|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
..ซินจ่าวเวียตนาม / Xin chào Việt Nam...
*MV นี้เป็น Flash Files รอให้ดาวน์โหลดสักพักนะครับ รับรองคุ้มค่าแก่การรอคอย
สงกรานต์ที่ผ่านมา... อยู่ๆ แผนการเดินทางไปเยือนปิรามิดและสุสานฟาโรห์ที่อียิปต์ ก็ถูกยกเลิกแล้วเปลี่ยนเป้าหมายใหม่มาเป็นเวียตนามซะเฉยๆ ..เอาน่า.. นี่ก็ไปสุสานเหมือนกัน แต่เป็นสุสานของลุงโฮฯ กับสุสานอันวิจิตรของจักรพรรดิไคดิงห์ เท่านั้นเอง!
Cộng Hòa Xã Hội Chủ Nghĩa Việt Nam ก่ง หั่ว สา โห่ย ฉู่ เหงีย เหวียต นาม สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
ตามกำหนดการเดิม เราจะต้องเดินทางออกจาก สนามบินสุวรรณภูมิ เวลาบ่ายโมง(ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง) ทว่าขณะเที่ยงเศษ ทุกคนก็ได้รับข่าวดีจากหัวหน้าทัวร์ว่าสายการบินเวียตนามยกเลิกไฟลท์ที่เราจะไปทั้งไฟลท์!
ภายในใจก็แอบนึกหวั่นไปว่า สงสัยฟ้าจะไม่อนุญาตให้ตัวข้าได้เที่ยวช่วงสงกรานต์นี้เป็นแน่แท้
ไม่ช้าไม่นาน ฟ้าก็ส่งคำตอบกลับลงมาว่า ให้ไป แต่เอ็งต้องถูกทดสอบความอดทนสักหน่อยก่อน.. ไฟลท์ของเราจึงถูกเปลี่ยนเลขหมายใหม่และย้ายเวลาบินไป take off เอาตอนทุ่มครึ่ง!
โอว ซาร่า! อีกหกเจ็ดชั่วโมงที่เหลือ จอร์จจะเอามันไปทำกระบี่กระบองอะไรดี.. นี่แหละหนา สนามบินสุวรรณภูมิ ความภาคภูมิใจของใครบางคน.. (อิอิ)
กว่าที่เครื่องบินเวียตนามแอร์เวย์ VN 851 จะเอาล้อกระแทกเข้ากับพื้นรันเวย์ที่โฮจิมินห์ซิตี้ ก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มกว่าๆ ด้วยความอ่อนล้าทางร่างกายและความอิดโรยทางอารมณ์ ผสมเข้ากับอากาศที่แสนจะร้อนของอดีตเมืองหลวง ทำให้ทุกคนที่เดินทางไปด้วยกัน ดูเหมือนจะตั้งคำถามในหัวตัวเองขึ้นมาโดยอัตโนมัติ "คิดผิดหรือเปล่า(ฟระ)เนี่ย ที่มาเวียตนามช่วงนี้?"
ด้านหน้าสนามบินแออัดไปด้วยประชาชนชาวเวียตนาม ที่ต่างนั่งเก้าอี้พลาสติกล้อมประตูทางออกของอาคารกันอย่างเนืองแน่น บ้างกอดอกจ้องมองพวกเรา บ้างพูดคุยเอะอะมะเทิ่ง เข้าใจว่ามารอรับญาติหรือแขกที่มาเยี่ยมเยือน แต่สภาพการณ์แล้วมันทำให้ผมนึกถึงโชว์อะไรสักอย่างมากกว่า.. ผมและสมาชิกในทริปเป็นนักแสดง ชาวเวียตนามละแวกนั้นเป็นผู้ชมและกรรมการให้คะแนน ..อย่างไรอย่างนั้น..
ฝ่าเสียงทะเลาะเบาะแว้ง (เขาคุยกันธรรมดานั่นแหละ)ออกมาได้ ก็มีโอกาสได้โดยสารรถประจำตำแหน่ง(นักท่องเที่ยว)หน้าตาดีระดับสามดาว ไปบนท้องถนนอันแสนจะพลุกพล่านและมีเสียงแตรดังระงม นั่งไปนั่งมา ดาวหล่นไปหนึ่งเหลือสอง เพราะแอร์ไม่เย็น เหลียวมองป้ายบอกอุณหภูมิขนาดใหญ่ริมทางส่องแสงเรืองๆ ว่า 24C ก็ให้ร้องจ๊าก..ในใจ
นี่คงเป็นมาตรฐานอุณหภูมิเฉพาะของเวียตนามที่ไม่เหมือนใครซะละกระมัง..
