你还好吗?
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
29 เมษายน 2550

雪山飞狐

雪山飞狐 ----จิ้งจอกภูเขาหิมะ




เรื่องนี้ก็ถ่ายทำมาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน ภาคนี้เป็นภาคล่าสุด ของหวังจิงค่ะ พอได้ยินชื่อเท่านั้นก็ทำใจไว้นิด ๆ เผื่อผิดหวัง เพราะหวังจิงชอบทำโทนตลก ซึ่งมักจะทำให้เนื้อเรื่องไม่สมจริง เหมือนเป็นเรื่องตลก ๆ ละครปั้นแต่ง

อาจมีคนว่าแล้วดูทำไม? ความจริงหากจะว่าไปหนังก็คือการปั้นแต่ง แต่ที่อยากดูคือการดึงอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์และสอนใจในการกระทำของตัวละคร ดี ชั่ว รัก โลภ โกรธ หลง ตีแผ่ออกมาให้คนดูได้เก็บอะไรบางอย่างกลับไป

หรือแนวกำลังภายใน เราก็ดูจินตนาการ การดำเนินเรื่องและกลับมามองสังคมปัจจุบันเชิงเปรียบเทียบพฤติกรรม ซึ่งมักจะเห็นได้ว่า มนุษย์ไม่ว่าเมื่อใด ในสถานการณ์ใกล้เคียงมักมีพฤติกรรมตอบสนองที่แตกต่างกัน น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง

มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง กล่าวแยกบุคคลเป็น 9 ประเภท น่าสนใจที่เดียว การชำแหละพฤติกรรม และจิดใจออกมาวิเคราะห์ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน หากได้อ่านแล้ว น่าจะคุยได้สนุก ๆ กับผู้ที่สนใจนะคะ

หนักไปแล้วใช่ไหม? กระทู้นี้ดึงมาจากบอร์ด ขอนำความเห็นของเพื่อน ๆ มาวางไว้ด้วยเลยนะคะ

----จากกระทู้บอร์ดกำลังภายใน-------

ระยะนี้ร้อนมาก ๆ เลยนะคะเพื่อน ๆ เลยจะมาชวนขึ้นภูเขาหิมะ ไปเจอหูเฟยกันเสียหน่อย ยังมีแม่นางหลิงซู่กับแม่สาวเสื้อม่วงรออยู่ด้วยนะคะ ดับร้อนกันหน่อยที่นี่เลยค่ะ

//ent.sina.com.cn/v/m/bn/2007-03-06/16367762.html


เรื่องนี้เพิ่งออกมาได้ไม่นาน แต่หวั่น ๆ หวังจิง(อีกแล้ว)เห็น พรีวิวแล้วมี "บินแช่" ซึ่งเป็นเทคนิคยอดนิยมในยุคนี้เสียแล้ว

"บินแช่" ก็คือ บินไปบนฟ้า หรือหล่นจากท้องฟ้าแล้วแช่แข็งไว้เพื่อมองตากันหรืออื่น ๆ แล้วแต่ผู้กำกับคิวบู๊จะวาดจินตนาการออกมาได้ ลองดูกันเอาเองนะคะ จากคลิปข้างบน

ก่อนหน้านี้ หนังเรื่องนี้เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวของนักแสดงนำหลายครั้งอยู่ แต่พอดูไปแล้ว อุเหม่....ทรงผมก็ต้องใส่ใจด้วยน้า เพื่อน ๆ ลองดูทรงผมของจูอินในเรื่องสิคะ แล้วจะเห็นเอง

ก่อนหน้านี้ หนังเรื่องนี้เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวของนักแสดงนำหลายครั้งอยู่ แต่พอดูไปแล้ว อุเหม่....ทรงผมก็ต้องใส่ใจด้วยน้า เพื่อน ๆ ลองดูทรงผมของจูอินในเรื่องสิคะ แล้วจะเห็นเอง

จากคุณ : mamiya - [ 24 เม.ย. 50 23:31:27 ]
---------------------------------------------

อ๊ะ มีโทนี่ จาเป็นพระเอกด้วย

จากคุณ : เอย์คุง (Aeykun)
---------------------------------------------
หนังจีนเดี๋ยวนี้ไม่เกล้าผม หรือไว้เปียกันหรือไง

จากคุณ : ฉั่วเป่งใช้
---------------------------------------------
ทรงผมจูอินทำไมเหรอครับ ผมว่าก็ยังน่ารักดี(เหมือนเดิม)

จากคุณ : FrozenSakura
---------------------------------------------
เนื้อเรื่องทำไมเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ
ฮือ ฮือ

จากคุณ : หลิงเอ๋อร์ (หวงหลิง)

---------------------------------------------
อ๊ะ มีโทนี่ จาเป็นพระเอกด้วย

โอ๊ะ โอ คนไหนหรือคะ ทำไมไม่เห็น?

---------------------------------------------

ท่านฉั่ว เป็นสมัยชิงแบบอภิวัฒน์ไงล่ะคะ

------
จูอินน่ะน่ารักค่ะ แต่ทรงผมในคลิปสงสัยท่านFrozenSakuraยังไม่เห็นกระมังคะ ลองดูใหม่อีกสักครั้งนะคะ ตอนแรกถ่ายจากข้างหลังก่อน ยุ่งมาก เหมือนรังนกเลย ข้างหน้าก็ยุ่งประมาณกัน ทำให้คิดว่าไว้ทรงนี้จะดีหรือ? น่าจะลองออกแบบใหม่ก่อนจะลงแผ่นฟิมล์ท่าจะดีกว่า
-----------
หลิงเอ๋อร์จ๋า ร้อนไหมทางสำนัก ณ.ฟากกระโน้น?
เที้ยเล้งซู่ อิมเมจสวยงาม พอสมควร

มามิยะ
---------------------------------------------

จิ้งจอกฉบับภาพยนต์นี้รวมภาค จิ้งจอกภูเขาหิมะ-จิ้งจอกอหังการไว้ด้วยกันหรือครับ มีสาวครบเลย เล้งซู่-เสื้อม่วง-เยียกลั้ง แล้วโอ้วฮุย (หูเฟย) วัยเด็กมีในหนังด้วยไหม (ผิดคาด เล้งซู่สวยเกินพิกัด ในหนังสือเป็นสาวหน้าตาพื้นๆ ความสวยต้องยกให้เมี้ยวเยียกลั้งมาอันดับหนึ่ง อ้วงจี่อีอันดับสอง ส่วนเที้ยเล้งซู่คนอ่านรักเพราะการจิตใจของตัวละครตามที่หนังสือบรรยาย)

จากคุณ : อางู้
---------------------------------------
เจ็กตอ ไม่มี มันต้อง โอ้วเจ็กตอ

จากคุณ : ฉั่วเป่งใช้

---------------------------------------
มาแล้วจ้า เพิ่งเห็นกระทู้

จิ้งจอก ดาราน่าดู แต่ขัดใจcostumeอย่างแรง แล้วถันหย่าเหวินเล่นเป็นใครล่ะนี่ ส่วนหูอิเตา(โอ้วเจ่กตอ) นี่คือแอนโทนี่ หว่องใช่มั้ยจ๊ะ
จากคุณ : ฮิวเยียก - [ 26 เม.ย. 50 13:56:31 ]

---------------------------------------

โอ๊วฮุย ในเรื่องจิ้งจอกภูเขาหิมะ(ตามหนังสือ)

ต้องไว้หนวดเคราครึ้มเลยนี่ครับ

จากคุณ : เสือปลาขี้เมา - [ 26 เม.ย. 50 17:32:30 ]

---------------------------------------
เห็นตัวอย่างแล้วจิตตก

เพิ่งรู้ว่าโอ้วฮุยเป็นพวกไท้เผง แล้วมันรอดไม่โดนแมนจูจับเชือดมาได้ไงน่ะ
จากคุณ : ฟักแฟงแตงไทย - [ 26 เม.ย. 50 18:38:46 ]

---------------------------------------
จิ้งจอกฉบับภาพยนต์นี้รวมภาค จิ้งจอกภูเขาหิมะ-จิ้งจอกอหังการไว้ด้วยกันหรือครับ

เอ่อ...ขณะนี้ยังไม่ได้ดูค่ะ เนื่องจากแผ่นอยู่ในมือเพื่อน ที่บอกว่าจะส่งมาให้แต่ยังนิ่ง ๆ อยู่ เคืองมาก จะลงแดงแล้ว อ๊าก................

ได้ดูแล้วจะบอกค่ะ

ท่านฉั่ว
ขอโทษนะคะ เราแปลงร่างไม่หมด ไม่เหลือหัวก็ขาดหางเรื่อยเลย หูอี้เตา-โอ้วเจ่กตอ ต้องแบบนี้ต่างหาก แต้จิ๋วไม่ยอมมาอ่ะค่ะ ดังนั้นตอบปัญหาท่านฮิวก่อน ถานเย่าเหวินเล่นเป็น เถียนกุยหนง มีฟังจงซิ่นด้วย เล่นเป็นเหมียวเหรินเฟิง(ช่วยเราแปลงเป็นแต้จิ๋วด้วยก็แล้วกันนะท่านฉั่วฯ)

ดีจ้า ท่านฮิว
ตอบคำถามก่อน
จิ้งจอก ดาราน่าดู แต่ขัดใจcostumeอย่างแรง แล้วถันหย่าเหวินเล่นเป็นใครล่ะนี่ ส่วนหูอิเตา(โอ้วเจ่กตอ) นี่คือแอนโทนี่ หว่องใช่มั้ยจ๊ะ

ใช่แล้วค่ะ หวงซิวเซิง เล่นเป็นหูอี้เตา ป่ะป๊าของหูเฟย แรก ๆ เห็นว่าจะให้หูจวินเล่น(คนเล่นเป็นเฉียวฟงในแปดเทพฯหลิวอี้เฟย)แต่ไหงเปลียนก็ไม่รู้นะคะ อาจมีเขียนถึงแต่เราอาจยังไม่เห็นก็ได้
ดูในคลิปแล้วก็ออกสไตล์ คล้าย "ปาต้าเหาเสีย" ที่เคยมาเขียนไว้ในบอร์ดเลยล่ะค่ะ

เรื่องชุดในจิ้งจอกฯ นี่ออกอาการตั้งแต่แรก ๆ แถลงข่าวแล้ว นึกว่าจะเปลี่ยนแต่สุดท้ายก็ใช้ชุดแดนซ์เซ่อเหมือนเดิม เฮ้อ....

มามิยะ
---------------------------------------
ยังไม่นอนหรือว่าไม่ได้นอนละคะ มามิ
ตะลุยดูหนังซะขนานนั้น มาโพสต์ตอนเช้าเลยหรือนี่

เข้าไปดูตัวอย่างจิ้งจอกแล้ว ขาวโพลนไปหมดเลย
แต่ไม่ชอบชุดตัวละครเลยค่ะ ขัดตามากๆ

ถันหย่าเหวินเล่นเป็นใครล่ะนี่

ดูจากตัวอย่าง ถ้าให้เดาน่าจะเล่นเป็น ฉั่งกุ้ยล้ง มั๊งคะ
ที่หลอกภรรยาของเมี้ยวนั้งหงส์ไป จนทอดทิ้งลูกสาวตัวเอง
แต่ทำไมมีฉาก น่ำลั้งเอามีดแทงเมี้ยวนั้งหงส์เองด้วยละ
ในหนังสือไม่เห็นบอกว่าแค้นขนาดนั้นเลยนี่คะ ?????

นิยายกล่าวว่าน่ำลั้งยังสำนึกเสียใจก่อนตายนี่นา หรือเราจำผิดไปละนี่

จากคุณ : ฟงเฟยเซียะ - [ 27 เม.ย. 50 07:36:19 ]
---------------------------------------
มายย ถาน เย่า เหวิน เปลี่ยนไปเยอะมากกกก
ความหล่อหดหายยยย
อยากดูจิ้งจอกภูเขาหิมะ เดี๋ยวน้องเล็กแวะมาอ่านต่อนะคับ

จากคุณ : หงส์น้อยแซ่เล็ก - [ 27 เม.ย. 50 22:57:47 ]

---------------------------------------
สวัสดีค่ะ พี่ฟงน้องเล็ก อยากดูก็เหมือนเดิมแล้วกัน ตอนนี้พี่ได้มาอยู่ในมือแล้ว เมื่อกี้ไปนั่งดูแบบเร็ว ๆ กว่าหูเฟยจะออกก็ตอนที่ 10 โน่น

เลยสำรวจเรื่องฉากต่อสู้มาก่อน ต้องขอบอกว่าชุดเนี่ยสุด ๆ จริง ๆ ทำให้รู้สึกอึดอัดมาก ก็พยายามอธิบายว่า มันหนาวน่า ก็ต้องแต่งชุด หนา หนักแบบนั้นแหละ จูอินออกมาผมยุ่งมากเลย แต่หน้าหวานช่วยไปได้ ฉากต่อสู้ ต้องบอกว่าอำนาจสลิงก็แรงอยู่บ้างแต่อยู่ในระดับที่รับได้

ฉากต่อสู้ที่สำรวจมาเป็นฉากที่หยวนจื่ออี(อ้วงจี่อี) ต่อสู้แย่งตำแหน่งเจ้าสำนักกับสำนักอะไรสำนักหนึ่ง เป็นการเอากายกรรมเทินถ้วย มาสร้างสรรค์เป็นวิทยายุทธ โดยเอาถ้วยสีขาว ๆ ขนาดใหญ่พอใส่ซุปได้ วางเรียงเป็นรูปดอกเหมย (นึกโลโก้ดอกเหมยของการบินไต้หวันออกใช่ป่ะ แบบนั้นแหละ) แล้วให้สองคนต่อสู้กันบนถ้วยใครเหยียบดินแพ้ โดยต่อสู้กันไปก็เก็บถ้วยไปด้วย ใครถ้วยเยอะกว่าชนะ ลองนึกภาพจูอินเวลาต่อสู้แล้วโยนถ้วยสีขาวไปบนท้องฟ้า แต่ถ่ายจากด้านล่าง เห็นถ้วยสีขาวกระจายเต็มท้องฟ้า แล้วรับลงมาเรียงกันอยู่ในมือ เท้าแตะอยู่บนถ้วย(เอ...หรือจะเรียกชามดีหว่า?)นั้น

วิทยายุทธของหนังหวังจิงยังเป็นรองหนังของจางจี้จงอยู่ขั้นหนึ่ง(อยู่ดี)แต่ไม่ถึงกับแฟนตาซีเท่า

อ้อ....ตัวหนังสือในเรื่องเก๋ค่ะ เพลงจะมีตัวหนังสือทีมงาน นักแสดง เป็นหิมะตกลงมาและเหมือนถูกลมพัดไป แล้วตัวหนังสือใหม่ก็โปรยลงมาแทน แล้วก็ถูกลมพัดไปแบบนี้ล่ะค่ะ

อยากดู เฉิงหลิงซู่(เที้ยเล้งซู่) น่ารักดี ส่วนจูอินใช้เสียงพากย์ เสียงน่ารักมากค่ะ ชอบ ชอบเสียงนักพากย์คนนี้ จูอินน่าจะพูดกวางตุ้งเมื่อดูจากปากแล้วนะคะ

ดาบพระเอกใหญ่มาก เนี่ยหยวนเล่นหนังกำลังภายในที่ไรได้อาวุธที่ค่อนข้างโหด คราวก่อน"สุยถางอิงสงจ้วน" ใช้ทวนเป็นอาวุธ แถมสวมชุดเกราะอีก แล้วยังต้องขี่ม้า เห็นใจจัง ส่วนเรื่องนี้ เสื้อผ้าแดนเซ่อร์+ชาวเขา เอ้ย....เสื้อผ้าหนา ๆ น่าจะไม่เป็นปัญหาเท่าเสื้อเกราะ แต่อาวุธเป็นดาบใหญ่มากกกกกกกก เมื่อกี้เพิ่งดู โหยอลังการจังดาบนี้

จากคุณ : mamiya - [ 27 เม.ย. 50 23:18:40 ]

---------------------------------------
ช่วยเสริม คห. 54 จากหนังสือจิ้งจอกอหังการ เล่ม 1 หน้า 287+ สนพ. สร้างสรรค์ นี่คือสำนักองคุลิมาล เป็นสำนักแรกที่อ้วงจี่อีแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนัก วิชาที่ว่านี้คือ ตอดอกเหมย (เทียนกังบ๊วยฮวยจวง) เนื่องจากนางไม่ได้ฝึกวิชานี้มาจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมเอาชัยด้วยการ (ตามหนังสือ) พลิกหงายถ้วยจนเฒ่าเล้าเฮาะจินต้องยอมรับความพ่ายแพ้

แต่การชิงตำแหน่งเจ้าสำนักที่เฮฮาเร้าใจที่สุดต้องยกให้สำนักเก้ามังกร (เก้าเล้งไผ่) อ่านถึงบทนี้ทีไรเป็นต้องขำทุกทีกับการถอดชื่อแปลความหมายที่นางเอกเรากลั่นแกล้งผู้เฒ่าเอ็กเล่าซือ ในหนังสือกิมย้งเขียนไว้สนุกสนานมากจริงๆ น.นพรัตน์ก็แปลออกมาได้สุดยอดมาก เรื่องราวของอักษรจีนแท้ๆแต่แปลไทยแล้วก็ยังขำได้อารมณ์ตามไปด้วย

จากคุณ : อางู้ - [ 29 เม.ย. 50 10:18:09 ]

---------------------------------------
ต้องขอขอบคุณท่านอางู้มากเลยค่ะที่มาเสริม(เราชอบจังที่มีคนมาช่วยเราขยายความและออกความเห็น เดี๋ยวจะจับตาดูฉากตลกที่ท่านว่านะคะว่าเป็นไง)

เห็นชื่อท่านแล้วนึกถึงตอนไปแต้จิ๋ว เขาพูดแต้จิ๋วกันใช่ไหมคะ เราจะซื้ออัลบั้มของอาหนิว เราเข้าไปถาม

"เอ่อ...มีอัลบั้มของอาหนิวไหมคะ? เอา "เถาฮวาตั่วตั่วไค" "

"อ๋อ...อางู้เหรอ?"

"ค่ะ ค่ะ อางู้ อางู้ ใช่แล้วอยู่ไหนคะ? แล้วมีกี่อัลบั้มคะ?"

เราตลกตัวเองจัง ไม่นึกมาก่อน คือลืมแต้จิ๋วไปเลยว่าต้องเป็นอางู้ ต่อมาไม่ว่าเข้าร้านไหน เราก็อางู้ อางู้ตลอดเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า.....ขำดีจัง

กลับมาเรื่องจิ้งจอกฯ ทุกท่านคะ เราจะยกเรื่องไปเขียนที่บล็อคแล้วจะได้อยู่คงทนกว่ากระทู้นะคะ เมื่อคืนดูถึงตี 5 ไก่ขันแล้ว มึนตึ๊บ

มาตอบพี่ฟงได้แล้ว ถานเย่าเหวินเล่นเป็น เถียนกุยหนง (ฉั่งกุ้ยล้ง)รู้สึกข้างบน เขียนผิด เปลี่ยนแล้วค่ะ ตัวร้ายยยยยยยยยยยยย ดูแล้วเกลียด แถมยังทำหน้าตาได้เลวนิ่ง ๆ อย่างสุดแสน

ดูไป 8 ตอนแล้ว หูเฟยใกล้ออกแล้วค่ะ อีกนิดนึง แต่ต้องดูภาคพ่อแม่ก่อนเดี่ยวไม่รู้เรื่อง

เพื่อน ๆ คะ ช่วยด้วยนะคะ เราอ่านนาน เราจำเนื้อเรื่องไม่ได้เหมือนใช้น้ำล้างออกไปหมดเลย เมื่อคืนอยู่ ๆ ก็นึกได้ว่า "เหมียวเหรินฟ่ง" ก็ "เมี๊ยวนั้งหงส์" ไง โหย....ความทรงจำมันมาแว่บ ๆ

คราวนี้ผิดคาด จริง ๆ ที่ หวังจิง ทำให้เราทั้ง "ผิดหวัง " ทั้ง"ผิดคาด" ระคนกันไป

เราขอนุญาตยกยอดไปเลยนะคะ
จากคุณ : mamiya - [ 29 เม.ย. 50 13:23:16 ]

---------------------------------------
เอาล่ะค่ะ มากันหมดแล้วนะ




เนี่ยหยวนแสดงเป็นหูเฟย หรือ โอ้วฮุย



จงซินถงแสดงเป็นเฉิงหลิงซู่ หรือ เที้ยเล้งซู่



จูอินแสดงเป็นหยวนจื่ออี หรือ อ้วงจี่อี


ถานเย่าเหวินแสดงเป็นเถียนกุยหนงหรือ ชั้งกุยล้ง



อันอี่เซวียนแสดงเป็นเหมียวรั่วหลานหรือ เมี๋ยวเยี๊ยกลั้ง

เพื่อน ๆ คะ ส่วนของเนื้อเรื่องจะอยู่ตรงนี้ ส่วนเพิ่มเติมเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในเรื่องจะเอาใส่ไว้ข้างก็ล่างแล้วกันนะคะ จะได้แก้ไขได้ง่ายกว่า ใครมีความเห็นอะไรอย่านิ่งนอนใจ เข้ามา คอมเมนต์ กันหน่อยนะคะ


มาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า


หูอี้เตา(หวงซิวเซิง)กับภรรยาหลบผู้คนมาอยู่บนภูเขาหิมะ เพื่อให้อี้เตาได้ฝึกวิชาสำหรับการไปต่อสู้กับเหมียวเหรินฟ่ง(ฟังจงซิ่น) ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ไม่รู้จะหาใครช่วยจึงขึ้นเขาไปหา “จอมยุทธหู” เพื่อขอร้องให้เขาปราบคนพาล อี้เตาออกจากการเก็บตัวไปช่วยชาวบ้าน หนึ่งในนั้นมีผิงอาซื่อกับบิดาด้วย บิดาของอาซื่อสอนว่าต่อหากมีโอกาสให้ตอบแทนอี้เตาให้ได้



หวงซิวเซิง แสดงเป็น หูอี้เตา หรือ โอ้วเจ็กตอ

อี้เตาเดินทางไปที่โรงเตี้ยมที่นัดพบกับเหมียวเหรินฟ่ง แต่โดนคนชั่วเถียนกุยหนง(ถานเย่าเหวิน)วางแผนการทุกวิถีทางเพื่อกำจัดหูอี้เตา เนื่องจากเถียนกุยหนงเป็นสุนัขรับใช้ทางการ ได้รับคำสั่งฮ่องเต้ชิงให้มาหาลายแทงขุมทรัพย์ที่แบ่งไว้สี่ส่วนคือ ตระกูลเถียน เหมียว ฟ่าน หู หากกุยหนงหาไม่ครบ ฮ่องเต้ได้เก็บคำสั่งลับไว้ หากฮ่องเต้สวรรคตแล้วยังหาไม่เจอ กุยหนงจะโดนประหาร 9 ชั่วโคตรทันที


ที่ทางการต้องการขุมทรัพย์นี้มากและเชื่อว่ามีจริงก็เพราะ สมัยหลี่จื้อเฉิงบุกเข้าล้มล้างราชวงศ์หมิง(ไปดูเรื่องกระบี่เลือดมรกตได้ จะต่อกันติดทันที) หลังจากขึ้นครองบัลลังก์แล้วเคยให้หลี่เหยียนซึ่งเป็นกุนซือไปหาขุมทรัพย์ของฮูปี้เลี่ยแห่งราชวงศ์หยวน และกล่าวกันว่าหลี่เหยียนได้ค้นพบขุมทรัพย์มหาศาลที่ฮูปี้เลี่ยเตรียมการไว้บำรุงกองทัพจริง ๆ เมื่ออู๋ซันกุ้ยนำทหารชิงบุกเข้ามา หลี่จื้อเฉิงถูกล้อมไว้ ขณะหน้าสิ่วหน้าขวาน ขุนทัพทั้งสี่คือ ขุนพลเถียน ขุนพลเหมียว ขุนพลฟ่าน และ ขุนพลหูอยู่ข้างกายเจ้านายของพวกเขาด้วยความภักดี แต่เมื่อข้าศึกประชิดจึงวางแผนกันว่าให้ขุนพลฟ่าน เหมียว เถียน ไปหากำลังเสริมมาช่วย ส่วนขุนพลหูคอยพิทักษ์นาย ต่อมา 3 ขุนพลได้ยินว่าขุนพลหูสวามิภักดิ์อู๋ซันกุ้ยโดยตัดหัวหลี่จื้อเฉิงไปรับรางวัล ได้เสพสุขเป็นขุนนางราชวงศ์ชิงซึ่งทั้ง 3 ขุนพลโกรธมากที่ขุนพลหูทรยศ ในเวลาต่อมา ทั้ง 3 จึงบุกเข้าจวนของขุนพลหูเพื่อสังหารแก้แค้นให้นาย แต่ทว่าขุนพลหูบอกว่า ความจริงหลี่จื้อเฉิงไม่ได้ตาย เป็นอุบายแสร้งภักดีเท่านั้น ตอนนี้นายมีชีวิตอยู่สุขสบายดี แต่ 3 ขุนพลไม่เชื่อ ขุนพลหูจึงใช้ความตายเป็นเครื่องพิสูจน์ ถึงขุนพลหูจะตายไปแล้ว แต่ความแค้นก็ยังไม่สลาย 3 ตระกูลนี้จึงตามล้างทายาทตระกูลหูเรื่อยมา จนถึงรุ่นของเหมียวเหรินฟ่ง หูอี้เตา และเถียนกุยหนง




เถียนกุยหนงเกรงว่าจะเอาลายแทงจากหูอี้เตาผู้มีฝีมือเยี่ยมยอดไม่ได้ จึงพยายามยุเหมียวเหรินฟ่งให้ต่อสู้กับอี้เตาและคอยรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ซึ่งความชั่วของกุยหนง ผิงอาซื่อที่เป็นคนรับใช้ในโรงเตี้ยมเห็นเหตุการณ์โดยตลอด และพยายามจับตาเผื่อจะช่วยจอมยุทธหูผู้มีพระคุณได้บ้าง ผู้อี้เตากับเหรินฟ่งต่อสู้กันหลายครั้ง จนเริ่มเหมือนสหายรู้ใจ ทั้งสองให้เกียรติกัน และต่อสู้กันด้วยฝีมือเกือบเท่าเทียมกัน ระหว่างนั้นเอง ภรรยาที่ท้องแก่ของอี้เตา ปวดท้องใกล้คลอด ทั้งสองหยุดต่อสู้และให้อาซื่อไปหาหมอตำแยมา แถบนั้นเป็นภูเขาหิมะ หาใครไม่ได้เลย จึงได้ปศุสัตว์มาคนหนึ่ง หูฟูเหรินให้กำเนิดเด็กชายหน้าตาน่ารัก อี้เตาเรียนมาน้อยจึงให้ เหรินฟ่งตั้งชื่อให้ เหรินฟ่ง ตั้งชื่อเด็กน้อยนี้ว่า “หูเฟย” (胡非)สื่อถึงเรื่องราวบนโลกนี้ที่มีทั้งถูกและผิดเกิดขึ้นตลอดเวลาเป็นอนิจจัง



ฟังจงซิ่นแสดงเป็นเหมียวเหรินฟ่ง หรือ เมี๊ยวนั้งหงส์
หูฟูเหรินเห็นว่าเหรินฟ่งเป็นคนไม่เลว ไม่อยากให้ต้องเป็นศัตรูกับสามี จึงจะบอกความจริงที่ตระกูลหูมิได้ทรยศให้เหรินฟ่งทราบ แต่อี้เตาทัดทานเนื่องจากคงไม่มีใครเชื่ออีกทั้งหูฟูเหรินตรากตรำเกินไปหลังคลอดเช่นนี้ให้เขาเขียนเองดีกว่า หูฟูเหรินมองสามีด้วยความรักและบอกว่า

“ท่านพี่ หากท่านเขียนคงไม่มีใครเชื่อ หากข้าเขียนคงไม่เหมือนกัน เราต้องคิดถึงอนาคตของลูก ข้าเหนื่อยสักนิดจะเป็นไรไปให้ข้าเขียนและส่งไปเถอะ”


พ่อ-แม่-ลูก ก่อนการต่อสู้ครั้งสุดท้าย และเป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งสามได้อยู่พร้อมหน้ากัน

กุยหนงได้รับยาพิษร้ายแรงจากราชสำนักจึงให้หมอตำแยจำเป็นที่ทำคลอดหูเฟยทาลงบนอาวุธของยอดฝีมือทั้งสอง ขณะต่อสู้คับขันเป็นตายนั้นเองอี้เตาถูกสะกิดเป็นแผล มือที่เกาะหน้าผาหุบเขาหิมะอยู่หมดแรงร่วงหล่นลงในหุบเหว เหรินฟ่งตกใจมาก เขาเองก็บาดเจ็บและเริ่มสงสัยกุยหนง เหมียวเหรินฟ่งรีบไปหากุยหนงเพื่อสอบถามเรื่องนี้ แต่ไม่พบ เขาจึงสังหารคนของกุยหนงตายเกือบหมด



หูฟูเหริน ภรรยาแสนดีของหูอี้เตา มารดาผู้ปรานีของหูเฟย

หูฟูเหรินเห็นสามีตกหน้าผาตายกับตา นางเสียใจเป็นที่สุด และเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นฝีมือของเหรินฟ่งเมื่อพิจารณาจากนิสัยแล้ว นางสงสัยกุยหนงเช่นกัน เมื่อกลับไปที่โรงเตี้ยมไม่ทันไรคนของกุยหนงก็มา เพื่อชิงลายแทง หูฟูเหรินที่ร่างกายยังอ่อนแอส่งลูกให้ผิงอาซื่อ และบอกว่าให้เปลี่ยนชื่อทารกน้อยหูเฟย 胡非เป็น หูเฟย 胡斐 เนื่องจากนางไม่ต้องการให้ชะตาของทารกน้อยผูกอยู่กับเรื่องจริง ๆ เท็จ ๆ บุญคุณความแค้น ของโลกใบนี้อีกต่อไป

กุยหนงสังหารหูฟูเหริน เหรินฟ่งกลับมาไม่ทันเห็นแต่ศพของหูฟูเหริน สาบานว่าจะหาทายาทของอี้เตาและฟูเหรินให้ได้ เขาฝังศพนาง และเริ่มออกตามหาทารกน้อยหูเฟย ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของสหายที่เสมือนศัตรู และเป็นผู้รู้ใจอีกทั้งคู่มือที่ทัดเทียมกัน หูอี้เตาผู้ล่วงลับ

ผิงอาซื่อพาทารกน้อยหูเฟยหนีไป โชคร้ายไปเจอกับหมอตำแยจำเป็นซึ่งความจริงแล้วเคยเป็นโจรภูเขามาก่อน ต้องการแย่งชิง “คัมภีร์เพลงดาบตระกูลหู” เมื่อเห็นอาซื่อจึงเข้าแย่งชิงคัมภีร์ แต่อาซื่อไม่ยอมจึงโดนฟันแขนขาด หมอตำแยชั่วแย่งชิงคัมภีร์ไปได้ แต่อาซื่อใจเด็ด คว้าคัมภีร์คืนแล้วโอบทารกน้อยกระโดดลงหุบเหวหนีไป หมอตำแยโฉดได้คัมภีร์ไปเพียงแค่ 2 หน้าหลังเท่านั้น

เหรินฟ่งตามหาหูเฟยและอาซื่ออยู่ 7 เดือน อาซื่อที่โดดเขาแต่ตกลงบนกิ่งไม้ช่วยให้รอดมาได้ก็หลบอยู่บนภูเขาหิมะ 7 เดือนเช่นกัน (สงสัยจังว่าทารกน้อยหูเฟยกินอะไรถึงได้รอด) เมื่อเหรินฟ่งหาไม่เจอ จึงออกจากหุบเขาเพื่อท่องเที่ยวตามหาทั้งสองต่อไป อาซื่อเห็นเหรินฟ่งลงเขาจึงลงเขาไปบ้าง

อาซื่อลงจากเขาพร้อมอุ้มทารกน้อยหูเฟยไปด้วย ในศาลเจ้าร้างเขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเหมียวเหรินฟ่งและกุยหนงแต่เขายังปักใจว่า เหรินฟ่งเป็นคนเลวที่ทำให้ผู้มีพระคุณของเขาต้องตาย

7 ปีผ่านไป วันหนึ่งขณะเดินทาง เหรินฟ่งพบขบวนขุนนางที่กำลังเดินทางบนเส้นทางเดียวกัน ในเกี้ยวโดยสาร ลมพัดผ้าม่านเปิดเขาเห็นคุณหนูแสนสวย เมื่อไปถึงโรงเตี้ยมทั้งสองพบกันอีกแต่ว่ามีคนพาลมาหาเรื่องเพราะขุนนางผู้นี้มีดาบสวยงามล้ำค่ามาก(ลืมชื่อดาบ จันทร์อะไรสักอย่าง) เหรินฟ่งช่วยไว้ ตอนเช้าคณะของคุณหนูก็ออกเดินทาง



ดาบวิเศษ


ด้านทารกน้อยหูเฟยกับอาซื่อที่ฝากชีวิตไว้แก่กัน หนูน้อยหูเฟยอายุ 7 ขวบแล้ว(น่ารัก กังฟูเนี๊ยบสุด ๆ ชอบมากเลยค่ะเด็กคนนี้)กำลังนั่งรอซื่อซู่(ท่านอาสี่)อยู่แต่บังเอิญแสดงฝีมือออกมา อาซื่อมาเห็นโกรธมาก ตบหน้าหูเฟยน้อย และสั่งว่าอย่าแสดงเพลงดาบตระกูลหูพร่ำเพรื่อจะนำภัยมาสู่ตน หนูน้อยหูเฟยร้องไห้ขอโทษและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก อาซื่อพาหูเฟยกลับบ้านไป

ขบวนขุนนางผ่านมาเห็นหูเฟยน้อยฝึกวิชาที่ลานบ้าน รู้สึกสนใจจึงเอาดาบวิเศษออกมาบอกว่า ลองสู้กันดู หูเฟยน้อยเห็นว่าฝึกวิชามานานแล้วลองมีคู่ซ้อมด้วยน่าจะดีจึงรับปาก แต่อาซื่อมาเห็นก็ด่าว่าอีกขับไล่ขบวนขุนนางไป


หนันหลาน แม่ใจร้าย ภรรยาที่นอกใจสามี

ขบวนขุนนางเดินทางไปในป่า พวกโจรที่เคยเจอในโรงเตี้ยมมาชิงดาบวิเศษ สังหารคนตายหมดเหลือแต่คุณหนูแสนสวย ขณะจะทำมิดีมิร้ายนาง เหรินฟ่งมาช่วยไว้พอดี จนถูกพิษของโจรร้าย นางดูดพิษให้ช่วยชีวติเหรินฟ่งไว้ คุณหนูคนสวยมีนามว่า หนันหลาน(กล้วยไม้) นางไร้ที่พึ่งจึงตกลงใจแต่งงานกับเหรินฟ่ง เหรินฟ่งพานางไปที่บ้านเขา สร้างครอบครัวเล็ก ๆ ของตนเอง



