มหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ได้ เพราะอยู่ต่ำกว่าแม่น้ำทั้งหลาย.....................
นานแค่ไหนแล้วที่ทิ้งให้แม่กินข้าวคนเดียว....








ฮาโหล....แม่เหรอ

วันนี้ผมจะไปกินข้าวที่บ้านน่ะครับ

นั่นเป็นเสียงที่ผมโทรไปหาแม่ตอนบ่ายสองของวันเสาร์ที่ผ่านมา

ตอนแรกผมกะว่าวันเสาร์นี้ จะเข้าไปทำธุระที่เชียงราย
(ผมจะหยุดวันเสาร์..แต่ความจริงหยุดตามอำเภอใจมากกว่า555)

แต่เสาร์นี้ ผมเปลี่ยนใจกระทันหันตอนขึ้นไปนั่งบนเบาะรถ
แล้วโทรบอกแม่ตอนที่กำลังขับรถออกจากที่ทำงาน

แม่ถามว่า "อยากกินอะไร เดี๋ยวจะไปตลาดหาซื้อของมาทำอาหารกินกัน"
น้ำเสียงแม่ดูราบเรียบธรรมดา แต่ผมสังเกตได้ถึงความดีใจในน้ำเสียงนั้น

ผมลิสต์รายการอาหารที่ผมอยากทาน
ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารเหนือขนานแท้ รสชาดอาจไม่ถูกปากคนอื่น
แต่ผมคิดว่าอาหารที่แม่ทำนี่แหละ อร่อยที่สุดในโลกแล้ว









แม่บอกว่าจะรออยู่ที่โรงเรียน
(แม่ผมเป็นคุณครูที่โรงเรียนประถมประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่ง)

พอผมขับรถไปถึง ก็เห็นแม่นั่งทำงานง่วนอยู่กับเอกสารเป็นตั้งๆ
วันเสาร์ยังทำงานอยู่เลย..น่าสงสาร

แต่แม่ก็เร่งมือทำงานให้เสร็จ
ผมก็ใช้เวลาช่วงที่รอแม่ทำงานเอกสารพวกนี้
ไปเดินตามทุ่งหญ้าในโรงเรียน เดินลัดเลาะไปตามอาคารเรียน

นานแล้วสิน่ะ ที่ผมเคยร่ำเรียนอยู่ที่นี่

โรงเรียนที่ผมเคยเรียน ห้องที่ผมเคยนั่ง สนามหญ้าที่ผมเคยวิ่งเล่น

ทุกอย่างดูแปลกตาไปบ้างตามกาลเวลา
แต่กลิ่นอายของความทรงจำในอดีตบางอย่างมันเข้ามาในความทรงจำผมทีละน้อย










ผมนั่งนิ่งๆริมลำธารที่ไหลเลาะผ่านโรงเรียน
ปล่อยให้ลมอ่อนๆพัดโชยเข้ามา
จับกล้องถ่ายรูป ถ่ายแมลง ต้นไม้ใบหญ้าไปอย่างลืมเวลาด้วยความเพลิดเพลิน

มารู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อมีเสียงแม่มาทักข้างหลังว่า

"แม่ทำงานเสร็จแล้วลูก...ถ่ายรูปเจ้าแมลงช้างอยู่เหรอ?"

ว่าแล้วแม่ก็มายืนดูไกล้ๆ
แล้วก็จูงมือผมไปถ่ายเจ้าตัวนั้นตัวนี้อีกหลายตัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
(ฮั่นแน่...ดีใจหละสิที่ลูกกลับมากินข้าวที่บ้าน)

แม่รู้ว่าผมรักการถ่ายภาพ ไม่เคยด่าเวลาผมเอาเงินไปซื้อกล้องและเลนส์แพงๆ
(อาจบ่นบ้างเป็นบางที แต่แป๊บเดียวก็ขอเข้ามาดูของที่ผมซื้อมาด้วยความสนใจ)

ผมจะทำอะไรแม่ไม่เคยขัดใจ แต่จะตักเตือนบ้างเวลาที่ผมทำอะไรเหลวแหลกไปหน่อย









ผมเดินตามหลังแม่

ผมยืนดูแม่เดินนำไปอย่างช้าๆ แม่ไม่คล่องแคล่วอย่างแต่ก่อน
ดูแม่แก่ตัวลงไปมาก.....