ดีหน่อยที่อาหารเย็นรอบดึกก่อนนอน(อ้วน) มีเบียร์(BIA)เย็นๆ มาเสิร์ฟให้ดับร้อนสองขวดกลมด้วยกัน แม้มันจะรสชาติไม่จัดจ้านร้อนแรง แต่ความกลมกล่อมแห่งยอดข้าวเวียตนาม ใช้ได้เลยทีเดียว
หันไปถามไกด์วัยอากงว่า "เบียร์ไซ่ง่อนนี้ขวดเท่าไร?" อากงคำนวณตัวเลขในหัวมุบมิบแล้วลุกขึ้นตอบทันใด "เบียร์ไซ่ง่อนนั้นไซร้ แค่ 7บาทธรรมดาเอง" ทุกคนส่งเสียงฮือฮาอื้ออึงจนภัตตาคารแทบแตก เข้ามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันเอิกเกริก หารู้ไม่ว่า เจ็ดบาทที่ว่านั้น มันเมื่อกี่สิบปีก่อนไม่ทราบนะคร้าบ พี่น้องง.. เพราะตอนเก็บตังค์เค้าลงบิลมาขวดละ 20,000 ดองแน่ะ (10,000 ดองเท่ากับประมาณ 25 บาท)
โธ่เอ๊ยยย..อากง.. <(^3^')/
เวียตนามเคยเป็นดินแดนเนื้อหอม คงเป็นเพราะเต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมากมาย ไหนจะยังมีชายทะเลตลอดเหนือจรดใต้อีกต่างหาก ทั้งจีน ญี่ปุ่นและฝรั่งเศสจึงเข้ายื้อยุดฉุดกระชากเวียตนามไปยึดครองกันเป็นว่าเล่น ไม่ว่าสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมหลายๆ อย่าง ก็เลยผสมผสานออกมาเป็นแบบ "เวียตนามเวียตนาม" ในปัจจุบัน
ข้อมูลจาก Wikipedia เขียนเอาไว้ว่า ประชากรเวียตนามในปี 2542 กว่า 80% เป็นผู้ไม่มีศาสนา ในจำนวน 20%ที่เหลือนี้ นับถือพุทธมหายานมากที่สุด ส่วนโบสถ์กลางเมืองโฮจิมินห์ซิตี้นี้ นึกไม่ออกครับว่าวันอาทิตย์จะมีคริสตศาสนิกชนเดินทางเข้ามากันสักเท่าไร..
1
ที่นี่เรียกว่า War Museum เต็มไปด้วยอดีตอาวุธสังหารของสหรัฐอเมริกาในสมัยสงครามเวียตนาม เรื่องราวและภาพสงครามสะเทือนอารมณ์มากมาย เข้าชมแล้ว หดหู่ สงสารและเห็นใจชาวเวียตนามอย่างบอกไม่ถูก คิดว่าภาพสงครามคงเคยเห็นกันเยอะแล้ว แต่หากอยากดูอีก ลองคลิก Play ที่หน้าจอล่างสุดของblogก็ได้ครับ 1.5
2 วัดเจดีย์เทียนหัว (เจ้าแม่ทับทิม) ที่นี่เค้าจะเขียนชื่อติดธูปเกลียว อธิษฐาน แล้วก็ให้เจ้าหน้าที่นำมันขึ้นไปแขวนเอาไว้บนราวเชือกอย่างที่เห็น
3
ผมเคยแบกเป้เดินทางไปอินเดียหนึ่งเดือนเต็มมาก่อน การที่ได้มาเห็นความพลุกพล่านอลหม่านของท้องถนนที่นี่ จึงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกตามากนัก แต่สิ่งที่ทำให้แปลกใจได้อย่างหนึ่งซึ่งไม่เหมือนที่อินเดียก็คือ ที่อินเดียจะชะลอหรือจอดรถให้คนข้ามบ้างเป็นบางขณะ แต่ที่เวียตนาม..รถมอเตอร์ไซคล์นับพันนับหมื่นบนถนน จะไม่ชะลอความเร็วหรือจอดให้คุณข้ามถนนเลย ไม่ว่าจะเป็นระยะประชิดแค่ไหน! ไกด์สาวของเราพยายามอธิบายถึงวิธีการข้ามถนนให้ฟัง ตั้งแต่ตอนอยู่บนรถประจำตำแหน่ง(นักท่องเที่ยว) พวกเราก็ฟังหูไว้หู จนกระทั่งได้ลงมาประจักษ์ด้วยตาและหูตัวเอง การข้ามถนนเก้ๆ กังๆ อย่างยับยั้งชั่งใจอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ แต่การข้ามถนนแบบเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เดินดุ่ยๆ ตรงไปเรื่อยๆ แบบห้ามชะงักหรือถอยหลังกลับ จะช่วยให้คุณเดินทางสู่จุดหมายได้อย่างปลอดภัย! (เพราะพวกเขาจะหลบเรากันเอง)
ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซคล์ชาวเวียตนามดูจะไม่ชอบหมวกกันน็อกกันสักเท่าไร หากแต่นิยมสวมหมวกผ้าในรูปแบบต่างๆ แทน 4
5
ออกจากโฮจิมินห์ซิตี้ ก็เดินทางต่อไปยังเมืองดานัง ที่สนามบินผมเห็นป้ายโฆษณาแหล่งดำน้ำ SCUBA ตัวเบ้อเร่อ ก็เลยเพิ่งถึงบางอ้อ(ไม่ใช่ดานัง)ว่าเวียตนามก็มีแหล่งดำน้ำกับเขาเหมือนกันนะ //www.vietnamdive.com 6
จากดานังก็เลียบเลาะชายฝั่งตะวันออกของเวียตนามลงใต้มายัง "ฮอยอัน" เมืองมรดกโลก
ตามรูปคือสะพานญี่ปุ่น หรือ "เกาไลเวียน" (สะพานมาไกล) สร้างโดยชาวญี่ปุ่นใน ค.ศ. 1593 ตามประวัติศาสตร์ สะพานนี้มีส่วนสำคัญในการติดต่อค้าขายและส่งข่าวสำคัญหลายครั้งและยาวนาน แต่ผมจะไม่ขอเอามาเล่าในที่นี้ เพราะเกรงมันจะยาวนานเกินไป... 7
ที่หัวและท้ายสะพานญี่ปุ่น มีเทวรูปสุนัขและลิงคอยพิทักษ์คุ้มครอง
8
ร้านค้าและศูนย์แสดงศิลปาชีพแบบโบราณ มีให้ชมตลอดสองข้างทาง (นอกจากจะร้อนและเมื่อยซะก่อน) อันที่จริงเมืองฮอยอันกว้างใหญ่พอสมควร อีกทั้งด้านหลังยังติดกับแม่น้ำทูโบนซึ่งมีจุดนั่งๆ นอนๆ ทอดหุ่ยอีกหลายแห่ง
แต่ทริปนี้เราไปกับทัวร์ ไม่ต้องห่วงเลยครับว่า ช่วงเทศกาล คนไทยจะเยอะแค่ไหน อีกทั้งยังต้องเสียเวลาตามหากันวุ่นวาย สำหรับคอวัฒนธรรมและศิลปกรรมเวียตนามแล้ว ผมบอกได้คำเดียวว่า "ต้องมา" ครับ แต่หากใครไม่ชอบแนวนี้ ให้มาอีกกี่ทีก็คงบ่นไม่ขาดปากเหมือนเดิม
ผมเดินไปพลางคิดไป จะกลับมาใช้ชีวิตช้าๆ อีกครั้งในฤดูหนาวสักฤดูข้างหน้า จะขอเดินช้าๆ ชมฮอยอันให้อิ่มวิญญาณ คอยดูสิ.. 9
10
11
สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของฮอยอัน ก็คือโคมสวยๆ แบบนี้ล่ะครับ 11.5
12
13
อันนี้เป็น Magnet ติดตู้เย็น (ห้ามติดที่อื่น) ตามร้านขาย souvenir ทั่วไปจะมีขายแน่ๆ ราคา 4 คู่ 100บาทบ้าง 5 คู่ 100บาทบ้าง(จ่ายเงินไทยได้เลย) แต่ถ้าต่อเก่งหน่อยก็อาจได้ถูกกว่านั้น ต่อราคาไม่ได้ ใช้คำนี้ครับ "กัมเอิ๊น" แปลว่า "ขอบคุณ" แปลอีกทีว่า "คุณจะให้หรือไม่ให้ ฉันก็ขอบคุณ" อิอิ 14
15
16
17
ผมเดินๆ เช็ดเหงื่อบนถนน น้องเจ้าหญิงก็คอยถือพัด พัดให้ไหวๆ (ช่างแสนดี กิกิ๊วว) อยู่ๆ ป้าคนนี้ก็เดินเข้ามากวักมือเรียก ชี้นิ้วมาที่กล้องของผม ผมก็เลยรีบยกกล้องขึ้น กดถ่ายภาพแกไปแบบไม่ยั้ง ถ่ายเสร็จผมใช้คาถาเดิม "กัมเอิ๊น" แต่ป้าแกไม่กัมเอิ๊นด้วย แบมือออกมากระดิกนิ้วไหวๆ (ช่างแสนฉลาดหากิน)
ผมให้ป้าไป 5,000 ฮ่าๆๆ (ทำตัวรวย) 18
เหนื่อยๆ เดินมาหนักๆ มานั่งหยุดพักจิบกาแฟร้านนี้สักหน่อยครับ.. 19
ร้านอาหาร ร้านน้ำข้างทางหรือแม้แต่ผับเล็กๆ บางแห่ง ล้วนแล้วแต่มีเก้าอี้กับโต๊ะแบบที่เห็นนี้เรียงรายเต็มร้าน สงสัยอยู่ว่าคนอ้วนจะทำยังไง! จะนั่งลงไหวละหรือ?
ลุงสองคนนี้นั่งโขกหมากรุกกันอย่างเพลินเพลิน ไม่ได้สนใจเลยว่าใครจะเดินผ่านไปผ่านมาแค่ไหน..
