|
ค้างคืนที่โรงพยาบาล
นี่เรากำลังทำอะไรอยู่วะนี่ ผมถามตัวเองขณะขี่จักรยานฝ่าสายฝนที่โปรายปรายลงมายามตีสอง เสื้อกาวน์ที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่พริ้วไปตามสายลม ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ น่าเหนื่อยใจใช่หยอก งานผมยังไม่เสร็จ รายงานผู้ป่วย ผมยังไม่ได้เขียนรับผู้ป่วยใหม่ที่เข้ามาเมื่อบ่ายนี้ ผมแข็งใจเดินให้ดูเหมือนปกติที่สุดผ่านห้องฉุกเฉินไป พยาบาลที่กำลังฟุบหลับอยู่เงยหน้าขึ้นมองผมหน่อยนึง ถามว่าดึกป่านนี้แล้ว นสพ. จะไปไหน ผมยิ้ม ไม่ตอบ ห้องพักนิสิตแพทย์ศัลยกรรมนับว่ามีความเป็นส่วนตัวมากที่สุดในโรงพยาบาล จริงๆแล้วมันก็คือเคาน์เตอร์พยาบาลห้องพิเศษของชั้นสิบสอง แต่ในเมื่อห้องพักคนไข้ชั้นสิบสองกลายเป็นห้องพักแพทย์เวรไปแล้ว นิสิตแพทย์ก็เลยจัดการยึดหัวหาดเคาน์เตอร์พยาบาลมาซะเลยเพราะเป็นห้องหับมิดชิด มีแอร์แยกต่างหาก ขนโต๊ะและเก้าอี้มาใช้ทำงาน ประชุม กินข้าว หรือไม่ก็เอามาต่อๆกันต่างเตียงนอน คืนนี้ผมมีเพื่อนอยู่สองสามคน นั่งปั่นงานยิกๆอยู่ ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น รีบนั่งลงอ่านหนังสือ หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ฟุบคาหนังสือไป ไม่เอาแล้ว ผมตั้งหลักนอน ลากเก้าอี้มาสองสามตัวต่อกันต่างเตียงนอน การนอนที่โรงพยาบาลแบบนี้ มีข้อได้เปรียบคือพวกเราจะนอนกันทั้งๆเสื้อกาวน์ ตื่นขึ้นมาเพียงแค่แปรงฟันก็พร้อมจะลุยงานต่อได้ นั่นเท่ากับประหยัดเวลาในการเข้าคิวรอห้องน้ำที่หอเกือบครึ่งชั่วโมง ซึ่งถือว่าแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง สำหรับผู้ที่มีเวลานอนไม่เคยพออย่างนิสิตแพทย์ ผมล้มตัวลงนอน กี่โมงแล้วก็ไม่รู้ ช่างหัวมัน ผมหวังแค่พรุ่งนี้ยังยืนไหว ยังเดินได้ แค่นั้นก็พอแล้วที่จะผ่านไปอีกวัน
Create Date : 13 กันยายน 2550 |
Last Update : 13 กันยายน 2550 17:01:25 น. |
|
1 comments
|
Counter : 553 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
คนคนนี้ มีความเหงาเป็นเพื่อน
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]
|
ดูเผินเผินเหมือนบ้าปัญญาอ่อน ดูนานนานแล้วหลอนคล้ายคล้ายผี ดูดูไปเหมือนว่าไม่มีดี ดูอีกทีดู"................"
เติมเองตามใจชอบเลยครับ
|
|
|
|
|
|
|
ดูแล้วให้เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตานะ
จะได้ปลง ตรงข้ามกับอาจารย์ใหญ่เลยเนอะ
ไม่ชอบก็ลบได้ เดี๋ยวจะจัดให้ใหม่
ชอบอ่านชีวิตของคนอื่น ทำให้
ไม่นึกน้อยใจในโชคชะตาใดใด
เพราะหลายชีวิตแย่กว่าเรามากมาก
หลายร้อนหลายพันเท่า
แค่นี้ ก็เพียงแค่นี้ ทนไปเหอะ
ไตรสิกขา มี ศิล คือความประพฤติทางกายที่ดีไม่ว่าจกี่ข้อก็ตาม
สมาธิ จิตตั้งมั่นพร้อมที่จะรับรู้และทำได้ทุกอย่าง
ปัญญา อันนี้อยู่ที่วิธีการนะต้องปิ๊งขึ้นมาเกิดปัญญาเห็นวิธีการทะลุปรโปร่งไม่ใช่การท่องจำความรู้นะอันนั้นไม่ใช่เลย
รูปนี้เอามาจากท่านมหาสำลี...เห็นแล้วจะปลงคนเราทำไปต่างๆนานา