หมา่ร่า..ผ่าคอ
เรื่องก็มีอยู่ว่า ประมาณสองอาทิตย์ก่อน ผมตัดสินใจไปพบหมอ เพื่อตรวจลำคอคือเดือนที่แล้วเนี่ยผมเป็นหวัดเจ็บคอมาทั้งเดือน ปัจจุบันก็เหมือนจะหายดีแล้วแต่ทำไมถึงรู้สึกตลอดเวลาว่า กลืนน้ำลายไม่สะดวก เหมือนมีอะไรติดอยู่ก็เลยมาหาหมอให้เขาดูซะหน่อย เผื่อเป็นอะไรรุนแรงเรื้อรังจะได้รีบรักษา ซะ...ไปถึงโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ แผนก หู คอ จมูกคุณหมอสอบถามอาการเสร็จก็จัดแจงส่องกล้องดูในปากผมแล้วร้อง โอ้ว.."ต่อมทอนซิลของคุณโตครับ บวมใหญ่มากเลย..""หา อะไรนะ ต่อมทักษิณโตเหรอครับ!" ผมถามด้วยความตกใจสุดขีด คุณหมอมองผมด้วยหน้าตาไม่รับมุก พร้อมอธิบายต่อ"ครับ ต่อมท่อนซิลโต แบบนี้ต้องผ่าตัดออกสถานเดียว เพราะไม่มีทางยุบแล้ว""แล้วจู่ๆต่อมมันโตได้ยังไงอ่าครับหมอจ๋าๆๆ" ผมอ้อนคุณหมอสุดริดคุณหมอหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผม สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของคนไข้อย่างแขยงๆ แล้วเริ่มอธิบายยืดยาว....คนเรามีต่อมทอนซิลเอาไว้สำหรับจับเชื้อโรค โดยทั่วไปมันก็เป็นต่อมที่ดี คอยช่วยร่างกายต่อสู้โรคภัยไข้เจ็บเช่น เป็นหวัด คออักเสบ แต่พออยู่ไปนานๆ เจอเชื้อโรคมากๆนิสัยมันก็เริ่มเปลี่ยนไป บวมโต ขยายขนาด วางอำนาจ ครอบงำองค์กรอิสระ กลายเป็นต่อมร้ายไม่ยอมจับเชื้อโรคซะงั้น ทำไงก็ไม่ยอมเว้นวรรคยุบขนาดลงเป็นอย่างเดิม...รูปปลากรอบ : ต่อมทอนซิล"แบบนี้มันต้องปฏิวัติ!!.." คุณหมอประกาศพร้อมทำท่าไฮ้ฮิตเล่อร์ "เอ้ย ไม่ใช่""แบบนี้มันต้องผ่าตัด..โปรดฟังอีกครั้ง..ต้องผ่าตัด..สถานเดียววว!" ผมกลืนน้ำลายเอื้อกด้วยความสยดสยอง"ค่าผ่าเท่าไรวะเนี่ย" นั่นเป็นคำถามแว่บแรกในสมอง เพราะอีโรงพยาบาลนี้ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องความแพง มีคำร่ำลือมากมายเกี่ยวกับคนไข้ที่มารักษาที่นี่แล้วหมดเนื้อหมดตัว รักษากันทีเป็นแสนเป็นล้าน บางคนต้องมาล้างชามใช้หนี้ บางคนกลายเป็นเด็กเสิร์ฟร้านโอบองแปง"ไม่แพงหรอกน่า" คุณหมอยิ้มกริ่มเหมือนอ่านความคิดผมออก "เดี๋ยวพยาบาลจะพาคุณไปตรวจเลือด, X-rayปอด แล้วประเมินราคาค่าใช้จ่ายครับ"ผมเริ่มแสดงภูมิปัญญาชาวบ้าน(อันน้อยนิด)"แล้วจู่ๆมาตัดต่อมเค้าไป แล้วทีนี้ป๋มจะใช้อารายหลั่งฮอร์โมนล่ะคร้าบ.." "แบบนี้เชื้อโรคมันก็จะเข้ามากล้ำกรายป๋มได้ง่ายซิก๊าบบ.." "แล้วสมรรถภาพทางเพศของป๋มจะเหมือนเดิมป่าวก๊าบ.." คุณหมอทำสีหน้าอิดหนาระอาใจ"ฮอร์มงฮอร์โมนอะไรไม่เกี่ยวเล้ย..