แป๊บเดียว วันและเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปสามสิบกว่าปี
ในขณะที่ผมเติบโตขึ้นมา แต่แม่กลับแก่ลง สุขภาพเริ่มไม่แข็งแรง
แม่มีโรคเบาหวาน ความดัน กระดูกเริ่มพรุน

บางทีพ่อไม่ค่อยได้อยู่บ้าน
แม่ก็ต้องทำกับข้าว และนั่งกินข้าวคนเดียว

มีแค่หมาและแมวที่อยู่ในบ้านเท่านั้นที่นั่งอยู่เป็นเพื่อน

คิดๆไปแล้ว นี่ผมทอดทิ้งแม่อยู่เหรอเนี่ย
ทั้งๆที่ ที่ผมทำงานอยู่ ห่างจากบ้านไปแค่สี่สิบกว่ากิโลเมตร
แต่ผมกลับมาบ้านแค่เดือนละ 1-2 ครั้งเอง.......เฮ้อ









แม่ดูผมถ่ายรูปไปเรื่อยๆโดยไม่เร่งรีบ

สักพักผมก็เก็บกล้อง และชวนแม่ไปซื้อของที่ตลาดสด
ผมไปที่ตลาด เจอเพื่อนเก่าๆสมัยประถม

เจอน้าคนนั้น ป้าคนนี้ ลุงคนโน้น

ทุกคนล้วนทักทายอย่างดีใจที่ได้เจอผมอีกครั้ง
(แสดงว่าผมหายไปนานจริงๆน่ะเนี่ย T__T )

ไปตลาดคราวนี้ มันดูอบอุ่นแปลกๆ

อาจเพราะทุกคนดูเป็นกันเอง
บางคนผมก็เห็นขายของในตลาดแห่งนี้ตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็กๆ
บางคนก็เป็นคนหน้าใหม่ ไม่คุ้นตา









เมื่อก่อนตอนเด็กๆ

แม่ผมจะสอนให้ทำการเกษตร
ให้ทำแปลงผัก ปลูกผักสารพัด
ถ้าผักโตแล้ว กินไม่ทัน ก็จะให้นำไปขายในตลาด

ผมจึงคุ้นเคยกับตลาดในหมู่บ้านเป็นอย่างดี

นอกจากปลูกผักแล้ว
ผมยังไปซื้อไก่พันธ์ไข่ มาเลี้ยงยี่สิบกว่าตัว
แล้วเก็บไข่ไปขายบ้าง กินเองบ้าง

ตอนนี้สภาพของโรงเลี้ยงไก่ของผมสมัยเด็กๆก็เป็นอย่างที่เห็น
มีหญ้าขึ้นรกครึ้ม มีข้าวของเก่าๆวางอยู่เต็มไปหมด

ผมมองดูภาพเหล่านี้อย่างช้าๆ

มองไปก็ยิ้มไป











ผมกลับเข้ามาในครัว

แม่ทำอาหารอย่างตั้งใจ
เหงื่อไหลซึมออกมาตามไรผมของแม่

กลิ่นอาหารมันหอมหวลมากๆ
ผมมองดูแม่ทำอาหารแล้วยืนยิ้ม ภูมิใจที่ได้เป็นลูกแม่จัง

ผมถ่ายรูปแม่ แชะๆๆ
แม่ยิ้มเขินๆ

แม่ค่อนข้างขี้อาย เวลาผมถ่ายรูป

นี่แหละความน่ารักของแม่ผมหล่ะ












ข้างๆแม่นั้น มีสุนัขพันธ์พุดเดิ้ลนอนราบอยู่ใกล้ๆ

เจ้าตัวนี้ชื่อ "น้องเนย" เป็นสุนัขที่อาจารย์วิสัญญีแพทย์ยกให้ผม

มันติดแม่ผมมาก ไม่ยอมห่างแม่เลย
และแม่ก็รักมันมากเช่นกัน ไม่แน่น่ะ บางทีอาจรักเท่ากับลูกๆของแม่เลยก็ได้

ทุกทีเวลาแม่นั่งกินข้าวคนเดียว
ก็จะมีเจ้านี่แหละที่นั่งกินเป็นเพื่อน

ขอบใจน่ะเจ้าเนย....










ที่บ้านมีหมาแปดตัว
แต่ละตัวแม่รักมันมาก

บางทีถ้าเป็นวันหยุด แม่ก็จะอาบน้ำ ตัดขนให้พวกมัน
ล้างที่นอนให้มัน

หมาพวกนี้ก็รักแม่เช่นกัน
มันจะนั่งรอหน้าบ้านอย่างใจจดใจจ่อเวลาตอนเย็นๆซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของแม่
เมื่อได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์มันจะดีใจแบบสุดๆ
ทั้งเห่าทั้งหอนเลยหล่ะ













แม่ทำอาหารเสร็จแล้ว

ผมรีบตักข้าวให้แม่ แล้วนั่งประจำที่

เรามักใช้ห้องครัวเป็นที่นั่งกินข้าวเสมอ
เว้นซะแต่ว่าเรามีแขกมา ก็จะยกไปกินที่อื่น

แต่ผมชอบนั่งกินที่ห้องครัวมากกว่า
มันได้บรรยากาศเก่าๆดี เจริญอาหารกว่ากันเยอะเลย

มื้อนั้น ผมกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย
แม่ก็หน้าตาสดชื่นแจ่มใส ทั้งๆที่เหงื่อเม็ดโป้งๆผุดออกมาจากผิวของแม่

