิเศษก็คือความสมถะ ืที่ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น แบบพอเพียงนั่นแหละคือพลังวิเศษ พอใจในสิ่งที่ตนเองเป็น พัฒนาในสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตในวันต่อไปๆ ได้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานแต่เกี่ยวข้องกับตัวเองทั้งอารมณ์และความรู้สึก"

//www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9480000041782




มาแล้วค่ะ กับบทสัมภาษณ์ของพี่ริค - วชิรปิลันธิ์ โชคเจริญรัตน์ ที่หลายๆ คนรอคอย เอาไปอ่านกันให้เต็มที่เลยนะคะ ทั้งเรื่องราวใน "ราสมาลัย Chapter 1-2" ใครว่าพี่เขาดุ แก้วว่าตัวจริงพี่เขาน่ารักออกจะตายไป วันนั้นเราคุยกันนานมากๆ ถ้าอยากรู้ว่าคุยอะไรกันบ้างก็ไปติดตามกันได้เลยค่ะ...



ก่อนหน้าที่มาจะมาร่วมงานกับทางหัวลำโพงริดดิม พี่ริคเคยมีผลงานอะไรมาบ้างคะ ?

ริค : ก็มีสมัยอยู่ Bakery นั่นล่ะค่ะ พี่เคยไปช่วยงานของโจ้ โจอี้แมน ชื่อเพลง "กัด" แล้วก็อัลบั้ม "บางกอก" ชื่อเพลง "เฉย" จากนั้นก็มีไปร่วมงานกับโป้ โยคีย์เพลย์บอย ชื่อเพลง "รามซิงค์เรดิโอ" แล้วก็เพลง "แหก" อัลบั้ม Vision ของ Pixyl แล้วจากนั้นก็มาทำอัลบั้มของตัวเองชื่อ "ปฐม" ในปี 2542 ซึ่งผลตอบรับภาพรวมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กลุ่มคนฟังยังแคบอยู่ แต่ถ้าถามพี่ พี่ก็ว่าโอเคนะ สำหรับตัวเองตอนนั้น

หลังจากหมดสัญญาปุ๊บ พี่ริคก็...

ริค : พอหมดสัญญา พี่ก็ได้ไปร่วมงานกับ พี่ซี๊ด ดีเจซี๊ด - นรเศรษฐ์ หมัดคง หน่ะค่ะ ในอัลบั้มชื่อ Eklectic สุนทราภรณ์ คือเป็นการนำเพลงเก่าๆ ของสุนทราภรณ์มาทำใหม่ให้ร่วมสมัยยิ่งขึ้น เพลงที่พี่ไปร้องให้ตอนนั้นชื่อ "แค้น" เป็นเพลงช้าเพลงเดียวในอัลบั้ม จากนั้นก็ได้ร่วมงานกับ Day Tripper ในอัลบั้มแรกของเขา ชื่อเพลง "ทะเยอทะยาน" ช่วงนั้นก็มีประมาณ 2 - 3 วงที่อยากให้พี่ไปร่วมงานด้วย แต่พี่เองมีข้อแม้ว่า พี่ต้องฟังดนตรีก่อน ถ้าฟังแล้วรู้สึกไม่ผ่าน พี่จะไม่ร่วมงานด้วยเลย

ทำไมล่ะคะพี่ ?

ริค : คือ ที่พี่ปฎิเสธไป เพราะพี่คิดว่าการไปร้องให้คนอื่นสุรุ่ยสุร่าย มันไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรแก่ตัวพี่เลย การไม่รู้จักเลือกจะทำให้มาตรฐานของตัวเองต่ำลง แล้วเสียงของพี่ ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อใคร หมายถึง ไม่ได้มีไว้ตอบสนองความเท่ เก๋ เด่นให้ใคร แต่มันมีค่ามากกว่านั้น อาจจะดูเหมือนเอาแต่ใจ เหมือนอหังการเสียเหลือเกิน แต่นั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงของพี่ ที่จะซื่อสัตย์อย่างยิ่งต่อการดำรงอยู่ของเส้นเสียงของตัวเอง


ในเรื่องของการทำเพลงโฆษณาล่ะคะ พี่ริคไปทำตรงนั้นได้อย่างไร ?

