อิฉันมารู้สึกตัวว่ายังไม่ได้เริ่มรีวิวทริปไต้หวันเลยซักกะนิด ก็เข้าเดือนกุมภาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เหลืออีกแค่ 7 อาทิตย์ก็จะไปทริปสงกรานต์อีกแล้ว
แล้วมันจะไปเสร็จทันอาร๊ายยยยยยยย
ไต้หวันนี่เป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในแผนการหรือ Wished list ของอิฉันกับอาเฮียเลยซักกะนิด อยู่ ๆ เราก็พูดถึงไต้หวันกันตอนที่ไปออสเตรเลียกันคราวที่แล้ว แล้วอิฉันได้วีซ่าออสซี่มา มันบอกว่าหากได้วีซ่าออสซี่แล้ว ใน 1 ปี สามารถเข้าไต้หวันได้โดยไม่ต้องทำวีซ่า อิฉันก็เลยเริ่มหาไกด์บุ๊คไต้หวันมาส่อง ๆ
หลังจากนั้นไม่กี่เดือน อยู่ ๆ ไต้หวันก็ออกประกาศว่าคนไทยไม่ต้องทำวีซ่าแล้วนะแจ๊ะ ทำให้คนไทยทะลักเข้าไปไต้หวันแบบถล่มทลาย มีรีวิวน่ารัก ๆ ออกมาเพียบ อิฉันกะอาเฮียก็ชักเริ่มตื่นเต้นละ จึงเป็นที่มาของทริปไต้หวันนี้ขึ้นมา
เนื่องจาก ความแก่เป็นเหตุ ลุกก็โอยนั่งก็โอย หลัง ๆ เราจึงจองตั๋วแบบ ฺ Business class กันมากขึ้น และราคา EVA air ก็ไม่ถึงกับขี้เหร่นัก ถ้าอิฉันจำไม่ผิดตกประมาณคนละสองหมื่นกว่า ๆ ต่อคน เราจึงควักกระเป๋าอันเบาหวิวของงเราซื้อกันและพบว่าไม่ผิดหวังเลยฮ่ะ
เริ่มออกเดินทางกันก่อนประชาชีจะออกท่องเที่ยว อิฉันเกเรเล็กน้อย แอบลางานล่วงหน้าช่วงหยุดยาวปีใหม่ถึง 3 วัน ทำให้ช่วงนั้นคนยังไม่เริ่มเดินทางกัน เราไปถึงสุวรรณภูมิช่วงหัวค่ำ เครื่องออกตีสองและบินลงไทเป 6 โมงเช้าเวลาไต้หวัน
การบิน Business class ที่อิฉันคิดว่ามันเลิศเลอดีงามจนคุ้มค่ากับการลงทุนนอกจากที่นั่งจะนอนยาวได้ มีเล้าจน์และอาหารดี ๆ ให้กินฟรี การบริการตลอดช่วงเวลาทั้งบนเครื่องและก่อนขึ้นเครื่องยังสปอยล์ให้ผู้โดยสารรู้สึกถึงความพิเศษกว่าใคร ๆ เช่น ตอนเข้าแถวเช็คอินก็แยกออกมาเร๊วเร็ว แถมยังอุตส่าห์มีพรมเข้า counter ให้รู้สึกต่ริงไม่ติดดินเข้าไปอีก การได้ตั๋วผีที่สามารถเข้าช่องพิเศษผ่าน ตม. นี่ก็สุดยอด แค่ Business class ยังขนาดนี้ ถ้า First class คงมีคนมาอุ้มผ่าน ตม. แหงมๆ
ถ้ามีตังค์เยอะ ๆ รึราคาไม่แรงไป ก็อยากบิน Business ทุกครั้งอ่ะเนอะ ทุกๆกลางเดือนและต้นเดือน อิฉันคงต้องพยามขูดต้นมะยมข้างโรงงานให้มากขึ้นละ
เข้ามาเล้าจน์ EVA air เรียบง่าย เน้นฟังก์ชั่นการใช้งาน อิฉันถ่ายรูปมาไม่ค่อยเยอะ เพราะวันนั้นคนใช้บริการค่อนข้างมาก เล้าจน์ที่สุวรรณภูมิมีห้องเก้าอี้นวดด้วย
ห้องนวดดดด มืดตื๋อ มีทั้งหมด 3 ตัว ต้องต่อคิว
อาหารฮ่ะ ไม่กล้าถ่ายไลน์อาหาร เพราะลูกค้าเค้าเพียบ อาหารมีให้เลือกหลากหลาย แต่ก็ยังสู้ของเอมิเรตต์ไม่ได้อยู่ดี
ขึ้นเครื่องมาละ
Leg room ยาวเฟื้อยยย ของ EVA ให้รองเท้าใส่บนเครื่องมาด้วย แบบนุ่ม ๆ ดูมีคุณภาพ ผ้าห่มก็นุ่ม
จอทีวีมีนังไข่ขี้เกียจด้วย
มีเมนูให้สองอัน อาหารกับเครื่องดื่ม..