แต่ก็ดูได้อารมณ์ดีนะ 20
ขณะกำลังจะเดินหลง เอ๊ย! เดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมทางที่รถ "น้องเจ้าหญิง" พลันเหลือบไปเห็นร้านแปลกประหลาดร้านหนึ่งเข้าให้ เราจึงจูงมือกันตรงรี่เข้าไป ขออนุญาตชักภาพถ่ายรูปเป็นการใหญ่
เมื่อได้สังเกตเห็นหลอดไฟที่คาดตรงศีรษะ และรอยยับย่นจากคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน อย่างเคร่งขรึมจริงจังของเจ้าหน้าที่แต่ละท่านแล้ว เข้าใจว่าในอุโมงค์เบื้องหน้านั้นคงจะมืดและน่าหวาดหวั่นมิใช่น้อย การจะเข้าไปสำรวจถึงความลี้ลับข้างในได้อย่างสยิวกิ้วนั้น จำต้องใช้ทักษะการเลี้ยวโค้งและล้วงลึกอย่างชำนิชำนาญ เพราะหากเป็นผู้ไม่มีประสบการณ์แล้วล่ะก็ อะไรบางอย่างในอุโมงค์แห่งนั้นอาจจะถลำลึกเข้าไปมากขึ้น ยากต่อการนำออกมาหรือไม่สามารถเลยก็เป็นได้
เสียงชัดเตอร์สังเคราะห์ของผมคงจะไปรบกวนสมาธิของเจ้าหน้าที่หรืออย่างไรไม่ทราบได้ เขาเงยหน้าขึ้นมามองผมนิดหนึ่งเงียบๆ ก่อนจะก้มลงไปทำงานสำรวจอันสำคัญของเขาต่อไป
ท่ามกลางการบันทึกภาพที่ไร้บทสนทนา ผมตั้งชื่อภาพนี้ว่า Human's Ears Reserch Service
21
ออกจากฮอยอัน เราเดินทางขึ้นเหนือด้วยเส้นทางหลวงสายด่วน "ไฮฟาน" อันเป็นเส้นทางสายใหม่และสวยที่สุดสายหนึ่งของเวียตนาม(เขาบอกงั้นนะ) แต่ก็น่าจะจริง เพราะตลอดทาง ผมแทบไม่อยากนอน ได้แต่กดภาพผ่านกระจกรถประจำตำแหน่ง(นักท่องเที่ยว)อยู่อย่างนั้น
ไฮฟานเป็นเส้นทางเลียบไหล่เขาเขียวชะอุ่ม สลับไปด้วยทุ่งหญ้า นาข้าว สวนผลไม้และทะเลสาบขนาดใหญ่ หากไม่ติดว่านี่คือการมากับทัวร์ มีหวังผมคงได้บอกให้จอดพักชมวิวเป็นระยะๆ แน่นอน
เมื่อถึง "เมืองเว้" (HUE) จุดหมายสำคัญที่มีชื่อเสียงมากก็คือ สุสานกษัตริย์ไคดินห์ กษัตริย์ลำดับที่ 12 แห่งราชวงศ์เหวียน.. 22
23
24
25
ณ ลานเบื้องหน้าของอาคารหลัก มีรูปปั้นทหารองครักษ์และบริวารเรียงรายมากมาย สมัยก่อน บริเวณนี้ทรุดโทรมและซอมซ่อกว่านี้มาก เมื่อผ่านการบูรณะ สิ่งต่างๆ ก็ปรากฏอย่างที่เห็น
ดูแล้วนึกถึงรูปปั้นทหารที่เมืองจีนเหมือนกันครับ เข้าใจว่าคงได้รับอิทธิพลมาจากจักรพรรดิจีน ราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่งซึ่งเคยมาปกครองเวียตนาม แล้วถือเอาเป็นมณฑลหนึ่งของจีนในยุคนั้น (เวียตนามเคยถูกปกครองทั้งโดยราชวงศ์ฮั่นและราชวงศ์หมิง) 26
27
ส่วนนี่คือพระราชวังโบราณ หรือพระราชวังหลวงแห่งนครประวัติศาสตร์ รู้สึกว่าที่นี่ จะมีกลิ่นอายของ "จีน" ผสมมากเป็นพิเศษ 28
29
หนึ่งใจเจดีย์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวชมกัน คือ เจดีย์วัดเทียนมุ (สร้างขึ้นในสมัยจาม) เป็นหอคอย 8 เหลี่ยม 7 ชั้น แต่ละชั้นคือตัวแทนชาติภพต่างๆ ของพระพุทธเจ้า เห็นเขาบอกว่า เจดีย์นี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเว้มาตั้งแต่ปี 1710 โน่น 30
ในบริเวณเดียวกันกับเจดีย์เทียนมุ จะเป็นท่าเรือสำหรับล่องแม่น้ำหอม( Huong River) เขาบอกว่า ระหว่างล่องไปบนเรือกึ่งแพ ให้พยายามสูดดมกลิ่นของน้ำดู มันจะมีกลิ่นหอม ผมเดินไปเดินมาจนรอบเรือก็ไม่ได้กลิ่น ได้ยินแต่เสียงคนไทยต่อราคาของกันจ้าละหวั่น! (เจ้าของเรือหัวเส เอาของไปขายบนเรือ แรกๆ ก็ไม่ซื้อกันหรอกครับ นั่งไปนั่งมามันก็ต้องหยิบจับเป็นธรรมดา..ฮะเหยๆ) 31
32
33
34
จากเมืองเว้ ขึ้นมาถึง "ฮานอย" เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร หากรถวิ่งด้วยความเร็ว 70 กิโลเมตร/ชั่วโมงตามกฎหมายเวียตนาม รวมเวลาหยุดพักและดื่ม Saigon Bia (hehe) เราจะต้องใช้เวลาเดินทางทั้งหมดประมาณ7หรือ8 ชั่วโมงทีเดียว เพราะฉะนั้น หากมีเวลาน้อย..นั่งเครื่องเอาดีกว่า
ฮานอยจะมีอายุครบ 1,000 ปีในปีค.ศ. 2010 นี้แล้วนะครับพี่น้อง... 35
36 จตุรัส บา ดิงห์ หรือ Ba Dinh Square เป็นสถานที่ที่ท่านโฮจิมินห์ใช้ประกาศอิสรภาพให้กับเวียตนามเหนือ
ทำเนียบประธานาธิบดีที่ท่านโฮจิมินห์ใช้รับรองแขกบ้านแขกเมือง คฤหาสถ์หลังใหญ่ที่ท่านปฏิเสธที่จะพักอาศัย แต่กลับย้ายไปอยู่บ้านไม้สองชั้นธรรมดาทางสวนป่าด้านหลังแทน 37
38
อาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ที่ร้าน SEN มื้อเที่ยง คนละ90,000 ดอง มื้อเย็นคนละ110,000ดอง เขาบอกว่ามีอาหารเวียตนามๆ ทั้งหมด 67 รายการ พอดีผมไม่ได้นับ ได้แต่ถ่ายภาพเก็บเอาไว้เป็นที่ระทึก..