เท่าที่ดูเบื้องต้นเนี่ย หมอว่าต่อมราคะของคุณทำงานปกตินะครับ ค่อนข้างไปทางหนักด้วยซ้ำ เรื่องสมรรถภาพทางเพศไม่ต้องห่วง แล้วต่อมทอนซิลไม่ได้มีแค่ตรงคอนี้เท่านั้นด้วย ในลำคอยังมีอีก 2 คู่ ตรงโคนลิ้นก็มีอีก ทำงานทดแทนกันได้เฟ้ย""แล้วผ่าไม่แพงจิงน้า..อย่าฟันเค้าน้า..เค้ายากจน" ผมรำพัน"เอาน่า มีประกันชีวิตไม่ใช่เหรอ ไม่เป็นไรหรอกเบิกได้ นี่ๆเดี๋ยวหมอจะแถมขลิบลิ้นไก่ให้ด้วยเลย จะได้ลดอาการกรนไปในตัว ไหนๆก็ผ่าแล้วทั้งที"เออ ก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย ผ่า 2in1 ไปเลย เรื่องกรนเนี่ยก็เป็นปัญหากวนใจผมมานานแล้วเหมือนกันกรน เครียด กินเหล้า..กรน เครียด กินเหล้า..มาหลายปีแระ คราวนี้จะได้หายซ้าที ผ่าก็ผ่าฟละ จากนั้นผมก็จัดแจงนัดแนะวันเวลาขึ้นเขียง ก็เป็นวันที่ 21 ต.ค. เสาร์ที่แล้วนี่เองสำหรับค่าใช้จ่ายก็ออกมาอยู่ที่ 65,000 บาท ครับผม รวมค่าผ่า ค่ายา ค่าหมอ ค่าพยาบาล ค่าห้อง เบ็ดเสร็จแล้วผมรู้สึกตื่นเต้นพอสมควร เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้รับการผ่าตัดแบบต้องวางยาสลบแบบนี้การเตรียมตัว : งดน้ำ งดอาหารทุกชนิด 6 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด สาเหตุเพราะเป็นการผ่าตรงคอ ถ้ามีอาหารในกระเพาะอาจมีขย้อนขึ้นมาระหว่างการผ่าได้ โดยเฉพาะน้ำต้องระวังเพราะถ้ามีค้างในกระเพาะอาหาร มันอาจไหลย้อนเข้าไปในปอดแล้วทำให้ปอดชื้น เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่ หมอเค้าว่างั้น ซึ่งผมก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยสวาปามทุกอย่างในตู้เย็นก่อนเที่ยงคืนวันศุกร์ เพราะจะผ่า 7 โมงเช้าวันเสาร์ (กลัวหิวระหว่างการผ่าง่ะ)วันขึ้นเขียง : มาถึงรพ.ตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง เก็บของในLocker เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคุณแม่บ้าน ใส่หมวกอาบน้ำ เจอหน้าคุณหมอดมยา เซ็นชื่อรับรองว่าจะไม่ติดใจเอาความถ้าผ่าแล้วไม่ฟื้น ฯลฯ เสร็จแล้วผมก็นอนบนเตียง ในห้อง Operation room อันเย็นยะเยือก จากนั้น...<<< หลับไม่รู้เรื่องเลยฮะ >>>ตื่นมาอีกทีประมาณเที่ยง สลืมสลือด้วยฤทธิ์ยาสลบ ตึงๆในคอนิดหน่อย อ่า...