ริค : คนที่แนะนำให้พี่มาทำงานตรงนี้คือ ต๊งเหน่งค่ะ รัดเกล้า อำมระดิษ เขาชวนพี่ไปร้องเพลงโฆษณา งานชิ้นแรกของพี่เลยเนี่ย คือโฆษณา เรโซน่า แต่ใช้ออกอากาศที่อินโดนีเซีย ชิ้นต่อมานี่ จำไม่ได้ค่ะ (หัวเราะ) อันนี้ออกอากาศที่ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย แล้วก็มีโฆษณาสบู่ลักส์ อันนี้ไปออกที่เวียดนาม ส่วนโฆษณา วันทูคอลล์ ชุด Presenter ที่มีปาล์มมี่เดินชายหาด อันนี้เป็นงานแรกของพี่เลย ที่ได้ออกอากาศที่เมืองไทย ตอนที่โฆษณาชิ้นนี้ออกไป คนชอบคิดว่าตัว Presenter เป็นคนร้อง แต่จริงๆ แล้วเป็นเสียงของพี่ค่ะ (หัวเราะ)

จำได้ว่ามีอ่านสปอตให้เนสกาแฟโกลด์ด้วย ?

ริค : ค่ะ งานนั้นเป็นงานหลังจากที่ทำเพลงโฆษณานีเวียเสร็จ จำได้ด้วยหรือคะ (หัวเราะ) ซึ่งพอพี่เสร็จงานตัวนี้ พี่ก็มีไปร้องเพลงประกอบหนัง "บุปผาราตรี" ซึ่งเพลงนี้ชื่อ "Automata" อยู่ใน "ราสมาลัย Chapter 1" ใครที่มีอัลบั้มของพี่อยู่ ก็คงได้ฟังกัน

มาถึงเพลงโฆษณาที่แจ้งเกิดชื่อของพี่ริค ?

ริค : มันคือเพลงโฆษณาอนิเมชั่นของวันทูคอลล์ในชุดชื่อ "อย่ากลัว" ซึ่งเพลงนี้ได้รับรางวัลเพลงประกอบโฆษณายอดเยี่ยมด้วย เพลง "อย่ากลัว" นี้เป็นเพลงเดียวตั้งแต่ทำเพลงโฆษณามา ที่มีทุกอย่างให้พร้อมแล้ว เหลือแต่วิธีการร้อง การตีความ กับเสียงร้องของพี่ อยากบอกว่างานชิ้นนี้เป็นงานที่ง่ายที่สุด เป็นงานที่ต้องการบุคลิกภาพเสียงร้องของพี่โดยเฉพาะ

เมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ

ริค : โฆษณาตัวอื่นที่ผ่านมาพี่จะอยู่ในฐานะลูกจ้างเต็มตัว พี่ต้องตามใจเขาทุกอย่าง เพลงที่มีมาก็เป็นเพลงต้นแบบ กับเพลงที่แปลงร่างมาแล้ว หลายต่อหลายเพลงที่พี่ต้องหนีเมโลดี้เดิมที่คุ้นหู ให้แปรสภาพเป็นเพลงใหม่ ภายใต้ดนตรีที่รู้จัก พี่ต้องคิดใหม่ ทำให้เขาใหม่ ให้ห่างไกลจากเดิม เห็นไหมคะ ยากกว่าตั้งเยอะ แถมเงินยังได้น้อยกว่าด้วย (หัวเราะ)

ค่ะ ย้อนกลับมาที่การร่วมงานกับศิลปินแถวหน้าในวงอินดี้อย่าง The Photo Sticker Machine กันบ้าง

ริค : อ๋อ! ค่ะ ตอนนั้นเพลงที่พี่ไปร้องและเขียนให้ชื่อเพลง Our Child ชื่อภาษาไทยว่า "ยังเยาว์" ช่วงนั้นก็มีร่วมงานกับหลายคน ที่พี่ชื่นชอบอยู่แล้ว รวมไปถึงพี่โต้ สุหฤท ด้วย คนนี้ถือได้ว่าเป็นศิลปินอินดี้ที่ไฮโซสุดๆ (หัวเราะ) กับพี่โต้ ที่พี่ไปร้องและเขียนให้ เพลงนั้นชื่อ "หัวใจพินพัง" ตอนที่ยอมไปร่วมงานกับแก อันนี้เป็นเหตุผลส่วนตัวสุดๆ คือ แกเป็นแขกค่ะ(หัวเราะ) เอ....แล้วก็อะไรอีกนะ..

คอนเสิร์ตของ T- Bone กับเพลงของ Crescendo ค่ะ ?