หนันหลานกับเหมียวเหรินฟ่ง


หนันหลานตั้งครรภ์ คลอดบุตรสาวให้ชื่อว่า เหมียวรั่วหลาน 苗若兰 (ประดุจกล้วยไม้) เด็กน้อยฉลาดน่ารักช่างจำนรรจา หนันหลานเคยอยู่ในตระกูลร่ำรวยมาก่อน เมื่อมาอยู่กับเหรินฟ่ง นิสัยคุณหนูที่หรูหราเริ่มไม่ค่อยพอใจความเป็นอยู่เท่าใดนัก

เถียนกุยหนงได้รับคำสั่งให้ติดตามหาลายแทงตลอดมา จึงพยายามหาตัวหูเฟยน้อยที่หายไปพร้อมอาซื่อ และเหมียวเหรินฟ่ง เมื่อได้เบาะแสจึงทำทีบาดเจ็บไปที่บ้านของเหรินฟ่ง เขาพบว่าเหรินฟ่งตามใจหนันหลานมาก และรับทราบโดยบังเอิญว่าหนันหลานไม่ค่อยพอใจความเป็นอยู่ของตนเอง จึงวางแผนหลอกเอาลายแทงที่เขาเข้าใจว่านางรู้ว่าอยู่ที่ไหน เนื่องจากเหรินฟ่งรักนางมาก ของสำคัญที่นางพูดถึงต้องเป็นลายแทงอย่างแน่นอนในความคิดของกุยหนง เขาหลอกว่ารักนาง และนัดพากันหนี คืนก่อนจากลูกน้อย หนันหลาน บอกว่า

“เหนียง(แม่)ต้องไปแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอลูกอีก รั่วหลาน”



หนันหลานปันใจให้เถียนกุยหนง ทิ้งลูกสาววัยกำลังน่ารักและสามีที่รักและถนอมนาง

(ขอบอกว่าผู้หญิงคนนี้เห็นแก่ตัวมาก ๆ เห็นแก่ความสบายส่วนตัวทิ้งลูกไปได้ ผิดกับแม่หูเฟยอย่างกับฟ้ากับดิน ไม่รู้จักคำว่าเสียสละเพื่อลูกเลย)

คืนที่พากันหนี เหรินฟ่งรับทราบเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความเจ็บช้ำ แต่เขาไม่ได้ปรากฏตัวขัดขวาง ตอนเช้ารั่วหลานร้องหาแม่ คนรับใช้ทุกคนเห็นจดหมายของหนันหลานแต่ไม่กล้าบอกรั่วหลาน เหรินฟ่งบอกกับรั่วหลาน(น่าจะประมาณ 3 -4 ขวบได้)ว่าแม่หนีไปแล้ว รั่วหลานขอให้พ่อตามหาแม่ เหรินฟ่งบอกว่า ถ้าแม่ไม่ยอมกลับ รั่วหลานต้องมาอยู่กับเตียเตีย(พ่อ)และลืมแม่เสีย รั่วหลานรับปาก ผงกหัวหงึก ๆ ตามประสาเด็ก เหรินฟ่งพารั่วหลานฝ่าหิมะไปตามหาหนันหลาน


อาซื่อพาหูเฟยน้อยเปลี่ยนที่อยู่คร้งแล้วครั้งเล่าเพื่อหลบหนีการตามล่าของศัตรู


อาซื่อเห็นหูเฟยแสดงฝีมืออีก เขาระแวงว่าจะมีคนตามมาจึงพาหูเฟยน้อยย้ายบ้านอีก ขณะเดินทางเจอรั่วหลานกับเหรินฟ่งพอดี อาซื่อจำเหรินฟ่งได้ พยายามหลบหน้า เหรินฟ่งพารั่วหลานไปจนพบหนันหลานและชายชู้ บังเอิญอาซื่อกับหูเฟยไม่ทันเห็นเดินเข้ามาหว่างกลางพอดี

บรรยากาศเริ่มตึงเครียด สถานที่กุยหนงพาหนันหลานมาหลบหิมะเป็นบ้านตระกูลหม่า ที่พอดีมีคนมาหาเรื่องพอดี กลุ่มใหญ่ของตระกูลหม่าอยู่ทางด้านกุยหนง กลุ่มที่มาหาเรื่องอยู่ทางด้านเหรินฟ่ง เหรินฟ่งสั่งให้ชาวยุทธที่มาหาเรื่องถอยไป พวกเขาจำได้ว่าเป็นเหรินฟ่งจึงให้เกียรติและเชื่อฟังถอยออกไป แต่หิมะตกหนัก ทั้งหมดจึงเข้าไปสะสางกันในห้องโถงตระกูลหม่า

มันส์ไหมคะ? (พิมพ์จนเมื่อยมือ)เนื้อเรื่องดี เกินที่คาดว่าจะได้รับจากหนังของหวังจิง ตอนนี้ติดแล้วค่ะ ค่อย ๆ เล่ากันไป ใครที่จำเนื้อเรื่องในหนังสือได้ ช่วยเข้ามาเสริมความเหมือน-ความต่างกันหน่อยนะคะ ร่วมด้วยช่วยกันค่ะ








หูเฟยน้อยเติบโตเป็นหนุ่มแล้ว ฝีมือไม่เลว


เล่าต่อค่ะ 1/05/07

ในห้องโถงตระกูลหม่า รั่วหลานโผเข้าหาแม่ หนันหลานกอดลูกไว้ แต่สุดท้ายก็พูดว่า

“หลานเอ๋อร์ แม่ไม่อยากจากลูก แต่แม่ต้องไป” (อ้าวสับสนหรือเปล่าจ๊ะ)

ในกลุ่มคนนี้มีคนหมอตำแยชั่วอยู่ด้วย อาซื่อวางแผนเอาคัมภีร์สองหน้าสุดท้ายคืนมาได้ในที่สุด

ส่วนหนันหลานเพราะความเห็นแก่ตัวอยากเสพสุขหนันหลันจึงตัดสินใจแบบนี้ เหรินฟ่งกับกุยหนงจ้องตากันอยู่ หนันหลานเข้าไปกอดกุยหนงไว้เพราะเกรงเหรินฟ่งจะฆ่าเขา เหรินฟ่งตัดใจพาลูกสาวตัวน้อยจากไป

ตระกูลหม่ามีความแค้นที่สามีตายจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อล้างแค้น ศัตรูผู้หนึ่งของนางถูกล่อให้มาที่บ้านเพื่อวางแผนฆ่า เขาพาลูกสาวมาด้วย ฮูหยินหม่าจะให้แต่งเข้าบ้านนาง แต่หูเฟยน้อยไปรู้ความลับเข้าเสียก่อน จึงบอกให้รู้ตัว ทั้งหมดพยายามหนี แต่ถูกจับกลับมา ครอบครัวนี้ได้รับความช่วยเหลือจากฟู๋คังอันเพราะคังอันไปถูกใจลูกสาวเขา เพียงข้ามคืนก็ได้นางเป็นของตน (คุณชายปลากัดจริง ๆ แค่จ้องหน้ากันวูบเดียวเท่านั้น)

ฮูหยินตระกูลหม่า กาลก่อนสามีตายเพราะปล้นขบวนคุ้มกันภัยจึงถูกอี้เตาสังหาร ความแค้นนี้ทำให้นางเห็นเพลงดาบของหูเฟยน้อยแล้วสงสัยจึงพยายามฆ่า หูเฟยน้อยหนีรอด แต่ตระกูลหม่าจับอาซื่อไว้ หูเฟยน้อยกลับมาช่วย สังหารลูกชายตระกูลหม่าตาย จึงถูกจับขังในห้องเหล็กพร้อมคนอีกหลายคน หม่าฟูเหรินตั้งใจเผาหูเฟยให้ตาย พี่สามแห่งสมาคมดอกไม้เหล็ก(จะเอาสมาคมดอกไม้แดงหรือดอกไม้เหล็กดี ในหนังเรียกสมาคมดอกไม้เหล็ก แต่จำได้ว่าสมาคมนี้เรียกว่าดอกไม้แดงนี่นา ใครช่วยบอกที) มาช่วยไว้เนื่องจากเห็นว่าหูเฟยน้อยกล้าหาญและจิตใจดีงามจึงรับไว้เป็นน้องบุญธรรม

อาซื่อเห็นว่าหูเฟยจะได้เรียนวิชาฝีมือ จึงอยากให้อยู่กับสมาคมดอกไม้เหล็ก(เรียกตามหนังไปก่อนก็แล้วกัน)ดีกว่า ตอนนี้เขาได้ทำตามที่ผู้มีพระคุณสั่งแล้วถือว่าหน้าที่ลุล่วง และเขาไม่มีวิชาฝีมือ น่าจะใช้ชีวิตแบบชาวบ้านดีกว่าโดยจะไปทำมาหากินอยู่ที่เมืองเป่าติ้ง หูเฟยน้อยจึงตามจ้าวซันเกอไปเรียนวิชา

เมื่อขึ้นเขาไปแล้วหูเฟยน้อยเจอกับคนในพรรคอีกหลายคน รวมทั้งเฉินเจียลั่ว(ตั้งแกลก)หัวหน้าสมาคมดอกไม้เหล็กที่เขาเข้าใจผิดว่าเป็นฟู๋คังอันอีกด้วย พี่เจ็ดบอกว่าทั้งสองหน้าตาคล้ายกันแต่เป็นคนละคนกัน หูเฟยเรียนวิชาจนหมดสิ้นแล้วจึงขึ้นเขาไปเรียนกับอาจารย์อีกคนหนึ่ง โดยเฉินเจียลั่วพาไปฝากฝังไว้

(พี่เจ็ดนี้มีcostumeสุดยอดเลย เหมือนใส่หมวกแก๊ปสมัยใหม่ เห็นทีไรนึกว่าผู้กำกับยืนคุมเนี่ยหยวนทุกที พับผ่าสิ)

เวลาผ่านไปหลายปี พี่เจ็ดอยากเห็นหูเฟยน้อยว่าโตแค่ไหนแล้ว แต่โดนหูเฟยน้อยที่ตอนนี้เป็นหนุ่มน้อยแล้วแกล้งล้อเล่น ฝีมือของหูเฟยก้าวหน้ากว่าเดิมมาก หูเฟยอยากลงเขาไปหาซื่อซู่ที่เป่าติ้ง เขาจึงลงจากเขามา แต่ไปหาแต่ซื่อซู่ไปอยู่ที่อื่นแล้ว หูเฟยเลยเที่ยวเล่นอยู่ในเป่าติ้ง

พบเหตุอยุติธรรมเมื่อ คนแซ่ฟ่ง(แปลว่าหงส์)รังแกชาวบ้าน ต้องการที่นาของคนอื่น ใส่ร้ายว่าลูกน้อยชาวบ้านนั้นขโมยห่านไปกิน จับชาวบ้านนั้นไปขัง แม่ของเด็กแค้นใจจึงผ่าท้องลูกน้อยพิสูจน์กลางศาลเจ้า แต่ไม่พบห่าน นางถูกคนของตระกูลฟ่งทำร้าย หูเฟยพยายามช่วยแต่ถูกกลอุบายล่อให้ไปที่อื่น ชาวบ้านที่มีเรื่องกับตระกูลฟ่งถูกสังหารทั้งครอบครัว หูเฟยอาละวาด ทวงถามความยุติธรรมจนคนเลวแซ่ฟ่งต้องเผาบ้านหนี หูเฟยสาบานว่าต้องแก้แค้นให้ชาวบ้านผู้นี้ให้ได้ เขาจึงออกเดินทางตามหาคนชั่ว

ระหว่างเข้าร้านอาหารเจอคนวางยา ห่อผ้าถูกขโมย เขาเห็นสาวน้อยเสื้อม่วงขี่อาชาสีขาว จำได้ว่าเป็นของสมาคมดอกไม้เหล็ก เขาจึงตามไป ต่อสู้กัน หูเฟยโดนวางยาและสลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาจึงออกตามหาสาวเสื้อม่วง นางไปชิงป้ายเจ้าสำนักต่าง ๆ เกือบพลาดพลั้ง หูเฟยสอดมือช่วย เขาพบว่านางมีป้ายของพี่สาม นางใช้อุบายหลอกหูเฟยว่ามีศักดิ์สูงในสมาคม ให้หูเฟยตามรับใช้ ทั้งสองเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน และหูเฟยทราบโดยบังเอิญว่า การจัดงานชุมนุมเจ้าสำนัก เป็นแผนชั่วของทางการ จึงร่วมมือกับหยวนจื่ออีสาวเสื้อม่วง ชิงเอาป้ายเจ้าสำนักมา เพื่อล่มงานชุมนุม




หยวนจื่ออีเป็นเด็กกำพร้าตามหาแม่จนมาถึงเมืองนี้ หูเฟยปลอบใจนางว่าไม่ต้องกังวล ต้องหาพบจนได้ ที่สุดจื่ออีก็ทราบว่ามารดาของนางบวชเป็นชีเพราะโดนคนแซ่ฟ่งกระทำ นางจึงตั้งท้องจื่ออี จื่ออีตกใจมาก และทราบว่านางกับหูเฟยที่เริ่มมีใจให้แก่กัน อย่างไรก็ไม่มีผลบั้นปลายที่ดี นางจึงจากไปไม่ได้ลา



หูเฟยหาทั่วแล้วไม่พบจื่ออีจึงเร่งขี่ม้าตาม จนทัน เขาควบม้าตายไป 3 ตัวไม่หลับไม่นอนเพื่อตามนางให้ทัน แต่ได้รับคำตอบที่จากโดยไม่ได้อำลาว่า นางเบื่อคนโง่อย่างเขา แล้วขี่ม้าจากไป หูเฟยวิ่งตามไป พบร่องรอยของคนชั่วแซ่ฟ่ง หูเฟยพยายามสะกดรอยเพื่อสังหารคนชั่วให้แผ่นดินสูงขึ้น แต่จื่ออีมาขวางไว้ทุกครา เขาประหลาดใจ แต่จื่ออีแน่ใจแล้วว่าอย่างไรหูเฟยก็ต้องไม่ละเว้นบิดานางแน่ นางจึงอำลาจากเขาไปอีกครา

หูเฟยประหลาดใจ ไม่เข้าใจสตรีว่าทำไมจึงทำเช่นนี้ คนชั่วเช่นคนแซ่ฟ่งสังหารยังนับว่าปรานีเกิน หูเฟยเก็บความสงสัยไว้ หวังลึก ๆ ว่าจะพบกับนางอีก หูเฟยไปถามเรื่องความรักกับเซียมซี แต่พบว่าต้องปล่อยตามวาสนา ในวัดเขาพบกับหนันหลานที่เริ่มเห็นธาตุแท้ของกุยหนง นางได้ยินโดยบังเอิญว่าจะกุยหนงออกอุบายใช้พิษสังหารเหรินฟ่ง นางจึงพยายามออกจากความควบคุมของกุยหนง ทำทีมาวัดและพยายามหาคนส่งจดหมายเตือนภัยให้เหรินฟ่งทราบ พอดีหูเฟยมาถึง ด้วยความไม่ต้องการให้ศัตรูอย่างเหรินฟ่งตายไปก่อนตัวเองจะมีฝีมือระดับที่ไปจัดการแก้แค้นได้ จึงรับอาสาส่งจดหมายไปให้ถึงมือเหรินฟ่ง ระหว่างทางคิดเปิดดูแต่วิญญูชนไม่ควรทำ จิตใจด้านดีมาเตือนไว้ก่อน หูเฟยจึงไม่ได้เปิดจดหมายออกดู



เขาเดินทางไป พบว่ามีกลุ่มคนไล่ตามเด็กหญิงนางหนึ่ง เขาช่วยเด็กหญิงไว้ พาไปเลี้ยงอาหาร เด็กหญิงที่ยากจนน่าสงสัยว่าจะไม่จนจริง หูเฟยดูออก พยายามหนี แต่ไม่พ้น เมื่อทราบว่าหูเฟยมาหาเหรินฟ่ง เด็กหญิงบอกว่าครอบครัวนางถูกเหมียวเหรินฟ่งสังหารหมด อย่าไปหาคนคนนี้เลยเพราะร้ายกาจมาก

เหรินฟ่งตามหาลูกสาวรั่วหลานพบว่าอยู่กับหูเฟย แต่หูเฟยคิดว่าเหรินฟ่งจะมาฆ่า จึงช่วยสุดฝีมือ แต่ฝีมือกลับสู้เหรินฟ่งไม่ได้ เด็กน้อยรั่วหลาน(น่าจะประมาณ 10 กว่าได้ เพราะตอนหูเฟย 7 ขวบ หนันหลานเพิ่งแต่งงานกับเหมียวเหรินฟ่ง พระเอกคงอายุ 17 + รั่วหลานน่าจะ 10 +)ปรากฏตัวออกมาจากที่ซ่อน และเรียกเหรินฟ่งว่า เตีย(พ่อ) หูเฟยจึงรู้ว่าโดนเด็กหลอกเสียแล้ว หูเฟยสำนึกตัวว่าฝีมือยังด้อย ยังแก้แค้นไม่ได้ เมื่อเหรินฟ่งถามชื่อจึงบอกว่า ชื่อ ผิงเฟย(ใช้แซ่ของอาซื่อ) รั่วหลานบอกที่อยู่ให้


ระหว่างทางหูเฟยรู้ความลับว่ามีคนจะฆ่าเหรินฟ่ง หากเปิดจดหมายออก จะโดนพิษ หูเฟยรีบควบม้าไปบอกเพราะไม่อยากให้ศัตรูตายไปก่อนตนมาสะสาง เมื่อกลับไปก็สายไปเสียแล้ว เพราะรั่วหลานรู้ว่าเป็นจดหมายแม่ จึงชักนำให้พ่อเปิด พอเปิดออก(มาผีเสื้อของฝ่ายกุยหนงก็บินมา พอบินมาถึงหน้าเหรินฟ่ง ตาเหรินฟ่งก็แตกเลือดกระจาย มุขผีเสื้อพิษนี่ หวังจิงเคยใช้ในเรื่อง “ปาต้าเหาเสีย” แล้ว แต่เป็นผีเสื้อดำ คราวนี้เป็นผีเสื้อสวยหลากสีเลี้ยงอยู่ในโหล พอเปิดจดหมายพวกคนชั่วก็เปิดโหลแก้ว ผีเสื้อบินเต็มท้องฟ้ายามราตรีสวยงามดี) เหรินฟ่งถูกพิษ เขาสำนึกตัวว่าสู้ศัตรูไม่ได้แต่ห่วงลูกสาว จึงฝากให้หูเฟยดูแล หูเฟยพารั่วหลานหนีไป

ด้านกุยหนงที่เริ่มออกลาย หนันหลันเริ่มรู้สึกสำนึกตัวว่าเลือกคนผิดไปแล้ว นางเป็นคุณหนูที่มีแต่คนตามใจ คิดว่าใคร ๆ ก็รักนาง ไม่ว่าพ่อ หรือ เหรินฟ่ง นางนึกไม่ถึงที่กุยหนงแสดงออกกับนางจะเป็นการเสแสร้งทั้งหมด หลังทบทวนพฤติกรรมตนเอง ว่าเป็นภรรยาที่ทรยศสามี ไม่คู่ควรกับการเป็นแม่ นางจึงผูกคอตายเนื่องจากไม่มีเหตุอันควรมีชีวิตอยู่ในโลกอีกแล้ว กุยหนงมาพบเขาร้องไห้โศกเศร้าและรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วเขาก็รักหนันหลานและไม่อาจขาดนาง

(ขอชม ถานเย่าเหวิน ร้องไห้ได้โหยหวนมาก เสมือนจะขาดใจตายไปตรงนั้น แต่เวลาร้ายก็ร้ายเสียจริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างกุยหนงจะรักใคร หรือเสียน้ำตาให้ใครได้ มนุษย์เราก็เช่นนี้ มีความรู้สึก และความรู้สึกนั้น แม้ตนเองก็อาจยังไม่รู้จนกระทั่งถึงเวลาหนึ่งที่กระทั่งตนเองยังไม่อยากเชื่อ )

เด็กน้อยรั่วหลานฝันร้ายเพราะคิดถึงแม่และระลึกถึงพ่อตลอดเวลา หลับ ๆ ตื่น ๆ รั่วหลานให้หูเฟยช่วยกอดนอนเหมือนกับที่พ่อเคยกอดนาง หูเฟยกระอักกระอ่วนยิ่งนัก ตอนเช้าหูเฟยพารั่วหลานตามหาเหมียวเหรินฟ่งแต่ไม่เจอ ทั้งสองเดินทางไป ได้ยินคนคุยกันว่าเหมียวเหรินฟ่งถูกทำร้ายตาบอดแต่ยังมีชีวิตอยู่ รั่วหลานและหูเฟยไปตามหาหมอวิเศษที่เขาร่ำลือกัน โดยร่วมทางไปกับชาวยุทธอีกหลายคน

ระหว่างทางพบกับสาวน้อยปลูกกล้วยไม้ หูเฟยและรั่วหลานเห็นนางแบบบางจึงช่วยนางตัดน้ำรดดอกกล้วยไม้ นางกำนัลดอกกล้วยไม้ให้ ไม่คาดดอกไม้นี้กลับมีสรรพคุณกำจัดพิษ ชาวยุทธอื่น พบกับนางมารหน้าตาอัปลักษณ์โดนพิษ แต่หูเฟยกับรั่วหลานไม่เป็นไร นางมารตบรั่วหลานเพราะรั่วหลานไปพูดถึงหน้าของนาง รั่วหลานโดนพิษ หูเฟยคิดว่าแม่นางที่ปลูกกล้วยไม้ต้องช่วยได้ จึงพารั่วหลานไปหานาง ระว่างเดินทางไป เจอคนลอบทำร้าย แต่ถูกหูเฟยขับไล่ไป

แม่นางที่ปลูกกล้วยไม้ชื่อว่าเฉิงหลิงซู่ นางบอกว่าเห็นแก่หูเฟยที่ขันแข็งช่วยงาน จะรักษาน้องสาวให้แต่ต้องให้นางทำงานให้ด้วยในวันรุ่งขึ้น เป็นงานหนักมาก หูเฟยรับปากแทนรั่วหลาน แต่เมื่อตื่นขึ้นมารั่วหลานไม่ยอมทำงานหนัก หูเฟยจะทำแทนแต่หลิงซู่ไม่ยอม หูเฟยทราบความจริงว่าหลิงซู่หวังดีเพราะต้องทำงานให้เหงื่อออกพิษจะได้สลาย แต่รั่วหลานกลับไม่พอใจหลิงซู่และแกล้งนาง





04/05/07 ต่อค่ะ


เฉิงหลิงซู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และใช้พิษ


หลังจากทำงานบ้านอย่างหนักจนเหงื่อออก อาการของรั่วหลานก็หายเป็นปรกติ พิษถูกขับออกหมดแล้ว คนที่ลอบทำร้ายหูเฟยระหว่างทางความจริงเป็นศิษย์ของนางมาร ศิษย์แซ่เถี่ยผู้นี้แค้นที่อาจารย์ของเขาที่ชื่อหั่วฟู๋หรงถูกหูเฟยและหลิงซู่ทำร้ายจึงกลับมาแก้แค้น โดยทำลายแปลงกล้วยไม้ของหลิงซู่ยับเยิน แต่ถูกหูเฟยขับไล่ไป ศิษย์แซ่เถี่ยถูกพิษ หั่วฟู๋หรง(นางมาร)พยายามรักษาแต่ไม่สำเร็จ

คืนนั้นหลิงซู่ รั่วหลาน หูเฟยรับประทานอาหารพร้อมกันแต่รั่วหลานไม่ยอมกินอะไรเนื่องจากไม่ชอบหลิงซู่ หูเฟยกินเอากินเอาและบอกว่าอร่อย จนรั่วหลานไม่ค่อยพอใจ รั่วหลานถึงกับสลบไป หลิงซู่บอกว่าความจริงกล้วยไม้มีพิษดมมาก ๆ จะเป็นแบบนี้ที่หูเฟยไม่เป็นอะไรเพราะทานอาหารที่นางทำ นางใส่ยาแก้ไว้แล้ว หลิงซู่ถามหูเฟยว่าจะไปที่แห่งหนึ่งด้วยกันได้ไหม หูเฟยคิดว่าหลิงซู่คงมีส่วนเกี่ยวข้องกับแพทย์อำมหิตที่ตนกับรั่วหลานกำลังตามหาจึงยอมไปด้วย หลิงซู่ตั้งเงื่อนไข 3 ประการ 1. ห้ามพูด 2. ห้ามใช้วิทยายุทธ 3. ห้ามห่างนางเกิน 3 ก้าว หูเฟยรับปาก


หั่วฟู๋หรง นางมารศิษย์ผู้พี่ของเฉิงหลิงซู่ นางมารนี้เจ้าคิดเจ้าแค้น


ที่แท้หลิงซู่ไปเจอกับหั่วฟู๋หรงซึ่งความจริงเป็นศิษย์ผู้พี่ของนาง หลิงซู่ได้รับคำสั่งอาจารย์มาถ่ายทอดคำพูดให้ หั่วฟู๋หรงให้หลิงซู่ไปรักษาลูกศิษย์ แต่เกิดการลงมือกันก่อน หูเฟยที่หลิงซู่บอกให้แอบซ่อนอยู่ออกมาช่วยไล่นางมารไปแถมยังประกาศชื่อว่าตนเองเป็นใคร หลิงซู่โกรธหูเฟยที่เงื่อนไข 3 ข้อทำไม่ได้สักข้อ แต่รู้ว่าเขาจงใจประกาศชื่อเพื่อไม่ให้หั่วฟู๋หรงไปหาเรื่องหลิงซู่ที่ไม่มีวิทยายุทธ นางมารนี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นที่สุด หลิงซู่รู้สึกซาบซึ้งในความดีของหูเฟย

หลิงซู่เล่าให้หูเฟยฟังว่า หั่วฟู๋หรงเป็นคนอำมหิต เมื่อเรียนวิชาจากอาจารย์แล้วชอบอ้างชื่อไปก่อเรื่องเรื่อย ๆ จนคนในยุทธจักรขยาด จึงให้ชื่ออาจารย์ของทั้งสองว่าเป็นแพทย์อำมหิต ความจริงแล้วอาจารย์ออกบวชและไม่ใช่คนร้ายกาจขนาดนั้น ขณะนี้เสียชีวิตแล้ว หั่วฟู๋หรงยังไม่กตัญญูต่ออาจารย์แม้แต่น้อย ลึก ๆ แล้วหั่วฟู๋หรงเป็นคนน่าสงสาร เนื่องจากนางเป็นคนสวยจึงทระนงมาก หนุ่ม ๆ หลายคนช้ำใจเพราะนาง แต่นางกลับไปหลงรัก หัวหน้าสี่ของพรรคดอกไม้เหล็กชื่อเหวินไท่ไหล ซึ่งเขามีภรรยาอยู่แล้ว แต่หั่วฟู๋หรงคิดว่าเขามีใจให้แก่นาง จึงพยายาฝึกวิชามือพิษเพื่อไปสังหารภรรยาของเหวินไท่ไหลสร้างโอกาสรักให้กับตนเอง ไม่คาดขณะไปดักสังหาร ระหว่างต่อสู้พลาดท่าใบหน้าโดนทำลายเสียโฉม ระหว่างรักษาตัวสุ่ยฟู๋หรงได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากศิษย์ผู้น้อง แต่ระหว่างสติเลอะเลือนเพราะพิษไข้และความคิดถึงที่มีต่อไท่ไหลทำให้นางมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับศิษย์ผู้น้องจนมีลูกต้วยกัน แต่นางยังยืนยังว่าเด็กที่เกิดมาเป็นลูกของ “พี่สี่-เหวินไท่ไหล” ส่วนตัวเล้งซู่เองเข้าสำนักมาทีหลังเพราะอาจารย์เกรงว่าจะคุมหั่วฟู๋หรงไม่อยู่ หลิงซู่ทราบเรื่องเพียงเท่านี้ อื่น ๆ ไม่ทราบแล้ว

หลิงซู่ยอมมาช่วยศิษย์แซ่เถี่ยและสุ่ยฟู๋หรง นางจึงยอมเลิกราไม่หาเรื่องอีก ด้านรั่วหลานเมื่อตื่นขึ้นมา หูเฟยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง รั่วหลานงอนเพราะหูเฟยออกไปไหนต่อไหนกับหลิงซู่ หูเฟยงง ๆ กับปฎิกิริยาของหนูน้อยรั่วหลาน หลิงซู่ดูออกแล้วรำพึงยิ้ม ๆ ว่า


หนุ่มน้อยหูเฟย



“คนผู้นี้ไม่เข้าใจสตรีแม้แต่น้อย”

รั่วหลานถามหูเฟยว่าชอบหลิงซู่หรือเปล่า หูเฟยบอกว่า แพทย์มืออำมหิตตายแล้ว มีแต่หลิงซู่ที่เป็นศิษย์จะไปรักษาเหรินฟ่งบิดาของรั่วหลาน รั่วหลานถามว่าชอบนางไหม หูเฟยบอกว่าชอบสิ รั่วหลานให้หูเฟยยืนยันว่าจะไม่ชอบสาวอื่น ๆ หูเฟยตัดบทไม่พูดถึงเรื่องนี้และไม่ได้รับปาก


หลิงซู่ปลอมตัวเป็นชายออกเดินทางไปหาเหมียวเหรินฟ่งพร้อมกับหูเฟยและหนูน้อยรั่วหลาน


ก่อนออกเดินทาง หลิงซู่เก็บของ รั่วหลานแอบเอายาพิษของนางออกมาห่อหนึ่ง พอดีเจอกับศิษย์แซ่เถี่ยที่ยังไม่หายแค้นมาวนเวียนรอบบ้านของหลิงซู่ พอเห็นรั่วหลานเลยจะเข้าไปจับ รั่วหลานตกใจขณะกำลังเปิดซองยาดู อารามตกใจก็สาดผงยาใส่ศิษย์แซ่เถี่ย โชคร้ายที่พิษร้ายแรงมาก ร่างกายของศิษย์แซ่เถี่ยชักกระตุก และเปลี่ยนเป็นสีดำทันที (มุขนี้ของหวังจิง เจ๋งดีค่ะ ทำให้เห็นว่าพิษร้ายกาจมาก โดนปุ๊บดำไล่ไปทั่วตัวแล้วก็ตาย เลือดออกเจ็ดทวาร น่ากลัวดี ทำให้เห็นประสิทธิภาพของพิษร้ายชัดเจน )



รั่วหลานทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นและออกเดินทางไปกับหูเฟยและหลิงซู่ ด้านหั่วฟู๋หรงได้รับแจ้งว่าศิษย์แซ่เถี่ยถูกพิษ จวนตาย รีบมาดู แต่สายไปเสียแล้ว นางกล่าวด้วยความเคียดแค้นสุดหัวใจ

“เฉิงหลิงซู่ หูเฟย ในเมื่อลูกชายข้าตายไปแล้ว พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะอยู่เป็นสุขได้”

ที่แท้ศิษย์แซ่เถี่ยเป็นลูกชายของนางนั่นเอง ความอาทรที่เกินขอบเขตอาจารย์ของนางที่แสดงต่อศิษย์แซ่เถี่ยเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี



ด้านหลิงซู่ที่เดินทางไปกับหูเฟยและรั่วหลานมีกระทบกระทั่งกันตลอดเวลา หลิงซู่ทราบแก่ใจว่ารั่วหลานถูกใจหูเฟยมาก และรั่วหลานเองก็เกรงว่าหลิงซู่จะมาแย่ง “หูต้าเกอ” (พี่ชายแซ่หู) ของนางไป ระหว่างทางหูเฟยให้การดูแลทั้งสองเป็นอย่างอย่างดีตลอดเวลา จนกระทั่งถึงบ้านของเหมียวเหรินฟ่ง รั่วหลาน พบสัญลักษณ์ที่เหรินฟ่งทำไว้ จึงไปตามหากันยังสถานที่ซ่อนตัวของเหรินฟ่ง


ระหว่างการเดินทาง หูเฟยดูแลผู้ร่วมทางเป็นอย่างดี


(ตอนนี้ทราบแล้วค่ะ ว่ารั่วหลานอายุ 11 ย่าง 12 ถ้าอย่างนั้น หูเฟยต้อง + 7 ก็คือหูเฟยอายุ 19 และหลิงซู่บอกว่าอายุมากกว่า รั่วหลาน 5-6 ปี ก็่น่าจะ 17 ย่าง 18 เท่ากับว่าหลิงซู่อ่อนกว่าหูเฟย 1 ปี)

ไปต่อกันข้างล่างนะคะ เพราะตรงนี้ยาวเกินแล้วค่ะ


Create Date : 29 เมษายน 2550
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 22:21:49 น. 79 comments
Counter : 10114 Pageviews.  

 
ตามมาดูแล้วค่ะ มามิ
เที้ยเล้งซู่นี่ สวยเกินคาดแฮะ ในหนังสือบรรยยายไว้สวยขนาดนี้เหรอ
อืมมม ไม่แน่ใจเลยแฮะ

แต่เยี๊ยกลั้งนี่ เซ็กซี่ไปหน่อย ฮุฮุฮุ ก็ในหนังสือบอกว่า
เยี๊ยกลั้งนะ เค้าหน้างดงามแต่แฝงประกายปัญญานี่หว่า

ฮูวว์ ทำไมดูจากรูปข้างบนแล้ว นึกถึงซูฉีได้ก็ม่ายรุ

ทั้งหมดนี่ขอยกให้ ถานเย่าเหวิน มาวินค่ะ ดูการแสดงออกทางสีหน้าแล้วร้ายได้ใจจริงๆ


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:7:15:59 น.  