อาหารชนิดไหนน่าเจี๊ยะ..ลองดูครับ อิอิ
39
ฮานอย ห่างจาก ฮาลองเบย์ 160 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เพราะฉะนั้น ในระหว่างนี้ ใครใครหลับ..หลับ ใครใคร่ถ่าย..ถ่าย(รูป) 40
ขนมปังฝรั่งเศสมีขายกันริมถนนหลวงเยอะมากๆ ปักกันเป็นดุ้นๆ ลงไปในภาชนะ รถยนต์ มอเตอร์ไซคล์ผ่านไปมาแวะซื้อไปทานกันเป็นว่าเล่น 41
เรือที่ล่องตามอ่าวฮาลอง หน้าตาแบบนี้ครับ 42
43
44
45
46
47
หน้าตาหินก้อนนี้เหมือนหมากำลังปีนผาหินมากๆ 48
49
อ่าวที่จอดเรือ เพื่อเดินทางเข้าถ้ำวังสวรรค์ 50
ป้ายหน้าถ้ำ กว่าจะหาจังหวะถ่ายเอาแบบ ไม่มีคนไปยืนเกะกะได้ รอจนแขนชาเลยเชียว.. 51
บรรยากาศภายในห้องโถง ของถ้ำ 52
หินหัวนก หรือ หัวไก่งวง 53
เจ้าตัวสีเทาเขียวที่หันหน้าไปทางซ้ายในท่ายืน ลอยเด่นอยู่กลางภาพ คือ สิงโต ครับ 54
มังกรน้อย ความรู้ยังด้อยไร้เดียงสา เมื่อเติบใหญ่จะได้เป็นพระราชา เหินเวหาเป็นมังกรไฟ...อิอิ 55
แม้แต่ก้นม้า ก็ยังอุตส่าห์มองให้เป็นรูปได้เนาะ 56
นี่หิน เจ้าแม่กวนอิม ครับ เหมือนไหม? (ขออภัย ถ่ายมาเบลอไปหน่อย เพราะซูมแล้วมือไม่นิ่งพอ..มันหิวแจ็กเดเนี่ยลน่ะ ฮะๆ) 57
ตรงนี้เป็นที่เดียวในถ้ำ ที่เกิดจากการรังสรรค์ของมนุษย์ สร้างน้ำพุเอาไว้ ให้คนมาดู เพื่อบอกว่า นี่คือน้ำพุบนสรวงสวรรค์..(ก็ว่ากันไป) 58
หินตา ที่สมุย อันใหญ่กว่านี้ครับ โฮะๆ โฮะๆ 59
สุดท้ายจากถ้ำวังสวรรค์ อันนี้เรียกว่า หินหัวนม อิอิ 60
ตลาดน้ำขนาดเล็ก มีผลไม้และอาหารแห้งอีกนิดหน่อย เข้ามาจอดเทียบกับโป๊ะซีฟู้ดสดๆ ในกระจัง ส้มแปดลูก 20,000 ดอง ฟังดูแล้วแพงอยู่บ้าง แต่หากได้คิดว่าเขาพายมาขายจากฝั่งแล้ว โอว.. 60.5
อ่าวฮาลอง แปลว่า มังกรร่อนลง มีเกาะแก่งใหญ่น้อยกว่า 1,900 เกาะ ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อ พ.ศ. 2537 ตั้งอยู่ทางเหนือของฮานอย จังหวัดกว่างนิงห์ (Quang Ninh) อันเป็นพรมแดนติดกับประเทศจีน
อันที่จริง หากล่องเรือแบบค้างคืนและเหมากรุ๊ปกันมา จะตกคนละ 25-30 เหรียญ US ต่อคนเท่านั้น โดยสามารถเลือกได้ว่าจะค้างบนเรือหรือค้างบนเกาะกั๊ดบา (Cat Ba)
แม้อ่าวฮาลองจะมีความละม้ายกับอ่าวพังงาของไทย แต่ผมก็ยังรู้สึกว่า มันมีอะไรอีกหลายอย่างที่แตกต่าง ที่จะต้องหาโอกาสมาเยือนอีกครั้ง..