ริค : ใช่ๆๆ นั่นเป็น FaT Live "มนต์รักเพลงสกา" ตอนนั้นพี่ไปเป็นแขกรับเชิญให้ ชื่อเพลง "พระอาทิตย์" ซึ่งคอนเสิร์ตในวันนั้นสนุกมากๆ วงนี้ค่อนข้างแสดงสดได้ดี ส่วนงานของ Crescendo เพลงที่พี่ไปช่วยชื่อเพลง "ถึงเธอ" เพลงนี้เขียนไว้อาลัยแก่ โจ้ วงพอสค่ะ ไอ้โจ้มันเป็นเพื่อนที่พี่รักมากที่สุดคนนึง เราคบกันมา 8-9 ปี ซึ่งก่อนที่พี่จะมาทำอัลบั้มนี้ มีอยู่วันนึง นานมาแล้ว พี่เจอโจ้ที่ห้องซ้อมดนตรี พี่เองกำลังเห่อที่อัดเพลง "แค้น" เสร็จ เลยเอาให้โจ้ฟัง มันบอกว่า ดีมากเลย แต่คนฟังเพลงโดยรวมของประเทศเรา ไม่ต้องการฟังวิธีการร้องที่ดีมากขนาดนั้นหรอก ร้องเพลงเพราะแบบธรรมดาให้คนฟังร้องตามได้ รู้เรื่อง แล้วได้เงินแค่นั้นดีกว่า พอแล้ว มันอยากให้พี่ได้เงินใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ตอนนั้นโกรธมันมากค่ะ โกรธที่ว่า พี่กับโจ้เป็นเพื่อนกันมา ต่างเข้าใจเรื่องของความฝัน ดำรงอยู่ได้ด้วยความฝัน ความเป็นตัวของตัวเองของพวกเราต้องประสบผลสำเร็จ แต่ทำไมวันนี้ถึงพูดแบบนี้ พี่กลับเข้าใจไปว่า ความฝันคงตายไปจากหัวใจมันแล้ว พี่ก็ได้แต่ไล่ไอ้ฟูกลับบ้าน พามันพร้อมขวดเบียร์ไปส่งขึ้นรถแท็กซี่ มันยังมีหน้าหันมายิ้ม ตบไหล่ แล้วพูดซ้ำอีก "เงินจะทำให้มึงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข" ให้โกรธแค่ไหน ความโกรธก็ไม่ได้แล่นออกมาด้วยเสียงตะโกน เกรี้ยวกราดอย่างที่เป็นกับบางคน นี่เป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายที่มันทำให้พี่โกรธ "กลับบ้านไปซะ มึงเมาแล้ว" ประตูรถปิดแล้ว ไอ้ฟูส่งยิ้มอำลามาอีกครั้ง รอยยิ้มนั้นล่ำลาเหมือนบอกกล่าวว่า นี่คือรอยยิ้มสุดท้ายที่พี่พี่จะได้เห็นจากมันในชาติภพนี้

....!!!!!...

ริค : ค่ะ หลังจากนั้น ก็ไม่ได้เจอกันอีก พี่เพิ่งเข้าใจถึงสิ่งที่โจ้เคยพูดกับพี่ในวันสุดท้าย เพราะเป็นเพื่อนกันมา 8 - 9 ปีนี่เอง มันถึงกล้าพูดแบบนั้น พี่ลืมไปได้อย่างไรว่ามันเป็นเพื่อนที่รักและเป็นห่วงพี่มากที่สุดอีกคนหนึ่ง ไอ้ฟูมันไม่ได้คิดร้ายอะไรแม้สักน้อย แต่นังตัวร้ายนี่เองที่คิดไม่ซื่อกับมัน ไปโกรธมันอยู่หลายวัน (หัวเราะ) ยังมีสิ่งสารพันอีกมาก ที่เป็นสิ่งเร้นลับของพวกเรา ที่ถูกหล่อหลอมแล้วแอบซ่อนไว้ ในความทรงจำ ชื่อ มิตรภาพ ทั้ง pause, silly fools, wizard และ พี่ ในฝันไม่มีใครหลงเหลืออีกแล้ว มันร้ายกาจจนเกินไป เราทั้งหมดรู้ดีอยู่แก่ใจ เราต่างก็รักและห่วงใยซึ่งกันและกัน พี่ไม่ควรไปโกรธมัน ไม่น่าไปโกรธมันเลย…

มาที่... ที่มาของอัลบั้ม "ราสมาลัย" ดีกว่าค่ะพี่ริค :)