รสชาดอาหาร และความสุขในบรรยากาศแห่งความอบอุ่นแบบนี้
ผมคงไปหาซื้อไม่ได้ตามภัตตาคารแพงๆแน่ๆ










อดีตไม่ได้มีเพื่อให้มันผ่านแล้วผ่านไป

แต่อดีตเป็นอะไรที่เราต้องระลึกถึงมันอยู่ตลอดเวลา

ไม่ว่าอดีตนั้น จะเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดี

ถ้าอดีตที่ผ่านมามันเป็นเรื่องดี เราก็ต้องทำปัจจุบันและอนาคตให้ได้ดีเช่นที่ผ่านมา

แต่หากว่าอดีตนั้นเป็นอะไรที่เลวร้าย
เราก็ไม่จำเป็นต้องไปลบรอยแห่งอดีตนั้นๆออกไปจากความทรงจำ

เพราะเราคงลบอดีตนั้นไม่ได้หรอกไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตาม

หากแต่เราควรจะใช้ความทรงจำในอดีตที่เลวร้ายนั้นต่างหาก
นำมาเป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันในอนาคต










เราทุกคนย่อมมีอดีต...

อดีตแต่ละคนก็ย่อมไม่เหมือนกัน

บางคนเกิดมาก็รวยล้นฟ้าตั้งแต่เกิด
ทุกสิ่งทุกอย่างได้มาแค่กระดิกปลายนิ้ว

แต่บางคนเกิดมาแทบจะหาเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มไม่ได้
ต้องไปขอเค้ากินไปเป็นวันๆ

แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรจะลืมว่าเรามีพื้นเพมาจากไหน

ผมไม่เคยลืมว่าผมเป็นคนบ้านนอก
ผมไม่อายเวลาที่ผมไปนั่งขายของที่ตลาดแล้วถูกเพื่อนๆแซวหรือหัวเราะเยาะ

ผมกลับมีความภาคภูมิใจในพื้นเพของผมซะอีก











ผมไม่เคยลืมที่จะหยุดยืนอยู่กับที่เป็นพักๆ
และหันมองย้อนกลับไปดูทางที่ผ่านมา

มองกลับไปเพื่อทบทวนทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

ทบทวนว่าต่อไปชีวิตของเราจะดำเนินไปในทางไหน โดยมีอดีตนั้นเป็นตัวชี้นำแนวทาง

และชีวิตของเรานั้น ไม่ได้มีแต่เราเพียงคนเดียว
เรายังมีครอบครัว มีคนที่ห่วงใยเรา
คนที่ซึ่งฟูมฟักทะนุถนอมเรามาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย
จนตอนนี้เราสูงเลยหัวเค้าไปหลายนิ้ว












เราจะมีวันนี้ที่สดใสไม่ได้หากเราไม่มีพ่อแม่ที่คอยเลี้ยงดูเรามา

วันนี้คุณได้เหลียวแลคนที่เค้ารักและเป็นห่วงคุณบ้างหรือยัง?

คุณได้กลับไปเยี่ยมบ้าน กลับไปนั่งกินข้าวกับท่านครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?

และคุณรู้ไหมว่าท่านจะมีความสุขมากแค่ไหนที่คุณกลับมากอดเค้า กลับมากินข้าวกับเค้า

บางคนอาจจะตอบว่า "พอจะรู้" หรือ "รู้สิ...ท่านก็ดีใจหน่ะสิ"

แต่คุณจะไม่รู้หรอกว่าความหมายของคำว่า "ดีใจ" ของเค้านั้น
มันมีค่ามากมายกว่าที่คุณคิด

คุณจะได้รู้ถึงความหมายของคำๆนี้ต่อเมื่อคุณมีลูก
และลูกของคุณกลับมาบ้านพร้อมหน้าพร้อมตา

คุณจะยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อลูกของคุณกอดคุณ

คุณจะกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยเคล้ารอยยิ้มเมื่อได้นั่งกินข้าวด้วยกันพร้อมหน้า...












จงอย่าลืม ไม่ว่าคุณจะอายุมากขนาดไหน

จะอยู่ห่างพ่อและแม่ขนาดไหน


จะมีหน้าที่การงานที่ใหญ่โตกว่าเค้าหลายเท่าอย่างไรก็ตาม

เราก็ยังกลับมาเป็นเด็กแบเบาะของพ่อและแม่ได้ทุกเวลาครับ
.
.
.
.
คุณกลับไปกินข้าวที่บ้านเกิดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?

















เอาเพลง Saturday ของ Chris Ganeau มาฝากครับ

เพราะได้อารมณ์วันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดที่มีความสุขของผมมากๆครับ






Create Date : 22 มิถุนายน 2551
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 20:44:12 น. 48 comments
Counter : 990 Pageviews.

 
หวัดดีครับคุณแม่.... อาหารอร่อยโคตร


โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:22:51:35 น.  