 
พี่ฟงคะ เล้งซู่ ใคร ๆ ก็บอกว่าสวย ๆ ๆ ๆ มาก ๆ ๆ ๆ กันทั้งนั้นเลยค่ะ อาเจียวแต่งโบราณได้ไม่เลวเหมือนกัน เลยได้หนังโบราณไปเล่นหลายเรื่องค่ะ ช่วงนี้

รั่วหลาน ตอนเด็กน่ารักค่ะ เด็ก ๆ เรื่องนี้น่ารักสมวัยกันทั้งนั้นเลย ทั้งทารกหูเฟย เด็กน้อยหูเฟย และเด็กน้อยรั่วหลาน
โดยเฉพาะเด็กน้อยหูเฟย หน้าตาน่ารัก กังฟูเก่ง แบบที่ว่าทำให้เชื่อว่ามีกังฟูจริง ๆ ในตัวของเด็กคนนี้


แรก ๆ อยากให้เนี่ยหยวนออกเร็ว ๆ ตอนเจอเด็กคนนี้เล่นเป็นหูเฟยวัยเด็ก ไม่อยากให้โตเลย น่ารัก พูดจาก็สมวัย ไม่เหมือนกันเรื่องตระกูลหยางฯ ภาคหูเกอ ในเรื่องมีเจ้าชายเมืองเหลียว อายุน่าจะ 5-6 ขวบ แต่พูดจากเหมือนผู้ใหญ่อายุ 38 (ต้องเอาเลขมากลับแบบนี้ 8-3=5)ดูแล้วไม่สมวัยเลย

แต่เด็กหูเฟยทำให้ดูว่ารักซื่อซูแบบผูกพัน เพราะอยู่กันมาฝากชีวิตให้กันและกัน ซึ้งค่ะ

เจ้าหนูนี่น่ารักจริง ๆ เสียงแหบนิด ๆ ถ้าพี่ได้ดูต้องชอบแน่ ๆ เลย

ในเรื่องเจ้าหูเฟยนี่อัจฉริยะแต่เล็ก ฝึกจากคัมภีร์ที่ขาดไปสองหน้าก็เก่งแล้ว เอ่อ แต่ตอนหลังอาซื่อแย่งคืนมาได้หูเฟยเลยเก่งเข้าไปใหญ่




ภาพนี้เป็นการเอาเครนมาสร้างภูเขาหิมะค่ะ


เด็กน้อยรั่วหลาน หน้าตาน่ารัก พูดก็เก่ง ดูหน้าตาแล้ว อืมม์โตขึ้นมาต้องสวยแน่ๆ เลย แล้วก็เชื่อฟังพ่อแม่ดีด้วยค่ะ


โตมาเป็นสาวสวยแบบนี้ค่ะ



โดย: mamiya วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:58:52 น.  

 
ที่ว่า "ผิดหวัง" คือเรื่องชุดกับทรงผมเนี่ยอย่างแรงจริง ๆ
ส่วน "ผิดคาด" คือเนื้อเรื่องสนุก ผิดวิสัยหนังหวังจิงที่มักจะมีตอนที่ดูแล้วงั้น ๆ อยู่เสมอ

เอ้า ดูชุด กัน แดนซ์เซ่อร์สุดเซอร์ นึกไม่ออกเลยว่าเนื้อเรื่อง เกิดปลายสมัยหมิงต้นชิง



โดย: mamiya วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:22:09 น.  

 
ทรงผมตัวละครทุกตัว ยุ่ง ยุ่ง เหมือนรังนก หยิก ๆ เหมือนกอหญ้า ดูเหมียวเหรินฟ่ง-ฟังจงซิ่นเป็นตัวอย่าง

แต่ขนาดนี้ยังต้อง ทำผมกันแบบกินเวลาไม่น้อยเลย







โดย: mamiya วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:27:24 น.  

 
หวงซิวเซิง จบฉากก็นี่เลย...สักมวน

หวงซิวเซิง น่าจะมีสัมพันธภาพที่ดียิ่งกับหวังจิง เพราะถ้าเป็นหนังหวังจิงทีไร ได้บทดีทุกที




โดย: mamiya วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:28:52 น.  

 
มาดูโปสเตอร์ของเวอร์ชั่นเก่า ๆ บ้าง








และเวอร์ชั่นล่าสุด



งานแถลงข่าว



โดย: mamiya วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:33:47 น.  

 
พรรคพวกฉลองวันเกิดให้เนี่ยหยวน



โดย: mamiya วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:01:13 น.  

 
แล้วก็เอามาแปะหน้าแบบนี้



โดย: mamiya วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:03:12 น.  

 
หยวนจื่ออี ตอนต่อสู้



โดย: mamiya วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:05:58 น.  

 
หยวนจื่ออี หูเฟย และ เหมียวรั่วหลาน



โดย: mamiya วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:29:45 น.  

 
รอเล้งซู่ออก เห็นใคร ๆ ก็ชม



โดย: mamiya วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:31:03 น.  

 
เขียนเรื่องย่อเก็บไว้แล้ว แต่พรุ่งนี้ทำงานคงต้องเก็บสะสมอีกสักหลายวันจะได้เอามาเขียนทีเดียว ในวันทำงานเช่นนี้ เอาตัวละครมานินทาให้ฟังก่อน ก็แล้วกัน


ตาคนนี้ เลย นางแบบ สุดเท่ห์ แรก ๆ ที่ได้รับการทาบทามให้รับบทแฝด "ฟู๋อันคัน" กับ "เฉินเจียลั่ว " เขาลังเล เนื่องจากเป็นคนใหม่ และติดเงื่อนไข ประการหนึ่ง คือ ต้องโกนหัว

นายแบบ อาชีพหลัก จะโกนหัว ต้องคิดหนัก อันนี้เข้าใจ คิดอยู่หลายเดือน ในที่สุดก็คิดได้ว่า โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ รับบท 2 บทพร้อม ๆ กันแบบคนหนึ่งดีคนหนึ่งชั่วอย่างนี้ ที่สุดเขาก็รับเล่น

ไว้จะหาชุดปัจจุบันของนายแบบคนนี้ให้ดู(ดูภาพล่างนะคะ) เป็นไม้แขวนเสื้อให้เสื้อผ้าได้ดีทีเดียว คือใส่เสื้อผ้าแล้วเท่ห์ดี ดูน่าซื้อใส่บ้างน่ะค่ะ

แวบแรกที่เห็นฟู๋อันคังนั่งในเกี้ยว ดูไปแล้วมีความยะโสอยู่ไม่น้อย แต่เราไม่นึกว่าจะปลากัดขนาดนั้นน่ะซี

ตอนเป็นเฉินเจียลั่ว เราว่าสู้ตอนเป็นอันคังไม่ได้นะ ร้ายลึก ๆ เย็น ๆ นิ่ง ๆ บทแบบนี้คนใหม่ที่ค่อนข้างแข็งยังจะกลบเกลื่อนไปได้ เพราะบทมันนิ่ง ๆ นั่นเอง สิ่งที่ฟู๋อันคังมีคือ "ความเลือดเย็น" สิ่งที่ เฉินเจียลั่วมีคือ "ความอบอุ่นน่าคบหา" สองคาเรคเตอร์นี้ ใครปฎิเสธได้ลงล่ะคะ แต่ต้องเล่นให้ดีนะ ไม่ดีมีแป๊กเหมือนกัน

ดูกันให้ชัด ๆ




อู๋ชิ่งเจ๋อแสดงเป็นฟู๋อันคัง




ก่อนโกนผมเปลี่ยนเป็นทรงไว้เปียแบบราชวงศ์ชิง


โดย: mamiya วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:17:00 น.  

 
ตอนดูรูปหูเฟยผมยุ่ง ยังไม่get เลยมามิ
ไม่นึกว่าจะเป็น เนี่ยหยวน ทำไมจำไม่ได้เลยก็ไม่รู้ค่ะ ฮุฮุ

ต้องมาดูใหม่อีกรอบ เออ ใช่จริงๆด้วย
สาวน้อยที่เล่นบทเล้งซู่ น่ารักจริงๆด้วย ลองมานึกๆดูบทนี้
มักให้คนหน้าหวานๆเล่นแฮะ ตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว อืมมมม

ต้องไปเปิดคำภีร์นิยายดูคำบรรยายเล้งซู่ใหม่ซะแล้ววววเรา
แต่พ่อหนุ่มรูปบนนี่สิ เท่ห์ดีจัง

เป็นไม้แขวนเสื้อให้เสื้อผ้าได้ดีทีเดียว คือใส่เสื้อผ้าแล้วเท่ห์ดี

เข้าใจเปรียบเทียบนะ มามิ

ยิ่งรู้สึกอยากดูใหญ่เลย เรื่องนี้ คงต้องร้องเพลงรออีกแล้ว


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:45:35 น.  

 
พี่ฟงเจอบทบรรยายเล้งซู่แล้วช่วยบอกด้วยนะคะ อาเจียวสวยหวาน ทำท่าอะไรก็ดูน่ารักไปหมดเลยค่ะ

ชอบตอนที่หูเฟยอุ้มรั่วหลานที่บาดเจ็บเข้าไปนอน แล้วเกิดนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน หลิงซู่เลยเรียกไปกินข้าว ชวนกันคุยไปเรื่อยเปื่อย หูเฟยหิวข้าวมาก กินหมดไปชามแล้วยังไม่อิ่ม เลยถามว่า

"เฉิงกูเหนียง ไม่ทราบว่าท่านยังพอจะมีข้าวสวยอีกหรือไม่?"

ถามแบบเกรงใจ ๆ หลิงซู่ยิ้มแล้วบอกให้หูเฟยไปตักเอาในครัว น่ารักดีค่ะ

มาดูนายแบบอู๋ชิ่งเจ๋อ ทะเล้นถ่ายภาพตัวเอง กับจูอินสิคะ




โดย: mamiya วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:50:46 น.  

 
ยกให้เดือนนี้เป็นเดือนจิ้งจอกภูเขาหิมะไปเลยล่ะค่ะ 44 ตอนกว่าจะจบ อีกยาวเลยล่ะค่ะ

ถ้าไม่นับเรื่องเสื้อผ้ากับทรงผมแล้ว อื่น ๆ ก็รับได้ค่ะ คิดว่าเรื่องนี้ออกในระหว่างที่ไม่ค่อยมีคู่แข่งด้วย แผ่นเรื่องอื่นแนวกำลังภายในยังไม่ออก เรื่องนี้ก็นับว่าโดดเด่นที่สุดค่ะ

เอาภาพทีมงานไปดูหน่อยแล้วกันค่ะ





โดย: mamiya วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:57:32 น.  

 
ถ้าจำไม่ได้ดูภาพเนี่ยหยวนภาพนี้สิคะ พี่ขา กำลังท่องบทค่ะ



โดย: mamiya วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:59:57 น.  

 
ฉากนี้เป็นตอนที่กุยหนงพาหนันหลานหนีไปและ เหรินฟ่ง ตามมาทันจึงเข้าไปเคลียร์กันในบ้านตระกูลหม่า

ทั้งฟังจงซิ่นและถานเย่าเหวิน สองคนนี้ฝีมือการแสดงไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว

ดวงตาอันเจ็บปวดของเหรินฟ่ง และดวงตาอันหวาดหวั่นของกุยหนง เปลี่ยนแปลงไปมาเมื่อแทรกด้วยความรู้สึกที่เหมือนพี่น้อง และเหมือนเพื่อน แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นศัตรู

ต่าง ๆ นานาสะท้อนความรู้สึกของตัวละครทั้งสอง




โดย: mamiya วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:42:39 น.  

 
เหมียวเหรินฟ่ง วันนี้เปลี่ยนมาคุยถึงตัวละครตัวนี้กันบ้างนะคะ

เขาต้องสืบทอดเจตนารมณ์ของตระกูลเหมียวที่ต้องต่อสู้กับตระกูลหู แต่เมื่อได้พบกับหูอี้เตา กลับรู้สึกว่าน่าคบหาเป็นสหายมากว่า

ด้วยแผนการของกุยหนง ทำให้เขาต้องตกเป็นจำเลยเป็นที่เข้าใจผิดว่าสังหารหูอี้เตาและภรรยา

ด้านชีวิตรัก เขาคงหลงรักหนันหลานตั้งแต่แรกเห็น และไม่นึกว่าดอกฟ้าจะโน้มมาหาเขา หนันหลันให้เขาคุกเข่าขอนางแต่งงาน เขาก็ทำ โดยไม่นึกถึงคำกล่าวที่ว่าใต้เข่าของชายชาตรีมีทองคำ จะคุกเข่าลงง่าย ๆ ไม่ได้ ความจริงหนันหลานน่าจะซึ้งใจ หลังมีลูกกับเขาแล้วไม่ควรทำตัวเป็นนางสองใจ มุ่งหาชายอื่น ที่คิดว่าเป็นชายในฝัน ดูมีการศึกษา และเอาอกเอาใจ แต่การตัดสินใจผิดเปลี่ยนใจไปหามารสังคมอย่างกุยหนง นอกจากจะนำความหายนะมาสู่ชีวิตตนเองแล้วยังทำลายครอบครัวอีกด้วย

ด้านครอบครัว เหรินฟ่งน่าสงสาร แต่เขาก็น่ายกย่องที่ยอมปล่อยให้เมียรักไปมีความสุขอย่างที่นางต้องการได้ แม้จะเจ็บปวด แม้จะต้องกล้ำกลืน แต่เขาก็ทนได้เพื่อลูก ดูไปยังน่ายกย่องกว่า หนันหลานที่ทิ้งลูกและสามีไปมีความสุขบนกองเงินกองทองและเกียรติยศจอมปลอมที่เถียนกุยหนงอำพรางตาเอาไว้เสียอีก

เหมือนจะพูดถึงเหรินฟ่ง และทำไป ไปแขวะเอาหนันหลานอีกก็ไม่รู้สิ ดูรูปกันดีกว่า

เห็นเสื้อผ้ากับทรงผม ต้อง บอกว่า เฮ้อเธอ...เฮ้อเธอ (กลุ้มใจจริงหนอ)




โดย: mamiya วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:49:35 น.  

 
ทำไมดูเอ็มวีมีอ้วงจี่อีตาย เล้งซู่เสียตัว ด้วยล่ะคะ
ทำไมต้องทำผมยุ่งๆด้วยเน้อ สงกะสัยไม่มีเวลาหวีผมกันนะคะ
อยากอ่านต่อจัง ชักลืมๆแล้ว


โดย: หลิงเอ๋อร์ IP: 125.26.144.5 วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:11:39 น.  

 







06/05/07


เหรินฟ่งดีใจที่ได้เจอลูกสาวอีกครั้งหนึ่ง หลิงซู่พยายามรักษาเขาและบอกว่าต้องปิดตาไว้ 10 วัน เมื่อหูเฟยเจอเหรินฟ่งอีกครั้งเขาเริ่มลังเลและคิดไปต่าง ๆ นานา ว่าช่วยศัตรูไปทำอะไร กุยหนงพยายามสะกดรอยตามคณะของรั่วหลาน และส่งคนไปหาเรื่องแต่ถูกเหรินฟ่งไล่กลับไป หูเฟยคิดว่าฝีมือของเหรินฟ่งเหนือกว่าตน และเริ่มสงสัยว่าที่แท้แล้วเหรินฟ่งเป็นศัตรูกับเขาจริงหรือ หูเฟยเงียบขรึมลง หลิงซู่สังเกตเห็น นางสนใจความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเขา แอบมองเขาเงียบ ๆ ส่วนรั่วหลานชอบอยู่ใกล้กับหูเฟยขณะที่เขากำลังคิดอะไรเงียบ ๆ นางเข้าไปคุยด้วย ถามว่าเขาทำไมเงียบขรึมไป หูเฟยบอกว่าคิดเรื่องแก้แค้นให้พ่อ รั่วหลานถามเจอศัตรูแล้วหรือยัง หูเฟยบอกเจอแล้ว แต่ยังสู้ไม่ได้เลยยังไม่ได้แก้แค้น หูเฟยถามรั่วหลานว่าแค้นกุยหนงหรือเปล่า

“ไม่แค้น”
“เพราะอะไร?”
“เพราะน้าคนนั้นทำให้แม่ของรั่วหลานมีความสุข เตียเตีย(พ่อ)บอกว่าอยากให้แม่มีความสุข”

(ชอบความคิดของรั่วหลานตรงนี้จริง ๆ ความรักต่อแม่ทำให้รั่วหลานไม่แค้นคนที่มาแย่งแม่ไป มุ่งหวังเพียงให้คนที่เรารักมีความสุข นี่เป็นความไม่เห็นแก่ตัว ที่ต้องยึดครองคนที่เรารักมาเป็นของเราตลอดเวลา โดยไม่นึกว่าคนคนนั้นจะมีความสุขหรือไม่)

กุยหนงหาแผนล่อเหรินฟ่งออกมาโดยส่งข่าวการตายของหนันหลันออกไป เมื่อถึงหูเหรินฟ่ง เขาเสียใจอย่างที่สุดแต่ทราบดีว่าเป็นแผนของกุยหนง รั่วหลานอยากไปกราบศพแม่ จึงขอเหรินฟ่งแต่เขาไม่ยอม รั่วหลานไปขอร้องให้หูเฟยไปเป็นเพื่อน แต่หูเฟยกำลังกลัดกลุ้มเรื่องของตนเอง และคิดเห็นว่าเป็นกับดักจึงไม่ยอมไปด้วย รั่วหลานหนีไปเพียงลำพัง เมื่อทั้งหมดทราบจึงออกตามหา หูเฟยออกไปตามหากับหลิงซู่เพราะสำนึกว่าเป็นความผิดของตนที่ไม่ได้ไปเป็นเพื่อนกับรั่วหลานตามที่นางขอร้อง หูเฟยตามมาพบรั่วหลาน แต่นางหนีไปถึงหน้าผาและยื่นเงื่อนไขว่านางจะกลับไปหาเขาหากเขาจะไม่ดุด่านางอีก และยังจะขอโน่นขอนี่เพิ่มแต่หลิงซู่มาถึงก่อน

รั่วหลานถูกคนของกุยหนงจับไป กุยหนงเอาของเล่น ของกิน เครื่องประดับมาล่อให้รั่วหลานบอกว่าคนที่ตามช่วยนางเป็นใครและเหรินฟ่งอยู่ที่ไหน รั่วหลานไม่บอก หูเฟยมาช่วยพอดี ขณะสู้กันหลิงซู่วางยาจึงทำให้กุยหนงยอมให้รั่วหลานไปไหว้แม่ของนางได้ เมื่อไหว้เสร็จทุกคนก็ออกเดินทางจากคฤหาสน์ตระกูลเถียน แต่ถูกสมุนของกุยหนงตามล่า หูเฟยรับมือคนเป็นสิบ พอดีจื่ออีที่เดินทางมาเจอเข้าโดยบังเอิญช่วยไว้ ทั้งสองมองตากันอย่างซาบซึ้ง หลิงซู่สังเกตเห็น ด้วยความไม่ชอบหลิงซู่ รั่วหลานที่เห็นหูเฟยอาลัยอาวรณ์จื่ออีจึงชวนนางไปอยู่ที่บ้านสักหลายวัน แรก ๆ จื่ออีไม่ยอม แต่หูเฟยคะยั้นคะยอ นางจึงยอมไป

หูเฟยเอาใจใส่จื่ออีเป็นพิเศษจนหลิงซู่และทุกคนสังเกตเห็น วันหนึ่งขณะอยู่กับจื่ออีตามลำพัง เขาถามจื่ออีว่า

“ท่านมีชายในดวงใจแล้วหรือไม่?”
“ถ้าข้า....บอกว่ามีแล้วเล่า?”
หูเฟยนิ่งงันไป ดวงตาทอประกายผิดหวัง

“คิดอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้น..... ถ้าอย่างนั้น จะไม่มารบกวนเจ้าอีก.....”

หูเฟยกำลังจะเดินจากไป จื่ออีเรียกเขาไว้ นางหยิบผีเสื้อหยกออกมาคู่หนึ่ง

“ของสิ่งนี้ เป็นของตกทอดล้ำค่า อยู่กับข้ามานาน ต้องอยู่เป็นคู่ ท่านดู........”

จื่ออียื่นผีเสื้อหยกคู่หนึ่งให้เขาดู มันยังอยู่เป็นคู่จริง ๆ จื่ออีบอกต่อไปด้วยความเอียงอาย

“........ยื่นมือของท่านออกมา”

หูเฟยยื่นมือของเขาออกมาช้า ๆ ด้วยดวงตาอันงุนงงระคนกับความยินดี

“....ให้ท่าน”

หูเฟยยิ้มด้วยความดีใจอย่างยิ่ง

“จื่ออี....ต่อไปนี้ของนี้จะติดตัวข้า หากข้าอยู่ของนี้ต้องอยู่ด้วยตลอดไป”

(ฉากสุดสวีทที่เล่ามานี้พอดีอยู่ในสายตาของหลิงซู่กับรั่วหลานพอดี)

หลิงซู่ไม่อาจทนดูต่อไปได้ นางวิ่งหนีฉากบาดตาไป เช้าวันรุ่งขึ้นหูเฟยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เห็นหลิงซู่ขุดดินอยู่จึงรีบกุลีกุจอเข้าไปช่วย หลิงซู่ไม่สนใจเขา หูเฟยรู้สึกประหลาดใจในปฎิกิริยาของนาง หูเฟยช่วยยกน้ำพรวนดิน ผีเสื้อหยกตกลงมา หลิงซู่หยิบขึ้นมาดู กำลังจะคืนให้ พอดีมีคนเรียกเขาเข้าเมืองไปหาซื้อของพร้อมกันหูเฟยวิ่งไป หลิงซู่หยิบผีเสื้อหยกมาพิจารณาดู จื่ออีมาเห็นพอดี จื่ออีถามว่าดูอะไร หลิงซู่บอกว่าดูหยก จื่ออีถามว่าของใคร นางบอกว่าของหูต้าเกอ จื่ออีเข้าใจผิดว่าหูเฟยให้หลิงซู่ นางเสียใจอำลาเหรินฟ่งและผู้อาวุโสทั้งหลายเดินทางจากไป

หูเฟยไปในตลาดซื้อฝากหญิงสาวทั้งสาม เป็นเครื่องประดับเล็ก ๆ 3 ชิ้น ชิ้นหนึ่งมีสีม่วง เขาบอกว่าของจื่ออี อีกสองชิ้นให้รั่วหลานกับหลิงซู่เลือกกันเอาเอง แต่เขาต้องผิดหวังเมื่อทราบว่าจื่ออีจากไปแล้ว เขาตามหานาง กลัดกลุ้มและไม่เข้าใจ เมื่อหลิงซู่เอาหยกมาคืนและเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น หูเฟยจึงเข้าใจ เขาพึมพำว่า ทำไมจื่ออีถึงไม่วางใจเขาเช่นนี้ ถึงกับจากไปโดยไม่อำลา


หยวนจื่ออี สาวเสื้อม่วงที่อยู่ในใจหูเฟยตลอดมา


(เห็นด้วยกับหูเฟยอย่างแรง จะรักกันต้องให้ความไว้วางใจกัน สิ่งที่หูเฟยแสดงออกต่อจื่ออี มันเด่นชัดจนคนรอบข้างเห็น จื่ออีก็เห็นท่าทางที่จริงจังขนาดนั้นของหูเฟย ยังจะมาคิดไปว่าหูเฟยเอาเครื่องประดับนั้นไปให้หลิงซู่ได้อย่างไร เราริ่มเกิดความต่อต้านจื่ออีเล็ก ๆ ในใจเช่นกัน ขณะเดียวกันก็รู้สึกชอบหลิงซู่หรือรั่วหลานมากกว่า และชอบหูเฟยมากขึ้น เพราะเป็นคนรักใครก็รักไปเลย ไม่ต้องมาลังเลเหมือนหยวนเฉิงจื้อ ใน “เพ็กฮ่วยเกี่ยม” เขาได้บอกกับจื่ออีว่าเขารู้สึกอย่างไร กับคนอื่น ๆ เขาแทบจะไม่สำเนียกเลยว่า มีใจให้ เพราะในใจมีแต่จื่ออี แต่เขาก็ยุติธรรมพอ ตอนไปซื้อของในตลาด อยากซื้อฝากจื่ออี ซึ่งรู้ว่านางชอบสีม่วง ก็เลือกสีม่วงให้ ส่วนอีกสองคนให้ไปเลือกกันเอาเอง ก็เท่ากับว่าเขาใส่ใจกับอีกสองคนด้วย แต่เป็นสถานะที่แตกต่างกัน กับหลิงซู่เขารู้สึกเป็นผู้มีพระคุณและเป็นเพื่อน กับรั่วหลานเหมือนเป็นน้องสาว หูเฟยแยกแยะชัดเจนกว่าหยวนเฉิงจื้อมาก ส่วนจื่ออี เราเริ่มรู้สึกรำคาญ ความจริงนางก็พยายามหนีหูเฟยตลอด ชอบจากไปแบบไม่อำลา เข้าใจอยู่หรอกว่าเพราะรู้ว่าหูเฟยจะต้องมาฆ่าพ่อของนาง ความรักจึงไม่มีการลงเอย แต่นางเองก็รักหูเฟย ความรักนี้จะไม่ช่วยทำให้นางไว้ใจเขาที่นางรักบ้างเลยหรือ? เลยเซ็ง ๆ หันมาลุ้นหูเฟยกับหลิงซู่ทั้ง ๆ ที่ลุ้นคงไม่ขึ้นก็รู้อยู่

ตอนนี้หนังเริ่มถึงจุดนิ่ง ตรงที่เรื่องซ้ำ ๆ คือ กุยหนงตามฆ่าเหรินฟ่ง รักสามเส้าของหนุ่มสาว การใช้พิษสังหาร ก็ยังไม่รู้ว่าจะพลิกผันไปแบบไหนใช้การดำเนินเรื่องต่อไป โดยให้ไม่น่าเบื่อจนเกินไปนัก ต้องคอยดูต่อไป หนังเริ่มนิ่งตอนที่ 20 จ้า )








โดย: mamiya วันที่: 5 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:23:50 น.  

 
ทีมงาน



หูเฟยชี้อะไรก็ไม่รู้



เบื้องหลัง


ฟังจงซิ่น-เนี่ยหยวน



โดย: mamiya วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:35:36 น.  

 
ด้านฟู๋อันคังมาหากุยหนงบอกว่าฮ่องเต้ถามเรื่องขุมทรัพย์ว่าไปถึงไหนแล้ว กุยหนงบอกว่ามีมือดีสองคนมาช่วยเหรินฟ่งและขัดขวางการจัดชุมนุมชาวยุทธ โดยไปแย่งป้ายเจ้าสำนักมา อันคังเริ่มสนใจจื่ออีและวางแผนจับตัวนาง จื่ออีถูกอันคังวางแผนจับได้ในที่สุด

หูเฟยถามเหรินฟ่งเกี่ยวกับเรื่องพ่อและทราบว่าการตายของพ่อเขายังมีเงื่อนงำ จึงบอกว่าอีก7ปีจะกลับมาล้างแค้นเพราะเหรินฟ่งเพิ่งหายจากตาเจ็บสายตายังไม่ดี หากฆ่าตอนนี้จะเป็นการฉวยโอกาส และรั่วหลานยังเด็กหากเหรินฟ่งตายจะไม่มีคนดูแล เขาไม่อยากให้คนอื่นเป็นเหมือนเขาต้องกำพร้าแต่ยังเด็ก รั่วหลานเสียใจที่หูต้าเกอจากไป และบอกพ่อว่านางชอบหูต้าเกอ เหรินฟ่งบอกว่าจริง ๆ แล้วหูต้าเกอจะมาฆ่าเขา และหากมาจริง ๆ จะยอมให้ฆ่าเพื่อชดใช้ความผิดที่แม้ไม่ได้ฆ่าก็เหมือนกับเป็นสาเหตุให้หูอี้เตาตาย หูเฟยว้าวุ่นจนวิ่งหนีออกไปอย่างไร้ทิศทาง หลิงซู่เห็นตามมาปลอบใจ และร่วมเดินทางไปงานชุมนุมกับเขาที่นครหลวง

อันคังเป็นชายเจ้าชู้ที่มีเมียหลายคน แต่เห็นคนสวยเป็นไม่ได้ เขาให้ความเมตตากับจื่ออีเป็นพิเศษและเกลี้ยกล่อมให้นางเข้ากับราชสำนัก จื่ออีไม่ยอม ที่สุดอันคังก็ปล่อยนางไป ฮ่องเต้เรียกอันคังเข้ามาถามว่าทำไมให้นักโทษสาวจื่ออีหนีไปได้ และทราบดีว่าอันคังเริ่มหลงรักจื่ออีเสียแล้ว ฮ่องเต้เฉียนหลงเตือนอันคังว่าอย่าไปรักหญิงนางนี้เพราะต้องจ่ายค่าตอบแทนก้อนใหญ่เหมือนกับที่เฉียนหลงเองหลงรักสนมเซียงแต่สุดท้ายนางก็ส่งข่าวให้เฉินเจียลั่วแห่งสมาคมดอกไม้เหล็กที่เป็นศัตรูกับราชสำนักอยู่ดี





โดย: mamiya วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:37:33 น.  

 
เพิ่งหาเจอคำบรรยาย ที่แน่ๆคือ 2 สาวนี่เลยค่ะมามิ
เที้ยเล้งซู่นี่ ยังเปิดไม่เจอ(จริงๆจังๆเลยค่ะ)

จากจิ้งจอกภูเขาหิมะค่ะ
เป็นการปรากฎตัวของเมี้ยวเยียกลั้งค่ะ มามิ

เห็นดรุณีชุดเหลืองนางหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูอย่างยิ้มแย้ม นางผิวพรรณผุดผาดปานหิมะ ตาทั้งคู่คล้ายน้ำค้างกลางหาว กลิ้งกลอกผ่านหน้าทุกผู้คน
ดรุณีนางนี้แม้รูปโฉมสวยซึ้งสะคราญ เฉกเช่นไข่มุกเรื่อเรือง หยกงามประกายนวลใย หว่างคิ้วเคลือบคลุมด้วยกลิ่นอายตำราอันสดใส คนในห้องโถงล้วนเป็นนักบู๊ชาวยุทธจักร พลันพบพานดรุณีที่สุภาพเรียบร้อยเช่นนี้ คล้ายเดินเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง อดระย่อต่อราศีอันสูงส่งสง่าของนางมิได้ ล้วนบังเกิดความละอายตนเอง ไม่กล้าลบหลู่ให้หมองศรี

และนี่จากจิ้งจอกอหังการ์ ตอนที่โอ้วฮุย พบอ้วงจี่อี แต่ไม่ใช่ครั้งแรกนะคะ
เพียงแต่ครั้งนี้ ได้เห็นหน้านางชัดๆครั้งแรก

โอ้วฮุยเห็นแต่แรกว่าผู้มาเป็นดรุณีเยาว์วัยนางหนึ่ง เห็นนางสวมเสื้อสีม่วง รูปกายอ้อนแอ้น เป็นดรุณีขี่ม้าขาวซึ่งพบพานในระหว่างทาง กลางหลังนางสะพายห่อผ้าใบหนึ่ง ไม่ใช่ห่อผ้าที่ตนทำสูญหายในร้านอาหารเป็นอะไร?
แลเห็นนางใบหน้ารูปไข่ สองคิ้วเรียวยาว ผิวกายแม้ค่อนข้างคล้ำแต่ไม่อาจปกปิดเค้าความผุดผาดงดงามเป็นประกายของนางได้ สร้างความตื่นเต้นสงสัยแก่โอ้วฮุยยิ่ง

ส่วนตอนที่โอ้วฮุยพบกับเที้ยเล้งซู่ตอนแรก คือตอนไปหาเจ้าโอสถหมื่นพิษ เพื่อช่วยคน

จำไม่ได้ค่ะว่านางปลอมแปลงโฉมหรือไม่ แต่บทบรรยายว่าไว้แบบนี้ค่ะ

โอ้วฮุยเห็นหลังสวนไม้ดอกมีกระท่อมมุงจากสามหลัง นอกจากนั้นไม่มีบ้านช่องผู้คน ดังนั้นเดินไปหลายก้าว ประสานมือต่อดรุณีชนบทนั้นกล่าวว่า
"ขอถามโกวเนี้ย ตึกเจ้าโอสถอยู่ที่ใด?"
ดรุณีชนบทนั้นเงยหน้ากวาดมองโอ้วฮุยแวบหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่สุกใสยิ่ง ลูกตาดำขลับดุจนิล พอเงยหน้าขึ้น ถึงกับสาดประกายเจิดจ้า
โอ้วฮุยงงงันวูบครุ่นคิดขึ้น
"ดวงตาของโกวเนี้ยชนบทผู้นี้ ไฉนสุกใสผิดธรรมดา ?"
เห็นนางนอกจากดวงตาทั้งคู่แล้ว รูปเค้ากลับธรรมดาสามัญ ผิวกายเหลืองซีด ใบหน้าอมโรค คล้ายกินไม่อิ่มชั่วนาตาปี ผมเผ้าทั้งเหลืองทั้งบาง สองไหล่ผ่ายผอมรูปกายซูบเรียว แสดงว่าเป็นสตรีชนบทยากไร้ ขาดการบำรุงหล่อเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ดูจากโฉมหน้านางคล้ายมีอายุสิบหกสิบเจ็ดปี รูปกายกลับเป็นดรุณีเยาว์วัยอายุสิบสี่สิบห้าปี

ถ้าจากที่กล่าวก็ไม่ใช่สาวงามแล้วค่ะ มามิ อืมมมม
ยังไม่ชัวร์


ต้องอ่านต่อไปอีก อาจแปลงโฉมจริงๆก็ได้ค่ะ


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:06:01 น.  

 
พี่ฟง...ขอบคุณค่ะ ฟังดูแล้วรั่วหลานเหมือนจะงามที่สุดเลยนะคะ

ตอนนี้ถึงจุดเซ็งจริง ๆ ค่ะ เรื่องนี้เริ่มตอนที่ 20 และเอื่อยเรื่อย ๆ มาถึงตอนที่ 22 สังเกตสิคะ สปีดในการดูลดลงตั้งเยอะ

พี่เห็นรูปข้างบนใช่ไหมคะ เป็นรูปที่หูเฟยเข้าไปช่วยจื่ออีแล้วก็จ้องหน้ากันอย่างนี้ คู่นี้มีหลายครั้ง คิดว่าเกร่อไปนิดนึง แต่ยังดีที่กับคนอื่นไม่เป็น เรื่องนี้ฉากต่อสู้บนหลังม้าของจื่ออี้กับหูเฟย (มันดูลวง ๆ ตามากเลยค่ะ) มีสองจุดที่ตอนนี้เห็นว่าแตกต่างจากเรื่องอื่นคือมุมกล้องที่เลือดสาดใส่(แล้วตัดทันโดยเลือดไม่เลอะกล้องเสียก่อน) หรือ หิมะถล่มใส่ จุดนี้กับเรื่องตัวดำเพราะยาพิษแล้วก็ตายกระทันหัน ดูเป็นลูกเล่นแปลกใหม่ดี หมายถึงการนำเสนอนะคะ เรื่องแบบนี้อาจมีในหนังเรื่องอื่นแต่การนำเสนอของเรื่องนี้ทำให้ดูแปลกใหม่ค่ะ

อ้อ.....เนี่ยหยวนเรื่องนี้ต้องหามุมกล้องให้ตัวเองเหมือนกัน เพราะเสื้อผ้ามันหนาและก็ทำให้ตัวใหญ่ จื่ออีก็ดูตัวใหญ่เพราะเสื้อผ้าเหมือนกัน

มีอยู่ฉากที่หูเฟยนั่งหน้าบ้านเหรินฟ่ง โหย...พี่คะ ตอนที่ 20-22 คิดว่ามีท่าที่เนี่ยหยวนพยายามนั่งเอามุมดีที่สุดเข้าหากล้องตั้งหลายครั้ง ท่าซ้ำ ๆ ประมาณ 6 ครั้งได้ เลยทำให้ดูเฝือชอบกล

หลิงซู่ คิดว่ารักหูเฟยเร็วไปหน่อย รักแบบทุ่มเทด้วยนะคะ คิดว่าความดีที่หูเฟยมียังไม่น่าจะกินใจเล้งซู่ขนาดนั้น แต่...ก็เถอะนะคะ ความรักไม่มีเหตุผลนี่นา.......ออกจะสงสารหลิงซู่อยู่ค่ะ


อ้อ...วิจารณ์จากในเรื่องนะคะ พี่เอาหนังสือมาเทียบได้เลยค่ะ อยากรู้อยู่เหมือนกันว่าที่เล่ามาเนี่ย ดัดแปลงไปมากน้อยแค่ไหน

วันนี้ออกจะเหนื่อย ๆ ง่วง ๆ จังเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งผ่านวันหยุดมา ประหลาดจริง


โดย: mamiya วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:25:29 น.  