ริค : ค่ะ ที่มาของชุดนี้ แต่แรกตั้งใจจะทำเป็นเพลงเพราะ ให้สมกับเจตนารมณ์ของตัวเอง ที่จะเอาไว้ตบหน้าไอ้โจ้ (หัวเราะ) พูดอย่างนี้ ไม่ใช่ในทางที่ไม่ดีนะคะ คิดว่าจะแยกส่วนเพราะกับฟังรู้เรื่องออกจากกัน ทำให้มันเห็นทีละอย่าง แต่ลิขิตก็สั่งลงมาแล้ว คือให้มันต้องกลับไปเสียก่อน ความจริงชุดนี้ พี่จะทำร่วมกันกับ นอ (นรเทพ มาแสง) คิดแล้วด้วยซ้ำว่าจะใช้ชื่ออัลบั้ม "Rhino" แรด ซึ่งมาจากชื่อของ ริค (Rik) กับ นอ (Nor) มารวมกัน เหตุผลอีกอย่างก็มาจากลักษณะนิสัยของทั้งคู่ค่ะ (หัวเราะ) แต่ท้ายที่สุด ทำคนเดียวดีกว่า เพราะนอมันแรด และริคทำเพลงแบบเข้าข้างตัวเองเป็นหลักอยู่คนเดียว (หัวเราะ)

แล้วอะไรที่ทำให้พี่ไปสะดุดกับชื่อของ "ราสมาลัย" เข้าล่ะคะ

ริค : ราสมาลัย.. มันเป็นชื่อของขนมหวานชนิดหนึ่งของอินเดีย ที่พี่ชอบมากๆ แต่กินแล้วก็อ้วนเหมือนกัน คือแต่ละครั้งที่กิน มันก็จะให้ความรู้สึกที่ต่างกัน พอกินครั้งแรก รู้สึกว่ามันหวานนะ พอกินอีกครั้งนึงรู้สึกว่า มันมีแอลมอนด์นะ พอกินอีกครั้งก็รู้สึกว่าอร่อยขึ้นเรื่อยๆ มันจะมีคำตอบในแต่ละครั้งว่าอร่อยเพราะอะไร จนสุดท้ายมากินอีกที มันจะรวมทุกความรู้สึก ทุกอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นเอกภาพมากๆ ในการกิน


เออ...พี่ริคคะ ก่อนหน้าที่พี่จะมาร้องเพลงแบบนี้ พี่ปูพื้นฐานมาด้วยการฟังเพลงแบบนี้ด้วยหรือเปล่าคะ ?

ริค : ไม่เลยค่ะ ตอนที่ทำเพลง พี่ไม่ฟังเพลงของใครเลยนะ เพราะไม่อยากเป็นเหมือนใคร ในการทำเพลง ไม่ว่าจะกับพี่กอล์ฟ หรือพี่สุกี้ พี่ก็จะคิดอย่างแรกเลยคือ ลูปของกลอง ซึ่งกลองเนี่ยหล่ะ จะเป็นตัวบอกได้ดี ว่าเรามีนิสัยอย่างไร คือพี่เองเคยเลือกกลองแบบนึง แล้วพี่กอล์ฟก็มาบอกว่า พี่รู้แล้วไอ้ริคมันเป็นคนแบบนี้ๆ อย่างนี้ๆ แต่จนถึงตอนนี้ พี่กอล์ฟก็ยังไม่ได้บอกพี่เสียที ว่าความหมายมันคืออะไร (หัวเราะ)

พี่ใช้เวลาทำงานนานไหมคะ กับ "ราสมาลัย" ?

ริค : จริงๆ แล้ว 1 กับ 2 มันก็คืออันเดียวกัน อัลบั้มเดียวกัน แต่ว่าตอนนั้นพี่ทำไม่ทันค่ะ (หัวเราะ) ก็คือ แบบ มันก็ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ แต่ถ้าให้มันออกมาพร้อมกัน มันก็จะนานไป กว่าจะได้ฟังกันก็คงปลายปี หรือไม่ก็ช่วงเนี้ย เพิ่งจะได้ฟัง ทีนี้พี่เลยคิดว่า เอามันออกมาทีละ 6 เพลงดีกว่า คนจะได้รู้สึกว่ามันไม่แรงไปนะ

แก้วว่ามันเป็นอัลบั้มที่ค่อนข้างเน้นไปในเรื่องของความรู้สึกมากๆ ?

ริค : พี่เองรู้สึกภูมิใจกับอัลบั้มนี้ไม่ต่างจากอัลบั้มแรกเลยค่ะ เพราะว่าพี่ได้อาจารย์ที่มีฝีมือและทักษะทางดนตรียอดเยี่ยม มาร่วมงานด้วย อัลบั้มนี้พี่จึงเน้น "ความมีชีวิตและความรู้สึก" เรื่องการพึ่งพาอิเล็คโทรนิค เป็นส่วนเสี้ยวที่น้อยมาก พี่เน้นเรื่องความสมจริง ทั้งในแง่ของการบันทึกเสียง และการแสดงสดด้วย

ส่วนตัว พี่ริคคิดว่าความพิเศษของอัลบั้มนี้อยู่ที่... ?