 
หน้าเหมือนแม่มิผิดเพี้ยนจริงๆ อาหารฝีมือคุณแม่น่ากินมากๆ คราวน่าต้องไปลองชิมบ้างแล้น


โดย: ผีคิว IP: 125.24.138.151 วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:23:02:16 น.  

 

ซึ้งมากๆ เลยจ๊าพี่หมอกับบล็อควันนี้..
ก่อนอื่นนะ ขอบอกว่ากับข้าวคุณแม่อร่อยมากๆ ค่ะ

บางครั้งเราทำงานมากๆ
มีเพื่อนเยอะแยะจนทำให้ลืมท่านที่สำคัญ
ที่ให้กำเนิดเรา 2 ท่านนี้
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านเป็นวันคล้ายวันเกิดอีกปี
ได้ให้ของขวัญตัวเอง
คือกลับไปนั่งกินข้าวเย็นกับแม่และพ่อ
...รอยยิ้ม...ของทั้งคู่ในเย็นวันนั้น
เกินกว่าของขวัญชิ้นใดเลยหละ


โดย: สะพานไม้ วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:23:11:36 น.  

 
หน้าเหมือนกันจริงๆ อิอิ

อาหารก็น่ากิน...


คืนนี้ก็ราตรีสวัสดิ์นะคร้าบ


โดย: iPONDG IP: 125.24.130.135 วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:23:25:13 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ
คุณหมอเขียนดีจัง...


โดย: เอื้องสามปอย วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:23:44:05 น.  

 
ภาพยังคมเหมือนเดิม แหล่มมากๆค่ะ
แต่เนื้อเรื่องวันนี้ คมยิ่งกว่า
คุณแม่ยิ้มเก่งจังค่ะ
เห็นแล้วคิดถึงพ่อตัวเอง
เพราะมังคุด กลับกรุงเทพแค่เดือนละครั้ง
บางเดือนเหนื่อยมากๆก็ไม่ได้กลับซะด้วยซ้ำ

อยู่ห่างแค่กรุงเทพ-พัทยาเอง เฮ้อ

อ่านเรื่องนี้แล้วซึ้ง

อีกไม่กี่อาิทิตย์ ก็จะกลับไปกินข้าวกับพ่อแล้วเหมือนกันค่ะ


โดย: mungkood วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:23:50:53 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล
คุณโชคดีนะที่ได้อยู่ไกล้แม่


ขอให้มีความสุขนะคะ


โดย: เมย์ (mayistheone ) วันที่: 22 มิถุนายน 2551 เวลา:23:52:40 น.  

 
หมอใจร้าย ทำเราร้องไห้



คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่



คิดถึงบ้าน...


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:0:09:26 น.  

 

เขียนได้กระทบใจอย่างมาก...
โดยตัวเองแล้ว เป็นทั้งแม่ และทั้งลูก
ในฐานะแม่ ก็นั่งกินข้าวคนเดียวมานานหลายปีแล้ว เพราะลูกๆอยู่ไกล....
ในฐานะลูก ไปหาพ่อกับแม่ที่เชียงราย ครั้งล่าสุดก็ก่อนไปเมืองจีน ตอนพ่อไม่สบาย ....
*
*
เพลงเพราะมากค่ะ......


โดย: Micha 5up วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:0:40:20 น.  

 
นี่แหละครับชีวิต
ผมทะเลาะกับพ่อแม่บ่อยไป
จนคิดว่า ถ้าไม่ได้ทำ มันเหมือนกับว่า
เราไม่รักกัน


โดย: นายวุ้นกะทิ วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:1:27:36 น.  

 
ผมกลับไปปีละครั้งเองครับ
แถมกลับไปก็ต้องแบ่งเวลาให้ทุกคนอีก ทั้งแฟนทั้งเพื่อน ทั้งสิ่งที่ตนเองต้องทำ
ก็เลยมีเวลาให้ที่บ้านไม่มาก แต่ก็พยายามแหกขี้ตาตื่นมาเช้าๆจะได้มีเวลาเพิ่ม

อยากมีเวลามากๆจัง

ปล คุณแม่ดูอารมณ์ดีจริงๆ


โดย: แป๊กก วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:4:24:23 น.  

 
ฝนไม่ได้ทานข้าวกับแม่มาเกือบสองปีแล้ว คิดถึงอาหารที่แม่ทำจังค่ะ แต่ไม่นานก็ได้กลับบ้านไปกินข้าวกับแม่
อ่านบล็อกนี้แล้วน้ำตาลแทบไหลคิดถึงแม่จังค่ะ


โดย: namfonJC วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:5:15:17 น.  

 
อ่านแล้วอยากจา ง่ะ


โดย: butbbj วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:7:41:39 น.  

 
ผมไม่ได้กินข้าวกะแม่มานานแล้ว..


แต่เวลาไปเยี่ยมแม่...แม่มักจะทำกับข้าวให้ผมกลับไปกินที่บ้าน...
เราไดุ้ยกันทุกวัน...แต่ว่าเราคุยเรื่องงานกันตลอดเลย..