ขณะนั้นเป็นเวลาตีสอง อาเฮียขึ้นเครื่องก็หลับปุ๋ย แต่อิฉันยังคงนั่งรออาหาร
สิ่งที่อิฉันมักจะไม่พลาดคือ Signature drink ของแต่ละสายการบิน
Cheersss
อาหารฮ่ะ..
รอกินได้แค่ starter และ Main course แต่อิฉันตาปิดไปซะก่อนของหวานจะมา
แล้วก็หลับยาวววววววว มาตื่นอีกทีตอนเครื่องกำลังจะลง
เราเดินทางเข้าที่พักในไทเปกัน โดยรถเพื่อนของเจ้าของบ้าน คุณเจ้าของบ้านเป็นชาวไต้หวันใจดี น่ารัก แต่ไม่ได้คล่องแคล่วซักเท่าไหร่ในเรื่องการสื่อสารภาษาอังกฤษ
ที่พักนี้เราจองผ่าน airbnb โทนี่เป็นเจ้าของบ้าน ซึ่งเค้าบอกไว้ในหน้าเพจว่าที่พักนี้มี 4 ห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่น เวลาจองเราจะได้ทั้งหลังเลย ทีแรกอิฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอีอาเฮียทำไมมันจองห้องพักที่มีถึง 4 ห้องนอน ทั้งที่ไปกันแค่ 2 คน แต่พอเห็นห้อง(และราคา) ก็รู้สึกว่าน่ารักดีแฮะ เอาอันนี้แหละ
เราจองล่วงหน้านานโขอยู่ นานประมาณครึ่งปีเลยทีเดียว ซึ่งมันก็ไม่ควรจะมีปัญหาใด ๆ ชิมิคะ เพราะอาเฮียจะส่งเมลคุยเป็นระยะ ๆ ว่ายังไงซะโทนี่ก็จะไม่ทำบุ๊ดกิ้งเราตกหล่นไปไหนแน่
แต่พอกลางเดือน ธค ก่อนเราไปไม่กี่วัน อาเฮียส่งเมลไปคอนเฟิร์มเรื่องเวลามารับที่สนามบิน โทนี่ดันพูดขึ้นมาว่าช่วงเดียวกันนั้น จะมีคนสิงคโปร์มาอยู่ด้วยกันกะเรา บอกแค่ว่าเป็น Singaporean ไม่ได้บอกว่ากี่คน 1 คน 2 คน หรือมาทั้งครอบครัว
แต่ถึงจะกี่คนก็แล้วแต่ เราจองบ้านทั้งหลังนะเฟร้ย ทำไมพวกตรูต้องมาอยู่ร่วมบ้านกะใครก็ไม่รู้
อาเฮียเริ่มโวย ซึ่งการสื่อสารของคุณโทนี่แกก็มีข้อจำกัดเหลือเกิน
สุดท้ายต้องให้คนจีนที่ทำ airbnb เป็นคนประสานงานให้ และเราก็ได้ที่พักเราคืนมา (จริงๆ เรื่องมันออกจะมีเงี่ยนงำสับสนยังไงชอบกล คุณคนจีนที่คุยกะโทนี่ให้เรา บอกว่าโทนี่เค้ามีที่พักอีกที่ที่คนสิงคโปร์จองไว้ แต่มีปัญหาเรื่องระบบไฟฟ้า ทำให้โทนี่จับย้ายมาอยู่รวมกะเรา แต่หลังจากทุกอย่างแก้ปัญหาไป พอไปถึง เราถามโทนี่ว่ายูมีที่พักอีกที่เหรอ เค้าดันบอกว่าไม่มีอ่ะ มีที่เดียว งงๆ แต่ช่างมันเหอะเนอะ)
พอไปถึงทีแรกเรายังแหม่ง ๆ กะโทนี่เล็กน้อย ว่าอีนี่มันคิดจะโกงพวกตรูรึเปล่า แต่พอไปพบจริง ๆ ฮีเป็นคนน่ารักนะ น่าจะเกิดจากปัญหาเรื่องการสื่อสารนั่นแหละ