ริค : ส่วนตัว ดีใจที่ดนตรีของพี่ หมายถึงภาคของเมโลดี้ พยางค์เสียง กับวิธีการร้อง เป็นที่ยอมรับของนักดนตรีระดับนี้ ที่สำคัญ ในเรื่องของวัฒนธรรม ความเชื่อ หรือศาสนาที่แตกต่าง ก็ยังสามารถดำรงอยู่ อย่างสอดคล้อง และร่วมกันได้จริงๆ ในงานส่วนภาคของดนตรีทั้งหมดนี้ คือความพิเศษของงานอัลบั้ม ราสมาลัยค่ะ ที่พี่คิดนะ

พูดถึงภาพรวมใน Chapter 1 ?

ริค : ราสมาลัย ใน Chapter 1 ว่าด้วยเรื่องราวภาพมายา ที่สามารถสัมผัสได้ด้วยการฟัง ภาพมายาที่ปรากฏตรงหน้า เป็นจริงในโลกของความรัก ความใคร่ ความหลงลวง การดิ้นรนเพื่อให้ถึงซึ่งชัยชนะ ด้วยความฝัน ความกร้าวกร้านของหัวใจตนเอง แบ่งเนื้อหาการเขียนภายใต้ชื่อ "วชิรปิลันธิ์ และ จันกาลี"

ภาษาในการเขียนเพลงล่ะคะพี่ริค ?

ริค : ในส่วนของภาษา พี่ยังคงให้ค่าความสำคัญเป็นรอง ต่อสายเสียงดังเช่นที่ผ่านมา ดำรงซ้ำๆๆ ไปเพื่อเป็นวิถีทางเฉพาะของตน หากแต่มีส่วนภาคที่เปลี่ยนผันแปรจากเดิม คือ การเพาะพยางค์ การใช้เสียง ด้วยลมหายใจที่เปลี่ยนไป ในความเป็นมารดา ด้วยอายุขัยภายใน และความรู้สึกสัมผัสที่จงใจให้สามัญมากขึ้น ในความเป็นมนุษย์ สัตว์โลก คือ ห่วงกิเลส ความขัดแย้ง ที่สิ่งมีชีวิตพึงมี ส่วนหนึ่ง ด้วยสัญชาตญาณของพี่ ยังคงรักมั่นใน "พยางค์" หรือเมโลดี้ อย่างล้ำลึก เช่นนั้นแล้ว สายเสียงที่อิสระ จึงเป็นสิ่งที่พี่ให้ค่าสำคัญอย่างแท้จริง ยิ่งกว่าในส่วนภาคของดนตรีทั้งหมดของขนมหวานชิ้นนี้

อยากให้พี่พูดถึงแนวความคิดของแต่ละเพลงหน่อยค่ะ ว่าสื่อถึงอะไรบ้าง ?

ริค : "ติชิลา" ติชิลา เป็นเพลงแรกที่ปล่อยออกไป เพลงนี้มันก็เป็นการบอกถึงการลุ่มหลงในภาพมายา การดิ้นรน มันค่อนข้างทรมานนะ เป็นการต่อสู้กับสิ่งที่ได้พบเจอ หลายๆ คนบอกว่าเพลงนี้ฟังง่ายขึ้น เข้าใจง่ายขึ้น ต่อมา "คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์" เพลงนี้พี่เขียนให้คุณคำนวณค่ะ เพราะเขาดีกับพี่มากๆ เขาดูแลพี่ เหมือนกับที่พี่ได้เขียนขอบคุณเขาไว้ เขาชอบถามพี่ประจำว่าพี่รักเขาไหม แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย คือหลายๆ อย่างที่เขาทำให้พี่ มันเป็นความประทับใจนะ ไม่ใช่พี่ไม่รู้สึก ก็รู้สึกดี แต่ด้วยอะไรไม่รู้อ่ะ..

พรหมลิขิตค่ะพี่ มันเป็นเรื่องของพรหมลิขิต...

ริค : ใช่ๆ แบบทำไมต้องมาถามเรื่องความรักมากๆ ด้วย คุณไม่รู้หรอ ว่าฉันน่ะเกลียดเลข ฉันไม่มีเหตุผลนักหรอก (หัวเราะ) แค่อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว เขาเป็นเหมือนเพื่อน เหมือนญาติ ไม่ว่าพี่จะอ่อนไหว หรือเข้มแข็ง เขาก็อยู่กับพี่ได้ มันมีค่า สำคัญมากกว่าคู่รักอีกนะ

ต่อมาค่ะ "เหนือใจ" เพลงนี้แก้วชอบมากๆ ?