มีวันนึงผมกะแม่โกรธกัน...ผมเสียใจมากที่ทำให้แม่ร้องไห้
แต่ว่าพอผมโทรไปคุย..แม่ก็จะคุยเฉพาะเรื่องงาน..มืออาชีพจริงๆ
เราใจจะสลายอยากจะอธิบายแต่ว่า..คงไม่ดีกว่า

เห็นหมอได้ไปทานข้าวกับแม่..แล้วอิจฉาจริงๆ
เป็นคู่แม่ลูกที่น่ารักจริงๆครับ...ผมได้มีโอกาสคุยกับคุณแม่ของหมอบ้าง

แม่เป็นคนที่น่ารักคุยด้วยแล้วสนุก ส่วนพ่อของหมอก็ฮาสนุกเช่นกัน
ขอให้ครอบครัวนี้อบอุ่นเช่นนี้ตลอดไปครับผม


โดย: Little Knight วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:8:34:30 น.  

 
สำเนาถูกต้อง...

คุณหมอหน้าตาเหมือนคุณแม่มากๆครับ





อ่านเรื่องราวที่คุณหมอเขียนแล้วอบอุ่นดีจังครับ
ผมโชคดีที่ทำงานที่บ้าน
กินข้าวทุกเย็นที่บ้าน
อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง
แต่เป็นกฏที่ทุกเย็นจะต้องกินข้าวกับที่บ้านครับ


บล็อกวันนี้นอกจากอบอุ่นแล้ว
ยังซาบซึ้งมากๆด้วยครับ




โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:8:59:47 น.  

 


โดย: I_sabai วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:9:10:40 น.  

 
คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่เหมือนกันค่ะ ไม่รู้ทำไม...วันนี้หมอเขียนบล็อคได้ใจแบบนี้ เลยเศร้าแต่เช้าเลย แง....คิดถึงแม่แล้ว


โดย: นักเดินทางพเนจร (นักเดินทางพเนจร ) วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:9:35:13 น.  

 
นั่นสิครับ

ยังไงก็ขอให้เรียนจบแล้วค่อยปั้นหลานก็แล้วกัน 55555




โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:10:40:00 น.  

 
อ่านบล็อกวันนี้ทำให้ยิ้มได้และน้ำตาคลอค่ะพี่หมอ

ตอนที่ไปเรียนกทม กลับมาบ้านทีไรก็อยากอยู่ใกล้พ่อแม่

แต่หลังจากเรียนจบกลับมาทำงานที่บ้าน
ได้ทำงานเลี้ยงท่านทั้งสอง
กินข้าวพร้อมกันเกือบทุกมื้อ
ก็เลยเริ่มเฉยๆต่อกันอีกแล้วล่ะ

แต่ยังไงก็รู้ว่าท่านรักและห่วงเรา เหมือนที่เราก็ห่วงท่านค่ะ

ข้าวมื้อสุดท้ายที่กินด้วยกันก็มื้อค่ำวานนี่เอง
นาห์ชอบฝีมือแกงส้มของแม่ที่สุดเลยค่ะ
ทานที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าที่แม่ทำให้ทาน


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:11:23:10 น.  

 
สวัสดีตอนเกือบเที่ยงค่ะ

บล็อกนี้ดูอบอุ่นดีจัง


โดย: Honeybee042 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:11:53:41 น.  

 
ซาบซึ้งใจ จนน้ำตาซึมเลยครับ ถูกต้องทุกประการจากที่คุณหมอได้กล่าวไว้ ชีวิตที่ผ่านมาเป็นเวลายาวนานขึ้น ชีวิตที่เหลืออยู่ค้างหน้าสั้นลง ดังนั้นพวกเราในฐานะลูก จึงได้ปฏิบัติตอบแทนดูแลท่านทั้งใจและกายให้ดีที่สุด พวกเราก็ทราบดีว่าเราคงทดแทนท่านไม่หมด ไม่เพียงพอกับที่ท่านให้ชีวิตเรามา แต่ก็เชื่อว่าสิ่งที่เราได้ปฏิบัติต่อท่านเต็มกำลังความสามารถแล้วนั้น จะเป็นบุญกุศลที่โอบอุ้มให้ท่านและเรามีความสุขเบิกบานใจในสิ่งที่ได้กระทำนั้นครับ


โดย: กิตติ IP: 202.90.6.36 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:12:25:36 น.  

 
ดูบล้อควันนี้แล้วยิ้มไม่รู้ตัวเลย แก้ว ชอบมากเลยเวลาเห็นหมออยู่กับแม่ เวลาแนะนำแม่กับเพื่อน ทำน่ารักกับแม่ เอาใจใส่แม่ ทำให้เห็นเลยว่าคนงามที่จิตใจนะเป็นยังงัย ภูมิใจแทนแม่หมอนะ ที่มีลูกที่รักท่านขนาดนี้


โดย: แก้วจ้า IP: 203.113.17.157 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:13:52:22 น.  