ฝากไว้ก่อนเหอะฮาลอง..^^
ภาพนี้ ระหว่างทางกลับมายังฮานอยอีกครั้งครับ 61
...การได้พบเห็นชาวเวียตนามและบ้านเมืองของเขาแล้ว มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยหรือภาพชัดเจนขึ้นในใจ นั่นคือ มรดกสงครามจากครั้งสมัยสงครามเวียตนาม (2504-2518) ไม่ว่าจะเป็นรอยด่างของอารมณ์ ความคิด อุดมการณ์ ซากปรักหักพังของอาคารบ้านเมืองบางแห่ง ความเป็นชาตินิยมของประชาชนที่ดูจะห่างไกลจากคนไทยเหลือเกิน แต่สิ่งหนึ่งซึ่งดูจะเป็นรอยแผลที่ชอกช้ำของชาวเวียตนามมากที่สุดก็คือ พิษตกค้างจากฝนเหลือง หรือ Agent Orange (มีสารประกอบสำคัญที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกคือ 2,3,7,8-tetrachlorodibenzo-p-dioxin (TCDD) หรือที่รู้จักกันในชื่อ dioxin) ที่สหรัฐอเมริกาใช้เป็นอาวุธต่อกรกับกองทัพเวียตนามอย่างไร้ความปราณี
มันเป็นสาเหตุให้ ทารกเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หรือเด็กที่คลอดออกมา พิกลพิการ ร่างกายผิดรูป บิดเบี้ยวหรือแคระแกร็น ประชาชนจำนวนหนึ่งตามท้องถนน ยังคงมีรูปร่างลักษณะอย่างที่ว่านี้ให้เห็น
ว่ากันว่าอเมริกาใช้ฝนพิษไปเป็นจำนวน 42 ล้านลิตร!
แต่ข้อมูลในภายหลังที่สำคัญกว่านั้นคือ.. สหรัฐอเมริกาใช้พื้นที่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นสถานที่ทดลองฝนพิษที่ว่านี้!
ผมเคยมีเพื่อนของเพื่อนเป็นคนเวียตนาม เค้าบอกว่าคนเวียตนามจำนวนหนึ่งไม่ชอบประเทศไทย เพราะไทยเราเคยให้อเมริกายืมสถานที่ทำอะไรๆ หลายอย่าง อันเป็นต้นเหตุให้การรบกับเวียตนามเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น
"..ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด.." เพลงนี้ก้องขึ้นมาในหัวเมื่อผมได้อ่านข้อมูลเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง
หากมาท่องเที่ยวเวียตนาม เราจะได้พบเห็นงานหัตถกรรมหลายชนิดที่ถูกเขียนเอาไว้ว่า เป็นงานทำมือโดยคนพิการ เช่นเดียวกันกับสถานที่เยี่ยมชมในโปรแกรมทัวร์ต่างๆ มักจะพาแวะเข้าสถานที่ผลิตชิ้นงานเหล่านี้ ด้วยเหตุผลสวยๆว่า พาลูกทัวร์ "เข้าห้องน้ำสะอาด"
โดยส่วนตัว ผมคิดว่า นี่เป็นวิธีที่น่ารักและใช้ได้ดีทีเดียว
ไกด์ชาวฮานอยรุ่นป้าที่พาเราไปก็เช่นกัน เธอเป็นคนรักชาติและแฝงเอาไว้ด้วยคำพูดชาตินิยมตลอดการเดินทาง จนบางครั้งออกจะเป็นไปในแนวดูหมิ่นคนไทยด้วยซ้ำ ผมรู้สึกไม่ถูกใจเธออยู่บ้าง แต่เมื่อย้อนคิดถึงประวัติศาสตร์เวียตนามแล้ว มันทำให้ผมเห็นใจ เช่นเดียวกับเห็นใจชาวยิว (แม้จะไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลยก็ตาม)
ไกด์รุ่นป้า พาพวกเราแวะสถานผลิตงานหัตถกรรมแห่งหนึ่ง ในระหว่างทางสายเก่าเข้าสู่ฮานอย เธอบอกว่า เด็กๆที่ผลิตของใช้ที่นี่เป็นคนพิการทั้งสิ้น
ผมได้ยินคนไทยหลายคนบ่นว่า "ไม่เห็นพิการเลย" ผมไม่ตั้งคำถามแบบนั้นหรอกครับ ผมได้แต่เดินเยี่ยมชมอย่างสงบปนเศร้า
เพราะบางที ความพิการอาจไม่ใช่อะไรที่เราจะต้องมองเห็นเสมอไป.. 61.5
สุสานชาวบ้านเวียตนาม จะไม่ได้แยกส่วนในป่าช้าอย่างในเมืองไทยครับ เขาจะก่อกำแพงดินเล็กๆ เป็นบริเวณพิเศษขึ้นมา ใครเสียชีวิตก็จะไปฝังเอาไว้ที่นั่น อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับที่ทำมาหากิน..
ไม่รู้ว่าทำให้อบอุ่นหรือหนาวขนลุกกันแน่นะเนี่ย.. 62
สะพานแสงอาทิตย์ นำเราข้ามไปยังวัดหง็อกเซิน อันเป็นวัดกลางทะเลสาบคืนดาบที่มีชื่อเสียง ทะเลสาบแห่งนี้มีตำนานว่า กษัตริย์แห่งเวียตนาม ทำสงครามสู้รบกับทหารจีนมานาน ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ จนกระทั่งมาพบกับเต่าตัวหนึ่ง คาบดาบเอามาให้ที่ทะเลสาบแห่งนี้ เมื่อใช้ดาบสู้รบจนชนะ กษัตริย์เวียตนามพระองค์นั้นก็ได้ย้อนกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพื่อคืนดาบให้แก่เต่าตัวเดิม..