ริค : เพลงนี้มันแบบว่า บางทีเราให้ค่ากับสิ่งหนึ่งมากเกินไป มันก็เหมือนมงกุฎหนามนะ จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ ที่เราจะต้องอยู่เหนือจิตใจเราเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เพลงต่อมา "น้ำตาของไข่มุก" คือช่วงนั้น พี่หายไปพักนึง แล้วพี่กอล์ฟ ก็โทรตามว่ายังจะทำเพลงอยู่หรือเปล่า หายไปเลย พี่เลยรู้สึกว่าหายไปนาน ควรจะมีเพลงกลับมาด้วย ก็เลยกับมาพร้อมกับเพลงนี้ จริงๆ มันตลกมากเลยนะ มีเพื่อนพี่คนนึงเป็นลูกครึ่งอิตาเลียน เขาฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกว่ามันเป็นภาษาอิตาเลี่ยน แต่ละคนที่ฟังก็จะตีความหมายออกไปต่างๆ นานา คนแรกทีได้ฟังเพลงนี้คือ คุณคำนวณ คุณคำนวณนี่ช่วยอะไรพี่ได้เยอะมากๆ เขาฟังแล้วเขาร้องไห้ แล้วเขาก็บอกว่า เขาไม่รู้หรอกว่ามันหมายถึงอะไร แต่รู้ว่ามันเหงามาก... ไข่มุกไงแก้ว มันอยู่ที่ลึกมาก แล้วกว่าคนจะไปเจอ พอแกะออกมา ข้างในมันก็ดันมีแค่เม็ดเดียว แล้วน้ำตาของไข่มุกเนี่ย มันสื่ออารมณ์เหงามากๆ เหงาสุดๆ มันเจ็บปวดมาก

มาที่ "ไหมมายา"บ้าง

ริค : เพลงนี้พี่เขียนให้คนของพี่ เขียนเพื่อระลึกว่า "หนอนไหม" นี่คือลูกฉัน ดังนั้นสายเลือดที่สูงค่า คือการดึงลูกของฉันกลับมาสู่สายเลือดของฉัน ความรักมันเป็นสิ่งที่จากไปแล้ว มันไม่ใช่ความจริง.. แล้วมันเป็นความจริงของใครกันล่ะ มันก็คือภาพมายาที่ลวงตา เราต้องอยู่กับความจริง

"Automata" ล่ะคะพี่ริค ?

ริค : มันเป็นเพลงที่พี่เขียนไว้ให้กับคนที่อยู่ในปกที่ 2 มันเป็นภาพโมเดล คือพี่เขียนคาแร็กเตอร์นี้ขึ้นมา แล้วให้มันเป็นพี่ ชื่อ Automata โดยเจ้าตัวเนี่ย มันไม่เคยรู้เลยว่าครอบครัวเป็นยังไง ความรักเป็นยังไง ไม่เคยรู้ว่าน้ำตาเป็นยังไง ทำไมฉันต้องรักคนอื่น ทำไมฉันต้องเจ็บปวด คือมันโดดเดี่ยวมาก ไม่เคยรู้เลยว่าต้องรักใคร เหมือนหุ่นยนต์ที่มีชีวิต แต่ไม่มีวิญญาณ บางทีก็ทำร้ายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว

เท่ากับจริงๆ แล้วในตัวพี่ริคมีกี่ร่างทรงคะ (หัวเราะ) ?

ริค : อ๊า... ใช้คำนี้ เดี๋ยวคนเข้าใจผิดกันหมดหรอก (หัวเราะ) ก็แบบว่า มีกี่ร่างหรอ ก็...มี "Automata" กับ "จันกาลี" จันกาลีคือปกหน้าของ Chapter 1 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งหมดก็อยู่ภายใต้ของ ริค วชิรปิลันธิ์ นั่นล่ะค่ะ คือพี่เป็นคนที่ค่อนข้างสุดโต่งนะ แข็งก็แข็งมาก อ่อนก็อ่อนมากเหมือนกัน

งั้นต่อด้วยแนวความคิดใน Chapter 2 เลยละกันนะคะ ?

ริค : ได้ค่ะ Chapter 2 เปิดเพลงแรกเลยก็ "Russian Roulette" เพลงนี้ตอนนั้นยังไม่มีลูก พี่คิดว่า การที่เราจะรักใคร จะมีเพศสัมพันธ์กับใคร มันเป็นเรื่องของเรา เหมือนกับว่า ถ้าฉันจะรักเธอ วันนี้ฉันก็จะรักเธอเอง แล้วถ้าฉันจะไปจากเธอ ฉันก็จะไปเอง

คือเราเป็นคนเลือก ไม่ใช่ผู้ชายเป็นฝ่ายเลือก (หัวเราะ) ?