เรารอดตายแล้ว เราฟื้นแล้ว อิอิคุณหมอมาเยี่ยมดูอาการตอนบ่าย พร้อมเล่าเหตุการณ์ในห้องผ่าตัดว่า เคสของผมเนี่ย ใช้เวลาผ่าอยู่สองชั่วโมง ทำค่อนข้างยากไม่ยอมออกมาง่ายๆ เพราะทอนซิลโตกว่าที่เห็นตอนแรก ต้องคว้านลึก งี้แหละครับ อะไรซิลๆษิณๆเนี่ยมักจะออกยากออกเย็น ต้องให้ใช้กำลังบังคับ อิอิขั้นตอนตัดต่อมออกกินเวลาแค่สิบนาที แต่ใช้เวลาห้ามเลือดอยู่เกือบสองชั่วโมง เลือดออกประมาณ 800 cc. กริ๊ดดดดด! เกือบลิตรนะนั่น นังทอนซิลตัวแสบ คอชั้นต้องนองเลือดเพราะแก ฮือๆแต่หมอก็บอกว่า แผลเรียบร้อยดี หลังจากนี้ก็นอนให้น้ำเกลือไปซักสองถุง แล้วพรุ่งนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ ก็กลับบ้านได้จากนั้นคุณมามี๊ชิโร่ก็มาเฝ้าดูอาการ อาหารที่กินได้จากนี้ไปจนถึงอาทิตย์หน้าได้เฉพาะอาหารเหลวเท่านั้น ห้ามของแข็งเด็ดขาด เพราะจะกระทบแผลที่ผ่า ทำให้เลือดออกได้ ถ้าเลือดออกอีกทีก็จบเห่ ต้องเข้าห้องผ่าตัดใหม่อีกรอบ ดังนั้น คุณหมอจึงกำชับเรื่องนี้มาก วันสองวันแรก จะกินได้แค่ น้ำหวาน น้ำผลไม้ น้ำข้าว เท่านั้น กิ๊ดดดด หิวมากๆ แต่ก็ต้องทน นี่แหละที่โบราณเค้าเรียกว่า นอนหยอดน้ำข้าวต้ม มันเป็นอย่างนี้เอง T_T ป้าจีบันลงมาจากออฟฟิชข้างบนแวะมาเยี่ยม พาน้องตาลน้องฟ้าน้องมิกกี้มาเยี่ยมชมอาการอีกตะหาก ขอบคุณก๊าบ พี่ตุ๋ยกะพี่น้องส่งกระเช้ามาเยี่ยมด้วย ขอบคุณก๊าบ (ไวจิงๆ)ตอนค่ำๆพวกแก็งค์โตงเตงก็แห่ตามมา จีจี้ เอ้ ตอง ส่่วนใหญ่มานั่งเม้าท์กะพี่ต๋อมแล้วก็เม้าท์กันเองมากกว่า ไม่ได้สนใจคนป่วยหร๊อก เวงกำ แต่ก็ว่าไรเจ้าพวกนี้ไม่ได้เพราะคนป่วยดันพูดไม่ได้ ต้องใช้ภาษาใบ้ กะงืมงำในลำคอ ทำให้เม้าท์ด้วยลำบากอันนี้เข้าใจรูปปลากรอบ : เตียงที่นอนในรพ. ถ่ายไว้งั้น เป็นที่ระลึก อุอุวันรุ่งขึ้น ผมก็เช็คบิลออกจากโรงพยาบาล สรุปว่า ค่าใช้จ่าย 65,000 บาทนั้น ประกันจ่ายให้ 50,000 ที่เหลือออกเอง จากนั้นก็กลับมานอนพักฟื้นที่บ้าน ระหว่างนี้ต้องกินยาแก้อักเสบ Amoxilin กับยาแก้ปวด Paracetamol ทั้งสองแบบเป็นชนิดน้ำสำหรับอาหารคุณมามี้ชิโร่ทำให้กินทุกวัน ประกอบด้วย ซุปใสผัก ซุปใสเนื้อ โจ๊กปั่นทุกอย่างให้เละ น้ำผลไม้ต่างๆ นมถั่วเหลือง หลังจากวันที่3 เริ่มกินโจ๊กปลา โจ๊กไก่ โจ๊กหมู ได้บ้าง จนกระทั่งวันที่ 5 หลังการผ่าตัด ก็เริ่มกินข้าวต้มได้แล้ว แต่คุณหมอก็ยังไม่ยอมให้กินอาหารแข็งเด็ดขาด หมอบอกเคยมีคนไข้กินข้าวต้มกะปลาสลิดทอด ปรากฏเลือดออกในคอ แผลแตก เพราะปลาสลิดทิ่มทั้งหมดนั้นก็คือประสบการณ์การผ่าตัดของกระผม คร้าบ จนกระทั่งถึงวันนี้ รวม 7 วันพอดีณ ตอนนี้ก็อาการดีขึ้นมาก แผลก็จะหายแล้วแหละ แต่น้ำหนักลดไป 3 กิโลแล้ว เพราะกินไรไม่ค่อยได้ หิวมั่กๆ ใครสนใจ เลิกคออักเสบแบบถาวร แถมลดความอ้วน ลดกรน เชิญมาผ่าทอนซิลได้นะคร้าบ ^^' หมาร่าหมาหรอด29 ตุลาคม 2549
Your browser does not support iframes.