ที่นี่เราจะได้พบกับเต่าสต๊าฟตัวใหญ่ในตู้กระจกแก้ว บอกต่อกันมาว่า เป็นหนึ่งในสองเต่าที่เฝ้าทะเลสาบ และเป็นผู้มอบดาบให้แก่กษัตริย์เวียตนามท่านนี้ ..นี่เองง.. 63
ภายในโรงละครหุ่นกระบอกน้ำอันโด่งดัง หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ ผมได้นั่งหลังสุด เห็นวิวทั่วถึงดี แต่หารู้ไม่ว่ามันเป็นที่นั่งที่คนอยากนั่งน้อยที่สุด (ฮา)
ราคาตั๋วที่นี่ ที่นั่งธรรมดา 20,000 ดอง VIP 40,000 ดองพร้อมกับได้ซีดีฟรีหนึ่งชุดครับ 64
เมื่อหนีร้อนมาพึ่งร้อนกว่าได้อย่างสาสมแก่ใจแล้ว ผมและชาวคณะจึงเดินทางกลับประเทศไทย ด้วยประการ ฉะนี้...
(จบดื้อๆ เพราะขี้เกียจเขียนแล้ว) 65
...Chao' Ba'...
*** จริงๆ แล้ว MV เวอร์ชั่นข้างล่างนี้ ดูจะเหมาะกับเพลงนี้มากกว่าอันบนสุดนะครับ เห็นเขาบอกมาว่า เพลงนี้เรียกทั้งพลังใจและน้ำตา จากประชาชนชาวเวียตนามได้ไม่น้อยเลยทีเดียว...
............
raconte moi ce mot etrange et difficile a prononcer que je porte depuis de je suis nee
Raconte moi le vieil empire et le trait de mes yeux bridees qui disent mieux que moi, ce que tu n'oses dire
je ne sais de toi que des images de la guerrre un film de copola des helicopteres en colere
un jour j'irai la-bas un jour dire bonjour a ton ame un jour j'irai la-bas te dire bonjour Vietnam
raconte moi ma couleur, mes cheveux et mes petits pieds qui me portent depuis que je suis nee
raconte moi ta maison, ta rue raconte moi cet inconnu les marches flottants et les sopants de bois
je ne connais de mon pays que des photos de la guerre un film de Copola des helicoptere en colere
un jour j'irai la bas un jour dire bonjour a mon ame un jour j'irai la bas te dire bonjour vietnam
les temples et les boudhas de pierres ou mes peres les femmes courbes dans les risieres pour mes meres
dans la priere, dans la lumiere, revoir mes freres toucher mon ame, mes racines, ma terre.
un jour j'irai la-bas un jour dire bonjour a mon ame un jour j'irai la-bas te dire bonjour Vietnam te dire bonjour .. Vietnam
...........
'Bonjour Vietnam' iป็นปรากฏการณ์เพลงที่เวียตนามมาตั้งแต่ปี 2006 จนถึงวันนี้ก็ยังคงโด่งดังไม่สร่างซา เสียงร้องกึ่งโศกเศร้ากึ่งเร้าพลังของ Pham Quynh Anh(Vietnamese-Belgian) ทำเอาผมนั่งฟังแล้วอินไปหลายสิบรอบ
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนี้ ใครแปลไม่ทราบก็เลยไม่รู้จะลงนามเอาไว้ให้ยังไงเหมือนกัน ลองอ่านดูครับ...
HELLO VIETNAM
Tell me this name, strange and difficult to pronounce
That I have carried since my birth
Tell me the old empire and the feature of my slanted eyes
Describing me better than what you dare not say
I only know you from the war images
A Coppola movie, (and) the angry helicopters
Someday, I will go there, someday to say hello to your soul
Someday, I will go there, to say hello to you, Vietnam
Tell me my color, my hair and my small feet
That I have carried since my birth
Tell me your house, your street, tell me this unknown entity
The floating markets and the wooden sampans
I could only recognize my country from the war photos
A Coppola movie, (and) the helicopters in anger
Someday, I will go there, someday to say hello to your soul
Someday, I will go there, to say hello to you, Vietnam
The temples and the stone-carved Buddha statues for my fathers
The stooping women in the rice fields for my mothers
Praying in the light to see my brothers again
To touch my soul, my roots, my land..
Someday, I will go there, someday to say hello to your soul
Someday, I will go there, to say hello to you, Vietnam (twice)
(copied from: //blog.360.yahoo.com/blog-lH3AaY88cqUftrn5Ix4U_Q--?p=161) (ขอบคุณข้อมูลจำนวนหนึ่งจากคุณ teerapon แห่งเวบ trekkingthai.com ครับ..ข้อมูลคุณเจ๋งมากเรยยย) ........