ริค : ใช่ค่ะ! เราต้องไม่ให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเลือก แล้วก็กลับมาที่คุณคำนวณอีกนั่นแหล่ะ แบบ... อย่ามายุ่งกับฉันมากนักเลยยย คือเขาอึดมากนะ ต้องเจอผู้หญิง 48 อารมณ์ใน 1 วัน (หัวเราะ) หนักหนาเหมือนกัน

ต่อไปเพลง "ราตรีมรกต"ค่ะ ?

ริค : เป็นเรื่องแบบ... ถ้าคุณเหงา แบบคุณเหงามากนัก คุณต้องหาจุดดี หาจุดเด่นของตัวเอง รักตัวเอง ดึงคุณค่าของตัวคุณเองออกมา แม้ว่าคุณจะเหงา จะรู้สึกด้อยค่ามากก็ตาม เหมือนมรกตที่อยู่ในค่ำคืนไง มันมีค่านะ ต่อมาเพลง "รัศมีเดียว" เพลงนี้พี่เขียนให้ฤามเม เหมือนกับบอกฤามเมว่า หนูเป็นเด็กที่สดใสเหมือนแสงของพระจันทร์ เหมือนแสงของสายฟ้า แสงของพระอาทิตย์ยามเช้า แต่สายฟ้ามันคือแม่นะลูก หนูว่าแสงของสายฟ้ามันบริสุทธิ์มากไหมล่ะ ถึงใครจะมองว่าแม่โหดร้าย เห็นแม่เป็นปิศาจ แต่ในความมืดมิด เมื่อหนูมองเห็นแสงนั้นออกมา หนูว่ามันวิเศษไหมล่ะ คือหนูเกิดมาจากส่วนนั้นเหมือนกับแม่ แต่หนูเกิดจากแสง 2 แสงรวมกัน เพราะฉะนั้น หนูสว่างกว่านั้น

แล้วเพลงไหนคะที่มีเสียงของน้องฤามเมอยู่ด้วย ?

ริค : อ๋อ... นั่นคือเพลง "ทางเฉพาะสีม่วง" ค่ะ นั่นมันไม่ใช่เสียงร้องไห้นะ คือเขาร้องเพราะได้ยินพี่ร้องเสียงสูง เขาเลยร้องด้วย พี่ก็บอกว่าฤามเมหนูอย่าซนนะ คือมันไม่มีใครดูลูก (หัวเราะ) พี่เลยเอาเขาเข้าห้องอัดด้วย ซึ่งทุกคนก็เข้าใจ เขาก็เลยร้องไปด้วยเลย พี่ๆ ที่ห้องอัดเขาก็ไม่ได้ซีเรียส เขาบอกว่าน่ารักดี มันก็เกิดมิติขึ้นนะ

ภาพรวมของเพลงนี้กล่าวถึงอะไรคะพี่ริค ?

ริค : เพลงนี้กล่าวถึงเสียงค่ะ ไม่ว่าวันข้างหน้าฉันจะเป็นยังไงก็ตาม สิ่งนี้มันอยู่ในตัวฉัน ดำรงอยู่ในตัวฉัน ไม่ว่าฉันจะไปทำเพลงอะไร ฉันจะไม่ทิ้งมันไว้หรอก คือฉันมีความเชื่อในเสียงของฉัน ถึงแม้ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม เสียงร้องของฉัน ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องเข้าใจ ทุกคนไม่จำเป็นต้องได้ยิน แค่ฉันรู้ว่านั่นคือฉัน พระองค์ได้ยินก็พอแล้ว

"ด้วยปีกแห่งฝัน" เพลงนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความฝันค่ะ ไม่ว่าเราจะรู้สึกรัก หลง มีความสุข ความรู้สึกนี้มันจะอยู่ชั่วนิรันดร์ ถึงแม้ว่าเราจะไปเกิดใหม่ตามความเชื่อของศาสนาต่างๆ แต่ความรักมันจะยังอยู่ มันก่อให้เกิดเป็นกลม ก็คือ อยากจะมีปีกเพื่อพาไปสู่สิ่งนี้ สู่ความเป็นเอกภาพ แล้วก็อยู่อย่างนี้ตลอดไป

มาที่เพลงสุดท้ายค่ะ ?

