มะนาวค้าบ......
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง...1
จุดเริ่มต้นของการเดินทาง~~~1~~~ผมชื่อ " มะนาว " มีพี่ชายหล่อๆอายุห่างกัน 5 ปี ชื่อ " มะยม "ตั้งแต่ผมเกิดมา และก็จำความได้ ผมถูกตามใจจากพ่อแม่ พี่ชาย แล้วก็รวมทั้งคนรอบข้างมาโดยตลอดอยากได้อะไรก็ได้ อยากกินอะไรก็ได้กิน มีเสื้อผ้าใหม่ดีๆแพงๆใส่ แต่ว่าถึงผมจะถูกตามใจมากๆแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะเสียคน เอาแต่ใจตัวเองเหมือนคนที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้ที่เป็นกันหรอกนะครับ กลับกันผมไม่ค่อยจะเรื่องมากกับอะไรต่างๆนัก ไม่ค่อยอยากได้อะไร เรื่องการกินก็ไม่เรื่องมาก มีอะไรก็กินได้หมดพออายุครบเข้าเรียน พ่อกับแม่ก็พาไปเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง โดยมีลูกพี่ลูกน้องเป็นผู้ชายซึ่งมีอายุเท่าๆกัน เกิดห่างกันแค่ 9 วันเท่านั้นเอง ไปเข้าเรียนด้วยตอนที่เข้าเรียน ผมจำได้แม่นเลยว่า พ่อแม่ กะพวกครูปรึกษากันว่าจะจับผมกะญาติของผมเรียนแยกกันแล้วทีนี้ ห้องเรียนเด็กอนุบาลมีสองห้อง คือห้อง 1 กับ ห้อง 2 แต่ก็ไม่รู้ว่าจะให้ใครอยู่ห้องไหนกันดีพ่อแม่และครู ก็มาถามผมกะญาติผมว่า ใครจะอยู่ห้องไหน โดยที่ถามญาติก่อนแล้วญาติของผม ก็ตอบทันทีว่า ห้อง 1พอผมได้ยิน ผมก็ตอบบ้างว่าผมอยู่ห้อง 2 ก็ได้และนั่นคือ จุดเริ่มโชคชะตาของผมที่ได้เริ่มหมุนที่ผมคิดว่าคนบนฟ้า หรือใครก็แล้วแต่ ได้ขีดให้ผมได้เดิน ได้เป็นผมเหมือนที่ผมเป็นอย่างในวันนี้ที่โรงเรียนที่ผมต้องมาเรียนแห่งนี้มีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติ และก็เป็นโรงเรียนที่มีคนนับถือศาสนาคริสต์มาเข้าเรียนมากเกินครึ่งของคนที่นับถือศาสนาพุทธที่ผมบอกว่าชีวิตถูกขีดนั้น ก็เพราะว่าที่ญาติของผมเลือกห้อง 1 นั้น เป็นห้องที่มีแต่เด็กผู้ชายเรียนล้วนๆ โดยที่ไม่มีผู้หญิงสักคนซึ่งแตกต่างกับห้อง 2 ที่ผมต้องอยู่ แทบจะตรงกันข้ามเลย ก็ห้อง 2 นั้นมีแต่ผู้หญิงเกือบจะทั้งห้อง มีทั้งหมด 40 คน ผู้หญิงปาไป 32 คน ที่เหลือผู้ชายแค่ 8 คนรวมผมด้วยและก็ยิ่งกว่านั้นผู้ชาย 5 คนจาก 8 คน เป็นคนคริสต์ด้วย มีแค่ ผมกะอีก 2 คนที่เป็นพุทธ ที่เป็นแบบนั้น มีเหตุผลนะ ครูบอกพ่อกับแม่ว่า ห้อง 1 นักเรียนเต็มแล้วให้ผมไปเรียนห้อง 1 ด้วยไม่ได้และอีกอย่าง จะจับผมให้แยกจากญาติของผมด้วยน่ะครับ พ่อกับแม่ก็เลยยอมแล้วจากนั้นผมก็เลยต้องนั่งเรียนท่ามกลางเพื่อนผู้หญิง โดยมีเพื่อนผู้ชายแค่กระจุกเดียวเป็นเพื่อนแต่ก็ไม่เป็นอะไรนะ คือยังเด็กด้วย เลยไม่รู้สึกอะไรก็เรียนไปเรื่อยๆ จนเข้ามัธยมต้น ผมเองก็เริ่มโตขึ้น แต่แม่กับพ่อ ก็เป็นอะไรอีกไม่รู้ เริ่มห่วงผมมากขึ้น