ที่พักเราอยู่ชั้นสองของตึกหน้าตามอมแมมเล็กน้อย ที่พักอยู่ห่างจากสถานีรถใต้ดิน Guting 5 นาทีซึ่งสะดวกสบายมาก เพราะอยู่ใกล้อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค แค่สถานีเดียว บริเวณใกล้ๆ ที่พัก ถึงจะไม่ใช่ใจกลางแหล่งช็อปปิ้งเหมือนแถว ๆ ซีเหมินติง แต่ก็มีร้านค้าครบถ้วนพอแก่การช็อปปิ้งเบา ๆ ของเรา มี Supermarket มี 7-11 เล็ก ๆ หน้าปากซอย มีร้านอาหารข้างถนนตลอดทาง เดินไปหน่อยก็มี Starbuck ร้านอาหารญี่ปุ่น (มีร้านขายซิมมือถือด้วย ซึ่งอีวันแรกที่เราไป เราดั๊นไม่ได้ซื้อจากสนามบิน เพราะคิดว่าจะไปซื้อแถว ๆ Taipei Main Station แต่เมื่อไปเดินหา ก็พบว่ามันเป็นสิ่งที่หายากที่สุด เพราะทุกร้านพร้อมใจกันหมด แม้แต่ 7-11 ที่เค้าบอกว่ามันก็มีขายนะ ถึงจะซื้อยากหน่อย เราเข้าไป5-6 7-11 แต่ไม่มีใครมีเลย พอหมดแรง กลับมาที่พักเพื่อจะขอความช่วยเหลือจากโทนี่ ก็ปรากฎว่าเจอที่หน้าปากซอยเข้าที่พักเราเอง )
เข้าที่พักมา
มีร่ม มีรองเท้าใส่ในบ้าน มีเสื้อกันฝนวางไว้ให้หยิบใช้
มีเสื้อกันฝนเตรียมไว้ให้ด้วย
ถึงอยู่บนตึก แต่ก็มีแผงต้นไม้เขียว ๆ ให้สดชื่น
มีเครื่องครัว มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ครบครัน มีไมโครเวฟ (แต่มันไหม้ในวันแรกที่เราใช้เบย) ในตู้มีกาแฟน้ำตาลชา มีมาม่าและขนมกรุบกรอบ และเครื่องดื่มโน่นนี่ รวมทั้งไวน์ 2 ขวด (ซึ่งเราไม่กิน) โทนี่บอกกินได้หมดเลยนะ
ห้องนั่งเล่นน่ารักมากกก โทนี่ประดับไฟคริสมาสต์ให้ด้วย
ห้องนอน มีถึง 4 ห้อง ติดแอร์ทุกห้อง
ในห้องนอนจะมีเซ็ตผ้าขนหนู และแปรงสีฟันยาสีฟันไว้ให้ทุกห้อง
และมีห้องน้ำสองห้อง สะอาดเอี่ยม และมีแชมพูครีมนวดสบู่เหลวให้แบบขวดใหญ่ ให้ผ้าขนหนูสำหรับ 8 คน วางไว้ให้ในห้องนอน
มาดูอุปกรณ์ในครัวกันบ้าง
ขนมกรุบกรอบของฟรี
มีกฎระเบียบเล็กน้อย เช่น ห้ามปาร์ตี้เสียงดัง เพราะชาวบ้านจะแจ้งตำรวจได้ และถ้าใครมาถามให้บอกว่าเป็นเพื่อนโทนี่
การเลือกที่พักที่นี่ ถึงเราจะเริ่มต้นแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ระหว่างที่พักอยู่ ช่างดีงาม พักสบายคุ้มค่ามากค่ะ โลเกชั่นดี ที่นอนหนานุ่มนอนสบาย ห้องน้ำสะอาดกริ๊บ กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมพรั่ง มี wifi ให้ด้วย ราคาอิฉันจำเป๊ะ ๆ ไม่ได้ แต่ตกคืนละ 5-6000 บาท ซึ่งจากราคาที่พักในไทเป และขนาดที่พักและโลเกชั่นขนาดนี้ อิฉันว่ามันคุ้มค่ามาก แนะนำๆเลยนะคะ
บล็อกหน้าจะพาเที่ยวอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็คค่ะ