ริค : เพลงสุดท้ายชื่อ "คืนร้อยมาร" เป็นเพลงจบของ Automata มันเป็นเพลงคลาสสิกค่ะ พอฟังแรกๆ ไม่รู้เรื่องหรอก พอฟังหลายๆ ครั้ง มันจะทำให้รู้สึกว่า ลืมความเจ็บปวด คือมันเกินความเจ็บปวดไปแล้ว พี่ว่ามนุษย์ถ้าหลุดพ้นตรงนี้ไปได้ มันคือการหลุดพ้น และเมื่อเราพ้นการเป็นมนุษย์ไปแล้ว เราก็จะไม่ใช่มนุษย์


ความคิดของพี่แต่ละเรื่องนี่ น่าคิดตามจริงๆ ค่ะ แก้วชอบ ตอนนี้คุยกันมาก็นานละ รบกวนเวลาซ้อมของพี่มาเยอะเลย สุดท้าย อยากให้พี่ฝากไรถึงแฟนเพลงของพี่หน่อยค่ะ ?

ริค : (หัวเราะ) ค่ะ คือพี่อยากให้คนรู้จักพี่ในแบบที่พี่เป็น อย่าคาดหวังว่าพี่ต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ ต้องแต่งตัวอย่างนี้นะ ไม่ต้อง ไม่ต้องคาดหวัง เคยมีคนมาว่า.. ว่าพี่แต่งตัวเสี่ยว แล้วทำไมอ่ะ คือในเรื่องของการทำงานนะ อยากวิจารณ์อะไรก็เอาเลยเต็มที่ แต่นี่มันเรื่องส่วนตัว จะมาวิจารณ์ไรให้มากมาย ในโลกนี้เรามีเรื่องต้องคิดต้องทำให้มากมาย เอาเวลาไปหางานที่ทำแล้วมีความสุขทำ เอาเวลาไปหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัวจะดีกว่า มานั่งนินทาคนนั้นคนนี้

พี่ริคใจเย็นค่ะ พี่ใจเย็น (หัวเราะ) ?

ริค : (หัวเราะ) ค่ะคือมันจริงๆ นะพี่ว่า แล้วอีกอย่างที่อยากฝากก็คือ อยากให้ซื้อซีดีของแท้ อย่าไปโหลดจาก MP3 คืออยากให้เคารพกันบ้าง ให้เกียรติกันบ้าง คิดซะว่าเงินที่คุณมาซื้อซีดีฉันอ่ะ ลูกฉันได้นะ สงสารเด็กหน่อย ฉันตั้งใจทำงานมา ก็อยากให้ให้เกียรติกันหน่อย ซื้อของแท้นะคะ (หัวเราะ)

ค่ะโอกาสนี้ แก้วก็ขอบคุณพี่ริคมากๆ ด้วยนะคะที่สละเวลาซ้อมมาพูดคุยกัน ขอบคุณพี่มากค่ะ ?

ริค : ขอบคุณแก้ว ขอบคุณ cityblue ด้วยเช่นกัน ขอบคุณที่สนับสนุนกัน ขอบคุณแก้วมากจ้า

ข้อควรระวัง., คือ อย่าได้มีเงื่อนไขในการเสพฟัง อย่าได้คิดในสิ่งที่หาความหมายอันใดมิได้ เพราะด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง ห่างไกลจากอคติด้วยไม่คุ้นชิน
...คุณจะสัมผัสได้ถึงสุ้มเสียงของฉัน, ดนตรีของฉัน, ตัวตนของฉัน อย่างที่ฉันดำรงอยู่ "ในขณะที่ร้อง จงปล่อยให้หัวใจนำทางเสียง.. ยามได้รับฟัง โปรดปล่อยให้เสียงนำทางหัวใจ"

thx : rik / deejaypat
by : vj~kaew~

วันที่ : 2006-11-09
อ่านแล้ว : 1289 ครั้ง
//www.songburi.com/interview/rik.html


Create Date : 18 กันยายน 2551
Last Update : 18 กันยายน 2551 22:55:59 น. 3 comments
Counter : 1205 Pageviews.  
 
 
 
 
ยิ่งอ่าน ยิ่งอยากรู้จักผู้หญิงคนนี้
ขอบคุณที่เอามาให้อ่านค่ะ
 
 

โดย: gluhp วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:19:21:41 น.  

 
 
 
ขอบคุณที่เอาข่าวสารพี่ริคมาเผยแพร่นะคะ
ติดตามผลงานพี่ริคมาตลอด
คราวนี้ก็คงไม่พลาดค่ะ ^_^
 
 

โดย: nattabe วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:22:12:02 น.  

 
 
 
เพ่สาวริคสุดยอดที่สุด
 
 

โดย: สาวกเพ่สาว IP: 58.64.98.156 วันที่: 12 ตุลาคม 2551 เวลา:20:35:04 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

Cameron54
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add Cameron54's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com