 
วันนี้มัวแต่เอาเวลาไปดูรายการสุขภาพ เลยไม่ได้ดูหนังเลยค่ะ เป็นเรื่องของการดูแลสุขภาพให้อายุยืน ซึ่งตัวเราเองนั่นแหละที่ทำได้ดีที่สุด สำหรับร่างกายของเราเอง ต้องดูแลค่ะ

ที่สะดุดใจ เป็นเรื่องของนักร้องสาวคนหนึ่งในเมืองจีน ลืมชื่อไปแล้ว เธอดังมากเมื่อ 10 ปีก่อน(ชาวเราน่าจะไม่รู้จัก) รายการเล่าว่าเธออายุประมาณ 21-22 ขณะกำลังดังปรากฎว่าปวดท้ายทอยตึ๊บ เหมือนชีพจรเต้น ติ๊บ ๆ วันละนิดหน่อย ไม่นาน เธอก็ไม่สนใจ

ต่อมาเริ่มอ้วนขึ้นแบบไร้สาเหตุและบังคับไม่ได้ เลยถูกต้นสังกัดแช่แข็ง ต่อมาประจำเดือนก็ไม่มา เธอก็ว่าดีจะได้ไม่ต้องรำคาญทุกเดือน ปรากฎว่าประจำเดือนไม่มาตั้งหนึ่งปีเต็ม ๆ แต่อาการปวดของเธอเริ่มมากขึ้น

เธอเริ่มรู้สึกผิดปรกติจึงไปหาหมอ ปรากฎว่าเป็นโรคเกี่ยวกับสมองค่ะ ต้องเลือกว่าผ่าแล้วจะมีลูกไม่ได้อีกหรือจะไม่ยอมผ่า เธอลังเลค่ะ เพราะการมีลูกได้ถือเป็นความสำคัญของผู้หญิงจีนเลยทีเดียว ตอนนั้นเธอคิดไปต่าง ๆ นานาถึงอนาคตของครอบครัว ถึงกับคิดฆ่าตัวตายเอาประกัน แต่สุดท้ายเธอตัดสินใจผ่าตัดค่ะ ตอนนี้เธอหายดีแล้วและกลับมาใช้ชีวิตอย่างปรกติและออกอัลบั้มเพลงอีกครั้ง

ตอนดูเราดูผ่าน ๆ ไม่คิดว่ามันจะมาสะดุดใจในตอนนี้จนทำให้เรานึกถึงความสำคัญของเรื่องสุขภาพขึ้นมา จึงไม่ได้จดชื่อโรคที่เป็นภาษาจีนไว้

นึกถึงหลิงเอ๋อร์ขึ้นมา หลิงเอ๋อร์น่าจะพอทราบเกี่ยวกับโรคนี้นะคะ ถ้าได้อ่านก็ช่วยวิเคราะห์ให้หน่อยก็แล้วกันนะคะ

ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ จากอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ จะเป็นโรคใหญ่ถึงขนาดนี้ได้ เราต้องระวังกันหน่อยนะคะ สมัยนี้โรคเยอะเหลือเกิน

เที่ยงคืนอีกแล้ว เราเองคงจะต้องนอนให้เร็วขึ้นเหมือนกันค่ะ ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพนะคะ


วันนี้ไม่มีหูเฟย และเรื่องย่อ มีแต่ข้อเตือนใจที่นำมาแบ่งปันกันค่ะ


โดย: mamiya วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:09:25 น.  

 
อ่านแล้วคิดว่าเป็นโรคเนื้องอกต่อมใต้สมองค่ะ
อาการอาจค่อยๆเป็น กว่าจะรู้มักเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น น้ำคั่งในสมอง เหมือนกับที่สาวคนนี้เป็น คือ ปวดหัว และมีภาวะฮอร์โมนต่ำจากสมองส่วนที่สร้างถูกทำลาย ทำให้ไม่มีประจำเดือน
พี่มามิยะคะ พี่ฟงคะ
อาการของโรคร้ายแรงหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน มะเร็ง ก็คือ "ไม่มีอาการ"ค่ะ ฉะนั้น หลิงเอ๋อรืเลยเชียร์ให้พี่ๆไปตรวจสุขภาพทั่วไป อย่างน้อยจะได้ตรวจเจอในระยะแรกๆ รักษาง่ายกว่าเยอะ ถ้าปล่อยไปนานๆ บางอวัยวะจะถูกทำลาย และไม่มีทางแก้กลับคืนได้อีกเลย
สมัยนี้โรคเยอะเพราะคนอายุยืนขึ้นมังคะ

พี่ฟงคะ หลิงซู่ในหนังสือไม่สวยหรอกค่ะ ยังถูกศิษย์พี่เรียก เอียเท้าขนเหลือง แต่ที่หลิงเอ๋อร์ชอบ ก็ตรงที่ไม่สวยแต่ฉลาด มีความสามารถ ผิดกับ......ที่สวยอย่างเดียวทำอะไรไม่เป็น



โดย: หลิงเอ๋อร์ IP: 125.26.146.17 วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:28:55 น.  

 
พี่ฟง หลิงเอ๋อร์คะ สวัสดีค่ะ ฝนตกบ่อยเนอะระยะนี้ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

ที่หลิงเอ๋อร์ว่ามาช่วยให้กระจ่างขึ้นเกี่ยวกับว่าทำไมเมื่อผ่าตัดแล้วจึงมีลูกไม่ได้ คงจะเกี่ยวกับเรื่องฮอร์โมนนั่นเอง หลิงเอ๋อร์ช่วยเขียนเรื่องฮอร์โมนให้อ่านหน่อยสิคะ ถ้ามีเวลานะ ไม่นึกว่าเรื่องฮอร์โมนนี้จะสำคัญมาก่อนเลย จนเมื่อเร็ว ๆ นี้คนรอบข้างมีอาการประหลาดที่เกิดจากฮอร์โมนจึงเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญขึ้นมาค่ะ

สำหรับจิ้งจอกภูเขาหิมะ ตั้งแต่ตอนที่ 23 ไปเรื่องเริ่มมีจุดพลิกผันชวนติดตามแล้วล่ะค่ะ พรุ่งนี้จะสะสมมาเล่านะคะ พร้อมกับแง่คิดบางประการ วันนี้เหมือนเดิม เกิดอาการง่วง ๆ อีกแล้ว เอ๊ะ หรือจะชราแล้ว.......เหอ เหอ เหอ

หลิงเอ๋อร์จำได้ว่าหลิงเอ๋อร์ชอบหลิงซู่นี่นา คำว่า "เอียเท้าขนเหลือง" น่ารักดีนะคะ ฟังดูอ่อนแออมโรค และเยาว์วัย

พี่ฟงคะ

เอ่อ...........

หูเฟ่ย(น่าจะออกเสียแบบนี้มากกว่าแต่เขียนแบบคุ้นเคยไปก็แล้วกันนะคะ)ในหนังสือไม่ได้มีอะไรกับหลิงซู่ใช่ไหมคะ? หนังต้องตัดแปลงแน่เลย......! นางเอกตัวจริงต้องเป็นรั่วหลานตอนสาว 19 ใช่ไหมคะ? ส่วนจื่ออีบวช?


โดย: mamiya วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:41:05 น.  

 
ไม่ได้แวะมานาน ข้อมูลตรึมเลย
เห็นโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ดูแล้วเข้าท่าดี นางเอกก็โอ พระเอก็ดูโอ


โดย: 莫妙 IP: 58.8.20.237 วันที่: 12 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:27:44 น.  

 
ดีจ้า... ม่อหมิงเซียนจื่อ

ก็เติบโตกันไปตามกาลสมัยนะจ๊า แวะมาอีกน้า พระเอกเนี่ยหยวนนะไม่ใช่คนหัวเหม่ง นั่นมันเถียนกุยหนง ฮ่า ฮ่า ฮ่า (ยัดเยียด+กล่าวหาไปหรือเปล่า?)


เรื่องย่อต่อจ้า



หม่าชุนฮัว(สาวที่คุณชายปลากัดปิ๊งตอนแรก ๆ เลย)ที่คังอันรับมาอยู่ด้วยมีปัญหากับเมียหลวงที่ชอบแกล้งนางเสมอ ลูกชายก็ถูกเมียหลวงยึดไป แม้คังอันจะช่วยได้บ้างในบางครั้งแต่ก็ไม่เสมอไป เคังอันไปถูกใจจื่ออีและพยายามหาตัวนางกลับมาก็ยิ่งละเลยชุนฮัว เมื่อจื่ออีหนีไป คังอันหงุดหงิดมากพร่ำว่าคิดถึงและต้องการตัวจื่ออี นางเริ่มรู้สึกว่าเขาไม่รักนางอีกแล้ว คังอันให้กุยหนงช่วย กุยหนงพบว่าคนแซ่เฟิ่งที่มาหาเขาเพื่อต้องการความช่วยเหลือมีความสัมพันธ์กับจื่ออี จึงได้ให้คนแซ่เฟิ่งไปจับจื่ออีมา คนชั่วแสดงตัวเป็นพ่อหลอกจับจื่ออีมาให้คังอัน คังอันพยายามเกลี้ยกล่อมแต่ไม่สำเร็จ

หูเฟยเดินทางมาเมืองหลวงเพื่อจะเข้าร่วมงานชุมนุมชาวยุทธที่เป็นกับดักนั้น แต่อีกใจหนึ่งเขาอยากเจอจื่ออีนั่นเอง หลิงซู่รู้ความนัยนี้จึงน้อยใจ นางคิดกลับไปที่อยู่เดิม แต่นางบอกจะไปหูเฟยไม่มีปฏิกริยาแม้แต่น้อย หลิงซู่ยิ่งน้อยใจหนัก ขณะเดินไปคนชั่วจะมารังแก หลิงซู่ไม่ต่อต้าน หูเฟยมาช่วยไว้พอดี ถามว่าทำไมไม่ปกป้องตัวเองโดยใช้พิษไล่คนชั่วไป หลิงซู่บอกว่านางจากมาหูเฟยไม่แม้แต่จะรั้งนางไว้ ต่างกับจื่ออี พอบอกจะไปหูเฟยก็ตกใจและเสียใจ นางไม่สำคัญในใจเขาเลย หูเฟยบอกว่าความจริงนางก็สำคัญแต่นางฉลาดและเก่ง ใช้พิษก็ได้หูเฟยเลยออกจะกลัว ๆ นาง อยู่ แล้วชายหญิงเดินทางไปด้วยกันตามลำพังไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไหร่ หลิงซู่บอกก็สร้างสัมพันธ์ที่เหมาะสมสิ หูเฟยบอกว่า งั้น.....มาสาบานเป็นพี่น้องกัน หลิงซู่ยอมอย่างเสียไม่ได้ แต่พึมพำไม่เป็นศัพท์ตอนหูเฟยบังคับให้สาบานเป็นพี่น้องกัน หูเฟยเดินทางเข้าเมือง พบร่องรอยของจื่ออีที่ถูกบริวารของคนแซ่เฟิ่งและกุยหนงจับตัวไปพอดี จึงรีบตามเข้าไปช่วย หูเฟยให้หลิงซู่รอข้างนอก หากนานไปไม่ออกมาให้หลิงซู่หนีเอาตัวรอดไปเลย

(อะไร้................จะไม่รู้เรื่องขนาดนั้น หลิงซู่เขาแสดงออกขนาดนี้ สงสัยเหมือนกันว่าไม่รู้จริง ๆ เหรอ แต่ตรงช่วงนี้รู้สึกเลยว่าหลิงซู่ น่ารำคาญค่ะ เพราะมักพูดคำน้อยใจอออกมาเสมอ ๆ บ่อยครั้ง เกือบทุกครั้งที่เจอหน้าหูเฟย ทั้ง ๆ ที่อย่างที่บอก ว่าเหตุผลในการรักปักใจหูเฟยมันเบาเกินไป แต่ก็อย่างว่าความรู้สึกคนเราห้ามกันไม่ได้นี่เนอะ หรืออาจจะเป็นการลดบทบาทของหลิงซู่ในใจผู้ชมลงก็ได้ค่ะ เดาเอาเอง เพื่อถ่วงน้ำหนักของตัวละครทุกตัวไม่ให้น่าเห็นใจ หรือดึงอาการเทใจมากเกินไป)

กุยหนงได้ยาเถาฮวาเฟิ่น(ผงดอกท้อ)ซึ่งเป็นยาปลุกกำหนัดไม่ว่าหญิงชายโดนเข้าไปจะมีอาการเดียวกัน(เกริ่นแบบนี้รู้แล้วเดี๋ยวเกิดเรื่องแน่) ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข จะต้องตาย มาจากหั่วฟู๋หรงศิษย์ผู้พี่ของหลิงซู่ จึงให้คังอันเอาไปใช้กับจื่ออี คังอันแรก ๆ จะไม่ใช้แต่ด้วยความอยากยึดครองจื่ออี จึงนำมาใช้ พอดีหูเฟยเข้าไปช่วยจื่ออีไว้ทัน แต่ขณะต่อสู้สูดเอาผงดอกท้อเข้าไป จื่ออีเห็นเขาอาการไม่ดีพยายามหาทางช่วย แต่หูเฟยมีอาการแปลก ๆ และร้อนไปทั่วตัว จนต้องถอดเสื้อออกมา จื่ออีเห็นเขาทรมานมาก อยู่ ๆ ก็ผลักนางอย่างแรงให้นางรีบไปจากเขาโดยด่วนขณะที่เขายังควบคุมตนเองได้ จื่ออีรู้ว่าเขาโดนยาอะไร หูเฟยถามแต่นางไม่กล้าบอก หูเฟยบอกว่าเขาร้อนมาก ไม่รู้โดนยาอะไรเข้าไป เหมือนเลือดไหลเวียนเร็วกว่าปรกติ หูเฟยผลักนางให้รีบไปอีก แต่นางกลับกอดเขาไว้ หูเฟยกอดตอบด้วยความรักและบอกความจริงว่าเขารักนาง แต่สุดท้ายผลักนางออกและให้นางรีบไป จื่ออีเห็นเขาทรมานจึงจี้จุดหูเฟยไว้และจัดให้เขานอนในศาลเจ้าร้าง นางรีบกลับไปหายา ถอนพิษ ได้ยินพวกคนชั่วคุยกันว่าไม่มียาแก้ เพียงแค่มีสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามนั่นก็คือการแก้ไขแล้ว

หลิงซู่หนีออกมาตอนเหตุการณ์วุ่นวาย และคิดว่าทั้งสองอาจบาดเจ็บและซ่อนตัวอยู่ นางพบหูเฟยที่ทุรนทุรายอยู่ในศาลเจ้าร้างและทราบวว่าเขาโดนพิษอะไร (ที่สำคัญคือนางทราบว่าต้องแก้อย่างไรด้วย) หลิงซู่ช่วยหูเฟยไว้ หูเฟยร้องแต่ว่าอย่า แต่หลิงซู่ตัดสินใจแล้ว

(ตอนนี้ก็มีภาพ เวลาผ่านไป แบบถ่ายนกบินไปบินมา ดวงจันทร์เคลื่อนคล้อย ลมพัดใบไม้ไหว ไปตามเรื่องเพื่อให้รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นแล้วนะจ๊ะคนดูจ๋า แต่ไม่มีภาพอื่นใดให้ดูหรอกจ้า)

ทั้งหูเฟยและหลิงซู่นั่งนิ่ง หลิงซู่บอกหูเฟยไม่ต้องรับผิดชอบ แต่หูเฟยบอกว่าไม่ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วเขารับผิดชอบ หลิงซู่บอกถ้าจะเลือกทิ้งก็ทิ้งนางเถอะ พอดีจื่ออีมาถึงด้วยความตกใจที่เห็นหลิงซู่อยู่กับหูเฟยและหูเฟยก็หายดีแล้ว นางเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง หูเฟยมองนางด้วยสายตาเศร้าสร้อย จื่ออี หมุนตัวกำลังจะจากเขาไปอีกแล้ว เขาเรียกนางด้วยความตกใจเหมือนไม่อยากเสียของรัก
“จื่ออี”
“หูเฟย...ให้ข้าไปเถอะ อย่าได้รั้งไว้”
หลิงซู่รีบบอกว่า
“หยวนกูเหนียง อย่าไป ท่านเป็นคนที่หูต้าเกอรัก คนที่จะไปควรเป็นข้า ข้าไม่มีคนสนใจให้ความรักแต่เล็กจนชินเสียแล้ว”
หูเฟยรีบรั้งเรียกชื่อนาง เขาสับสนจนไม่รู้จะพูดอะไร จื่ออีบอกว่า
“เฉิงกูเหนียง ท่านอยู่ ท่านอย่านึกว่ายกหูต้าเกอให้แล้วข้าจะดีใจหรือ? ข้าไม่มีวันรับน้ำใจนี้”
จากนั้นนางก็หมุนตัว หูเฟยคว้ามือนางไว้ จื่ออีไม่หันหน้ากลับมา น้ำตานางเอ่อคลอ
“.................ปล่อยข้า..............หรือเจ้าอยากให้แม้แต่เพื่อนเราก็เป็นไม่ได้?”

หูเฟยจำต้องปล่อยนางไป ด้วยความอาลัยเหลือเกิน(ดวงตามันฟ้อง อันนี้คนดูอาจจะรู้สึกไปเอง ฮิ ฮิ.....)

คังอันเมื่อโดนชิงตัวสาวที่กำลังจะได้ยึดครองไป ก็หงุดหงิดดื่มเหล้า ชุนฮัวเข้ามาปลอบ แต่ด้วยความไม่สบอารมณ์ ตบหน้านาง(ตอนตบนี่ เลือดเย็นดีชะมัด หน้านิ่งมาก เหมือนไม่เคยตบใครมาก่อนเลย ทั้ง ๆ ที่คนที่ตบคือเมียรัก ที่เคย รักปานจะกลืน) ชุนฮัวถูกไล่เหมือนคนไร้ค่า นางบอกไปก็ได้แต่ต้องคืนลูกมา แต่คังอันไม่ยอมคืนบอกว่าเป็นกฎของราชสำนักชิง(ต้องเอาลูกไปให้คนอื่นช่วยเลี้ยงเพราะจะได้มีหลาย ๆ คนมาแบ่งปันความรักให้เด็ก) แถมยังไล่ชุนฮัวไปรับใช้เมียหลวงอีก

อันนี้ได้ข้อคิด จากคังอัน ความรักของเขาเหมือนกับสุด ๆ ในชั่วขณะหนึ่งและจางหายไปในที่สุด เพลย์บอยกระต่ายผูกทักซิโด้คังอันเมื่อพบชุนฮวาก็รักมาก และเมื่อได้ครอบครองนางก็ชืดชา พอเห็นสาวสวยคนใหม่ก็เปลี่ยนใจ ถามว่าตอนนั้นรักชุนฮัวไหม เราคิดว่ารักตอนนั้นแหละต่อมาก็ไม่ใช่ความรักแล้ว ความรักของคังอันคือการได้ครอบครอง เขาบอกว่า ในโลกนี้ไม่มีใครปฎิเสธเขาได้นอกจากฮ่องเต้ ยิ่งผู้หญิงนี่ไม่มีเลย นอกจากจื่ออี เขาเลยสนใจอยากครองนาง แต่เขาก็มีความอยากเอาชนะอยู่ แบบว่าหยิ่งจะได้หญิงสักคนต้องเอาให้อยู่หมัดทั้งกายและใจ แต่กรณีจื่ออีไม่ได้ใจแน่นอนเพราะดูอาการจื่ออีแล้วเขาก็สำนึกได้ว่าสาวคนนี้ยาก เลยจะเล่นครองกายเสียเลย แต่พอดีหูเฟยมาช่วยไว้เสียก่อน ความรักของผู้ชายอย่างคังอัน ในสังคมปัจจุบันก็เหมือนเพลย์บอยหล่อ ๆ ที่ถือดีในตัวเอง แต่ก็หยิ่งในศักดิ์ศรีเล็กน้อย ความรักคือเกมส์ เล่นชนะ เท่ากับเป็นการเติมเต็มความรู้สึกแห่งการครอบครองและการเป็นผู้ชนะในเกมส์ที่นำมาซึ่งความพอใจ และสำราญ เบิกบานใจ

มาถึงเรื่องหูเฟย ทำไม๊ไปโดนยาซะ ทำไมตอนสู้กันคนที่ดมไม่ใช่คังอัน หรือจื่ออีล่ะ? คิดไป คิดมา อาจเพราะถ้าคังอันโดน ก็หาคนแก้ได้ง่าย ๆ ความรักของจื่ออีกับหูเฟย ก็ดำเนินไปแบบเดิม เจอ ๆ หาย ๆ และมีหลิงซู่มารักหูเฟยเป็นสามเส้าเหมือนเดิม มันก็จะไม่มันส์ เลยต้องให้หูเฟยโดนเพราะจะได้รักษายากหน่อย ใครจะมารักษาดีล่ะ ระหว่างจื่ออีกับหลิงซู่ ถ้าเป็นจื่ออีก็จะมีจุดขัดแย้งแค่เรื่องพ่อจื่ออีเท่านั้น หูเฟยอาจอภัยก็ได้ แม้จะสาบานแล้วว่าจะไม่ขอเป็นคนถ้าไม่ได้ฆ่าคนแซ่เฟิ่งสุดชั่วช้า แต่อาจหาคำอธิบายมาแก้ ไปได้ เรื่องก็ไม่มันส์เพราะไม่ได้สร้างจุดขัดแย้ง เลยต้องให้หลิงซู่มาช่วยแก้แทน ทีนี้ความขัดแย้งก็กว้างล่ะสิ โดนสามคนเลย เพราะจื่ออีเองรักหูเฟย ก็จะต้องเสียใจแล้วจะต้องทำอะไรบางอย่างเช่น จากหูเฟยไปทำอะไรที่เป็นบทบาทของนางต่อ ส่วนหูเฟย ก็ต้องเจ็บปวดขณะเดียวกันต้องซาบซึ้งหลิงซู่และก็รับผิดชอบด้วย ส่วนหลิงซู่แม้จะรักหูเฟย แต่รู้ว่าเขาไม่ได้รักนางก็เจ็บปวดเหมือนกัน นางก็ต้องทำอะไรบางอย่าง ทุกตัวละครก็ต้องหาทางเลือกจากจุดขัดแย้ง คราวนี้ก็จะต่อเรื่องได้ 45 ตอน ขายหนังยาวได้พอดี ไม่ตรงบทประพันธ์ แต่หาความมันส์ด้านอื่นมานำเสนอให้แทน เคี๊ยก เคี๊ยก(หัวร่อแบบตัวร้ายไปหน่อยมั๊ย?)


โดย: mamiya วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:36:09 น.  

 
ชุนฮัวไปศาลเจ้าขอให้พระคุ้มครองลูกชาย ได้พบกับหูเฟยโดยบังเอิญ วันหนึ่งนางพบว่าลูกชายของนางป่วยแต่เมียหลวงสั่งยาเกินขนาดที่เด็กจะกินมีเจตนาจะทำร้ายลูกชายนาง นางจึงขอความกรุณาแต่เมียหลวงผู้โหดร้ายตบตีทำร้ายชุนฮัวและหมายฆ่า ชุนฮัวพลั้งมือผลักนางทำให้เมียหลวงตายเพราะอาวุธตัวเอง ชุนฮัวตกใจพาลูกหนี เจอคังอันดักไว้และเจรจาให้นางทำความดีไถ่โทษที่ฆ่าเมียหลวงซึ่งเป็นองค์หญิงคนโปรดของฮ่องเต้ตาย คังอันบอกจะขออภัยโทษให้และคืนลูกชายให้ด้วยหากงานชิงคัมภีร์ตระกูลหูสำเร็จ

ชุนฮัวไปหลอกหูเฟยจนเขาหลงกลได้รับบาดเจ็บ หลิงซู่รักษาแต่ชุนฮัววางยาซ้ำ หลิงซู่สงสัยชุนฮัวแต่แรกแล้ว แต่หูเฟยเชื่อใจนางมากจนหลิงซู่ไม่อยากพูดอะไร หูเฟยโดนพิษซ้ำทำให้ฝันร้ายและเพ้อถึงจื่ออี หลิงซู่รู้ว่าเขาไม่ร้กนางเลย หลิงซู่กลุ้มใจมากไม่รู้ว่าหูเฟยโดนพิษอะไร นางใช้ความคิดอย่างหนัก ชุนฮัวเห็นนางกลัดกลุ้มจึงมาคุยด้วยและบอกว่ารู้ว่านางรักหูเฟย ซึ่งนางก็เคยรักคนที่ไม่รักนางเหมือนกัน คนเราควรเปลี่ยนวิธีรักคนที่เรารัก แล้วเราเองจะไม่ต้องทุกข์ทรมาน หลิงซู่เอาคำพูดของชุนฮัวไปขบคิด นางพยายามค้นหาจากตำราแต่ไม่เจอวิธีแก้ เพราะพิษนี้หั่วฟูหรง(ชื่อตัวว่าเซวียเอ้อ)คิดขึ้นมาหลังจากอาจารย์ตายไปแล้ว หลิงซู่นึกถึงคำสอนอาจารย์ว่าเลือดของนางต้านพิษได้ จึงเปลี่ยนเลือดตัวเองกับหูเฟย ท่าทางหลิงซู่แย่มากหลังเปลี่ยนเลือด แต่นางห้ามชุนฮัวบอกความจริงหูเฟย เพราะเขาจะยิ่งรู้สึกติดค้างนางและผิดรู้สึกผิดต่อนางมากขึ้น

ชุนฮัวกลับไปรายงานกุยหนงเรื่องความคืบหน้าในการขโมยคัมภีร์ กุยหนงรับรองว่างานเสร็จแล้วนางจะได้ลูกชายคืน ชุนฮัวแกล้งใช้แผนซ้อนแผนโดยสารภาพความจริงกับหูเฟยจนหูเฟยเห็นใจมอบคัมภีร์ให้ด้วยความเต็มใจ หลิงซู่เตือนว่าเป็นมรดกจากพ่อของหูเฟยจะให้ได้ง่าย ๆ หรือ หูเฟยบอว่าในคัมภีร์ หลายหน้าสุดท้ายเป็นกลยุทธ์การเล่นหมากเท่านั้น ของตายไปแลกกับคนเป็นก็คุ้มอยู่แล้ว คัมภีร์ธรรมดาไม่มีขุมทรัพย์อย่างที่เขาว่ากันหรอก


ชุนฮัวเอาคัมภีร์ไปแลก แต่กุยหนงกลับคำและบอกว่าคังอันสั่งมาว่าถ้าจำเป็นต้องเลือกให้ฆ่าเด็กได้ ชุนฮัวซึ้งใจ ขณะโดนพรากลูก นางพยายามต่อสู้จนบาดเจ็บสาหัส หูเฟยมาช่วยไว้พอดีแต่เพราะคนมากสู้ไม่ได้ กุยหนงบอกว่ายอมตัดมือแลกเด็กหรือเปล่า ถ้ายอมก็ตัดมือข้างขวาก่อน หูเฟยยอมทำตามโชคดีที่คนของสมาคมดอกไม้เหล็กมาช่วยทัน ทำทีเป็นจับคังอันได้ กุยหนงพบว่าที่จริงแล้วคังอันเป็นตัวปลอมที่เฉินเจียลั่วแกล้งปลอมมา แต่ก็สายเสียแล้ว

สมาคมดอกไม้เหล็กมาช่วยหูเฟยไว้ และบอกว่ามาเพราะงานชุมนุมเจ้าสำนัก หม่าชุนฮัวเจ็บหนักปางตาย ขอให้หูเฟยดูแลลูกนาง พวกสมาคมบอกว่าเรื่องของหูเฟยก็เหมือนเรื่องของคนสมาคมดอกไม้เหล็ก จึงรับปากว่าจะดูแลลูกของนางเป็นอย่างดี ชุนฮัวขอพบคังอัน(เข้าใจว่าเฉินเจียลั่วเป็นคังอัน)ก่อนตาย ไม่ว่าคังอันจะผิดอย่างไร นางก็รักเขาเพียงผู้เดียว เจียลั่วกอดนางตามที่นางขอร้องนางจนชุนฮัวสิ้นลม การนี้ทำให้เจียลั่วคิดถึงเซียงเซียงกงจู่ขึ้นมา

เจียลั่วไปเคารพหลุมศพเซียงเซียงและบอกว่าการมีรักสามเส้าไม่มีใครช่วยได้นอกจากตัวเอง เขาเองก็เคยทำร้ายฮั่วชิงถง เขาสังเกตว่าหูเฟยก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และบอกหูเฟยว่าให้ถนอมคนที่อยู่ข้างกายให้ดี

ด้านจื่ออีโดนพ่อตัวเองหลอกอีก พ่อนางวางยาผงดอกท้ออีก แต่คราวนี้ไม่สำเร็จเพราะอาจารย์ของจื่ออีมาแล้วและเดาแผนชั่วออก อาจารย์ของจื่ออีคือเสินหนี(นางชีเทวดา)แห่งเขาเทียนซัน มาคราวนี้ก็เพื่อร่วมมือกับพรรคดอกไม้เหล็ก ทำลายงานชุมนุม

สมาคมดอกไม้เหล็กวางแผนล่มงาน ให้หูเฟยไปชิงป้ายเจ้าสำนักหัวเฉวียน ซึ่งคังอันเดาได้จึงวางแผนให้หูเฟยได้ป้ายเจ้าสำนักไป และยังได้หายอดฝีมือจากนอกด่านมาช่วยด้วย กุยหนงกับหั่วฟูหรงแทบหมดราศีไปเพราะคนใหม่เก่งกว่า

หูเฟยกลับมาหลังจากชิงป้ายเจ้าสำนักและเตรียมตัวไปงานชุมนุมตามแผนของสมาคมดอกไม้เหล็ก เขามาหาหลิงซู่ที่เงียบขรึมไป นางบอกกับเขาว่างานใกล้ถึงแล้ว ให้รีบพักผ่อนและอย่าได้ประมาท แต่ให้คิดว่าหลังงานแล้วจะทำอย่างไรต่อไป จะเลือกนางหรือจื่ออีก็ให้เลือกไปแต่ให้รักเพียงคน ๆ เดียวอย่าได้หลอกตัวเองกันอีกต่อไป หลิงซู่บอกว่าหลายวันนี้นางจะเตรียมยาไว้เผื่อเกิดเรื่องจะได้เอามาช่วยทุกคนได้ และให้หูเฟยพักผ่อนให้เพียงพอ จื่ออีได้ยินคำพูดของนางจึงออกมาบอกหูเฟยว่าอย่าได้ลังเลให้เลือกหลิงซู่ เพราะคนดีอย่างหลิงซู่ยอมมอบกายช่วยเขาไว้ แต่เขากลับซ่อนอีกคนไว้ในใจทำอย่างนี้ถือว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อหลิงซู่ ซึ่งนางเคยคิดว่าหูเฟยเป็นคนดีมาตลอดแต่ทำไมทำแบบนี้ อย่ามากังวลกับเรื่องนี้จนเสียงานใหญ่ ถ้าอย่างนั้นนางจะดูถูกเขา และอย่าคิดว่าจื่ออีเองจะกังวลเพราะเขา เนื่องจากหลังงานชุมนุมนางก็จะขึ้นเขาบำเพ็ญเพียรกับอาจารย์แล้ว ตอนนี้พูดกันรู้เรื่องแล้ว ต่อไปเจอกันก็อย่าละล้าละลังกันอีก ว่าจบนางก็จากไปแอบร้องไห้หลังประตู ส่วนหลิงซู่ก็ได้ยินคำพูดของทั้งสองร้องไห้ไปด้วยเช่นกัน มีแต่หูเฟยที่ยืนงงตัดสินใจอะไรไม่ถูก






โดย: มามิยะ IP: 124.120.87.90 วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:13:54 น.  

 
หูเฟ่ย(น่าจะออกเสียแบบนี้มากกว่าแต่เขียนแบบคุ้นเคยไปก็แล้วกันนะคะ)ในหนังสือไม่ได้มีอะไรกับหลิงซู่ใช่ไหมคะ? หนังต้องตัดแปลงแน่เลย......! นางเอกตัวจริงต้องเป็นรั่วหลานตอนสาว 19 ใช่ไหมคะ? ส่วนจื่ออีบวช?

มีอะไรกัน หมายถึง.......หรือคะ ขอปฏิเสธแทนหลิงซู่และหูเฟยเลยค่ะ
ไม่มีอะไรกันแน่นอน แม้ว่าช่วงหลังจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ให้ความสนิทสนมเหมือนพี่ชายน้องสาว แถมยังสาบานเป็นพี่น้องกับนาง
(คงตัดปัญหานะแหละค่ะ ตอนที่หลิงซู่ถามความรู้สึกที่หูเฟยมีต่อนาง)
หูเฟยเลยขอสาบานเป็นพี่น้องเรียกนางเป็นน้องสาวเพื่อจะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจ
แต่เพราะคำพูดตอนนั้นนับว่าทำร้ายจิตใจหลิงซู่มากเลยค่ะ แต่นางมีจิตใจดีงามทั้งยังรู้ว่าหูเฟยรักจื่ออีไม่เสื่อมคลาย
แต่ก็ยังห่วงใยกังวลในทุกเรื่องราวของพระเอก ช่วยเหลือวางแผนทุกอย่างแม้ก่อนตาย

ส่วนรั่วหลาน(ไม่คล่องปากเลยแฮะ ขอเรียกว่าเยียกลั้งแล้วกัน) นางพบหูเฟยตอนอายุ 17 ปีห่างจากพระเอก 10 ปี
ตอนนั้นหูเฟยอายุ 27 ปีแล้วค่ะ (แต่ก็อยากที่ทราบกันว่าเรื่องจิ้งจอกภูเขาหิมะเขียนก่อนจิ้งจอกอหังการ์ จริงๆหูเฟยเคยเจอเยียกลั้งตอนเด็กด้วย แต่ไม่มีกล่าวถึงในจิ้งจอกภูเขาหิมะเพราะเหตุนี้)
เป็นผู้ใหญ่กว่ามาก และในเรื่องหูเฟยก็รู้อยู่แล้วว่าเมี้ยวนั้งหงส์เป็นศัตรู

ฟังจากที่ว่ามา เปลี่ยนแปลงบทกันอีกแล้วหรือคะนี่ มามิ



โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:36:19 น.  