***คำเตือน 1.ไม่ควรไปเวียตนามในหน้าร้อน แต่ควรไปเยือนในหน้าหนาวจะดีกว่า เพราะจะได้บรรยากาศมาก 2.หากจะไปเที่ยวเวียตนามหน้าร้อน ขอให้คิดใหม่ 3.หากคิดใหมแล้วยังดื้อจะไปอีก ให้กลับไปอ่านข้อ 1และ2ใหม่อีกรอบ
Create Date : 02 พฤษภาคม 2550 |
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2550 12:27:45 น. |
|
74 comments
|
Counter : 3436 Pageviews. |
|
|
|
โดย: P R I N C E S S IP: 58.8.88.11 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:55:08 น. |
|
|
|
โดย: กิ๊บ IP: 125.26.83.2 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:36:01 น. |
|
|
|
โดย: Pa Chit IP: 124.120.115.28 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:25:55 น. |
|
|
|
โดย: miss design IP: 58.147.6.195 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:32:14 น. |
|
|
|
โดย: ปออออ IP: 58.8.49.210 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:32:14 น. |
|
|
|
โดย: great job Lyu. Thanks for sending me the link. Have a great day. ImOh IP: 71.66.233.204 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:41:04 น. |
|
|
|
โดย: huato IP: 125.25.54.233 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:56:43 น. |
|
|
|
โดย: huahua IP: 58.64.113.221 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:41:30 น. |
|
|
|
โดย: kit IP: 61.90.167.98 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:18:09 น. |
|
|
|
โดย: เดียว IP: 203.121.175.119 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:06:25 น. |
|
|
|
โดย: แจ้ เปิ้ล IP: 58.9.4.10 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:51:54 น. |
|
|
|
โดย: ju IP: 124.157.129.105 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:47:29 น. |
|
|
|
โดย: leklek IP: 58.9.186.198 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:21:09 น. |
|
|
|
โดย: pmt007@gmail.com IP: 124.121.90.189 วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:19:33 น. |
|
|
|
โดย: BeHB IP: 58.9.102.11 วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:09:57 น. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:47:37 น. |
|
|
|
โดย: vintage IP: 202.91.19.192 วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:00:20 น. |
|
|
|
โดย: rebel IP: 125.24.77.6 วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:13:38 น. |
|
|
|
โดย: run to me วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:19:03 น. |
|
|
|
โดย: อะไรดี วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:40:58 น. |
|
|
|
โดย: แพมชมพู IP: 124.120.238.111 วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:19:58 น. |
|
|
|
โดย: MaRiMeKKo วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:21:39 น. |
|
|
|
โดย: preena วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:45:56 น. |
|
|
|
โดย: preena วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:47:08 น. |
|
|
|
โดย: girlkean IP: 58.8.91.199 วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:01:08 น. |
|
|
|
โดย: โจเซฟิน วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:52:22 น. |
|
|
|
โดย: ตุ๊กตาไขลาน วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:58:23 น. |
|
|
|
โดย: MOMO วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:54:55 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:09:42 น. |
|
|
|
โดย: Aiko (Yushi ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:16:25 น. |
|
|
|
โดย: spiltney IP: 203.113.32.11 วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:28:57 น. |
|
|
|
โดย: หนุอุ๋ม (tenno_jung ) วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:20:35 น. |
|
|
|
โดย: แป๊กก วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:04:51 น. |
|
|
|
โดย: erina วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:19:04 น. |
|
|
|
โดย: แจ้ เปิ้ล IP: 58.9.3.134 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:08:24 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าหญิงวีนัส (ohvenus ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:4:04:30 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าหญิงวีนัส IP: 202.183.233.11 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:6:04:16 น. |
|
|
|
โดย: kimura IP: 58.137.65.10 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:36:36 น. |
|
|
|
โดย: ้เต๋า ณ ชายแดน IP: 202.12.74.5 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:36:13 น. |
|
|
|
โดย: ป่ามป๊าม วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:23:40 น. |
|
|
|
โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:19:43 น. |
|
|
|
โดย: อะไรดี วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:47:00 น. |
|
|
|
โดย: ป่ามป๊าม วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:35:50 น. |
|
|
|
โดย: goodpeople วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:09:21 น. |
|
|
|
โดย: biggg วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:33:04 น. |
|
|
|
โดย: Kimura IP: 58.137.65.10 วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:47:47 น. |
|
|
|
โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:15:01 น. |
|
|
|
โดย: kikme_kae IP: 125.26.2.166 วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:29:00 น. |
|
|
|
โดย: ณีจ้า IP: 58.136.80.27 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:39:21 น. |
|
|
|
โดย: เนรัญชรา IP: 124.120.124.245 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:01:45 น. |
|
|
|
โดย: CallMeViVi IP: 125.24.73.7 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:34:27 น. |
|
|
|
โดย: . . N i n G . . IP: 58.10.146.57 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:07:08 น. |
|
|
|
โดย: Qooma วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:32:43 น. |
|
|
|
โดย: Dr.Manta วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:38:40 น. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:24:39 น. |
|
|
|
โดย: รักบังใบ วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:6:53:20 น. |
|
|
|
โดย: ท้องฟ้า... (นักเคมี ) วันที่: 19 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:23:47 น. |
|
|
|
โดย: หนุอุ๋ม (tenno_jung ) วันที่: 19 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:42:57 น. |
|
|
|
โดย: Dark Secret IP: 124.120.1.153 วันที่: 21 พฤษภาคม 2550 เวลา:2:29:41 น. |
|
|
|
โดย: pompomgirls IP: 58.64.102.235 วันที่: 21 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:13:52 น. |
|
|
|
โดย: P R I N C E S S IP: 58.8.89.127 วันที่: 23 พฤษภาคม 2550 เวลา:2:36:47 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:25:14 น. |
|
|
|
โดย: minetong วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:39:52 น. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 27 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:19:51 น. |
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านคำเตือนบนบล๊อกก่อนออกเดินทาง
ข้อสุดท้ายไม่ควรอยู่ริมถนนเกิน 1 ชม.
(เพราะเสียงแตร์จะทำให้ท่านหัวระเบิด)