รวมทั้งหวงมากขึ้นด้วยเหมือนกันไม่ยอมให้ผมออกไปไหนเลย ถ้าจะไปก็บอกคนที่บ้านให้ออกไปส่ง และก็รอรับกลับ ซึ่งผิดกับพี่ชายของผม รายนั้นจะออกไปไหน จะกลับเมื่อไหร่ จะนอนที่ไหน พ่อกับแม่ไม่เคยว่าเลยสักนิดแล้วพอไม่ให้ออกไปไหน แม่ก็สอนผมให้รู้จักกับการทำอาหาร ทำขนม เก็บกวาดบ้าน รวมทั้งซักผ้า รีดผ้าแทน คิดดูแล้ว ก็ไม่เข้าใจแม่เลยว่า แม่เห็นอะไรในตัวของผม ถึงได้สอนให้ผมทำสิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นทั้งๆที่เรื่องแบบนี้โดยทั่วๆไปแล้ว พ่อแม่ก็คงจะไม่สอนลูกชายหรอกครับ ก็อาจจะมีสอนบ้างเพื่อให้รู้จักได้ทำเป็น เอาไว้ช่อยเหลือตัวเองได้ แต่ก็คงจะไม่ได้มอบหมายให้ทำตลอดในช่วงเรียนมัธยมต้น ก็ไม่มีอะไรมากมาย เรียนๆเล่นๆตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไปจนกระทั่งจบ ผมก็ตัดสินใจเข้าเรียนม.ปลาย โดยที่ผมต้องไปสอบเข้าโรงเรียนอื่น เพราะที่ที่ผมเรียนอยู่นั้น มีเรียนแค่ถึงมัธยมต้นเท่านั้นเองผมก็ไปสอบ และก็สอบติดได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดที่โรงเรียนนี้แตกต่างจากโรงเรียนเดิมลิบลับ มีคนหลากหลายขึ้น โตขึ้น เพราะเป็นช่วงเข้าสู่วัยรุ่นมีกิจกรรมให้ทำมากมาย การเรียนก็ยากขึ้น ช่วงแรกผมต้องปรับตัวกับการเรียนพอสมควร และก็รวมทั้งเพื่อนใหม่ๆด้วย แต่ก็ผ่านไปอย่างราบลื่น ก็เรียนจนจบม.4แล้วพอขึ้นม.5 อะไรๆ ก็เข้าที่มากขึ้น ไม่ต้องปรับตัวอะไรแล้ว การเรียนก็ไม่มีอะไรน่าห่วง พอไม่มีอะไร ก็เลยมีเวลาว่างมากขึ้น สนุกๆกับชีวิตนักเรียนม.ปลายมากขึ้น เริ่มแอบชอบคนนู้นคนนี้ แต่ก็ไม่ได้บอกให้ใครรู้แล้ววันนึงเป็นวันหยุด ผมนั่งเล่นที่บ้าน นึกเบื่อๆ ก็เลยเอาหนังสือแมกกาซีนวัยรุ่นที่ซื้อไว้มาอ่าน ก็อ่านไปเรื่อยๆ จนเจอคอลัมน์ๆนึง ที่มีคนมาลงข้อความอยากมีเพื่อน โดยการเขียนจดหมายหากัน แทนที่จะใช้การสื่อสารที่สะดวกแบบอื่น แล้วก็มีลงที่อยู่ไว้ด้วย ผมเห็นมีคนลงคอลัมน์นี้กันมากมาย แล้ววันนั้น ก็เกิดนึกสนุกอะไรก็ไม่รู้ เลยนั่งเลือกข้อความที่ลงที่รู้สึกดีและจริงใจที่สุดมา 1 ข้อความดูว่าชื่อคนลงว่าชื่ออะไร ปรากฏว่า เจ้าของข้อความนั้น เป็นกลุ่ม มี 3 คนผมก็ไม่คิดอะไร เพราะว่าได้เลือกแล้ว ก็เลยเริ่มเขียนจดหมายแนะนำ ทักทายส่งไปหาคนกลุ่มนั้นแล้วก็รอจดหมายตอบกลับ แต่ว่ารอแล้วรออีกก็ไม่มาสักที จนเกือบจะลืมไปแล้วอยู่ๆไปรษณีย์ก็เอาจดหมายมาส่ง มองดูเห็นชื่อคนส่ง ก็ยิ้มได้ รู้ทันทีว่าเป็นใคร ผมรีบเปิดออกอ่านทันทีอ่านไปยิ้มไป แค่อ่านก็รู้ว่าคนเขียนเป็นคนยังไงคิดในตอนนั้นเลยว่า เลือกไม่ผิดจริงๆ สนุกดีครับ..............................................................................................