 
มือเร็วไปค่ะ กดenter เฉยเลย ฮ่าฮ่า

มีหลายตอนในซีรี่ย์ชุดนี้ที่ไม่เป็นไปตามบทประพันธ์(ที่เคยอ่านนะ)
แต่ที่แน่ๆ พยายามอ่านยังไงก็ไม่ปรากฎว่าเล้งซู่สวยจริงๆค่ะ น่าจะตรงกับที่หลิงเอ๋อร์ว่า ถูกเรียกว่าเอี้ยเท้าขนเหลืองจริงๆ
แต่เวลานางแย้มยิ้ม บอกว่างามมากนะคะ มีเสน่ห์อย่างประหลาด (งงไหมคะ)


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:46:37 น.  

 
พี่ฟงคะ เปลี่ยนบทประพันธ์แน่นอนค่ะ เพราะในหนังมีอะไรกัน พระเอกพูดเลยว่า "我跟你有夫妻之实" แปลยากแฮะ "ข้ากับเจ้าเป็นสามีภรรยากันนั้นเป็นความจริง" พูดตอนที่พระเอกได้รับการแก้พิษแล้วล่ะค่ะ


หลิงซู่ในหนังเหมือนคนที่เย็น ๆ เศร้า ๆ เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด (คิดว่างามแบบเรียบ ๆ ค่ะ)


เรื่องนี้ชอบเด็กค่ะพี่ ทำไม น่ารักมากอย่างนี้ก็ไม่รู้ เด็กลูกของหม่าชุนฮัว อายุ 2-3 ขวบได้กระมังคะ น่ารักมากเลยค่ะ เขาร้องไห้หาแม่ ร้อง "เหนียง เหนียง" และพอเจอแม่ก็หอมแก้มค่ะ (ไม่รู้ผู้กำกับสั่งเด็กยังไงเหมือนกัน) ชอบค่ะ น่ารักดี ฉากหอมแก้มแม่ตอนแม่สู้หมดแรง ชอบมาก ๆ ส่วนตอนอื่น ก็ไม่เท่าไหร่

นินทาพี่ชีเยี่ยหน่อย คือว่า เนี่ยหยวนจะมองตรงไม่ได้ ต้องมองข้าง ๆ ตอนถูกพิษนอนแล้วมองลงไปเหมือนเรามองจากคนเฝ้าไข้ ไม่ได้เลยค่ะ ดูไม่ดี กล้องต้องแพนออกข้าง ๆ จะดูดีกว่า ถ้าได้ดูก็ลองสังเกตกันดูนะคะ


จื่ออี จูอิน ความจริงเล่นหนังดีนะคะ ดวงตาดุก็ดุ เศร้าก็ดูเศร้า มีอยู่ฉากที่ไม่คิดว่าจูอินจะทำได้ดีขนาดนี้คือฉากที่แกล้งทำเป็นถูกผงดอกท้อแล้วมองฟู๋อันคังตาเยิ้ม ดูมีเสน่ห์แบบผู้หญิงมาก ๆ เลยค่ะ เรียกว่าหวานปานจะหยด สมกับที่ถูกพิษชนิดนี้จริง ๆ

ส่วนหลิงซู่ อาเจียวแล้วยังสู้ไม่ได้กับสองคนแรก แต่ก็ทำได้ดีพอควร

ฟู๋คังอันกับเฉินเจียลั่วว ใช้นายแบบข้างบนเล่น แต่บุคคลิกของเฉินเจียลั่วกลับไม่โดดเด่นเท่าคังอัน เวลาสั่งลูกน้องดูไม่มีอานุภาพ อำนาจ ราศี เท่าคังอัน นั่นสั่งแบบว่าลูกน้องไม่ทำ เดี๋ยวสวย.....จึงดูทรงอำนาจดีกว่าเจียลั่ว เจียลั่ว ดูจากในหนังแล้วสรุปได้ว่ารักเซียงเซียงมิใช่ชิงถง เราก็เชียร์ชิงถงอยู่เหมือนกัน พอได้พบความในใจของเจียลั่วจากในหนังแล้วเลยค่อนข้างไม่ชอบเจียลั่วไปล่ะมั๊งคะ ความจริง เจียลั่วกับบ่อกี้ ก็อย่างว่า เลือกไม่ได้ อ้อ ยังมีอ้วงเซ้งจี่(หยวนเฉิงจื้ออีกคน)




โดย: mamiya วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:15:44 น.  

 
คนนี้แสดงเป็นหนันหลานค่ะ




หม่าชุนฮัว




พี่สี่ เหวินไท่ไหล




อาซื่อ คนที่เลี้ยงดูหูเฟยมาตั้งแต่เด็ก



โดย: mamiya วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:45:18 น.  

 
ตอนที่เมี้ยวเยียกลั้งพบโอ้วฮุยครั้งแรกในจิ้งจอกภูเขาหิมะค่ะ มามิ จากที่บรรยายจะรู้เลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจอหน้าพระเอก

เป็นตอนที่พระเอกขึ้นเขาเพื่อทวงสมบัติของมารดาคืน
อูก้วงแกร้อนรุ่มใจยิ่ง รีบกล่าวว่า
"เมี้ยวโกวเนี้ย ท่านไม่ได้ยินหลวงจีนนั้นบอกว่า บิดาท่านเมี้ยวไต้เฮียบกับมันมีความแค้นของการสังหารบิดาหรอกหรือ ? ท่านหากไม่หลบหนี พลัดตกไปในเงื้อมมือคนผู้นั้น อย่างนั้น.....อย่างนั้น"
เมียวเยียกลั้งกล่าวว่า
"นับแต่ข้าพเจ้าได้ยินบิดาบอกเล่าเรื่องราวของโอ้วแป๊ะแปะ ก็ภาวนาให้ทารกน้อยนั้นยังมีชียวิตอยู่ในโลก และมุ่งหวังมีวันพบหน้ามันสักครา เรื่องในวันนี้แม้เสี่ยงอันตราย แต่หลังจากนี้หากไม่อาจพบหน้ามันอีก ก็ต้องเสียใจไปชั่วชีวิตแล้ว"
คำพูดเหล่านี้แม้กล่าวอย่างสุภาพอ่อนโยน แต่น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวยิ่ง อูกวงแกกลับไม่อาจขัดขืน ต้องครุ่นคิดขึ้น
"โกวเนี้ยนางนี้แม้ไม่มีเรี่ยวแรงฆ่าไก่ ยังกล้าหาญเด็ดเดี่ยวปานนี้ ไม่เสียทีที่เป็นบุตรีของพุทธหน้าทองเมี้ยวไต้เฮียบจริงๆ บรรดาสยบกวนตัง สะท้านฟ้าทักษิณอะไรนั่น มีชื่อฉายากระเดื่องดัง เมื่อเปรียบกับเมี้ยวโกวเนี้ย หากไม่ละอายตาย นับว่าหน้าหนายิ่ง"
มันความจริงหวาดหวั่นพรั่นพรึง แต่เห็นเมี้ยวเยียกลั้งสีหน้าสงบเยือกเย็น ความหวาดหวั่นค่อยผ่อนคลาย ดังนั้นจัดวางถ้วยเคลือบลายดอกไม้เขียวบนถาดน้ำชาสองใบ ชงน้ำชาลงในถ้วย เดินออกจากห้องโถง เมี้ยวเยียกลั้งตามติดอยู่ด้านหลัง
อูก้วงแกพออ้อมผนังห้องโถงออกมา เห็นบุรุษชุดขาวนั้นหันหน้าหาภายนอก สองมือเท้าสะเอวแหงนหน้ามองท้องฟ้า จึงร้องดังๆว่า
"โอ้วตั่วเอี้ยให้เกียรติมา ไม่ได้ออกต้อนรับ หวังให้อโหสิ"
พลางเสนอน้ำชาส่งไป
บุรุษชุดขาวนั้นได้ยินอูก้วงแกกล่าววาจา จึงเหลียวหน้ามา เห็นเมี้ยวเยียกลั้งที่เป็นดรุณีสุภาพเรียบร้อยยืนชดช้อยกับที่ เพ่งตาสุกใสทอประกายปัญญามองมา ต้องงงงันวูบ

เมี้ยวเยียกลั้งเห็นคนผู้นี้ไว้เครารกครึ้มอยู่สองข้างแก้ม ทุกเส้นชี้ชันปานเส้นลวด ผมเผ้าดกดำไม่ถักเปีย ปล่อยยุ่งเหยิงราวพงหญ้ารกร้าง ก็ใจหายวาบเช่นกัน
นางบังเกิดความสมเพชเวทนาต่อบุตรชายของโอ้วเจ่กตอตั้งแต่เล็ก ขณะที่นึกถึงมัน มักยึดถือมันเป็นทารกเยาว์วัยที่ถูกผู้คนข่มเหงรังแก วันนี้พอพบพาน คิดไม่ถึงกลับเป็นชายฉกรรจ์ห้าวหาญดุร้ายปานนี้ ในใจบังเกิดความตื่นเต้นสงสัยสามส่วน ประหวั่นลนลานสามส่วน และผิดหวังสามส่วน แต่แล้วครุ่นคิด
"โอ้วเจ่กตอโอ้วแป๊ะแปะ เค้าหน้าทรงอำนาจ บุตรของท่านย่อมเป็นเช่นเดียวกัน มีอันใดน่าประหลาด ? เพียงแต่เราเข้าใจมันผิดไปตลอดมา"
ดังนั้นเดินเข้าไป ย่อกายคารวะอย่างชดช้อย กล่างเสียงแผ่วเบา
"คารวะเซียงกง"
จิ้งจอกภูเขาหิมะโอ้วฮุยขึ้นเขาครั้งนี้ ตระเตรียมต่อสู้กับยอดฝีมือบนเขา มิคาดที่ออกจากตึกมาพบพานเป็นดรุณีสวยซึ้งนางหนึ่ง สร้างความเคลือบแคลงสงสัยยิ่ง

นี่เป็นตอนแรกพบกันของทั้งคู่ค่ะ มามิ
จากนี้เห็นได้ว่า ทั้งคู่ไม่รู้จักกันเลย แต่จิ้งจอกอหังการ์กลับให้เมี้ยวเยียกลั้งเคยพบโอ้วฮุยหลายครั้งตอนเด็ก น่าจะประมาณ2-3ขวบครั้งหนึ่ง
ตอนที่เมี้ยวนั้งหงส์ อุ้มนางติดตามน่ำลั้งที่หนีมากับกุ้ยล้ง
ซึ่งตอนนั้นโอ้วฮุยน่าจะสิบกว่าปีและก็ตอนที่ไปหาเจ้าโอสถหมื่นพิษเพื่อรักษาตาให้เมี้ยวนั้งหงส์

ที่จำได้น่าจะมีแค่นี้นะคะ


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:25:06 น.  

 
กำลังมันส์ เลยเข้ามาต่อให้อีกเล็กน้อย (แน่รึ)

ช่วงนี้จะเป็นหลังจากที่โอ้วฮุยพบเมี้ยวเยียกลั้งแล้วลงเข้าไปก่อน เพราะไม่เจอเจ้าของบ้านที่ตนนัดพบไว้ (โต่วฮีเม่ง)

นางเอกถามเหล่าชาวยุทธ์ที่ขึ้นเขามา ให้แต่ละคนผลัดกันเล่าสาเหตุที่มาที่นี่
ถึงตอนที่เล้าง้วนเฮาะ(คนจากในวัง)เล่าเรื่อง มีช่วงหนึ่งกล่าวถึงเมี้ยวนั้งหงส์ (เฉพาะบางส่วนที่หมอนี่เล่าละกัน มันยาว)

ฉั้งตั่วกอ(ฉั้งกุยล้ง)กล่าวเสียงแผ่วเบา "โอ้วฮุย ในที่สุดท่านมาแล้ว ?"

คนหน้าประตูกลับกล่าวว่า "ฉั้งกุยล้ง ท่านจำสุ้มเสียงเราได้หรือไม่ ?"

ฉั้งตั่วกอหน้าเผือดขาวกว่าเดิม กล่าวเสียงสั่นสะท้าน "เมี้ยว...เมี้ยวไต้เฮียบ!"
คนหน้าประตูกล่าวว่า "มิผิด เป็นเรา"
ฉั้งตั่วกอกล่าวว่า "เมี้ยวไต้เฮียบ ท่านมาทำอะไร ?"
....

ฉั้งตั่วกอลังเลเล็กน้อย จึงวางคันเกาทัณฑ์ลุกไปเปิดประตู เห็นชายฉกรรจ์ทั้งผอมทั้งสูง ใบหน้าเหลืองซีดราวขี้ผึ้งผู้หนึ่งเดินเข้ามา
(ตัดไปอีกช่วงเลยนะ )


ฉั้งตั่วกอร่างสั่นสะท้าน กระแทกนั่งลงบนเก้าอี้ เมี้ยวไต้เฮียบกล่าวว่า'ศิษย์ของท่านขโมยดาบวิเศษไปกลบฝัง บุตรีท่านฝังลูกชู้โดยมิให้ท่านล่วงรู้ ล้วนถูกเราพบเห็น จึงขุดออกมาคืนแก่ท่าน'

ฉั้งตั่วกอกล่าวว่า "ขอบคุณ นี่...นี่เป็นคราเคราะห์ของตระกูลเรา กล่าวไปเป็นที่ละอายยิ่ง"

เมี้ยวไต้เฮียบพลันขอบตาแดงก่ำ คล้ายจะหลั่งน้ำตา จากนั้นสีหน้าเคลือบคลุมด้วยแววอำมหิต กล่าวทีละคำ 'นางเสียชีวิตอย่างไร ?'

ฉั้งตั่วกอกล่าวว่า 'วันนั้นนางถูกความเย็นแทรกซึมส่งเสียงไอตลอดเวลา เราเชิญหมอมารักษา หมอบอกว่าไม่เป็นไร เพียงได้รับความเย็นเล็กน้อย รับประท่านยาเทียบหนึ่งขับเหงื่อไล่ความร้อนก็ทุเลาแล้ว แต่นางบอกว่ายาขมเกินไป เทยาที่ต้มเสร็จทิ้งและไม่ยอมรับประทานอาหาร เมื่อเป็นเช่นนี้อาการยิ่งมายิ่งทรุดหนัก เราเชิญหมอมาหลายคน แต่นางไม่ยอมทานยา ไม่รับประทานอาหาร ปลอบโยนอย่างไรก็ไม่ฟัง'

ได้ยินเมี้ยวไต้เฮียบถามอีกว่า 'เช่นนี้เป็นว่า นางไม่ต้องการมีชีวิตเองแล้ว ?'

ฉั้งตั่วกอกล่าวว่า 'ภายหลังเราคุกเข่าวิงวอน ว่ากล่าวจนสุ้มเสียงแหบแห้ง นางยังคงไม่สนใจใยดี'

เมี้ยวไต้เฮียบกล่าวว่า 'นางสั่งเสียว่าอย่างไร ?'

ฉั้งตั่วกอกล่าวว่า 'นางบอกว่าหลังจากที่นางตายแล้ว ให้ฌาปนกิจศพโรยเถ้ากระดูกไว้บนทางหลวง ให้ผู้คนเหยียบย่ำ !'

เมี้ยวไต้เฮียบกระโดดปราดขึ้น กล่าวเสียงเกรี้ยวกราด'ท่านทำตามคำพูดของนางหรือไม่ ?'

ฉั้งตั่วกอกล่าวว่า 'ซากศพของนางได้รับการฌาปนกิจ แต่อัฐิอยู่ที่นี้'

'นางให้เราคืนปิ่นมุกนี้แก่ท่านหรือมอบต่อเมี้ยวโกวเนี้ย บอกว่านี่เป็นสมบัติของตระกูลเมี้ยว'

...
เมี้ยวไต้เฮียบกล่าวว่า 'ท่านเพียรพยายามเสาะหาลายแทงใบนี้ แต่ในที่สุดนางล่วงรู้โฉมหน้าแท้จริงของท่าน ไม่ยอมบอกความลับต่อท่าน คืนปิ่นมุกแก่ตระกูลเมี้ยว ลายแทงขุมทรัพย์อยู่ในปิ่นมุกนี้เอง คาดว่าท่านคงคาดฝันไม่ถึงกระมัง ?'


เฮ้อออออออ พิมพ์จนเมื่อยเลยค่ะ


จากเนื้อเรื่องส่วนนี้ น่าจะเป็นว่าน่ำลั้ง (หนันหลาน)ถูกฉั้งกุยล้งหลอกเพื่อสืบหาสมบัติ แต่สุดท้ายกุยล้งก็มีความรักให้กับนางจริงๆด้วย

ส่วนตัวน่ำลั้งเองก็ตรอมใจและเศร้าเสียใจในภายหลังเพราะรู้ความจริง คงเสียใจด้วยว่าทอดทิ้งลูกสาวแค่สามขวบแล้วหนีตามชู้มานะค่ะ

แต่เมี้ยวนั้งหงส์นะรักภรรยามากแน่ๆ เพียงแต่เป็นชาวยุทธ์พูดจาหวานๆไม่เป็น ที่สำมะคัญดันไปชื่นชมหญิงอื่น(ก็แม่ของโอ้วฮุยนะแหละ) ให้เมียตัวเองฟังบ่อยๆเข้า น่ำลั้งก็ดันเป็นเสียวเจี๊ยะตระกูลผู้ดีมาก่อนด้วย ยิ่งน้อยใจใหญ่สิ
พอมาเจอเจ้าชู้ปากหวานอย่างฉั้งกุยล้งก็เสร็จสิคะ งานนี้ก็เข้าตากรรมการพอดีแปะค่ะ


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:53:02 น.  

 
ระยะนี้ทำงานดึกเกือบทุกวันเลยค่ะ กลับบ้านมาก็ดันติดนิยายเรื่องใหม่เสียอีก ทำให้ไม่ได้ดูต่อ ต้องรอไปดูเสาร์อาทิตย์เอา ก็จะมาคุยเรื่องตัวละคร งานสร้าง หรืออื่น ๆ จิปาถะไปก่อนก็แล้วกันนะคะ (สรุปว่าตอนนี้ในหัวมีประมาณ 3 เรื่องด้วยกัน)

พี่ฟงขอบคุณมากเลยค่ะ แสดงว่ารั่วหลานในหนังสือก็เหมือนกับหนังเรื่องการได้เจอกับหูเฟย แต่แค่ผิวเผิน ไม่ได้มีช่วงของการได้เดินทางไปด้วยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข ให้หูเฟยกอดจนนอนหลับไป อะไรเทือกนี้

หลังเจอกันตอนเหรินฟ่งพาไปหาหนันหลานแล้ว ก็คงไม่ได้เจออีกจนโต ในหนังเจอแล้วก็ถูกใจ และตั้งใจว่าจะหาทางสลายความแค้นด้วยค่ะ เป็นความตั้งใจของเด็กๆ ค่ะ

ส่วนหนันหลานในหนังสือยังน่าให้อภัย แต่ในหนัง.....เป็นแม่ที่แย่มาก ทิ้งลูกไม่ยอมเลี้ยง ไม่ทำหน้าที่แม่ ทิ้งสามีไปมีคนใหม่ เรียกว่าทรยศ(กว่าจะรู้ตัวว่าโดนหลอกก็รับกรรมไปแล้ว)

ในหนังก็มีเรื่องปิ่นหยกค่ะ น่าจะเป็นสัญญารักของเหรินฟ่งกับหนันหลานค่ะ ประเด็นนี้น่าจะเหมือนกัน แต่เรื่องสั่งเสีย ให้เอาเถ้ากระดูกไปโรยบนถนนในหนังไม่มีค่ะ ตายเพราะว่าเสียใจและสำนึกผิดที่ไม่ทำหน้าที่แม่และเมีย แต่โดนหลอกเลยตามกุยหนงไป และติดที่นางชอบความสบายด้วยล่ะค่ะ ในหนังบอกเหรินฟ่งไม่ค่อยรวย ไม่มีเงินซื้อข้าวมาเก็บไว้กิน แต่ความจริงแล้วเหรินฟ่งน่าจะพอมีกินนะคะ แต่ในสายตาหนันหลาน(ในหนัง)กลับไม่ใช่

แม่หูเฟย ก็เป็นผู้หญิงดี แต่ไม่ค่อยมีบทที่เหรินฟ่งมาชมสักเท่าไหร่หรอกค่ะ เหรินฟ่งสนใจแต่ประลองกับอี้เตาเท่านั้น

พี่ฟงคะ แล้วคังอันล่ะคะ ในหนังสือบรรยายไว้อย่างไรคะ? เจียลั่วคงหน้าเศร้า ๆ เรียบเฉย สงบ นิ่ง ๆ ใช่ไหมคะ?


เรื่องนี้ดูไปดูมา บทเด่น ๆ ก็อยู่ที่หูเฟย หยวนจื่ออี และเฉิงหลิงซู่


จากนั้นก็เป็นตัวดัน ให้เรื่องราวดำเนินไป อย่างเถียนกุยหนง เหมียวเหรินฟ่ง เหมียวรั่วหลาน


อ้อ พี่เห็นรูปพี่สี่เหวินไท่ไหล ข้างบนใช่ไหมคะ? ในหนังก็ผมทรงนี้แหละค่ะ นอกจอ กับในจอ เหมือน ๆ กันเลย ฮ่า ฮ่า


วันนี้แผ่นดินไหว ใคร ๆ ก็รีบกลับบ้าน ตื่นเต้น ๆ 6.1 ริกเตอร์ ไม่น้อยที่เดียว แต่ชาวเราคงไม่รุ้สึกเท่าไหร่ โลกเปลี่ยนเป็นแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้นะคะ พี่ว่าไหมคะ?



โดย: mamiya วันที่: 16 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:59:26 น.  

 
กำลังฟังข่าวภาคเช้าอยู่ค่ะ พูดถึงเรื่องแผ่นดินไหวพอดี
อืมมมม ของเราคงไม่รู้สึกเท่าไรนะ มามิ

พี่ก็กำลังลุยอ่านนิยายที่ซื้อมาพร้อมกับงานอยู่ ต้องแยกสมาธิสุดๆนะคะ

กลางคืนอ่านนิยาย(ไม่เกิน3ชม.ค่ะมากกว่านี้มึน) กลางวันคืองาน แบบนี้แหละค่ะ
(สัญญากับตัวเองตอนนี้ว่าจะไม่แบกงานกลับไปทำบ้านแล้วค่ะ)

มันเครียดนะค่ะ เก็บไปฝันก็มีนะ ไม่ไหว ไม่ไหว

เดี๋ยวจะมาพยายามมาหาบุคลิกของคังอันกับเจียลั่วมาฝากนะ
แต่เอ...เจียลั่วนี่หลังจากเซียงเซียงเสียชีวิตเปลี่ยนไปเยอะนะ โดยเฉพาะที่บรรยายในจิ้งจอก ตอนที่เจอกับหูเฟยนะ
(เดี๋ยวก็หูเฟย เดี๋ยวก็โอ้วฮุย เอาละว่ะ เริ่มมั่วแล้วเรา)


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:11:10 น.  

 
เดี๋ยวจะมาพยายามมาหาบุคลิกของคังอันกับเจียลั่วมาฝากนะ


โทษที หิวข้าวจนตาลายพิมพ์เพี้ยนไปเลย
ต้องบอกว่า จะพยายามกลับไปค้นบุคลิกของทั้งสองคนมาเปรียบเทียบกัน แล้วจะมาบอกนะคะ


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:7:13:17 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ พี่ฟง รออ่านค่ะ วันนี้ง่วงอีกแล้วค่ะ สงสัยจะกินอิ่มเกินไป กินมากเกินไปก็ต้องนึกถึงโค่วอิงเจี๋ยทุกที ก็เจ้านั้นเขากินแค่พออิ่ม ได้กุ้ง3-4ตัวก็มีแรงฝึกวิชาได้แล้ว ว่าไปนั่น กลับมาที่เรื่องจิ้งจอกฯ


หูเฟยหรือโอ้วฮุยก็ได้ค่ะพี่



เจ้าหนูหูเฟยตอนเด็กนี่แก้มแดง และกังฟูเก่งมากเลยค่ะ ชอบค่ะ เสียงแหบนิด ๆ น่าร้ากกกกกก

<




โดย: mamiya วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:34:15 น.  

 
ว่าจะแคปภาพให้สะใจซะหน่อย แต่สำนึกตัวว่าเครื่องไม่แรงเหมือนใจหวัง เลยได้ภาพมาสองภาพ เป็นภาพของน้องรั่วหลานตอน11-12 น้องสาวคนนี้หน้าตาน่ารักดีค่ะ





เป็นตอนที่หูเฟยเดินทางมากับรั่วหลานเพื่อตามหาเหมียวเหรินฟ่ง โดยมีหลิงซู่มาด้วย รั่วหลานไม่ค่อยชอบหลิงซู่จึงเอารองเท้านางลอยน้ำไป หลิงซู่บอกว่าใครขโมยรองเท้านางไป มือจะคันและเกาจนนิ้วหลุดออกมา รั่วหลานชักกลัว ๆ แต่ไม่ยอมขอโทษหลิงซู่ หูเฟยเข้ามาไกล่เกลี่ย





โดย: mamiya วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:46:52 น.  

 
เหวินไท่ไหลกับภรรยาไปเจอเอาหั่วฟู๋หรง(เซวียเอ้อ)ที่มาบอกว่าลูกของนางกับพี่สี่ตายแล้ว ความจริงมีแต่นางที่คิดไปเองว่าลูกชายแซ่เถี่ยเป็นลูกของไท่ไหล นางยังมาบอกอีกด้วยว่าได้เข้ากับคังอันเพื่อหาทางจัดการกับหูเฟยและหลิงซู่(ที่นางเข้าใจผิดว่าฆ่าลูกชายนางตาย)แต่พี่สี่บอกว่าหากทำอะไรหูเฟย สมาคมดอกไม้เหล็กจะต้องสอดมือเข้าเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน

คังอันได้รับคำสั่งฮ่องเต้ให้เอาถ้วยหยกทอง 9 ใบมามอบให้เจ้าสำนักที่สู้ชนะ 9 คนในวันงานชุมนุม โดยมีแผนชั่วกุมอำนาจบงการชาวยุทธจักรไว้ในมือ ถ้าใครไม่ยอมก็ต้องถูกพิษที่วางไว้และตกเป็นทาสเมื่อร้องหายาถอนพิษ และยังให้เซวียเอ้อเอาคนแซ่เฟิ่งพ่อของจื่ออีไปทำมนุษย์พิษด้วย หมายจะใช้ทำร้ายชาวยุทธในงานชุมนุม

วันงานชุมนุมเจ้าสำนักมาถึง หูเฟยถือป้ายเจ้าสำนักที่ได้รับมา แต่คนของสำนักนี้พลิกลิ้นมาทวงถามป้ายคืนในวันงาน โชคดีที่หลิงซู่จัดการได้ก่อน เส้าหลินกับบู๊ตึ้งรู้แผนร้ายของคังอันจึงประกาศถอนตัวไม่แย่งถ้วยหยกทองกับใคร ในงาน เจ้าสำนักหลงเหมินที่คังอันเชิญมาช่วยแผลงเดชเต็มที่ จะยึดอำนาจความยิ่งใหญ่ไว้ที่ตัว ลำพองที่สู้ชนะ จื่ออีมาถึง คิดปราบพยศของเจ้าสำนักหลงเหมิน แต่ตอนกำลังจะเสียที หูเฟยเข้ามาช่วยไว้ได้ แต่หูเฟยเองก็ตึงมือกับเจ้าสำนักหลงเหมิน ดีที่เหรินฟ่งมาช่วยไว้ได้ คนของสมาคมดอกไม้เหล็กมาช่วยด้วย

ขณะต่อสู้จื่ออีกำลังจะพลาดท่า มีอาวุโสท่านหนึ่งช่วยไว้ซึ่งจื่ออีพบภายหลังว่าเขาคือบิดาของนางเอง คนแซ่เฟิ่งสำนึกแล้ว ขอให้จื่ออีอภัยให้และเรียกพ่อสักคำ จื่ออีอภัยให้และเรียกพ่อก่อนตายตามที่เขาต้องการ

คังอันเห็นท่าไม่ดีสั่งเก็บทุกคนโดยให้ถือว่าเป็นนักโทษทั้งหมด ทหารจึงเข้าตะลุมบอนกับชาวยุทธจักร ตัวเองสั่งให้ทหารคุ้มกันแอบหนีไปก่อน กุยหนงจึงหนีไปบ้าง เหรินฟ่งตามกุยหนงไปเพื่อคิดบัญชี กุยหนงเห็นท่าไม่ดี เรียกพี่เรียกน้องขอความเมตตา เอาบรรพบุรุษ การเป็นพี่น้องร่วมสาบาน และเอาหนันหลันมาอ้าง เหรินฟ่งใจอ่อนยอมปล่อยไป และกำชับว่าอย่าได้ก่อกรรมทำเข็ญอีก มิเช่นนั้นหากพบกันอีกครั้งหน้าจะไม่ไว้ชีวิตอีกต่อไป กุยหนงรับปาก

คนของสมาคมดอกไม้เหล็กมาสมทบกับหูเฟย แต่เมื่อรู้แผนการร้ายของคังอัน จึงแยกย้ายกันไปแจ้งข่าวให้สำนักต่าง ๆ ทราบ จื่ออีที่อยู่ด้วยอำลาทุกคนเพราะหมดหน้าที่แล้ว หลิงซู่บอกให้หูเฟยตามจื่ออีไปเพราะรู้ว่าหูเฟยมีเรื่องอยากถามและบอกจื่ออีมากมาย หูเฟยขอให้จื่ออีอยู่ต่ออย่าเพิ่งไปบำเพ็ญเพียรบนเขาเทียนซันเพราะว่าจื่ออียังไม่ได้ล้างแค้นให้พ่อเลย(คนที่ทำให้พ่อจื่ออีต้องเป็นมนุษย์พิษก็คือคังอัน เพราะคังอันแค้นที่เอาลูกสาวมาให้ไม่ได้เลยสั่งคนยำเละคนแซ่เฟิ่งแล้วให้เซวียเอ้อเอามากรอกยาเป็นมนุษย์พิษ)จื่ออีบอกว่าล้างแค้นกันไปมาไม่จบสิ้น นางปล่อยให้เรื่องหายไปตามสายลมดีกว่า ตัวเองจะขึ้นเขากับอาจารย์ไปแล้ว หูเฟยพยายามรั้งนางไว้แต่นางไม่ยอม
หูเฟยกลับไปที่โรงเตี้ยมกับหลิงซู่ เขาดื่มเหล้าดับทุกข์ทั้งคืน หลิงซู่ตื่นเช้าเห็นดอกไห่ถางที่นางติดตัวเป็นประจำเพราะใช้แก้ได้สารพัดพิษ ออกผลแล้ว เลยอยากเอาไปให้หูเฟยดู หูเฟยท่าทางเศร้า ๆ นางรู้ว่าเขาคิดถึงจื่ออี หูเฟยชวนหลิงซู่ไปทานอาหารเช้าแต่ทำผีเสื้อหยกตกลงมา


(แหม.............ผีเสื้อหยกนี่ชอบหล่นจริง ๆ นะ รู้สึกจะหล่นมาทำร้ายจิตใจหลิงซู่ 3 ครั้งได้แล้วล่ะมั๊งเนี่ย หูเฟยก็จริง ๆ ของรักของหวงไม่รู้จักเก็บให้ดี ทำตกประจำ มันน่าหายนัก ผีเสื้อหยกเนี่ย...........)



หลิงซู่ที่รู้ความจริงอยู่แล้ว ยิ่งเข้าใจชัดเจนกว่าเดิม นางเคยบอกเขาแล้วว่าหลังงานชุมนุมให้เลือกที่จะทุ่มเทใจให้คนใดคนหนึ่ง อย่าอยู่กับคนหนึ่งแล้วไปคิดถึงอีกคนหนึ่ง แบบนี้เจ็บด้วยกันทุกฝ่าย นางถามเขาแต่เขาไม่พูด หลิงซู่ตัดสินใจบอกเขาว่าจื่ออีจากไปคราวนี้จะไปบวช หูเฟยตกใจมาก คิดแต่ว่าต้องไปห้าม แต่ไม่รู้จะไปห้ามได้อย่างไรเพราะไม่รู้ว่าจื่ออีอยู่ที่ไหน หลิงซู่บอกสถานที่ให้ เพราะนางเคยคุยกับจื่ออีเรื่องหูเฟยแล้ว จื่ออีเองก็บอกว่านางจะไม่ยุ่งกับหูเฟยเพราะนางจะขึ้นเขากับอาจารย์และไม่ยุ่งกับเรื่องทางโลกอีก ด้วยเหตุนี้หลิงซู่จึงทราบที่อยู่ของนาง



หูเฟยรีบเร่งไปที่อารามนางชีที่หลิงซู่บอก แต่จื่ออีไม่ยอมพบเขา อาจารย์ของจื่ออีมาช่วยไล่เขาไป แต่เขาไม่ยอมจะพบจื่ออีให้ได้ หูเฟยดื้อรั้นต่อสู้กับแม่ชีจนได้รับบาดเจ็บบอบช้ำ และย้อนถามแม่ชีว่ามาเพราะความรักมีความผิดด้วยหรือ หูเฟยส่งเสียงร้องเรียกให้จื่ออีออกมาจากอารามแต่จื่ออีไม่ยอมออกมา อาจารย์จื่ออีเตือนหูเฟยแล้วเห็นหูเฟยมุ่งมั่นเช่นนั้น จึงส่งเสียงไปเตือนจื่ออีให้จัดการเรื่องทางโลกให้เรียบร้อย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร จื่ออีก็ไม่ยอมออกมา นางสับสนมาก หูเฟยได้แต่จากไป

จื่ออีนั่งสมาธิแต่ไม่เป็นสุข อาจารย์เห็นเข้าจึงเตือนว่าให้ไปจัดการเรื่องให้เรียบร้อย นางจึงไปหาหูเฟย เมื่อไปถึงพบว่าหลิงซู่หายไปแล้ว เพราะเซวียเอ้อจับตัวไป ทิ้งจดหมายให้หูเฟยเอาผลของต้นชีเซียนไห่ถางที่เจ็ดปีออกผลหนึ่งครั้ง และต้านพิษได้สารพัด กับคัมภีร์ของอาจารย์หลิงซู่ไปแลกเอาคนกลับมา


จื่ออีบอกว่าความจริงมาเพราะอยากจะพูดให้รู้เรื่อง แต่ในเมื่อหลิงซู่มีภัย นางจะร่วมมือกับหูเฟยช่วยหลิงซู่ก่อน เรื่องอื่นเก็บเอาไว้ทีหลัง


โดย: Mamiya (mamiya ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:21:34 น.  

 
ดูรูปกันไปก่อนนะคะ ระยะนี้ปันเวลาบางส่วนไปให้นิยายด้วย เลยอืดไปหน่อย หนังเริ่มนิ่งอีกครั้ง เพราะเกิดแต่เรื่องเดิม ๆ ไม่เร้าใจเท่าที่ควร

หยวนจื่ออี



หูเฟยกับเหมียวเหรินฟ่ง ตอนตาบอด




ฟู๋คังอัน เสื้อหนาปึ๊กเลย ร้อนแทน



อี้เตากับกุยหนง



โดย: mamiya วันที่: 22 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:23:07 น.  

