๐ เดือนดาวคงดับห้วง......เวหน
วนเห่คืนแลงฝน..............หลบฟ้า
ลาพลบ,อีกนานจน..........จะพัง,แดด
แผดดั่งเปลวอสูรย์กล้า.....กรุ่นเปรี้ยงประกายฉาน
๑๔.๕๘
๐ ตะวันฉานแดดฉายตอนบ่ายสอง
หรี่ตามองเลื่อมลายก่อนบ่ายสาม
ร้อนระอุดังเพลิงที่เริงลาม
ต่างฟอนฟืนสุมท่ามในยามคุ
๐ ฝืนแดดผิงลมผ่าวแทบร้าวอก
วาดเวิ้งฝันหวั่นสะทกตกระอุ
หยุดภาวะเพ้อแผกแตกประทุ
เปลี่ยนการปรุปรุงแต่งที่แหว่งแวะ
๐ เย็นในยามแดดทาบที่ฉาบท่วง-
ทำนองหน่วงเนิบเนิ่นจนเกินแกะ
จากการดิ่งดื่มดับร้อนตับแฮะ
คือนี่แหละจิตมนุษย์ที่สุดจะนับ
๐ ยังเปลวฝันตกผลึกจากนึกสนุก
เป็นก้าวข้ามปรับปลุกสู่ทุกข์ประดับ
เทียวคุกรุ่นปลอบย้ำที่สำทับ
จึงจู่จับนิ่งจบดุจพบพระ -
๐ ผู้ทรงศีลช่วยชี้วิถีจริต
จนสัมฤทธิ์จากเร้นเห็นจะๆ
ผ่านครุ่นขรึมเครียดคร่ำสู่ธรรมะ
งามผงะนิ่งผงาดไม่พลาดเลอะ
๐ เป็นเพียงการหยุดย่ามที่ลามยุ่ง
ชั่ววูบปรุงกลางแดดที่แผดเปรอะ
เย็นในร้อนจบย่ำที่ยำเยอะ
ฟอกความเขลอะจิต,เฟ้นให้เย็นลึก ๚ะ๛
๐๖๐๔๕๕
อรัญประเทศ
สระแก้ว
//www.facebook.com/pages/คนสาธารณะ/182751108419412