 
แวะตามมาอีกแล้ว

อ่านแล้วรู้สึกรักแม่จังเลยค่ะ


โดย: i am matoy IP: 203.146.186.2 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:16:31:43 น.  

 
ดีจังเลย ^^




โดย: กำปงพิราเทวี วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:17:46:53 น.  

 
พี่เบส..เล่นเอาผมคิดถึงแม่ตะหงิดๆเลย

เมื่อวันอาทิตย์ก็วันเกิดแม่ผมครับ...คิดถึงบ้านมากๆ...

เห็นในรูปอบอุ่นดีจัง..อ่านชื่อบล๊อกแล้วก็โดนใจตัวเอง ว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้กินข้าวกับแม่...ล่าสุดก็เดือน พ.ย. ปีที่แล้ว...นี่ก็ใกล้ๆจะครบอีกปีแล้วนะเนี่ย...เศร้า


โดย: สิงห์นครพิงค์ วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:18:20:16 น.  

 
รูปตรึงตรา บทความตรึงใจ เยี่ยมมากค่ะ


โดย: ดา ดา วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:19:56:41 น.  

 
ลืมตอบคำถาม ย่ายังไม่ได้ทำบทความเลย ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรดี


โดย: ดา ดา วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:19:58:02 น.  

 
+ ถึงแม้ว่าผมจะกลับบ้านที่ลำปาง ปีละ 3 ครั้ง (ปีใหม่, สงกรานต์, วันแม่/เข้าพรรษา) แต่แทบทุกมื้อที่กลับบ้าน ก็จะต้องนั่งล้อมวงหรรษากินพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวเช่นกันครับ
+ คุณแม่ผมไม่ได้แสดงฝีมือทำกับข้าวมานานแล้ว เพราะบ้านที่อยู่ในปัจจุบัน (บ้านคุณป้า) สถานที่ไม่เอื้อ ... แต่ผมก็ยังจำรสมือแม่ผมได้นะครับ

+ ตอนเด็กๆ ผมก็เป็นเด็กตลาด แม่ขายของอยู่ในตลาดกลางใจเมืองเลยอ่ะครับ และนั่นก็น่าจะเป็นข้อดีข้อนึงที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเอง 'ติดดิน' และเข้าใจความรู้สึกของชาวบ้านร้านตลาดมากกว่าถ้าผมจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยสูงศักดิ์ มีฐานะมากกว่านี้อ่ะครับ
+ คุณแม่หมอ ดูท่านอารมณ์ดีจังเลยเนาะครับ ... และ แหะๆ ถอดพิมพ์เดียวกันมาเลยจริงๆ ล่วย

+ น้องเนย ท่าทางจะบ้ากล้องนะเนี่ย จ้องตาแป๋วแหววเยย อุๆ

+ เร็วๆ นี้ ครอบครัวผมจะได้ย้ายลงมาอยู่บ้านใหม่ที่เมืองนนท์ กันพร้อมหน้าพร้อมตา ถึงตอนนั้นผมก็คงต้องกลับไปทานข้าวที่บ้านจากรสมือคุณแม่และคุณพ่ออีกครั้ง สุขมใจจังอ่ะครับผม


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:20:24:11 น.  

 
ตะก่อนเห็นบล็อกนี้แว๊บๆ ก็ไม่ค่อยได้สนใจไร แต่ตอนนี้ไม่ได้แหละ ขอมาเป็นแฟนคลับด้วยนะฮับ คนไรเนี่ย หน้าเด็กค่อดๆ


โดย: sasil IP: 69.88.32.9 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:21:27:16 น.  

 
น่ารักมักมักค่า เขียนได้ลึกซึ้งกินใจหลายค่ ะยังไม่เคยได้บอกรักแม่แล้วตอนนี้แม่ก็จากไป11ปีแล้วคิดถึงแม่มักมัก ท่านใดที่ยังมีแม่อยู่จงแสดงความรักต่อท่านให้มากนะคะขอบคุณนะคะที่เขียนบทความดีดีให้ได้อ่านขอบคุณจิงจิงค่ะ^^


โดย: WoOMaMi IP: 124.157.217.149 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:22:21:12 น.  

 
ซึ้งมากมากเลยครับ บรรยายจนเห็นบรรยากาศ อมยิ้มในตอนที่คุณแม่ชี้เจ้าตัวแมลงช้าง แต่ลูกลับถ่ายรูปแม่แทน

แถมเพลงประกอบก็เข้ากันซ้าา ไม่ได้แล้ว ไปกอดคุณแม่ดีกว่า



โดย: fzero วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:23:30:19 น.  

 
อ่านคำบรรยายใต้รูปที่ 3 น้ำตาก็ปริ่มแล้ว...

นี่เราทอดทิ้งแม่อยู่เหรอเนี่ย????