 
ระยะนี้อืดไปหน่อย เลยไม่ได้มาเขียนต่อ แต่จะค่อย ๆ ดูและค่อย ๆ เขียนไปนะคะ ขออภัย


โดย: mamiya วันที่: 25 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:08:14 น.  

 
ดีใจจังค่ะ เพิ่งซื้อฉบับซับจีนมาดูพอดี โชคดีที่เพิ่งดูเวอร์ชั่นทีวีบีไปเลยพอจะเดาออก
แต่ได้มาอ่านรายละเอียดของคุณ mamiya ยิ่งดีใหญ่เลย


โดย: จอมยุทธหญิง (magarita30 ) วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:26:06 น.  

 
ดีใจค่ะ ที่ได้ช่วย ที่พยายามเขียนให้ละเอียดก็เพื่อการนี้ด้วยค่ะ

คุณจอมยุทธหญิงคะ มามิยะ ได้หนังเรื่อง "เจินกวนฉางเกอ" มาค่ะ อย่างไม่นึกไม่ฝัน หนังยาว 80 ตอนเรื่องนี้ มีซับอังกฤษด้วยค่ะ คาดว่าจะเป็นหนังดีที่ศึกษามาอย่างละเอียด มามิยะได้ดูไปแบบวิ่ง เร็ว ๆ นิดหน่อยแล้ว ภาษาอังกฤษดี ภาษาจีนก็งาม(เท่าที่ดูนะคะ) จากนั้น ทำให้สนใจราชวงศ์ถังขึ้นมาอย่างมากมายที่สุด เจินกวน เป็นชื่อศักราชของหลี่ซื่อหมินค่ะ ถ้าเจอแนะนำให้ซื้อมาดู มามิยะคิดว่าถ้าอลังการจริงดั่งคาด คงได้นำมาเขียนอีกค่ะ


เรื่องนี้ส่วนใหญ่เราเขียนจากความทรงจำ อาจจะไม่เป๊ะทุกตัวสำหรับบทสนทนา ส่วนเรื่องย่ออื่น ๆ ก็ถือซะว่าอ่านหนังสือบันเทิงเฉพาะกิจที่เป็นเรื่องย่อก็แล้วกันนะคะ

เมื่อเช้าเราตื่นมา ก็เริ่มดูถึงแม้จะมีงานติดพันอยู่ เราอยากเคลียร์สามคนนี้ก่อนเพราะรู้อยู่แล้วว่าหลิงซู่ไม่น่าจะรอด และก็เป็นจริง น้ำตาไหลเพราะสงสารหลิงซู่ค่ะ แรก ๆ คาดว่าจะหมั่นไส้จื่ออี แต่ก็เปล่า กลับหมั่นไส้พระเอกอยู่เล็กน้อย ตอนนี้เริ่มปลง ๆ กับความรักของทั้งสามเสียแล้ว

"รักนั้นเป็นฉันใด?
บ้างระทมทุกข์
บ้างสุขสันต์
รัก...ย่อมเป็นความรู้สึกดี ๆ
บ้างเสียสละ บ้างครอบครอง
สุดท้ายทุกคนก็คืนสู่อ้อมกอดของแผ่นดิน
ชั่วกาลนาน.............."

อย่างที่เจียลั่วเคยสอนหูเฟย

"จงรักษาคนที่อยู่ข้างกายเจ้าให้ดี"


-------------------------------------------------
เอาล่ะค่ะ มาต่อกัน

จื่ออีกับหูเฟยตามไปที่หุบเขาหมอเทวดาที่อยู่ของเซวียเอ้อ

หลิงซู่พยายามต่อรองกับเซวียเอ้อ ซึ่งหาอาจารย์ลุงที่แค้นอาจารย์ของนางมาช่วยกันข่มขู่เอาคัมภีร์ยากับชีเซียนไห่ถาง จากหลิงซู่


หั่วฟูหรง เซวียกูเหนียง เซวียเอ้อ


เซวียเอ้อ(หั่วฟู๋หรง)เอายาพิษร้ายแรงทาที่ดาบไว้ พอได้ยินเสียงร้องเรียกของหูเฟยจากด้านนอกจึงออกไปดู หูเฟยเจราถ่วงเวลาให้จื่ออีเข้าไปช่วยหลิงซู่

จื่ออีเข้าไปแต่ประมือกับอาจารย์ลุงของเซวียเอ้อ ใจกลางฝ่ามือโดนพิษ

เซวียเอ้อรู้แผนหูเฟย จึงบอกว่าจื่ออีด้านในช่วยหลิงซู่ไม่ได้เพราะนางรู้อยู่ก่อนแล้ว เมื่อเข้ามาข้างในหูเฟยพบว่าจื่ออีถูกพิษ เขาตกใจมาก หลิงซู่ใช้คำพูดหลอกล่อให้เซวียเอ้อกับอาจารย์ลุงแตกกันโดยบอกที่อยู่ของคัมดภีร์อาจารย์ ทั้งสองจะแย่งกันออกไปเอา ระหว่างวุ่นวายกันอยู่นั้นเอง ดาบพิษกรีดถูกหลิงซู่ที่พยายามช่วยหูเฟย


หลิงซู่ห้ามอาจารย์ลุงทำร้ายเพื่อนของนาง อาจารย์ลุงเลยฆ่าเซวียเอ้อ แต่แพ้ภัยตัวเองถูกเซวียเอ้อแทงตาย หลิงซู่ตกใจ บอกความจริงว่าอาจารย์นางความจริงรัก-เอ็นดูเวียเอ้อมาก ได้ทำอะไรต่อมิอะไรให้หลายอย่าง แต่เซวียเอ้อเองกลับปฎิเสธความหวังดี แม้ยาแก้พิษที่นางใบหน้าเละนั้นอาจารย์ก็เตรียมยาแก้ให้ด้วย แต่เพราะพิษร้ายแรงมาก การใช้ต้องระวัง เซวียเอ้อรู้ตัวว่าใกล้ตาย จึงขอให้หลิงซู่ใช้พิษรักษาโฉมหน้านาง

ชั่วพริบตา ใบหน้าของเซวียเอ้อก็กลับมาส่วยงามเหมือนเดิม(เก่งกว่าหมอศัลยกรรมอีกจ้า....งานเนี้ย)

เซวียเอ้อวิ่งออกไปอย่างคลุ้มคลั่ง นางส่องดูหน้าตัวเองกับผิวน้ำ เมื่อเห็นโฉมหน้าอันสดสวยของตนแล้วต้องหัวร่อด้วยความยินดี นางเห็นสองคนที่นางรักที่สุด พี่สี่ เสี่ยวเถี่ย ทั้งสองยื่นมือมาให้นาง นางลุยน้ำไป จับมือพี่สื่เหวินไท่ไหล พริบตา พวกเขาพลันหายกลายเป็นอากาศธาตุ

ที่แท้....เป็นเพียงภาพหลอนเท่านั้น แต่เซวียเอ้อตายแล้ว ตายในสายน้ำอันเย็นเฉียบ ดับเพลิงร้อนในใจนางไปจนหมดสิ้น

(เซวียเอ้อ ฉายาหั่วฟู่หรง (ดอกบัวเพลิง) ในเรื่องใส่ชุดสีแดงตลอด การลงมือเผ็ดร้อน ความแค้นฉายออกทางแววตาตลอด ยกเว้นตอนมองลูกชายของนาง ฉากตายของนางสวยงามดี น้ำสีเขียว กับร่างของนางสีแดงที่ลอยตายอยู่บนผิวน้ำ ทำให้รู้สึกว่าคนผู้นี้เย็นลงแล้ว เนื่องจาก ความจริงอาจารย์ไม่ได้ลำเอียงรักแค่หลิงซู่แต่ก็รักนางด้วยทำอะไรเพื่อนางตั้งหลายอย่าง ส่วนความรักชาย-หญิงของนางเป็นแค่ความรักข้างเดียว แต่นางมั่นคงตลอด อันนี้น่ายกย่อง เพียงแต่นางใช้วิธีที่ผิดไปรักคนที่นางถูกใจเท่านั้นเอง เซวียเอ้อ เป็นประเภทที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ เมื่อไม่ได้ ก็โกรธแค้น คิดหาทางล้างแค้น ไม่ได้มองว่าพฤติกรรมของตนสร้างความยุ่งยากให้คนอื่นแค่ไหน ขาดความรัก ทั้ง ๆ ที่นางก็มีคนรัก เช่นอาจารย์ของนาง ลูกชายของนาง)


ภาพหลอนของเซวียเอ้อ ที่พี่สี่กับเสี่ยวเถี่ยมารับที่ริมน้ำ


หลิงซู่เห็นหูเฟยร้อนใจแทบตายขณะจื่ออีบาดเจ็บ ผลของชีเซียไห่ถางเท่านั้นที่จะช่วยนางได้ แต่ตัวหลิงซู่เองก็ถูกพิษ กับผลไม้วิเศษเพียงผลเดียว จะใช้ช่วยตัวเองหรือช่วยจื่อ อี

จื่ออีที่บาดเจ็บและทรมานมาก หลั่งเหงื่อเต็มหน้าผาก นางบอกกับหูเฟยว่า

"หูต้าเกอ หากข้าตายไป ขอให้ท่านดีกับหลิงซู่ให้มาก ไว้ หากท่านไม่ทำตาม ข้าจะไม่ยอมปล่อยท่าน"

หลิงซู่ที่กำลังสับสน เมื่อได้ยินจึงคิดได้ว่า ไม่ว่าอย่างไร หูเฟยก็ไม่รักนาง หากยังฝืนอยู่ด้วยกัน ในใจของหูเฟยก็มีแต่จื่ออีอยู่ดี หากหลิงซู่เป็นฝ่ายหลีกทาง ท่าจะดีกว่าเพื่อให้หูเฟยจดจำนางตลอดไป หลิงซู่ตัดสินใจให้จื่ออีกินผลไม้นั้นต่อชีวิต นางบอกหูเฟยว่า นางรู้วิธีแก้แล้ว แต่เห็นหูเฟยร้อนใจ เลยแกล้งให้ร้อนรนไปเสียอย่างนั้น


ก่อนกิน หลิงซู่ให้จื่ออีกล่าวขอบคุณนาง (ไม่ยักกะมีใครสงสัยว่าทำไม หลิงซู่แปลก ๆ )


เมื่อจื่ออีกินเข้าไป นางเกิดปฎิกริยาอย่างแรง หูเฟยหันมาถามหลิงซู่ด้วยเสียงอันดังว่า

"จื่ออี...........! เหตุใดนางเป็นเช่นนี้?"

หลิงซู่แย้มยิ้มอย่างขมขื่น น้ำตาแทบหยดหยาด

"ท่านตื่นเต้นอันใด? เป็นปฎิกริยาปรกติหลังรับประทานผลชีเซียนไห่ถาง"

หูเฟยไม่ได้สนใจหลิงซู่ เขากอดจื่ออีไว้แน่นเมื่อได้ยินนางบอกว่าหนาวมาก

หลิงซู่ร้องไห้ นางใกล้ตายแล้ว นางคิดเรื่องราวระหว่างนางกับหูเฟย คิดไปคิดมา ชั่วขณะนางก็ล้มลง หูเฟยเห็นจื่ออีดีขึ้น แต่หลิงซู่กลับล้มลง เขารีบเข้ามาประคองนาง เรียกชื่อนาง

"หลิงซู่....หลิงซู่เจ้าเป็นอะไรไปแล้ว ที่แท้เจ้าก็ถูกพิษด้วย"

หลิงซู่ส่งเสียงแผ่วเบา


"ดูท่าน ข้าถูกพิษท่านกลับเพิ่งรู้..................."

หยุดเล็กน้อยจึงกล่าวต่อ

"หูต้าเกอ ข้าขอใช้คำพูดเมื่อครู่ของพี่จื่ออี "ต่อไปขอให้ท่านดูแลนางให้ดี หากทำให้นางเสียใจข้าจะไม่ปล่อยท่านไว้แน่" .......................หูต้าเกอ พิษในร่างกายของพี่จื่ออี ต้องใช้เวลาอีกเจ็ดปีรอให้ผลของชีเซียนไห่ถางออกมา จึงจะกำจัดพิษในร่างกายของพี่จื่ออีไปได้...........พี่จื่ออีท่านกับหูต้าเกอ(นางจับมือทั้งสองให้มาจับกันไว้)ขอให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข หลิงซู่ไปก่อนก้าวหนึ่งแล้ว........."



จากนั้น มือของนางก็ร่วงหล่นลง นางจากไปแล้ว

หูเฟยร้องไห้ น้ำตาของเขาหลั่งให้กับน้องสาวที่ดี ที่เสียสละเพื่อเขาอย่างมากมาย ที่เคยบอกว่าจะอยู่ข้างกายเขาตลอดไป ที่ทำเพื่อความสุขของเขาด้วยการสละชีวิตตนเอง

ทั้งจื่ออีและหูเฟยร่วมกันตั้งหลุมศพให้กับหลิงซู่ หูเฟยบอกกับหลิงซู่โดยคิดในใจว่าเขารู้อยู่แต่แรกว่านางรักเขา ยอมติดตามช่วยเหลือเขา แต่เสียดายที่เขามีจื่ออีแล้ว หลิงซู่เป็นได้เพียงน้องสาว เขาติดค้างนาง เขาจะใช้เวลาเจ็ดปีดูแลจื่ออีให้ดี(แฮ่ม................ฮึ่ม...............อ่ะนะ)

จื่ออีก็คิดในใจว่า การได้รับการต่อชีวิตจากหลิงซู่ที่เสียสละเพื่อหูเฟย ทำให้นางทรมานใจมาก อยู่ร่วมกับหูเฟยต่อไปไม่ได้อีก

นางเดินจากไป หูเฟยรั้งไว้ นางอธิบายว่า นางทรมานใจที่ใช้ชีวิตอยู่บนการแลกเปลี่ยนจากชีวิตของหลิงซู่ นางรู้สึกติดค้าง ไม่สบายใจ และอึดอัด จึงขอแยกทาง

หูเฟยอ้างว่าหลิงซู่คงไม่ต้องการเห็นนางเป็นแบบนี้ จื่ออีบอกว่าจะขึ้นเขาไปกับอาจารย์ พวกเราแยกทางกันจะดีกว่า แต่หูเฟยขอส่งจื่ออีไปให้ถึงอารามนางชีก่อน จื่ออียอมเมื่อได้ยินว่าหลังจากส่งถึงที่แล้วหูเฟยจะจากไปทันที


เมื่อถึงอารามนางชี จื่ออีหันหลังจากด้วยความอาลัย หูเฟยนิ่งงัน แต่คนที่ต้องจากกัน อย่างไรก็ต้องจากกันอยู่ดี





โดย: mamiya วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:13:12 น.  

 
มาอ่านค่ะ


โดย: meaw_1985 วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:06:06 น.  

 
ยินดีต้อนรับจ้า

ระยะนี้อีรุงตุงนังไปหมด หวัดกินอีก ต้องรีบนอน ช้า หน่อยนะจ๊าเพื่อน ๆ


โดย: mamiya วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:23:14 น.  

 
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ ชอบอากิลจัง แต่งชุดโบราณขึ้นมาก

ถึงเสื้อผ้าและทรงผมจะประหลาด ก็ไม่ทำให้อากิลสวยน้อยลงเลย

ฟังจงซิ่นก็ดูดีจังโดยเฉพาะแววตา เสียดายทรงผม เฮ่อ....

พระเอกบางมุมคล้ายๆหลินฟงนะคะ



โดย: Anson วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:12:15:41 น.  

 
จงเจียซินยังเล่นหนังโบราณอีกหลายเรื่องค่ะ คอยดูกันต่อไป

ต่ออีกสักนิดค่ะ

-------------------------
ด้านฟู๋คังอันได้รับรายงานว่า ที่หุบเขาหมอปีศาจเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ลูกศิษย์ของหมอเทวดาฆ่ากันตาย และจื่ออีก็ตายในการนี้ด้วย ส่วนหูเฟยเร้นกายไปยังชายแดนคังอันเสียใจมากกับการตายของจื่ออี

(คังอันเครียดจัดบีบแก้วแตกเลย แล้วหลั่งน้ำตามาหนึ่งหยด หมายความว่ารักและเสียใจมากน่ะค่ะ)


หูเฟยเดินทางไปถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เห็นคนขายถั่วทำให้นึกถึงซื่อซู่ของเขาที่เคยทำถั่ว(อบเกลือ)ชนิดนี้ให้กินตอนเด็ก ๆ ขณะที่หูเฟยนั่งกินถั่วอยู่ พวกทหารเข้ามาหาเรื่องเก็บค่าคุ้มครอง หูเฟยไม่อยากหาเรื่องใส่ตัวเลยไม่เข้าไปยุ่ง แต่ทหารผลักชาวบ้านอ่อนแอจนล้มลง หูเฟยทนไม่ไหวเข้าไปช่วย จึงได้ทราบว่าคนผู้นั้นคือซื่อซู่นั่นเอง

หูเฟยดีใจที่ได้เจอคนสนิทเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้ จึงเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านมาให้ซื่อซู่ฟัง ซื่อซู่เห็นใจหูเฟยมาก แต่เมื่อรู้ว่าหูเฟยจะไปปลูกต้นชีเซียนไห่ถางเพื่อช่วยชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งต้องใช้เวลาปลูกเพื่อให้ออกผลถึงเจ็ดปี ซื่อซู่โกรธและต่อว่าหูเฟย ว่าทำไมไม่คิดล้างแค้นให้พ่อ-แม่ เสียเวลาเจ็ดปีให้ผู้หญิงคนเดียวอย่างนี้ หูเฟยคนเก่าหายไปไหนแล้ว

หูเฟยพยายามอธิบายว่าเป็นคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้ จะกลับคำได้อย่างไร ตอนนี้เขาสู้เหมียวเหรินฟ่งไม่ได้ เจ็ดปีนี้จะได้ฝึกวิชาด้วย เขาไม่ได้ลืมการล้างแค้น

ซื่อซู่ได้ฟังก็ใจอ่อนลง ในเมื่อค้าขายต่อไม่ได้แล้ว จึงยอมเดินทางไปกับหูเฟย หูเฟยไปหาหุบเขาหิมะที่เย็นยะเยือกเพื่อปลูกชีเซียนไห่ถางตามคำสั่งเสียของหลิงซู่ ซึ่งชีเซียนไห่ถางมีแค่สองเมล็ดเท่านั้น ขณะที่หูเฟยกับซื่อซู่กำลังตั้งใจปลูกชีเซียนไห่ถางเมล็ดหนึ่งแล้วเหลือไว้อีกเมล็ดหนึ่งตามคำแนะนำของซื่อซู่ เพราะหากไม่ขึ้นจะได้ยังเหลืออยู่เป็นความหวังอีกเมล็ดหนึ่งนั้น ลมหิมะก็พัดเมล็ดหนึ่งตกหุบเขาไป หูเฟยเสี่ยงชีวิตคว้ามันไว้ แต่โชคไม่เข้าข้างเขา เขาตกเขาบาดเจ็บหนัก ไต่ขึ้นเขากลับมาไม่ได้ โชคดีที่ซื่อซู่หาวิธีนำเขาขึ้นมาจนได้

เวลาผ่านไป แต่เมล็ดชีเซียนไห่ถางก็ไม่งอกเสียที หูเฟยเริ่มหมดหวัง ซื่อซู่บอกว่าเมล็ดที่ลมพัดไปอาจงอกแล้วก็ได้ แต่หูเฟยรู้ว่าเป็นคำปลอบใจเพราะหลิงซู่บอกว่าต้องรดด้วยเหล้าดีกรีแรง ๆ จึงจะขึ้น ห้ามรดน้ำ


หูเฟยพยามยามอยู่ด้วยความหวังจึงลองไปหาเมล็ดที่หายไปดูว่าจะเป็นอย่างซื่อซู่ว่าหรือไม่ เขาคิดถึงคำพูดของหลิงซู่ว่าที่หุบเขาหมอเทวดาไม่สามารถปลูกชีเซียนไห่ถางได้อีกแล้ว ต้องปลูกในหุบเขายะเยือกจึงจะได้ และต้องรดด้วยเหล้า เขาไม่รู้ว่าจะหวังไปเพื่ออะไร ในหุบเขาหิมะเช่นนี้จะมีเหล้าได้อย่างไร?

และแล้วปาฎิหาริย์ก็ปรากฎ หูเฟยเห็นใบต้นอ่อนงอกขึ้นมา เขาค่อย ๆ ย่องเข้าไปดูด้วยความตื่นเต้น

ถูกแล้ว............มันคือชีเซียนไห่ถางจริง ๆ ต้นอ่อนสีเขียวงอกขึ้นมาแล้วจริง ๆ !

หูเฟยแปลกใจเมื่อได้กลิ่นเหล้าจากต้นชีเซียนไห่ถาง


โดย: mamiya วันที่: 1 มิถุนายน 2550 เวลา:23:17:09 น.  

 
ที่แท้กลิ่นเหล้ามาจากไหเหล้าซึ่งอยู่หน้าถ้ำใกล้เคียงที่ถูกน้ำแข็งผนึกปากทางเข้าไว้นั่นเอง หูเฟยเข้าไปสำรวจพบว่าเป็นขุมทรัพย์มูลค่าควรเมือง

เวลาผ่านไป ซื่อซู่กับหูเฟยคอยดูการเจริญเติบโตของต้นชีเซียนไห่ถางด้วยความหวัง

ด้านรั่วหลาน ขณะนี้เติบโตเป็นสาวแล้ว เหมียวเหรินฟ่งรู้ตัวว่าใกล้เวลานัดหมายประลองพิสูจน์ความเป็น-ตายกับหูเฟยเข้ามาทุกที จึงพยายามหาคู่ให้กับรั่วหลาน เพราะหากเขาเป็นอะไรไปจะได้ไม่ต้องมีห่วงอีก แต่รั่วหลานทำเสียเรื่องไปเสียทุกครั้ง เพราะในใจนางมีแต่ผิงต้าเกอหรือหูเฟยนั่นเอง

หลังจากงานพลาดฟู๋คังอันก็ไม่ได้รับการโปรดปรานจากฮ่องเต้อีก กุยหนงที่บอกว่าจะกลับตัวกลับใจแต่ก็ไม่วายกลับไปรับใช้ฮ่องเต้อีกตามเดิม คราวนี้ทั้งสองได้รับคำสั่งให้นำเงินและเสบียงไปให้ค่ายทหารที่ไกลออกไป ระหว่างเดินทางได้ปลอมเป็นพ่อค้าสมุนไพร แต่เสบียงและเงินทองได้ถูกปล้นไปช่วยชาวบ้านจนหมดสิ้น ชาวบ้านยกย่องและกล่าวว่าเป็นฝีมือของจิ้งจอกภูเขาหิมะ เมื่อทั้งสองกลับไปรายงานฮ่องเต้ ฮ่องเต้กริ้วมาก คาดโทษกุยหนงกับคังอันให้หาตัวจิ้งจอกภูเขาหิมะออกมาให้ได้ในสามเดือน ไม่อย่างนั้นก็ให้ทั้งสองตัดหัวตัวเองมาแทน

รั่วหลานกับเหรินพ่งก็ได้ข่าวจิ้งจอกภูเขาหิมะว่าปฎิบัติการช่วยเหลือชาวบ้าน รั่วหลานสงสัยว่าจะเป็นผิงต้าเกอของนาง ส่วนเหรินฟ่ง เมื่อได้ข่าวหูเฟยยิ่งห่วงรั่วหลานว่าจะไม่มีคนดูแลหากเขาเป็นอะไรไป เหรินฟ่งออกเดินทางไปสมาคมดอกไม้เหล็กเพื่อฝากฝังลูกสาวหากเขาต้องเสียชีวิตไปในการประลอง

กุยหนงกับคังอันวางแผนจับตัวจิ้งจอกภูเขาหิมะซึ่งเชื่อกันว่าคือหูเฟย กุยหนงวางแผนนัดคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ประลองระหว่างหูอี้เตากับเหมียวเหรินฟ่งมาเจอกันบนภูเขาหิมะ เพื่อล่อหูเฟยออกมา และแอบอ้างชื่อหูเฟยนัดเหรินฟ่งไปที่นั่น แผนชั่วนี้กุยหนงเชื่อว่าต้องสำเร็จแน่นอน เมื่อทั้งหมดขึ้นเขาไปรวมกัน กุยหนงจะใช้กำลังทหารจัดการกวาดล้างให้ราบคาบในคราเดียว

ด้านจื่ออีซึ่งตอนนี้อ่อนแอมากแล้วเพราะครบเจ็ดปีตามคำบอกของหลิงซู่ อาจารย์ของนางรักษาจนหมดปัญญาแล้ว จึงให้นางไปหาหูเฟยเพื่อพบหน้ากันครั้งสุดท้าย แต่จื่ออียืนยันว่าทำเช่นนั้นหูเฟยจะยิ่งเจ็บปวด อาจารย์นางบอกว่าให้ไปหาพวกสมาคมดอกไม้เหล็ก เผื่อจะมีทางช่วย และที่ตั้งของสมาคมอยู่ใกล้ภูเขาหิมะ จื่ออีอาจได้เจอหูเฟย จื่ออีจึงยอมไป ขณะนั้นเองที่อารามนางชีก็มีจดหมายสำคัญฉบับหนึ่งมาถึง

จื่ออีเดินทางไกลจนสลบไปเมื่อมาถึงสมาคมดอกไม้เหล็ก คนทั้งหลายให้จื่ออีกินยาซึ่งมีอยู่ 3 เม็ดพอจะต่อชีวิตจื่ออีออกไปได้ก่อนได้ผลชีเซียนไห่ถางมารักษาให้หายขาด พี่สี่ได้รับจดหมายจากหูเฟยบอกว่าเขาปลูกชีเซียนไห่ถางจนออกผลแล้ว ให้นำจื่ออีมาที่ภูเขาหิมะโดยด่วน หลายวันก่อนส่งไปให้ที่อารามนางชีแต่จื่ออีออกมาพอดี และข่าวสำคัญอีกข่าวหนึ่งคือ กุยหนงวางแผนลอบฆ่าหูเฟย ข่าวนี้เป็นข่าวกรองที่สายลับของสมาคมส่งมาบอก จื่ออีร้อนใจ อาสาไปบอกข่าวนี้กับหูเฟย พี่สี่ยอมให้นางขึ้นเขาไปเพราะนางแข็งแรงพอหลังจากได้ยาต่อชีวิต แต่ซ้อสี่เป็นห่วง นางบอกกับจื่ออีว่าหูเฟยอยู่บนภูเขาหิมะเพื่อปลูกชีเชียนไห่ถางให้แก่จื่ออีถึงเจ็ดปี จื่ออีซึ้งในน้ำใจของหูเฟยเป็นยิ่งนัก




โดย: mamiya วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:23:10:29 น.  

 
ได้ข่าวมาว่า โหลดนานเลยเปลี่ยนฟอร์แมตของบล็อคเป็นแบบเก่าดีขึ้นบ้างไหมคะ?

ตอนนี้หลังไมค์กดตอบไม่ได้เลยค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นอะไร





โดย: mamiya วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:22:32:45 น.  

 
ยังไม่มีเวลาดูต่อเลย เอารูปไปดูก่อนนะคะ

จื่ออีกับอาจารย์ไป๋เสี่ยว-เสินหนี



เหมียวรั่วหลาน(โตเป็นสาวแล้วจ้า)


หูเฟยอายุก็ไม่เยอะ แต่ถูกเคี่ยวกรำมากละมั๊งเลยมาเจอรั่วหลานสาวสวยตอนโทรมไปเสียแล้ว เอ....หรือว่าจะอยู่บนภูเขาหิมะนานเกินไป



โดย: mamiya วันที่: 5 มิถุนายน 2550 เวลา:23:05:13 น.  

 
เข้ามา"อ่าน" ได้แล้วค่ะ มามิ
แต่รูปขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง

ช่างเถอะ(แม้ว่าอยากเห็นภาพบางภาพก็เถอะค่ะ)

สุดท้ายก็สามารถผนวกแกนเรื่องเข้าหากันจนได้นิ คนเขียนบท เก่งจัง

เพิ่งนึกได้ค่ะ ว่าจะถามหน่อยค่ะว่าอาเจียวนี่นะใช่นักร้องวง Twin หรือเปล่า(ความรู้สึกช้าจริงเลยเรา)

ต้องไปเพ่งดูรูปช่วงต้นๆที่มามิ แนะนำตัวละคร ว่าหน้าคุ้นๆ แต่พี่ไม่รู้จักชื่อจริงของเธอ ตอนแรกเลยไม่get ค่ะ
ถ้าเดาผิดก็ไม่เป็นไรอยู่ดี ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวบันเทิงเท่าไหร่นี่นา

อ้าว..หมดเวลาอีกแล้ว ไปก่อนน๊า



โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:7:58:57 น.  

 
เพลงดาบตระกูลโอ้วว่องไวดุจสายฟ้า เด็ดขาดไม่ลังเล เที่ยงตรงไม่คลาดเคลื่อน ลึกล้ำสุดบรรยาย

ส่วนคมดาบโอ้วอิกตอ ก็ร่ำบือกันว่าฟันเหล็กขาดดุจดั่งผ่าเต้าหู้ เป็นยอดศาสตราวุธที่กำราบยอดศาสตราวุธ

อิอิ... อ่านแล้วมันส์...จนกต้องเมนท์บ้าง


โดย: เสี่ยวเหลียงจือ วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:12:00:47 น.  

 
ใช่ค่ะ พี่ อาเจียว จงเจียซิน ค่ะ เมื่อสองวันก่อนเห็นเล่นหนังกำลังภายในอีกเรื่องแล้วล่ะค่ะ นอกจากเรื่อง "นักสู้ผู้พิชิต" ที่เคยคุยกันไปแล้ว แต่งโบราณสวยหวานดีค่ะ

ท่านเสี่ยวเหลียงจือ ยินดีต้อนรับสู่การเม้นท์ตัวละครด้วยกันค่ะ ความจริงก็คุยกันไปได้เรื่อย ๆ นะคะ

เรื่องจิ้งจอกนี้เสื้อผ้าไม่ไหวเลยจริง ๆ จดชื่อไว้แล้ว มีสองคนที่จะต้องจำให้ขึ้นใจค่ะ อิมเมจ นี่คนออกแบบชื่อ กัวซู่หมิ่น ส่วนเสื้อผ้า(จำ... จำ...) เจิ้นซุนอ้าว ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน


มาเรื่องอาวูธบ้าง นอกจากอาวุธของหูเฟยที่โดดเด่นแล้ว อาวุธของคนอื่นไม่ค่อยเท่าไหร่ มีแต่ดาบจันทร์อะไรสักอย่างตามรูปข้างบนที่เป็นดาบของพ่อของหนันหลันที่สวยงามน่าดู

อาวุธของจื่อดีจะเป็นลูกผสมระหว่างโซ่กับแส้ ขนาดยาว อ้อ .....มีอยู่ฉากหนึ่งที่จื่ออีมาช่วยพ่อของนาง ความยาวของแส้เป็นที่น่ากังขามาก เพราะจื้ออี โดดมา แล้วทิ้งตัวลงยังที่ห่างไกลออกไปมากเอาแส้รัดคอ ทหารจนไม่น่าเชื่อว่าแส้จะยาวได้ขนาดนั้น แหม....ดูซ้ำตั้งหลายรอบ ไป ไป มา มา ก็อ๋อ ระยะทางมีปัญหาจริง ๆ ด้วย

อาวุธ ของหลิงซู่ไม่มีนอกจากใช้ยาพิษ

อาวุธ ของหูอี้เตากับเหมียเหรินฟ่ง ออกมาแค่ช่วงแรก ๆ แล้วก็สู้ สู้ สู้กันอุตลุด จากนั้นก็ตกเขาไป แล้วก็เบลอ ๆ ไม่ได้เน้นอานุภาพของอาวุธเท่าไหร่นอกจากกระบวนท่า กับการต่อสู้บนภูเขาหิมะ สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในสมอง นอกจากหน้าของหวงซิวเซิงแล้ว เรื่องอื่นไม่ค่อยประทับอยู่ในความทรงจำเลย ตอนดูก็คิดไปว่า ถ้าได้หูจวินมารับบทนี้ก็จะดีนะ

พวกสมาคมดอกไม้เหล็กก็ไม่เห็นมีอะไรเป็นอาวุธประจำตัวโดดเด่น

สรุปแล้วอาวุธในเรื่องนี้ไม่เก๋เท่าไหร่ แต่เรื่องเนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่องใช้ได้ อาจมีบางตอนเบื่อ ๆ ก็จะมีฟู๋คังอันมาทำหน้าเลือดเย็นให้ดูพอผ่าน ๆ ไปได้บ้าง

ช่วงนี้เรามาถึงตอนที่ 31 กันแล้ว ใกล้จบแล้วล่ะค่ะ


โดย: mamiya วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:22:57:49 น.  

