ดื่มทะเลสาบ อาบทะเลทราย : บินหลา สันกะลาคีรี
13.33 น. เวลานี้ยังไม่ได้นอน...และทำงานโต้รุ่ง เห็นเวลาแล้วแอบคิดว่าถ้ามีเวลานำหน้าด้วยเลขสามได้ก็คงดี ความคิดบ้า ๆ มักจะมาตอนที่อยู่คนเดียวเสมอ 13.10 น. เวลาโดยประมาณ ... ผละจากโต๊ะทำงาน โน้ตบุ๊ค และสมองอ่อนล้า ไปยืนอยู่หน้าตู้หนังสือ นับจำนวนหนังสือแล้วมีเพิ่มมากขึ้น แต่แล้วก็เกิดความตระหนก ที่จำนวนหนังสือซึ่งอ่านจบไปแล้วลดน้อยลง 13. 18 น. เวลาโดยประมาณ (เช่นกัน) หยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา แล้วในหัวมีคำว่า รีวิว ... นี่ไม่ใช่หนังสือเล่มสุดท้ายที่อ่านจบ แต่จำได้ว่าชอบมาก ยังไม่ได้รีวิว อ่านนานแล้ว และคิดว่าควรป่าวประกาศให้คนอื่นรู้บ้าง (แม้จะมีคนเคยประกาศไปแล้วก็ตาม) ซึ่งมันก็น่าจะควรทำ ถ้าการย้ำเตือนความคิดลูกค้า จะดีจริงตามที่คุณครู น. เคยสอนมา 13.41 น. นั่งมองหนังสือตั้งใหญ่ หน้าโน้ตบุ๊ค เห็นบล็อกหน้าตาเหมือนโทรโข่ง ...อืม คงเป็นโทรโข่งที่ดังมาก ต้นบล็อกเริ่มด้วยการบ่นบ้า ตอนกลางจะพูดถึงหนังสือเรื่อง ดื่มทะเลสาบ อาบทะเลทราย โดยสนพ.วงกลม พิมพ์ครั้งที่ 2 ตั้งแต่ปี 48 โน่นแน่ะ (ในหนังสือบอกไว้แค่นั้น ...ดังนั้นพิมพ์ครั้งแรกเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้แต่คำนำของคุณเก้ง จิระ บอกไว้ว่า อ่านเรื่องเมื่อห้าปีที่แล้ว ว่าแต่เขียนคำนำสนุกจัง) อ่านเล่มนี้แล้วจะบ้า มีตั้งแต่อมยิ้มเล็ก ๆ ยกมุมปากสองเซนต์ ยันไปถึงสองนิ้วครึ่ง (ถ้าทำได้จะให้มากกว่านั้น) เป็นเรื่องราวของอินเดีย ประเทศที่คนไทยทำหน้าเหม็น ๆ ใส่ แต่สวยอย่าบอกใคร อินเดียเป็นประเทศที่มหัศจรรย์มาก เป็นเจ้าของสถิติมากมาย ตั้งแต่เรื่องจำนวนประชากรในประเทศ ยันคนที่มีหนวดและเล็บยาวที่สุดในโลก เป็นประเทศที่มีภูมิประเทศหลากหลาย หิมะ ทะเลทราย ทะเลสาบ แม่น้ำ สารพัดอินเดียมีหมด แต่ชีวิตก็คือชีวิต จะสนุกอะไรถ้าได้อยู่คนเดียว เรื่องราวการเที่ยวอินเดียในตลอดระยะเวลา ร่วมเดือนของคุณคนเขียน แม้จะไปคนเดียว แต่คนอ่านคนนี้คิดว่าเขาไม่โดดเดี่ยวเลยสักนิด น่าจะมีเหงาบ้าง แต่เรื่องราวที่ผ่านมาคงพอแก้เหงาได้มั่งล่ะ อ่านเรื่องนี้แล้ว... ขำคนเขียนตอนก่อนเดินทางแล้วทดลองดูดวงกับอาบัง เห็นใจตอนโดนพังความหวังที่ตั้งใจไว้เสียสิ้น นับถือตอนที่โดนหลอกแล้วยังมองโลกด้วยรอยยิ้ม แถมยิ้มกว้างขึ้นไปอีกตอนเล่าถึงน้ำใจของคนอินเดียกับกระเป๋าสตางค์ใบนั้น อดทึ่งไม่ได้กับมิตรภาพที่พบเจอ ... แต่ว่านะ อับดุลก็ยังเป็นอับดุลวันยังค่ำ ให้ตายเถอะ เวลาอ่านนี่แสบทรวง แต่ก็รักเรื่องของอับดุลจนสุดหัวใจ เป็นเรื่องซาดิสของคนอ่านที่เห็นความทุกข์ของคนเขียนเป็นเรื่องขำ อดคิดเปรียบกับตัวเองสักนิดไม่ได้ว่า ประสบการณ์ร้าย ๆ ที่เคยคิดว่าเฮงซวย พอเอากลับมาเล่าแล้วก็ขำได้ขำดี เลยพลันนึกสงสัยต่อว่าเวลานั้นจริง ๆ คุณคนเขียนจะทำหน้าตายังไง .... 14.06 นั่งหน้าโน้ตบุ๊ค อ่านทวนทั้งหมดอีกครั้ง ... เช็กเสียงโทรโข่ง คิดว่าจะไม่สรุปดีกว่า ว่าแนะนำให้อ่านไหม ... ก็เพราะตอนกลางบล็อกที่เขียนไป ออกนอกหน้าเสียขนาดนั้น เป็นใครผ่านมาอ่านก็คงรู้แล้วล่ะ ว่าคนรีวิวทำหน้ายังไงเวลาพูดถึงหนังสือเล่มนี้ ....ลืมไปยังไม่ได้ปะรูป หน้าปกค่ะ... 14.09 ยังคงนั่งหน้าโน้ตบุ๊ค ไม่ได้นอน และคิดว่าจะทำงานต่อไปอีกสักหน่อย รวมทั้งตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือให้มากกว่าเดิม...
..... ว้าแย่จัง ไม่ได้จบตอน 14.44 น. แฮะ แต่ถ้าจบตอนนั้นคงอยากให้ เวลาขึ้นต้นด้วยเลขสี่ด้วยแน่ ... ว่าแล้วก็คิดถึงสิ่งที่ไม่สามารถได้มา ชีวิต...จบบล็อกด้วยการบ่นบ้าอีกเช่นเคย
Free TextEditor
Create Date : 04 มีนาคม 2552 |
Last Update : 4 มีนาคม 2552 14:40:03 น. |
|
12 comments
|
Counter : 970 Pageviews. |
|
|
คราวก่อนอ่านไปเรื่องนึงยังติดใจไม่หายเลย