ว่าแต่ว่า ยังรอโอกาสไปชิมน้ำพริกสดจากฝีมือคุณแม่พี่หมออยู่นะครับ...


โดย: namit วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:23:48:30 น.  

 
หวัดดีครับ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมนะครับ ภาพคมชัดและสวยงามมีสไตล์เป็นของตัวเองครับ


โดย: artist2 วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:23:50:02 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หมอเบส
คุณแม่พี่หมอน่ารักจังเลยนะคะ รอยยิ้มอบอุ่นและสดใส
ชอบภาพที่แม่พี่ชี้แมลงช้างให้ถ่ายรูปจังเลย
ถึงแม่จะแอบบ่นเล็กน้อยว่าซื้อของมาแพงก็ตาม
แต่เมื่อเป็นของที่ลูกรักและทำให้ลูกมีความสุขแล้วละก็
ในที่สุดก็อดจะมาสนใจและขอดูบ้างไม่ได้หรอกเนอะ
ชอบประโยคเนี้ยะที่สุดเลยค่ะ เพราะว่าทำให้คิดถึงแม่จับใจ

เห็นบนโต๊ะเหมือนน้ำพริกหนุ่ม อยากกินจังเลยค่ะ
ท่าทางจะต้องอร่อยเด็ดขาดและอบอุ่นใจที่ได้กินที่บ้าน
พูดแล้วคิดถึงแม่และอาหารฝีมือแม่ยิ่งขึ้นกว่าเก่า
เฮ้อออออ....

พี่หมอถ่ายรูปสวยมากมายเหมือนเคย
ชอบรูปแปรงสีฟันกับแก้วหลากสี
แล้วก็รูปแม่กำลังหั่นอะไรบนเขียง สวยมากค่ะ


โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:5:59:26 น.  

 

มาตอบเรื่องหัว blog ที่ถามอ่ะ
เราตั้งโจทย์ให้น้องฝ่ายกราฟฟิคที่ทำงานเราวาดให้อ่ะจ้า
แล้วเรามาเลือกสีพื้น กับทำรัศมีแฉกๆ ลงมาเอาเองอ่า




โดย: กำปงพิราเทวี วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:6:18:22 น.  

 
อยากกอดแม่..บอกว่า" รักแม่..ที่สุด"
แต่ไม่กล้าอ่ะ...บางครั้งทำอะไรที่ถูกต้อง กลับไม่กล้าทำเนอะ


สลดใจทุกครั้งที่มีโฆษณา..แบบว่า..พ่อแม่เสียชีวิต
แต่เราไม่เคยได้แสดงให้ท่านเห็นว่าเรารักท่านแค่ไหน
หมอทำ Blog นี้ได้ดีจริงๆ ถึงแม้ว่าจะโดนแม่บังคับ

เอาน่าบอกแม่ในวันที่ยังไม่สายดีกว่าไม่ได้มีโอกาศที่จะได้บอกเลย...

ปล.เช้านี้กินเอเจลยัง...คริคริ...


โดย: Little Knight วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:9:03:32 น.  

 
เดี๋ยวว่างๆจะเอาเพลงหมิงหมิง
ไปอัดเสียงด้วยครับ
ผมแต่งไว้ตอนเค้าอยู่ในท้องแม่

เนื้อเพลงมีว่าอย่างนี้ครับ


"แสงแรกอ่อนละมุนตา
แสงแรกอ่อนละมุนใจ
เจ้าคือความสดใส
ของพ่อและแม่"


สั้นๆแบบนี้แหละครับ 55555
ร้องไปร้องมาสัก 10 รอบ 55555




โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:9:33:12 น.  

 
อืมม..กินข้าวครั้งสุดท้ายกับแม่เมื่อ...8 มี.ค.51

จำได้เสมอทุกครั้งที่กลับบ้าน พอรู้ว่านุชจะกลับบ้าน ส่วนมากจะบอกแม่ก่อนประมาณ 1 อาทิตย์เป็นอย่างน้อย และด้วยความที่เราคุยกันทุกวัน วันละครั้งสองสามครั้ง แม่ก็จะคอยถามทุกวันว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ว่าแม่ทำอะไร ลูกก็กินหมดไปซะทุกที อิอิ

- 7.00 Good morning จ้าแม่ วันนี้ แม่ทำอะไรกินเอ่ย,
- 13.00 หนูกิน... ไม่เห็นอร่อยเหมือนของแม่เลย แล้วแม่ล่ะกินอะไร กินได้เยอะมั้ย(เพราะแม่มักบ่นว่ากินข้าวคนเดียวมันไม่สนุก เลยกินได้น้อย) แม่กินข้าวเยอะ ๆ นะ จะได้แข็งแรง อยู่กันไปนาน ๆ ,
- 20.00 กลับถึงบ้านรึยัง? กินข้าวรึยัง? อย่านอนดึกล่ะ เดี๋ยวไม่มีแรงไปทำงานพรุ่งนี้ แม่ก็จะนอนแล้ว.... นี่เป็นบทสนทนาที่พูดคุยซ้ำไปซ้ำมาทุกวันไม่เคยเบื่อ ระหว่างแม่ที่จ.นครศรีฯ กับลูกสาวที่กทม.