 
เหมียวเหรินฟ่งเดินทางไปธุระให้คนที่บ้านดูแลรั่วหลานให้ดี อย่าให้ออกไปซุกซนที่ไหน เมื่อรั่วหลานได้รับเทียบเชิญที่จ่าหน้าถึงเหรินฟ่ง นางเปิดอ่านเข้าใจว่าคนส่งคือเสียวะซันเฟยหู รั่วหลานก็อยากไปหาผิงต้าเกอที่นางเข้าใจว่าคือเสวียะซันเฟยหู จึงใช้กลลวงหนีออกไปจนได้

เมื่อเหรินฟ่งกลับมา สอบถามคนรับใช้จึงรู้ว่ารั่วหลานอาจออกไปหาเสวียะซันเฟยหู(จิ้งจอกภูเขาหิมะ) ซึ่งรั่วหลานเชื่อมั่นว่าก็คือผิงต้าเกอที่นางคิดถึงนั่นเอง เหรินฟ่งเห็นเทียบเชิญต้นเหตุที่ทำให้รั่วหลานรีบหนีไป เขากังวลใจมาก


เถียนกุยหนงกับฟู๋คังอันชักไม่ค่อยจะกินเส้นกัน คังอันกลัวฮ่องเต้จะโปรดกุยหนงแล้วทำให้เขาหมดประโยชน์จึงให้คนสนิทตามกุยหนงไป เพื่อหาทางทำลายแผนจับจิ้งจอกภูเขาหิมะ โดยฆ่ากุยหนงเสียหรือไม่ก็ทำอะไรก็ได้ที่ให้แผนแตก เช่นให้จิ้งจอกภูเขาหิมะฆ่ากุยหนง จากนั้นก็ยุให้เหรินฟ่งกับจิ้งจอกภูเขาหิมะฆ่ากันตาย คังอันจะได้คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทีหลัง


คนที่เคยอยู่ร่วมในเหตุการณ์ประลองระหว่างเหรินฟ่งกับอี้เตา 4 คน มีกุยหนง คนแซ่เถา หมอตำแยที่เป็นโจรซึ่งตอนนี้บวชเป็นหลวงจีนแล้ว(คนนี้แหละที่เอายาพิษอาบกระบี่ของเหรินฟ่ง) และคนที่ 4(จำชื่อไม่ได้) เดินทางมาที่โรงเตี้ยมของอาซือที่เปิดอยู่เชิงภูเขาหิมะ มาเจอกับรั่วหลานที่เดินทางมาถึงพอดี อาซื่อโดนบังคับให้พาทุกคนขึ้นภูเขาไป ระหว่างทางเจอกับจื่ออีที่เดินทางมาหาหูเฟยพอดี

เมื่อทุกคนขึ้นไปถึง บนยอดเขามีคฤหาสห์หลังใหญ่ แต่ทุกคนก็พบว่ากระเช้าที่พาทุกคนขึ้นมาหายไปแล้ว อาซื่อก็หายไปด้วย รั่วหลานกำลังจะถูกทำร้ายจื่ออีพยายามช่วย แต่ร่างกายนางไม่ค่อยแข็งแรง รั่วหลานจึงใช้ชื่อพ่อมาขู่ ทำให้ทุกคนรู้ว่านางเป็นใคร

กุยหนงเห็นรั่วหลานโตเป็นสาวและคล้ายแม่มาก จึงลดละการทำร้ายนาง แต่พวกคนอื่น ๆ ที่เข้าใจว่ารั่วหลานเป็นหลานของอาซื่อจึงจับนางมาขู่เพื่อให้อาซื่อปรากฎตัว แต่คนที่ปรากฎตัวกลับเป็นเสวียะซันเฟยหู หรือจิ้งจอกภูเขาหิมะหูเฟยนั่นเอง

ทั้งจื่ออีและรั่วหลานดีใจมากที่เจอหูเฟย หูเฟยเองก็ยินดีมากเช่นกันที่เขาปลูกชีเซียนไห่ถางสำเร็จทันจื่ออีมาพอดี เขาจะใช้ผลของมันที่จะออกในอีกไม่ช้าเพื่อช่วยชีวิตนาง แต่สิ่งที่เขาต้องสะสางคือการตายของบิดา ในเมื่อคนทั้งหลายที่รู้เห็นเหตุการณ์มาอยู่รวมกันแล้ว หูเฟยจึงถามทุกคน หากใครบอกความจริงจนหูเฟยพอใจก็จะปล่อยตัวไป รั่วหลานได้ยินว่าบิดาของนางมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของหูอี้เตาบิดาของหูเฟย นางตกใจมาก

ทั้งสี่เล่าเรื่องคล้าย ๆ กันโดยกุยหนงบอกว่าเหรินฟ่งทำ หลวงจีนบอกไม่รู้เรื่อง (เพราะตัวเองรู้ดีว่า พิษนั้นตัวเองเป็นคนทาเอง) ส่วนอีกสองคนก็เล่าคล้าย ๆ กัน โดยบางคนเสริมแต่งเรื่องให้เหนือจริงไปบ้าง อาซื่อที่ได้ฟังเรื่องราวอยู่ข้าง ๆ ด้วยยิ่งแน่ใจว่าคนสังหารหูอี้เตาผู้มีพระคุณของเขาคือ เหมียวเหรินฟ่ง อาซื่อบอกให้หูเฟยรีบหาทางล้างแค้น ไม่น่าจะผิดตัวต้องเป็นเหมียวเหรินฟ่งแน่นอน แต่หูเฟยยังมีข้อสงสัยหลายประการ จึงบอกว่าต้องสืบให้แน่ชัดก่อน

หูเฟยเชิญทั้งสี่ไปห้องรับประทานอาหารซึ่งมีกลไก ขังคนทั้งหมดไว้โดยให้อาซื่อส่งอาหารเข้าไป เขาไม่กลัวอาซื่อเป็นอันตรายเพราะกุยหนงคนฉลาดย่อมต้องไม่ให้ใครมาทำร้ายอาซื่อและส่งผลเสียต่อการรอดชีวิตของตนเอง แรก ๆ กุยหนงรู้ว่ามีกองทหารหมอบซุ่มอยู่แต่หูเฟยบอกว่าเป็นเรื่องของเมื่อชั่วยามก่อน ทำให้กุยหนงต้องพยายามหาทางออกอื่น เขาจึงไม่กล้าทำร้ายอาซื่อแต่หาทางเกลี้ยกล่อมให้เปิดกลไก พาทั้งสี่ออกไป กุยหนงและพรรคพวกไม่กล้ากินอาหารที่อาซื่อจัดมา แต่ทำทีเป็นต้องการช่วยหูเฟยหาทางเอาชนะเหรินฟ่ง อาซื่อดูท่าจะเห็นความจริงใจของกุยหนง ยอมเปิดกลไกพาพวกกุยหนงออกไป


ด้านหูเฟยกับจื่ออีและรั่วหลานสนทนาถามสารทุกข์สุขดิบกันอยู่ หูเฟยพาจื่ออีไปดูต้นชีเซียนไห่ถางโดยชวนรั่วหลานไปดูด้วย


ทั้งหมดกลับไปนั่งคุยกัน หูเฟยเอาแต่สนใจจื่ออี ทำให้รั่วหลานรู้สึกน้อยใจ เมื่อนางถามว่าหูเฟยใช่ผิงต้าเกอหรือไม่ หูเฟยยอมรับในที่สุด รั่วหลานเข้าไปกอดเขาด้วยความคิดถึง แต่เมื่อเห็นเขาสนใจแต่จื่ออีจึงเดินน้ำตาตกออกมา


รั่วหลานคิดว่าจื่ออีเหมาะสมกับหูต้าเกอ นางเหลือบไปเห็นต้นชีเซียนไห่ถาง เห็นดินแห้งเลยคิดว่าจะช่วยเอาน้ำรดให้ชุ่มฉ่ำ เพราะหูต้าเกออาจปลูกต้นไม้ไม่เป็นก็ได้เลยปล่อยให้ดินแห้งอย่างนี้

หูเฟยคุยกับจื่ออีจนลืมเวลา จื่ออีบอกว่ารั่วหลานชอบเขา นางอุตส่าห์เดินทางมาหาเขาจากแดนไกล แต่หูเฟยกลับไม่สนใจนาง ให้ออกไปดูรั่วหลานหน่อย หูเฟยออกไปเห็นรั่วหลานรดน้ำต้นชีเซียนไห่ถางพอดี ต้นไม้นี้หลิงซู่บอกแล้วว่ารดน้ำไม่ได้ ต้องใช้เหล้าดีกรีแรง ๆ รดแทน เมื่อโดนน้ำ ต้นชีเซียนไห่ถางก็เหี่ยวเฉาลง ความหวังที่ผลจะออกในวันรุ่งขึ้นตามที่หูเฟยบอกจื่ออี ก็สูญสิ้นไปด้วย

หูเฟยโกรธมาก ตบหน้ารั่วหลานและบอกความจริงเรื่องจื่ออี รั่วหลานเสียใจเอาแต่ร้องไห้ จื่ออีเข้ามาปลอบใจและบอกว่านี่เป็นชะตาของนาง ขอให้รั่วหลานอย่าได้โทษว่าตัวเองเลย หูเฟยไล่รั่วหลานไปอย่าให้เขาเห็นหน้าอีก รั่วหลานร้องไห้ จื่ออีปลอบใจ รั่วหลานบอกว่านางจะทำอย่างไรหูเฟยจึงจะยอมยกโทษให้ หูเฟยบอกให้นางไปเสีย จื่ออีขอร้องให้เขาไปส่งรั่วหลานให้ลงเขาไป

หูเฟยไปส่งรั่วหลาน บอกให้นางรีบไป ในเมื่ออยากพบเขาก็ได้พบแล้ว รีบ ๆ ไปเท่ากับช่วยเขาแล้ว เขากับจื่ออีมีเวลาน้อย จะต้องรีบไปเป็นเพื่อนจื่ออี

เมื่อหูเฟยกลับไปถึง จื่ออีก็อ่อนแรงเดินไม่ได้แล้ว จื่ออีบอกว่าตัวเองโง่ที่เจ็ดปีมานี้แม้อยู่ในธรรม แต่ก็คิดถึงหูเฟยทุกวัน นางอยากอยูในอ้อมกอดของเขาอย่างนี้ทุกวัน ถ้าคิดได้แต่แรก เท่ากับนางเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก ได้อิงแอบกับหัวไหล่หูเฟยดูพระอาทิตย์ยามเย็นลับขอบฟ้า แต่ตอนนี้นางเสียใจ นางมีเวลาไม่มาก นางอยากจะบอกหูเฟยว่าอยากแต่งงานเป็นภรรยาเขา หูเฟยจะจัดเตรียมพ่อสื่อแม่ชักและพยาน(ตามประเพณี) แต่จื่ออีบอกให้ฟ้าเป็นพยาน ทั้งสองกราบไหว้ฟ้าดินกัน เเป็นสามี-ภรรยากัน จื่ออีทวงคำสัญญาที่หูเฟยบอกจะทำให้ตอนรู้จักกันใหม่ ๆ หูเฟยบอกจำได้ จื่ออีบอกให้เขามีชีวิตต่อไปให้ได้ และสืบเรื่องบิดาพร้อมทั้งล้างแค้นโดยไม่ต้องเสียใจภายหลัง (สืบให้ดีก่อน) จากนั้นนางก็สิ้นใจ หูเฟยร้องไห้เสียใจและกู่ร้องอย่างโหยหวน

ด้านผิงอาซื่อเมื่อพาคนชั่วทั้งหลายออกมา ทุกคนได้ยินเสียงร้องอันโหยหวนของหูเฟย อาซื่อบอกว่าไม่มีใครรอดหรอก ที่กุยหนงทำมาหลอกก็ไม่เชื่อ ใครทำชั่วไว้ต้องไม่มีจุดจบที่ดี แต่ถ้าใครฆ่าคนผิดได้คนนั้นจะรอด หนึ่งในนั้นเลยชักดาบฆ่าตายไปหนึ่งคน เมื่อเหลือสามคนแล้ว อาซื่อก็บอกอีกว่าเดียวพิษก็กำเริบ กุยหนงนึกได้ว่าเขาดื่มชาไปถ้วยหนึ่งจากที่อาซื่อรินให้ พร้อมทั้งบอกด้วยทีท่าอันน่าเชื่อถือว่าจะไม่มีพิษ แต่กุยหนงหลงกลแล้ว กุยหนงโกรธมากจับอาซื่อไว้ตะโกนเรียกหูเฟยว่าถ้าไม่ออกมาจะสังหารอาซื่อเสีย



โดย: mamiya วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:23:46:09 น.  

 
แปะรูปบ้างค่ะ โหลดนานทรมานกันไหม?
ทยอยตายกันไปแล้ว กำจัดตัวละครกันไปทีละตัว ทีละตัว

จื่ออีกับหูเฟยหลังจากจากกันไป 7 ปี




เสวียะซันเฟยหู (จิ้งจอกภูเขาหิมะ)


เหมียวรั่วหลาน



รั่วหลาน - จื่ออี


โดย: mamiya วันที่: 11 มิถุนายน 2550 เวลา:22:23:09 น.  

 
ข้างบนเขียนชื่อจีนของอาเจียวผิดไปค่ะ ตรงนี้ค่ะ

-----------------------------------
ใช่ค่ะ พี่ อาเจียว จงเจียซิน ค่ะ
-----------------------------------
ชื่อจีนของเธอคือ จงซินถง 钟欣桐 เราเขียนข้างบนว่า จงเจียซินต้องขออภัยด้วยนะคะ แก้ใหม่ อาเจียว = จงซินถง อ่ะค่ะ ขออภัยด้วย

วันนี้จะพาไปดูน้องรั่วหลานนอกจอกันเสียหน่อยค่ะ

อันอี่เซวียน รั่วหลาน ในเรื่อง




อันอี่เซวียนตอนไปโปรโมทหนังเรื่องนี้ที่นานกิง อุณหภูมิ 9 องศา!!!!!











โดย: mamiya วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:22:02:03 น.  

 
หูเฟยปรากฏตัวกุยหนงขู่ให้เอาคัมภีร์ดาบตระกูลหูมาแลก แต่อาซื่อบอกหูเฟยอย่า หูเฟยยอมให้บอกว่าตนเองท่องขึ้นใจแล้ว กุยหนงทำร้ายอาซื่อผลักตัวออก เข้าไปรับคัมภีร์ สุดท้ายตกหน้าผาไปพร้อมกับคัมภีร์

หูเฟยรีบไปดูอาการอาซื่อที่สุดคนที่นับเป็นญาติเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็สิ้นลมไปต่อหน้าต่อตา วันนี้เขาสูญเสียคนที่รักถึงสองคน

รั่วหลานลงเขาไป นางซึมเซาเอาแต่ร้องไห้ เสี่ยวเอ้อยกอาหารมาก็ไม่ยอมกิน จิ้งจอกสังคม(ไม่ใช่จิ้งจอกภูเขาหิมะ) มาเห็นจะลวนลามนาง แต่คังอันมาช่วยไว้(จิ้งจอกอีกตัว แถมเป็นจิ้งจอกราคะเสียด้วย)เห็นรั่วหลานหน้าตาสวยเลยคิดยึดครอง คังอันถามว่านางเป็นอะไรทำไมร้องไห้ มีเรื่องไม่สบายใจให้ช่วยไหม? รั่วหลานบอกว่าทำให้คนอื่นเสียใจ กำลังจะกลับบ้าน คังอันอาสาไปส่งแต่รั่วหลานไม่ยอม คังอันตามตื้อ รั่วหลานตอบอย่างหนักแน่นว่าไม่ต้งส่งกลับบ้านจะกลับเอง แต่คังอันให้คนวางยาสลบพารั่วหลานเดินทางขึ้นภูเขาหิมะไปด้วย เพราะรู้ว่านางเคยขึ้นเขาหิมะมาก่อนและแซ่เหมียวอาจมีประโยชน์ก็ได้ รั่วหลานตื่นขึ้นมา โวยวาย แต่คังอันจี้สกัดจุดไว้

เหรินฟ่งมาตามหารั่วหลานและได้ข่าวว่าถูกพาขึ้นเขาไปจึงตามขึ้นไป

กุยหนงตกเขาไปไม่ตายแต่กลับไปเจอขุมทรัพย์ของฮูปี้เลี่ยตามคำร่ำลือ กุยหนงดีใจมาก แต่ไม่รู้จะออกไปได้อย่างไร จึงสำรวจภายในถ้ำ เขาพบเสื้อเกราะ และอาวุธของฮูปี้เลี่ยทั้งดาบและกระบี่ ทั้งยังพบตำราวิทยายุทธของจิวแป๊ะทง วิชาสองมือสู้กัน เขาจึงฝึกกระบี่และดาบพร้อมกัน คิดว่าตัวเองโชคดีสวรรค์เข้าข้างแล้ว


****เอ้า...คนชั่วโชคดีอีกแล้ว



หูเฟยจับพวกที่มากับกุยหนงซึ่งตอนนี้เหลือหลวงจีน(คนที่ทายาพิษที่ดาบหูอี้เตาสมัยโน้น)และคนสนิทของคังอันขังไว้ในค่ายกล แล้วเดินจากไป

คังอัน เข้าไปในคฤหาสน์บนภูเขาหิมะ สั่งให้คนออกไปจากห้อง ถอดเสื้อผ้านางทีละชิ้นและคิดทำมิดีมิร้ายกับรั่วหลาน พอดีได้ยินเสียงลูกน้องมาบอกว่ามีเสียงเหมือนคนขอความช่วยเหลือ(เสียงหลวงจีนกับคนสนิทคังอันนั่นเอง) คังอันจึงออกไปดู โดยเอาผ้าห่มคลุมรั่วหลาน(ที่เขาถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่ชั้นใน)ไว้ คังอันให้คนทลายห้องลับจึงรู้ว่าเป็นคนของตนและหลวงจีน ทั้งสองเล่าเรื่องราวที่เจอกับจิ้งจอกภูเขาหิมะให้คังอันฟัง

ขณะนั้นเอง เหรินฟ่งมาถึงร้องเรียกรั่วหลาน คังอันจึงรู้ว่ารั่วหลานเป็นลูกเหรินฟ่ง คังอันบอกว่าถ้าหลวงจีนสกัดเหรินฟ่งได้จะมีรางวัล

หูเฟยก็ได้ยินเสียงของพวกทหาร และเหรินฟ่งจึงแอบเข้าคฤหาสน์ไปดู เดินไปเดินมา เดินไปถึงห้องที่มีผ้าห่มคลุมรั่วหลานอยู่จึงซุกตัวเข้าไปแอบ พอหันหน้ามาก็เจอกับรั่วหลาน รั่วหลานส่งสัญญาณด้วยสายตาว่านางโป๊อยู่ หูเฟยหลับตา

***อะไร๊.........จะบังเอิญขนาดนั้น ห้องไหนก็ไม่ไป ไปเจอห้องที่มีผ้าห่มและก็ซุกเข้าไปพอดี เหมือนกับคังอันมาถอดเสื้อรั่วหลานเตรียมให้หูเฟยเลย คราวก่อนก็รมยาจื่ออีให้หูเฟยเหมือนกัน แต่ดันไปโดนเอาหูเฟยเสียก่อน

เหรินฟ่งปราบหลวงจีน เข้ามาถึงห้องพอดี คังอันเลยจะเปิดผ้าห่มให้เหรินฟ่งเห็นรั่วหลาน และเอามาต่อรอง เปิดไปกลับเจอหูเฟยกับรั่วหลานพอดี เหรินฟ่งเห็นผู้ชายมานอนกับลูกสาวที่ใส่แต่เสื้อชั้นในโกรธมาก จะเข้ามาราวี หูเฟยเห็นท่าไม่ดีจึงอุ้มรั่วหลานที่อยู่ในผ้าห่มทะลวงหน้าต่างออกไป

หูเฟยอุ้มรั่วหลานออกมา รั่วหลานที่อยู่ในอ้อมกอดแอบมองเขาด้วยรอยยิ้ม หูเฟยพานางไปในที่ปลอดภัย วางนางลงและบอกว่าจะคลายจุดให้แต่ขอโทษที่ต้องถูกตัว ถ้าไม่คลายก็อาจเป็นอันตรายได้ ก่อนไป เขาบอกว่า ต้องสะสางกับเหรินฟ่งเรื่องบัญชีเรื่องสังหารบิดาให้เรียบร้อยในวันนี้ รัว่หลานขยับตัวได้แล้ว พยายามเรียกรั้งเขาไว้บอกว่าเขาสู้พ่อนางไม่ได้หรอก แต่ไม่สำเร็จ นางแต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่ในที่สุดก็ได้ความคิดใหม่ดัดแปลงผ้าห่มเป็นชุดเสื้อผ้าอย่างง่าย ๆ แล้วติดตามไป เพราะกลัวว่าเหรินฟ่งจะฆ่าหูเฟยตาย

***ตรงนี้เว่อร์ไปหน่อย รั่วหลานท่าทางจะแก่นเย็บปักถักร้อยไม่เป็น แต่ทำไมเกิดไอเดียดีไซน์เนอร์กระทันหัน กรรไกรก็ไม่มี แต่ดัดแปลงชุดจากผ้าห่มออกมาได้ ใส่แล้วเหมือนต้องมีกรรโกรตัดเลย คล้าย ๆ มีขลิบปลายแขนเสื้อและปลายกระโปรงด้วย น่าให้รางวัลดีไชน์เนอร์ยอดเยี่ยมและสร้างสรรค์แห่งปี (ในสถานการณ์เช่นนั้น)


หูเฟยสู้กับเหรินฟ่งอย่างดุเดือดบนสะพานโซ่ที่เดียวกับที่เหรินฟ่งเคยสู้กับอี้เตา หูเฟยพลาดท่า เหรินฟ่งช่วยไว้เพราะตอบแทนที่หูเฟยเคยช่วยชีวิตเขาไว้ ทั้งสองจึงสู้กันต่อแบบไร้ข้อกังวล เหรินฟ่งยอมตายใต้ตาบของหูเฟยแต่หูเฟยยั้งตาบไว้ทัน

รั่วหลานตามมาถึงพอดี ตะโกนให้ทั้งคู่หยุดสู้กัน เหรินฟ่งกับหูเฟยสู้กันจนไปตัดโซ่ที่ประกอบเป็นสะพานเส้นที่รั่วหลานยืนอยู่พอดี โซ่จึงร่นเข้ามาหารั่วหลานทำให้นางเสียหลักหล่นลงเหวไป ทั้งหูเฟยและเหรินฟ่งรีบกระโดดมาช่วยแต่รั่วหลานตกลงไปอย่างรวดเร็ว จนทั้งสองฉุดไว้ไม่ทัน

กุยหนงในถ้ำเกือบอดตายแต่โชคดีเจอบ่อปลา จึงมีอาหารกิน ฝึกวิชาจนเก่ง กุยหนงพอใจวิชาฝีมือของตนมาก หัวร่อด้วยความสบใจ

***ถ้ำน้ำแข็งมีปลาด้วยแหละ มันอยู่ได้ยังไงนะ? หรือมันจะเป็นปลาหิมะที่อยู่ตามฟูจิ เซ็น หรือ ในแฮมเบอร์เกอร์ก็ไม่รู้สิเนีย?

ทางฝ่ายสมาคมดอกไม้เหล็กเห็นจื่ออีไปนานแล้ว เลยรีบตามมาเหมือนกัน

**** คนของสมาคมนี้ชอบตามปิดท้ายไปเก็บเรื่องทุกรายการเลย ไปช้าทุกเหตุการณ์ โปรดสังเกต

คังอันกับทหารนั่งกระเช้าลงจากภูเขาหิมะมา หลวงจีนลาจากคังอัน แต่แอบขึ้นเขาไปอีก คนสนิทของคังอันเห็นแปลก ๆ เลยตามมา เห็นหลวงจีนจะกลับขึ้นเขาหิมะไปอีก สอบถามได้ความว่า หลวงจีนเห็นแสงไฟจากถ้ำที่หน้าผาตอนขาลงเลยจะขึ้นไปดู คนสนิทของคังอันจึงตามไปด้วย

บนเขาทั้งสองเจอขุมทรัพย์ กำลังคิดจะกำจัดฝ่ายตรงข้ามเพื่อยึดครองขุมทรัพย์ไว้คนเดียว กุยหนงก็ปรากฎตัว ทุกคนก็โลภอยากได้ไว้หมด ที่สุดกุยหนงก็ฆ่าสองคนที่มาใหม่ตายหมด

คณะของคังอันลงไปถึงข้างล่างหุบเขา เจอร่างของรั่วหลานที่หล่นลงมา จึงอุ้มนางจะนำกลับไป แต่เหรินฟ่งมา เนื่องจากบาดเจ็บมากจึงสู้ไม่ได้โดนคังอันจับตัวไป

คังอันให้หมอมารักษารั่วหลาน แต่นางความจำเสื่อม เขาหลอกนางว่านางกับเขาเป็นคู่หมั้นกันใกล้แต่งงานกันอยู่แล้ว ตอนนางฟื้นเขาเผลอบอกแซ่นาง รั่วหลานถาม เขาบอกว่า นางไม่ได้แซ่เหมียว นางฟังผิดไปเอง

***มุขเก่า ๆ ตอนหลอกสาวที่ความจำเสื่อมในหนังจีนมักใช้เรื่องนี้มาหลอก หมดมุขแล้วจริง ๆ

เหรินฟ่งฟื้นมา พบว่าโดนโซ่มัดไว้หลายชั้น เขาตะโกนเรียกรั่วหลาน นางได้ยินถามว่าเสียงใคร คังอันบอก เป็นเสียงของคนที่มาสังหารนางจนทำให้นางกลัว ตกใจจนความจำเสื่อม แต่รั่วหลานไม่ค่อยเชื่อเขาเท่าไหร่เพราะในสมองยังเก็บภาพของหูเฟยเอาไว้อย่างชัดเจน นางไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นคู่หมั้นของนางจริง ๆ


หูเฟยบาดเจ็บเช่นกัน คนของสมาคมดอกไม้เหล็กมาพอดีจึงช่วยเอาไว้ได้ เขาถามหารั่วหลานกับเหรินฟ่ง คนของสมาคมบอกว่าน่าจะถูกคังอันจับไป


โดย: mamiya วันที่: 18 มิถุนายน 2550 เวลา:1:26:57 น.  

 


โดย: mamiya วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:23:24:05 น.  

 
คังอันหลอกพารั่วหลานไปที่บ้านโดยวางแผนกับแม่ตนไว้ก่อนให้ทำทีเหมือนรั่วหลานเป็นเด็กที่เติบโตในบ้านของเขาและเตรียมจะแต่งงานกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

ก่อนกลับคังอันให้คนจัดฉากจนเมียรองของเขาเกิดความริษยาอย่างที่สุดที่แม้เมียหลวงตายแล้ว คังอันยังไม่ให้ความสนใจ

คังอันพารั่วหลานมาถึงจวนของตน ทุกคนเตรียมการจัดละครทักทายรั่วหลานเหมือนคนสนิทกัน ยกเว้นเมียรองที่หึงหวงเกินไป คังอันกลัวความแตกจึงด่าว่านาง และจับขังตำหนักเย็น


โดย: mamiya วันที่: 19 มิถุนายน 2550 เวลา:23:28:21 น.  

 
กุยหนงมาหาคังอัน คังอันรู้สึกประหลาดใจที่กุยหนงรอดกลับมาได้ กุยหนงเล่าให้ฟังคร่าว ๆ โดยปิดเรืองขุมทรัพย์เอาไว้

กุยหนงไปหาเหรินฟ่งในคุกหวังให้เขาสอนเพลงกระบี่ให้ เหรินฟ่งยอมสอนให้แต่เว้นจุดตายไว้สามแห่ง ซึ่งเหรินฟ่งขอแลกเปลี่ยนกับการช่วยรั่วหลานจากมือคังอัน กุยหนงลังเล แต่ปากบอกว่าไม่ตกลง

คังอันพยายามเอาใจรั่วหลาน เอาเพชรนิลจินดามาประเคนให้ และบอกว่านางอยู่ที่นี่มานานแล้ว สร้างเรื่องให้รั่วหลานวางใจ แต่รั่วหลานกลับไม่แน่ใจ และมักมองเห็นภาพที่หูเฟยตบหน้านาง และเห็นหน้าหูเฟยประทับอยู่ในความทรงจำนางลึก ๆ

คังอันหาทางเอาเปรียนรั่วหลาน(ครั้งที่ 1) แต่รั่วหลานไม่ยอม คังอันยอมถอยเพื่อรอครอบครองนางในวันแต่งงาน ตามที่รั่วหลานเอามาเป็นข้ออ้าง


หูเฟย อาการดีขึ้นนิดหน่อย แต่ได้ข่าวรั่ว่หลานจะแต่งงานกับคังอัน จึงรีบไปช่วย เขาควบม้าไปอย่างรวดเร็วทั้ง ๆ ที่ยังบาดเจ็บอยู่

ในวันแต่งงาน คังอันกับรั่วหลานกำลังจะกราบไหว้ฟ้าดิน หูเฟยไปช่วยรั่วหลาน กำลังจะพาหนีแต่รั่วหลานเข้าใจว่าเขาเป็นคนมาลักพาตัวนางจึงแทงหูเฟยจนบาดเจ็บ หูเฟยแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง พลาดท่าถูกจับไว้อีกคน

รั่วหลานกราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามี-ภรรยากับคังอันไปแล้ว คืนเข้าหอ รั่วหลานยังไม่สบายใจเรื่องที่นางแทงหูเฟย นางได้ยินเขาเรียกนางว่ารั่วหลาน หรือนางจะชื่อนี้จริง ๆ เพราะนางเองก็เคยได้ยินเสียงเหรินฟ่งที่คังอันบอกว่าเป็นคนลอบสังหารนางจนนางตกใจความจำเสื่อม เรียกนางเช่นนี้เหมือนกัน นางไม่ยอมเข้าหอคังอันโดยบอกว่า คืนนี้ไม่สะดวก(ความพยายามของคังอันครั้งที่ 2)คังอันหงุดหงิด จนเดินออกไปจากห้อง

*** ตอนนี้เรามีข้อสงสัยคืออย่างแรกคังอันที่เป็นแมนจูทำไมทำพิธีแต่งงานแบบฮั่น และแม่ของคังอันก็เข้าร่วมด้วย ทั้งๆ ที่แมนจูเองก็มีข้อบังคับเข้มงวดมาก

อย่างที่สอง คังอันไม่แก่ลงเลย ยังหนุ่มเหมือนเดิม ทั้ง ๆ ที่ความจริง รุ่นเดียวกับแม่รั่วหลาน ในขณะที่รั่วหลานเป็นสาวขึ้น

อย่างที่สาม คังอันพยายามครอบครองรั่วหลานหลายครั้งซึ่งเราคิดว่า ตามสไตล์แล้ว ไม่น่าจะสำเร็จ แต่เรากลับคิดผิด (อ่านต่อไปค่ะ)

รั่วหลานคิดไปคิดมา จึงแอบไปหาหูเฟยในคุก หูเฟยเล่าเรื่องนางให้ฟัง ว่าเหรินฟ่งเป็นพ่อนาง แต่คังอันต่างหากที่เป็นศัตรู และบอกให้นางรีบหนีไป แต่รั่วหลานสงสารทหารเฝ้าคุกที่ให้นางเข้ามา ถ้านางหายไป พวกทหารที่เฝ้านางก็ต้องตาย นางจึงกลับไป

กุยหนงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ และยุยงส่งเสริมว่าคังอันไม่ภักดี ไปแต่งงานกับลูกสาวเหรินฟ่งที่เป็นคนฮั่น ฮ่องเต้กริ้วจึงแต่งตั้งให้กุยหนงเป็นแม่ทัพมีอำนาจทางารทหารแทนคังอัน และให้กุยหนงใช้เหรินฟ่งล่อพวกสมาคมดอกไม้เหล็กออกมา ฆ่าให้หมด พร้อมทั้งหาขุมทรัพย์ของฮูปี้เลี่ย

คังอันรีบไปเฝ้าฮ่องเต้แต่ฮ่องเต้ไม่ให้เข้าพบ คังอันทั้งกลุ้มทั้งโมโหทั้งหงุดหงิดทั้งเสียใจ

(หลายหลายอารมณ์มาก เรารู้สึกเอง แต่ไมรู้จริง ๆ แล้วคังอันรู้สึกอย่างนี้จริง ๆ หรือเปล่า ฮ่า ฮ่า)


คนพรรคดอกไม้แดงมาช่วยหูเฟยไว้ได้ แต่หูเฟยยืนยันกลับมาช่วยรั่วหลานอีกครั้ง


คังอันกลับมาบ้านไปหารั่วหลาน ครั้งนี้เขาต้องครอบครองนางให้ได้(ความพยายามครั้งที่ 3)เขาตบหน้านางและใช้กำลังอย่างป่าเถื่อน รั่วหลานกลายเป็นคนของคังอันไปเสียแล้ว


หูเฟยกลับมาช่วยรั่วหลาน เห็นนางร้องไห้ เข้าใจทุกอย่าง เขาเห็นใจนาง บอกว่าหูต้าเกอจะช่วยพานางไปออกไปเอง เป็นความผิดของเขาที่มาช้าไป ทำให้นางต้องรับทุกข์ทรมานเช่นนี้ หูเฟยต่อสู้กับทหารมากมาย แต่ไม่ยอมปล่อยมือรั่วหลาน เขาพานางหนีออกมาได้ แต่ยังบาดเจ็บอยู่ ดีที่คนของสมาคมดอกไม้เหล็กมาช่วยไว้พอดี ทั้งหมดจึงรอดจากกำลังทหารของคังอัน

กุยหนงไปปลดคังอันและ จะนำเหรินฟ่งไปประหาร แต่ได้รับคำสั่งว่าอย่าให้คนของสมาคมดอกไม้เหล็กช่วยเหรินฟ่งไปได้ กุยหนงจึงไปหาเหรินฟ่ง พยามให้สอนเพลงกระบี่ที่สมบูรณ์ โดยท้าเหรินฟ่งสู้ เหรินฟ่งไม่ตอบโต้ให้กุยหนงค้นพบเพลงกระบี่ที่สมบูรณ์ได้ ที่สุดเขาก็ตายด้วยมือกุยหนงที่พลังฝีมือเก่งกว่าเดิมเป็นสิบเท่า ก่อนตายเหรินฟ่งคิดถึงหูเฟย หวังว่าเขาจะกำจัดกุยหนงได้

พวกสมาคมดอกไม้เหล็กจะไปช่วยเหรินฟ่ง หูเฟยจะตามไปด้วย แต่ทุกคนบอกให้พารั่วหลานไปรักษาดีกว่า อีกอย่าง หูเฟยยังบาดเจ็บสาหัสอยู่ ถ้าไปก็เท่ากับไปตาย

พวกสมาคมดอกไม้เหล็กไปช่วยเหรินฟ่งที่ลานประหารแต่ปรากฎว่ากุยหนงมีฝีมือร้ายกาจ ฆ่าคนของสมาคมฯไปไม่น้อย ดีที่ซ้อ 4 จับขุนนางมาเป็นตัวประกัน ทุกคนจึงหนีรอดไปอย่างหวุดหวิด แต่สาบานต้องกลับมาล้างแค้นให้พี่รองที่ตายด้วยน้ำมือกุยหนงให้ได้ ทุกคนประหลาดใจที่กุยหนงใช้สองมือ มือหนึ่งใช้กระบี่ มือหนึ่งใช้ดาบได้ และยังมีพลังภายในลึกล้ำกว่าเดิมมาก

หูเฟยพารั่วหลานไปที่คฤหาสน์บนเขาหิมะ นางคุ้น ๆ แต่ความทรงจำยังไม่ฟื้นคืน โดยเฉพาะตอนที่เห็น แปลงปลูกชีเซียนไห่ถาง นางทรมานมาก และร้องไห้ ไม่อยากคิดถึงความหลังต่อไป หูเฟยคิดไม่ถึงว่าการกระทำของเขาในครั้งนั้น จะประทับในความทรงจำนางแม้กระทั่งตอนสูญเสียความทรงจำไป


โดย: mamiya วันที่: 24 มิถุนายน 2550 เวลา:23:24:13 น.  

 
ดูภาพกันบ้าง

อาเจียวลงมาจากรถคันเดียวกับเนี่ยหยวนก็เป็นข่าว เขาว่าทั้งสองวัยไล่เลี่ยเลยสนิทกัน




ภาพชุด "หูเฟย"













โดย: mamiya วันที่: 25 มิถุนายน 2550 เวลา:23:26:05 น.  