ถึงแม้ไม่ได้กินข้าวกับแม่ทุกวัน แต่อย่างน้อยความทันสมัยของเทคโนโลยี ก็ทำให้ได้รับรู้ความเป็นไปของชีวิตผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่ง คนที่นุชเรียกว่า "แม่"

ว่าแล้วก็โทร.หาแม่ดีกว่า


โดย: น้องนุชสุดท้อง IP: 58.137.129.220 วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:12:21:07 น.  

 
โอ๊ย วันนึง กิจกรรมเดียวยังน้อยไปค่ะ คุณพี่ขา 2 ครั้งหลังมาเนี่ย เล่น วันนึง 2 กิจกรรม แทบแบ่งร่างได้อยู่แล้นนนน เค้าเรียกว่า ทำอะไรไม่ดูกำลังตัวเอง 55


โดย: butbbj วันที่: 24 มิถุนายน 2551 เวลา:12:37:39 น.  

 
อยากเป็นลูกสะใภ้แม่พี่จัง คิ ๆ ๆ


โดย: จ๊ะเอ๋ IP: 222.123.23.222 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:9:48:23 น.  

 
โทร.หาแม่เมื่อวาน แม่ฝากถามว่าเมื่อไหร่จะแวะไปกินข้าวอีก เดี๋ยวแม่จะทำให้กินให้หนำใจไปเลย แถมตอนนี้ผลไม้เต็มบ้าน (กล้วยหอมกะทุเรียน) ต้องตระเวนขับรถแขวนไว้ตามบ้านญาติสนิทมิตรสหาย ไม่งั้นเน่าคาบ้านแน่ แม่อยากได้คนกระเพาะครากอย่างพี่ต๊อกกะพี่เบสไปช่วยจัดการหน่อยอ่ะ ...อิอิ...


โดย: น้องนุชสุดท้อง IP: 58.137.129.220 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:12:20:09 น.  

 
เพิ่งน้ำตาซึมกับจั๊กจั่นงวง
มาอ่านที่นี่คนอารมณอ่ออนไหว
ห้ามน้ำตาไม่ได้อีกแล้วค่ะ ซึ้งๆ คิดถึงแม่


โดย: แวะชม IP: 202.57.169.66 วันที่: 25 มิถุนายน 2551 เวลา:18:30:39 น.  

 
อ่านแล้วจะร้องไห้ คิดถึงแม่เหมือนกันครับ


โดย: Lee IP: 123.243.216.186 วันที่: 26 มิถุนายน 2551 เวลา:20:36:41 น.  

 
คิดถึงแม่จัง


โดย: small IP: 118.173.63.204 วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:16:14:21 น.  

 
หวัดดีคับคุณแม่

เง่อ อ่านแล้วคิดถึงแม่จัง

แต่แม่ผมทำกับข้าวไม่เปงง่ะ แอบเมาท์แม่ตัวเองซะงั้น 5 5 5 5


โดย: vecchio วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:9:16:21 น.  

 
เจ๊หลีขอเซฟหน้านี้ไว้เลยนะคะ ซึ้งงงงง


โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:19:07 น.  

 
น่ารักจังเลยครับ...อ่านเสร็จคิดถึงแม่ครับ แทบร้องไห้


โดย: Nai Budo (chadvisor ) วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:18:22:53 น.  

 
อ่านเรื่องของคุณหมอแล้วซึ้งมากค่ะ คุณหมอเป็นนักเขียนที่ใส่ใจที่จะเล่ารายละเอียดและน่าติดตามมาก อ่านแล้วคิดถึงแม่ แต่ก็สะท้อนใจ พี่เป็นคนเมืองพาน แต่ถูกลิขิตให้ไปอยู่ระยอง ก็ทำงานในแวดวงเดียวกับคุณหมอแหละค่ะ คุณหมอมีโอกาสกลับไปทานข้าวกับคุณแม่เดือนละ 1-2 ครั้ง ในขณะที่พี่กลับบ้านปีละครั้ง รู้สึกคิดถึงแม่มาก ได้แต่โทรหากัน พี่อยากขอบคุณคุณหมอที่แนะนำให้อ่านหนังสือของหมื่นตา อ่านแล้วทุกข์น้อยลง และพี่ก็ได้แนะนำให้คนอื่นอ่านด้วย ขอบคุณมากค่ะ (ขอบอกว่าติดตามอ่านงานเขียนและดูรูปถ่ายของคุณหมอตลอดค่ะ)


โดย: คนเมืองพานพลัดถิ่น IP: 223.205.155.161 วันที่: 4 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:15:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Dr.Manta
Location :
เชียงราย Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




&key



Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
22 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Dr.Manta's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.