 
ไม่ได้เข้ามาอ่านซะนานเลยค่ะ มามิ (บางช่วงรูปไม่ขึ้นอีกละ)

อ่ะจ๊ากกกกกกกก ทำไมรั่วหลานตกเป็นของคังอันละ เปลี่ยนบทอีกแล้วหรือนี่

แต่บทที่หูเฟยแอบอยู่ในผ้าห่มกับรั่วหลานนะตามหนังสือมีนะคะ เพียงแต่ไม่มีคังอันอยู่ในซีนนี้

ที่มีเป็นเหล่าชาวยุทธ์ที่วางแผนจับตัวเหรินฟ่ง กับองครักษ์วังหลวงเท่านั้น
แล้วก็หูเฟยอุ้มรั่วหลานหนีโดยห่อไว้ในผ้าห่มจริงๆค่ะ
แต่หูเฟยสละเสื้อคลุมตัวนอกให้นางใส่(รั่วหลานถูกถอดเสื้อตัวนอกออกเท่านั้นยังเหลือเสื้อชั้นในนะจ๊ะ)

ช่วงหลังเขียนบทเพิ่มเพียบเลยนะเนี๊ยะ เพราะหลังจากหูเฟยสู้กับเหรินฟ่ง แล้วในนิยายจบแบบว่าให้ไปนึกเอาเองว่าใครชนะ
ส่วนรั่วหลานก็นั่งรอหูเฟยกลับมา(ทั้งสองไปสู้กันบนเขาค่ะ รั่วหลานอยู่เชิงเขาเลยไม่เห็นได้แต่รอ)

คงใกล้จบแล้วมั๊งคะ มามิ

พี่ไม่ค่อยชอบใจการเปลี่ยนบทนี่เลยค่ะ ส่วนใหญ่รับได้ค่ะ แต่ทำไมต้องให้ทั้งหลิงซู่ทั้งรั่วหลานเสียตัว
จริงๆแล้วเรื่องอื่นๆก็พอรับได้หรอกเช่นความจำเสื่อม แต่แหมเรื่องแบบนี้นะรู้สึกว่ามันฝืนความรู้สึกค่ะ

ให้ตายไปเสียเลยยังดีกว่าอีก (แบบหลิงซู่นะค่ะ แต่นั่นตรงตามบทประพันธ์ที่ต้องตายอยู่แล้วเพื่อช่วยพระเอก)

เฮ้ออออออออ รออ่านตอนจบก็แล้วกันค่ะ มามิ


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 28 มิถุนายน 2550 เวลา:7:13:36 น.  

 
คุณมามิคะ ขอบคุณนะที่ช่วยแปลเรื่องราวให้ ไม่ทราบว่าไปซื้อแผ่นมาจากไหนคะ อยากได้จังเลย รบกวนช่วยบอกด้วยนะคะ


โดย: ami IP: 202.91.19.192 วันที่: 30 มิถุนายน 2550 เวลา:3:12:23 น.  

 
แผ่นเรื่องนี้ฝากเพื่อนซื้อมาจากปักกิ่งค่ะ

ขณะที่หูเฟยกำลังช่วยรั่วหลานฟื้นความทรงจำ คังอันก็นำพรรคพวกขึ้นมา เขาขู่ให้รั่วหลานกลับมาหาเขา แต่นางไม่ยอม หูเฟยต่อสู้กับลูกน้องของคังอัน(ซึ่งใส่ชุดเหมือนพระทิเบตเลย)รั่วหลานเห็นเขาโดนรุมทำร้ายเหมือนคิดอะไรออก ตะโกนเรียก "ผิงต้าเกอ" กับ"หูต้าเกอ" ติดต่อกัน นางเห็นภาพในอดีตทีละน้อย

กำลังสู้กันวุ่นวาย รั่วหลานวิ่งเข้าไปหาหูเฟย และพลาดตกเขาไป หูเฟยรีบโดดตามไปช่วย เขาสละชีวิตตัวเอง ใช้กำลังที่มีทั้งหมดส่งนางขึ้นไปบนหน้าผา ส่วนตัวเองตกดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว

(****ตอนนี้ ต้านแรงโน้มถ่วงของโลกกันน่าดู หน้าผานี้คงต้องตีอกชกหัวตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เพราะเสียทีที่เป็นหน้าผา หลายคนตกแล้วไม่เคยมีใครตายเลย สักคน หน้าตาของหน้าผาก็ปรกคลุมด้วยหิมะ อย่างกะปูด้วยปุยนุ่น แถมบางคนตกลงไปยังไปเจอขุมทรัพย์อีก ในขุมทรัพย์ก็มีปลาหิมะให้กิน ไม่ตายแต่รอด ส่วนที่ตายก็ถูกฆ่าอย่างลูกน้องของคังอัน แต่ไม่ใช่ตกเขาตาย น่าจะมาทำเป็นเครื่องเล่นใหม่แทนบันจี้จัมพ์ นะ ฮ่า ฮ่า)

คังอันเห็นรั่วหลานถูกส่งขึ้นมาบนหน้าผาอย่างปลอดภัย รั่วหลานตกใจเข้าไปกอดเขาไว้ คังอันปลอบใจนางและพากลับไปที่จวน เมื่อนางทราบว่าหูเฟยตกเขาไป น้ำตาก็ไหลพราก แต่ปากก็บอกว่าจะไม่กลัวอีกต่อไปแล้วเพราะมีคังอันคอยดูแล

คังอันถูกเรียกตัวเข้าวัง ฮ่องเต้บอกให้พยายามหาลายแทงขุมทรัพย์ให้พบ และปรึกษากับคังอันว่ากุยหนงที่มีฝีมือเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัวอย่างไรก็เป็นคนฮั่น เมื่อเสร็จงานกวาดล้างสมาคมดอกไม้เหล็กแล้ว ฮ่องเต้ก็จะเลิกใช้งานกุยหนง ให้คังอันทำงานให้ดี แล้วจะตบรางวัลให้งาม ๆ


กุยหนงมาเข้าเฝ้าพอดี ฮ่องเต้ให้คังอันซ่อนตัวไว้ ฮ่องเต้ถามกุยหนงว่าเหรินฟ่งตายไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ลายแทงมาอีกหรือ กุยหนงยอมรับและบอกว่าจะสืบจากตัวลูกสาวของเหรินฟ่งแทน พร้อมทั้งวางแผนเอาศพเหรินฟ่งกับนักพรตสมาคมดอกไม้เหล็ก(พี่รอง)ไปประจาน 3 วัน ล่อให้พรรคพวกมาติดกับดัก

คังอันกลัวกุยหนงจะเป็นใหญ่และดูเหมือนฝีมือจะเก่งกว่าเดิม แต่จะส่งลูกน้องไปลอบสังหารก็กลัวให้ไปตายฟรี จึงแอบทดสอบฝีมือของกุยหนง ปรากฎว่ากุยหนงเก่งมาก จนคังอันตะลึง เขาจึงวางแผนให้รั่วหลานหาทางใกล้ชิดกุยหนง โดยบอกว่าถ้ากุยหนงมาคิดมิดีมิร้ายก็ให้ยอมเสีย(ฟังพูดเข้า น่าอัดจริง ๆ ) จากนั้นก็หาทางวางยากระดูกอ่อนให้กุยหนงดื่มในเหล้าแล้วรอให้สมาคมดอกไม้เหล็กมาฆ่าอย่างง่ายดาย

รั่วหลานเหมือนมีอะไรในใจ รับปากคังอัน คังอันบอกว่าถ้างานสำเร็จจะตั้งเป็นเมียใหญ่(ต้าผู่จี๋) รั่วหลานทำเป็นมีเรื่องกับเมียหลวงของคังอัน หนีมาที่ห้องของกุยหนง กุยหนงพานางหนีไปอาศัยที่บ้านของเขา

กุยหนงรู้ว่ารั่วหลานเป็นลูกหนันหลัน แต่ไม่แน่ใจว่านางความจำเสื่อมจริงหรือไม่ จึงพารั่วหลานไปดูศพเหรินฟ่ง เมื่อเห็นศพพ่อถูกแขวนไว้แม้ตายก็ยังไม่ได้อยู่อย่างสงบ รั่วหลานเสียใจมาก (ตอนนี้อันอี่เซวียนเล่นดีค่ะ ตาเบิกกว้าง ดูว่าตกใจจริง ๆ น้ำตาไหลพราก ร้องไห้ซะหน้าบิดเบี้ยวเลย) กุยหนงบังคับให้รั่วหลานมอง นางไม่ยอมมองบอกว่ากลัวศพ แต่กุยหนงบอกว่าให้หาทางเอาชนะความกลัว จึงส่งมีดให้รั่วหลานแทงเหรินฟ่ง โดยอ้างว่า โจรร้ายนี้ทำให้นางความจำเสื่อม เขาจับมือรั่วหลานแทง รั่วหลานไม่รู้จะตอบโต้อย่างไร นางไม่ยอมแทงแต่เข้ามากอดกุยหนงเอาไว้

(**** ตรงนี้กุยหนงดูซาดิสม์ มากเลย บังคับให้รั่วหลานแทงเหรินฟ่ง (แต่ศพยังไม่เน่านะคะ) ที่ถูกแขวนไว้ น่าสงสารรั่วหลานหนีเสือปะจรเข้ ทั้งคังอันที่แสนเลว ยอมเสียแม้กระทั่งผู้หญิงของตัวเอง เพื่อความสำเร็จ ไม่นึกถึงจิตใจใครทั้งนั้นแล้วมาเจอจอมซาดิสม์อย่างกุยหนงอีก)

กุยหนงเริ่มเชื่อและบอกว่าอย่ากลัว เขาจะดูแลนางอย่างลูกสาว ไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว หลังจากกุยหนงออกจากห้องไป รั่วหลานปิดปากร้องไห้อย่างหนัก นางไม่ต้องการให้เสียงตนเองเล้ดลอดให้ใครได้ยิน

ด้านหูเฟยตกเขาไปแต่มีต้นไม้มารับร่างเอาไว้ ไม่ตายแค่บาดเจ็บ(เห็นมั๊ย ตกกี่ครั้งก็รอด.....)เขากลับไปที่สมาคมดอกไม้เหล็ก และทราบข่าวว่าเหรินฟ่งตายเสียแล้ว


โดย: mamiya วันที่: 1 กรกฎาคม 2550 เวลา:1:48:01 น.  

 
คนเขียนบทซาดิสก์กว่าอีกค่ะ มามิ

ให้ลูกทำลายศพพ่อ เอ๊ะ ต้องบอกว่าทำร้ายศพพ่อตัวเอง
จุกค่ะ

ยิ่งอ่านก็ยิ่งอึดอัดยังไงไม่รู้ มันไม่ยุติธรรมเลยนะคะ
ที่น่าสงสารกลับเป็นเหรินฟ่ง(แม้ตายก็คงตายตาไม่หลับ ไหนจะห่วงลูกสาว เฮ้อออออออออออออ)

หูเฟยรีบหายเร็วๆแล้วกลับขึ้นมาช่วยนางเอกด้วยนะ ไม่งั้นคนตามอ่าน อาจกระอักเลือดอีกคน
เพราะความอึดอัดในหัวใจนี่แหละ(เว่อร์ไมมั๊งพี่...เสียงลอยมาตามลมค่ะ ฮุฮุ)


โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:28:29 น.  

 
หลัง ๆ เนี่ย คนเขียนบทคงจินตนาการเอาเอง ไม่รู้ทีมงานปรึกษากันอย่างไรให้ออกมาในแนวนี้

พี่ฟงคะ เรื่องคนบ้าดาบคลั่งกระบี่ที่เคยเล่าให้ฟัง เขียนไว้แล้วแต่ดันโดนไวรัสกินเครื่องไปเสีย เรื่องของเขายังคงค้างอยู่ในหัวเลยค่ะ ไว้จบเรื่อง จิ้งจอกฯ แล้วจะนั่งคิดทบทวนดูไม่รู้ว่าจะเต็มอารมณ์อย่างที่เล่าให้พี่ฟังวันนั้นหรือเปล่า

กลับมาที่จิ้งจอก พี่คะ หูเฟยหน้าโทรมมากเลยหลังจากกลายเป็นจิ้งจอกภูเขาหิมะแล้วนี่ เหมือนกับแก่ลงไปเยอะมาก เสื้อผ้าก็หนา ๆ แถมจิ้งจอกประดับบนบ่าอีกหนึ่งดัวเลยดูเทอะทะเข้าไปใหญ่

หลังจากจื่ออีตายแล้ว มีความรู้สึกว่าหูเฟยเหมือนดั่งจะรักรั่วหลานมากขึ้น มองตากันนิ่งนาน ไม่เหมือนเมื่อก่อน และชอบจับมือโอบเอวกันบ่อยขึ้น ชักสงสัยว่าหูเฟยหลังจากประลองกับเหรินฟ่งแล้ว ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปตามปลายปากกาของคนเขียนบทด้วยหรือเปล่า

ชอบมองคังอันค่ะเวลาหันหน้าข้าง ๆ จมูกโด่งเป็นสันเห็นเป็นรูปหน้าที่มีเค้าโครงสวยงามเหมือนรูปปั้นเลยค่ะ

อ้อ....ลืมไปอีกคนค่ะ "ลั่วปิน" ชื่อคุ้นมากเลย ใช่ภรรยาของเหวินไท่ไหลหรือเปล่าคะ? มีอยู่ตอนหนึ่งที่คังอันพูดถึงชื่อนี้

ส่วนวิชาที่กุยหนงไปเรียนแล้วเก่ง บ้าพลังจนไปสู้กับเหรินฟ่งนั้น เป็นวิชาของจิวแป๊ะทง ที่บวกกับคัมภีร์จิ่วอิน(เก้าอิม)ด้วยล่ะค่ะ และขุมทรัพย์ของฮูปี้เลี่ย (ยังไม่ได้ค้นคว้าแต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นกุบไลข่านนะคะ) ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลามาค้นรายละเอียดประกอบเลย วัน ๆ ผ่านไปพร้อมการบ้านและงานที่สุมหัว


ตอนนี้ในเรื่องที่สวยสุดก็รั่วหลานนั่นแหละค่ะ กลัวเหมือนกันว่านางจะคิดสั้นหรือต้องถูกกำจัดไปเหมือนบทของจื่ออีและหลิงซู่

ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ว่าจะจบอย่างไร เอ่อ ตอนนี้มาถึงตอนที่ 40 แล้วล่ะค่ะ น่าจะจบที่ตอนที่ 45 นะคะ


โดย: mamiya วันที่: 2 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:27:48 น.  

 
"ลั่วปิน" ชื่อคุ้นมากเลย ใช่ภรรยาของเหวินไท่ไหลหรือเปล่าคะ?

ลั่วปิน หรือ ลกเปีย ภรรยาของพี่สี่ ถูกแล้วค่ะ มามิ
1ใน4 สาว ที่มีบทบาทมากในจอมใจจอมยุทธค่ะ

หลังจากจื่ออีตายแล้ว อ้าว...ตายตอนไหนอีกเนี๊ยะ แค่ให้ไปบวชแล้วจากกับพระเอกในหนังสือก็ว่าแย่แล้วนะ

ทำไม๊ ทำไม ทำร้ายจิตใจกันจังคะ อ่านไปก็อึ้งไปเรื่อยๆ

หวังว่าตอนจบรั่วหลานคงไม่ตายไปอีกคนนะ (จะเกลียดตาคนเขียนบทไปจนตายเลยค่ะ)
อยากให้เป็นสุขนาฎกรรม ไม่ใช่โศกนาฎกรรมเลยค่ะ
คงต้องรอลุ้นตอนจบจริงๆ ด้วย(ความหวาดเสียว กลัวหัวใจสลายจัง)

เรื่องคนบ้าดาบคลั่งกระบี่ที่เคยเล่าให้ฟัง เขียนไว้แล้วแต่ดันโดนไวรัสกินเครื่องไปเสีย เรื่องของเขายังคงค้างอยู่ในหัวเลยค่ะ

อยากอ่านค่ะ แม้ว่าข้อมูลบางส่วนจะไม่สมบูรณ์ตามที่บอก ก็ยังอยากให้มามิเรียบเรียงมาให้อ่านอยู่ดีค่ะ
วันนั้นเวลาน้อย มันไม่จุใจ ฟังแล้วมันมีสาระกับให้อารมณ์มากๆเลย
ขอฉบับเต็มๆ(เท่าที่รอยหยักในสมองยังเก็บไว้ได้)นะคะ

แล้วจะรออ่านค่ะ มามิ



โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 4 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:37:07 น.  

 
คุณมามิยะคะ ตอนจบเป็นยังไง อยากอ่านเร็วๆจังเลยค่ะ


โดย: เอมิ IP: 202.91.19.192 วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:2:30:26 น.  

 
หูเฟยตกเขาไปแต่มีกิ่งไม้ที่แผ่สาขาใหญ่พอที่จะรับร่างเขาเอาไว้ได้ เขาจึงไม่ตาย หูเฟยบาดเจ็บและได้พบกับขุมทรัพย์ของฮูปี้เลี่ยอย่างที่กุยหนงเจอ ทำให้รู้ที่มาของวิชากุยหนง เมื่อกลับไปที่สมาคมดอกไม้เหล็ก ทราบข่าวว่าเหรินฟ่งตายไปแล้ว หูเฟยโทษว่าตนเองไม่น่าประลองกับเหรินฟ่งจนทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้

เจียลั่ว(ใช้คนเล่นคนเดียวกับคังอันแต่ตามบทสุขุมกว่า)ปลอบใจหูเฟย บอกว่าการแก้แค้นแม้สำคัญแต่เรื่องเฉพาะหน้าคือนำศพของพี่รองกับเหรินฟ่งมาฝังให้วิญญาณของทั้งสองไปสู่สุขคติ เจียลั่วให้พี่ห้าพี่หกไปสืบข่าวว่าศพถูกซ่อนอยู่ที่ไหน

คังอันไปหากุยหนง ทั้งสองคนปรึกษากันว่าจะเอาศพของเหรินฟ่งและพี่รองมาล่อคนของสมาคมดอกไม้เหล็ก แต่กลัวว่าพวกสมาคมดอกไม้เหล็กจะไม่มาชิงศพเพราะอาจไม่แน่ใจว่าเป็นของจริงหรือเปล่า ทั้งสองจึงร่วมมือกันสร้างละครให้คนของสมาคมดอกไม้เหล็กดู

พี่ห้าพี่หกมาเห็นเหตุการณ์ที่ตัวละครสร้าง(คนของสำนักปา-กว้า)ทำทีเป็นจะมาชิงศพที่กุยหนงแขวนล่ออยู่ แต่สู้ไม่ได้ พี่ห้าพี่หกเข้าไปช่วย และสอบถาม ตัวละครสร้างบอกว่าอยากช่วยเอาศพคืนมาแต่สู้กับพวกคังอันไม่ได้และรู้ว่ามาว่า ที่กุยหนงทำแบบนี้เป็นกับดักล่อคนของสมาคมดอกไม้เหล็ก พี่ห้าพี่หกบอกให้ตัวละครสร้างนี้ไปหาหัวหน้าของพวกเขาก็คือเฉินเจียลั่ว เพื่อจะได้ปรึกษากัน

เจียลั่วขอบคุณตัวละครสร้างมีน้ำใจช่วยคนของสมาคม แต่ลั่วปินสงสัยคนผู้นี้ เจียลั่วบอกว่าตอนนี้พวกเรายังเป็นรองแม้รู้ว่าเป็นกับดักแต่ก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ เพื่อชิงร่างไร้วิญญาณของทั้งสองจึงสั่งให้แบ่งกำลังคนเป็นสองทางคือ ที่ลานแขวนศพ และที่จวนของกุยหนง

รั่วหลานได้รับสัญญาณให้วางยากระดูกอ่อนกุยหนงอีกครั้งหนึ่ง โดยคังอันส่งมือสังหารหญิงมาเคียงข้างรั่วหลาน กุยหนงสงสัยหญิงรับใช้แปลกหน้าที่อยู่ข้างกายรั่วหลานแต่สุดท้ายก็ดื่มชาเข้าไป

พวกสมาคมดอกไม้เหล็กมาพอดี ครานี้เจียลั่วออกโรงเอง เมือประจันหน้ากับกุยหนง (ชอบคำพูดโต้ตอบขอลงสักหน่อยนะคะ)

กุยหนงยิ้มอย่างเลือดเย็นกล่าว

"ครานี้รบกวนให้ท่านมาเอง แต่น่าเสียดายท่านหลงกลเสียแล้ว"

เฉินเจียลั่วตอบด้วยทีท่าเยือกเย็นไม่ร้อนรนแม้แต่น้อย

"หากกล่าวว่าหลงกล ไม่แน่อาจเป็นตัวท่านเอง จะช้าจะเร็วก็ต้องเผชิญหน้ากันอยู่แล้ว ช้าหน่อยเร็วนิดก็ไม่เห็นเป็นอย่างไรได้"


ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด(เจียลั่วท่าสวย แต่ติว่าช้าไปนิด ไม่รู้สโลว์โมชั่นหรือเปล่า) ยาละลายกระดูก (เอ...มันก็คือตัวเดียวกับยากระดูกอ่อนนั่นแหละค่ะ กินแล้วจะไม่มีแรง อ่อนล้า คิดไปคิดมา ถ้าอิงชื่อยานี้จะเขียนเป็นชื่อเดิมคือยากระดูกอ่อนไปก่อนแล้วกันนะคะ เพราะเขียนมาหลายครั้งแล้ว แหะ ๆ ...)ออกฤทธิ์ แต่กุยหนงเข้าใจว่ากำลังภายในของตัวเองมีปัญหาจึงหนีเข้าทางลับไป หูเฟยจะตามไปแต่เจียลั่วห้ามไว้

(ชอบ...เจียลั่วตรงความเยือกเย็น และฉลาด ตอนนี้มัวแต่จ้องเจียลั่วจนลืมพระเอกของเรื่องไปเลย ตอนหูเฟยเข้ามาช่วยต่อสู้ยังมองไม่เห็นเลย นึกว่าใครที่ไหนผมยุ่งและดำ ๆ อ้อ....นั่นพระเอกนี่นา ลืมสนิท ถ้าไม่ได้ยินเสียงเจียลั่ว เรียก "เฟ่ยเอ๋อร์" ก็ไม่ทันคิดถึงอ่ะค่า)


ลั่วปิน(ซ้อ4)ไปเจอรั่วหลานในห้อง หูเฟยตามหารั่วหลาน เขารีบร้อนหาจนไปเจอ นางทำทีเป็นจำลั่วปินไม่ได้ แต่พอเห็นหูเฟย นางตกใจมาก ถามว่าหูเฟยตกเขาไปแล้วไม่ใช่หรือ แต่ก็กลับมาทำเป็นเรียกว่า เจ้าโจรร้ายอีก เพราะนางคิดว่าหากแกล้งทำต่อไปจะหาโอกาสฆ่ากุยหนงล้างแค้นให้เหรินฟ่งได้

กุยหนงแอบอยู่ห้องลับได้ยินรั่วหลานปฎิเสธไม่ยอมไปกับหูเฟย แถมยังขู่ว่าจะฆ่าตัวตายถ้าหูเฟยจะเอาตัวนางไปอีก ทำให้กุยหนงเชื่อสนิทว่ารั่วหลานความจำเสื่อมจริง ๆ ลั่วปินลากตัวหูเฟยไป เพราะกลัวรั่วหลานเชือดคอตัวเองจริง ๆ

รั่วหลานได้รับความรักเอ็นดูจากกุยหนงมาก เอาเพชรนิลจินดาจากขุมทรัพย์มาประเคนให้มากมาย และบอกนางว่าต่อไปจะดูแลให้นางอยู่อย่างสุขสบายโดยไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น

**** กุยหนง(ถานเย่าเหวิน)บอกว่ารักรั่วหลาน(อันอี่เซวียน)เหมือนลูกสาวแต่การแสดงออก หลายครั้งเหมือนกำลังมองหนันหลานแม่ของรั่วหลานมากกว่า ดูไม่เหมือนพ่อ-กับลูกสักเท่าไหร่ อาจเพราะกุยหนงยังไม่แก่ แต่รั่วหลานเป็นสาวเต็มตัวแล้วก็ได้)

กุยหนงไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ แต่โดนด่าเพราะจับคนของสมาคมดอกไม้เหล็กไม่ได้ แล้วยังเสียกำลังทหารอีก ฮ่องเต้ถามเรื่องขุมทรัพย์ที่มอบหมายให้หาแต่กุยหนงก็ยังทำไม่สำเร็จ กุยหนงขอโอกาสสุดท้าย โดยขอกำลังทหาร 5 หมื่นคน วางแผนไปขุดหลุมศพของหูอี้เตาในวันครบรอบวันตายที่จะถึงในอีกไม่กี่วันนี้ เพื่อล่อพวกสมาคมดอกไม้เหล็กมาฆ่าอีกครั้ง ฮ่องเต้อนุญาต และบอกว่าให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย

ฮ่องเต้เรียกคังอันที่แอบอยู่ด้านหลังออกมา ถามความเห็นเกี่ยวกับกุยหนง คังอันไม่ตอบ เอาเพชรนิลจินดามาให้ฮ่องเต้ดู ฮ่องเต้บอกว่าของมีค่าควรเมืองอย่างนี้เป็นของโบราณตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวน คังอันเอามาจากไหน คังอันบอกว่าเอามาจากกุยหนง เนื่องจากเขาวางสายลับสาวสวยไว้ใกล้ตัว กุยหนง ของล้ำค่าพวกนี้เอามาจากนางที่ได้รับมาจากกกุยหนงอีกที แปลความได้ว่ากุยหนงได้ขุมทรัพย์แล้วแต่ไม่บอกฮ่องเต้ และการขอกำลังทหารห้าหมื่นนายก็คงเอาไปเพื่อขนสมบัติ ฮ่องเต้กริ้วมาก

กุยหนงรู้ตัวว่าอยู่ไม่ได้แล้ว จึงคิดหนีจาอแผ่นดินต้าชิงไปนอกด่าน เขาดีใจมากเมื่อฮ่องเต้ยอมให้กำลังทหาร คืนนั้นเขาดื่มเหล้าเมา มาหารั่วหลานและเห็นหน้านางเป็นหนันหลาน เขาร้องไห้สารภาพผิดที่ตบหน้านางทำให้นางเสียใจจนผูกคอตาย รั่วหลานเห็นเขารักแม่นางมากเริ่มดวงตาเริ่มอ่อนโยนขึ้น แต่เมื่อกุยหนงพูดถึงคนที่เขากลัวที่สุด เหมียวเหรินฟ่งได้ถูกเขาฆ่าตายอย่างไรทีละขึ้นตอน ทรมานอย่างไรจนกว่าจะตาย ทำให้ดวงตาของรั่วหลานทอแววอำมหิตขึ้นทีละน้อย นางตัดสินใจฆ่าคนผู้นี้ให้ได้

กุยหนงเมาหลับไป รั่วหลานจะเอาปิ่นแทงแต่นึกได้ว่าเมื่อครู่กุยหนงพูดถึงขุมทรัพย์และดาบวิเศษที่ฝังอยู่ในหลุมศพของหูอี้เตาพ่อของหูเฟย นางคิดได้ว่าต้องสืบที่ซ่อนขุมทรัพย์ก่อน และบอกเรื่องดาบวิเศษให้หูต้าเกอรู้แล้วค่อยฆ่ากุยหนง ถ้าฆ่าตอนนี้แต่กุยหนงไม่ตายความพยายามของนางก็จะสูญเปล่า นางจึงลดมือที่เงื้อง่าจะแทงกุยหนงลง

กุยหนงคืนสติพอดี รั่วหลานตกใจมาก นางพยายามระงับความตื่นเต้น หากเมื่อครู่นางลงมือ ตอนนี้คนที่ตายคงจะเป็นนางเอง

**** แหม.........กุยหนงดื่มเหล้าแล้วคืนสติเร็วจริง ๆ ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นบททดสอบรั่วหลาน ก็ได้ ไม่แน่ใจ



โดย: mamiya วันที่: 8 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:41:34 น.  

 
ด้านเจียลั่วกับพรรคพวกปรึกษากันว่าจะตามไปช่วยหูเฟยได้อย่างไร เจียลั่วให้พรรคพวกรีบไปช่วยหูเฟย ส่วนตัวเองจะหาวิธีแก้ไขปัญหาเอง ลั่วปินเป็นห่วง แต่เจียลั่วบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เขาเคยผ่านปัญหามามากมาย สำหรับเรื่องนี้ลุยเดี่ยวก็ไม่ใช่ว่าไม่เคย การนี้ต้องใช้ปัญญามากกว่าใช้กำลังในการต่อสู้

หูเฟยเฝ้าสังเกตรั่วหลานหลายวันในที่สุดก็ทราบว่านางแกล้งทำ เขามาหานาง รั่วหลานยอมรับว่าพยายามหาทางล้างแค้นให้พ่อโดยวางยากุยหนง หูเฟยบอกให้นางหนีไปกับเขา แต่รั่วหลานไม่ยอมเพราะความพยายามที่ผ่านมาจะสูญเปล่า ยิ่งตอนนี้กุยหนงเก่งมาก จนไม่มีใครสู้ได้ รั่วหลานบอกเรื่องดาบวิเศษที่ฝังไว้ในหลุมฝังศพหูอี้เตาให้หูเฟยทราบและให้เอาออกมาสู้กับกุยหนง หูเฟยจะพานางไป แต่นางบอกว่าไม่ต้องห่วง ทำมาขนาดนี้แล้ว อย่าให้ต้องเสียความตั้งใจเลย นางพูดจนหูเฟยยอมจากไป

เจียลั่วแอบปลอมเป็นคังอันไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ แนะแผนให้เป็นตาอยู่คอยเก็บผลประโยชน์เมื่อตาอินกับตานาสู้กัน หมายถึงให้สมาคมดอกไม้เหล็กร่วมมือกับหูเฟยสู้กับกุยหนงจนบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายแล้วราชสำนักจะจับคนที่ต้องการได้หมดโดยไม่เสียกำลังเลย ฮ่องเต้ห่วงขุมทรัพย์แต่เจียลั่วบอกว่ามีทางหาออกมาได้โดยไม่มีใครรู้ซึ่งจะเป็นการดีต่อชื่อเสียงของฮ่องเต้ด้วย ฮ่องเต้ฟังแล้วสมเหตุสมผลจึงยอมตาม

**** อุเหม่....ฮ่องเต้ก็รู้ว่าเจียลั่วหน้าเหมือนคังอัน แต่สังเกตไม่ออกเลยเหรอ เป็นฮ่องเต้ปรกครองแผ่นดินกับคนมากมายได้ไงหนอ? เหตุผลคือ หนังใกล้จบก็ต้องแถก ๆ กันไปก่อน เอาเป็นว่าเหตุผลพอผ่านให้ก็แล้วกัน

รั่วหลานวางยากุยหนง ถูกกุยหนงจับได้ จึงเอานางนกต่อสาวใช้ตัวปลอมไปทรมานจนตายเป็นตัวอย่างก่อนจะหันมาจัดการกับรั่วหลาน รั่วหลานกลัวมาก นางคิดฆ่าตัวตายดีกว่าตายในมือของกุยหนง กุยหนงคว้ามือนางไว้ทันและบอกว่าจะหาวิธีตายแบบทรมานที่สุดให้รั่วหลาน เพราะทำให้เขาผิดหวังมาก เขาไม่คิดว่าจะมีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่ได้จากตัวของรั่วหลาน และจะไม่ได้ตลอดไป แต่สิ่งนั้นก็จะไม่มีใครได้ไปเช่นกัน

*** ตามบทไม่ได้พูดว่าสิ่งนั้นคืออะไร เข้าใจว่าคือหัวใจภักดีของรั่วหลานน่ะค่ะ

กุยหนงสกัดจุดรั่วหลาน ให้คนนำไปฝังโดยต่อท่อไม้ไผ่จากโลงศพขึ้นมาให้หายใจได้ และตายอย่างช้า ๆ แบบตายทั้งเป็น แต่ยังรักและสงสารอยู่หรืออาจจะเห็นแก่แม่ของรั่วหลาน จึงมอบยาพิษชนิดเดียวกับที่วางให้หูอี้เตากาลกระโน้น บอกว่า หากทนตายช้า ๆ ไม่ได้ก็ให้กินยาพิษนี้ฆ่าตัวตายเสีย จะได้ไม่ทรมาน

**** น่ากลัวมาก การตายแบบนี้ ค่อย ๆ ขาดอากาศหายใจตาย ตายแบบรับรู้ทุกวินาที พร้อมความกลัวที่แทรกเข้ามาในจิตใจ ความทรมานที่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย นี้ยังทรมานกว่า กฎสังหารสนมในราชวงศ์ชิงที่เอากระดาษชุบน้ำมาปิดหน้าทีละชั้นเสียอีก เพราะต้องนอนอยู่ในโลงศพ ฝังอยู่ใต้ดิน มืดและเดียวดาย แถมอากาศหายใจยังน้อยมากอีกด้วย โหดได้ที่เลยเจ้ากุยหนง

หูเฟยไปกล่าวลาจื่ออีกับซื่อซู่ แล้วไปไหว้หน้าหลุมศพพ่อ รอกุยหนง หลังจากกุยหนงฝังรั่วหลานแล้วก็มาสู้กับหูเฟย หูเฟยเกือบเสียที แต่ไม่ให้คนพรรคดอกไม้เหล็กช่วย ขณะนั้นก็นึกถึงดาบวิเศษที่รั่วหลานบอก เขาไปขุดที่หลุมฝังศพของบิดา(อ้าว...ขุดแบบนี้ไม่ถือว่าอกตัญญูหรือ หนังจีนเขาออกจะถือสาเรื่องขุดสุสาน....งง) แต่กุยหนงบอกว่าหูเฟยขุดคนเดียวคงไม่มีแรงพอ และบอกความจริงว่าคนที่หูเฟยรักตายเพราะเขาเอง แม้แต่หูอี้เตาก็ไม่ได้ตายเพราะเหรินฟ่งแต่เป็นเขาวางยาพิษต่างหาก หูเฟยโกรธมาก ฮึดสู้กับกุยหนง

กุยหนงถลาเข้ามา เอาดาบฟันป้ายหลุมศพหูอี้เตา พอดีศิลาขาดสองท่อนจนดาบวิเศษโผล่ออกมา พริบตานั้นหูเฟยรีบคว้าดาบไว้ เข้าต่อสู้กับกุยหนงอย่างดุเดือด เขานึกได้ว่าจุดอ่อนของกุยหนงคือใต้รักแร้ จึงฟันกุยหนง กุยหนงโดนฟันจนอาวุธในมือขาดสะบั้น เมื่อเสียอาวุธคู่มือ ฝีมือก็ตกลงไปมาก หูเฟยรุกไล่เข้ามา ฟันกุยหนงไปสี่ดาบติดกัน ดาบแรกเพื่อหลิงซู่ ดาบสองเพื่อจื่ออี ดาบสามและสี่เพื่อพ่อแม่(แล้วซื่อซู่ล่ะ ไม่ฟันเผื่อด้วยหรือ?) อ้อ มีดาบที่ห้าด้วย เพื่อทุกคนที่ถูกกุยหนงทำร้าย (โอเค....จัดซื่อซู่รวมในกลุ่มนี้ก็แล้วกัน)กุยหนงสู้ไม่ได้ ทรุดฮวบลงไป

หูเฟยร้องถามหารั่วหลาน กุยหนงตอบเสียงอ่อนล้าว่าเอาฝังในโลง หูเฟยถามว่าอยู่ที่ไหน กุยหนงใกล้ตายแล้ว เขาเอาดาบในมือหูเฟยแทงทะลุร่างตัวเองเพื่อให้ตายสบายขึ้น ขณะเดียวกันปากก็บอกว่า รั่วหลานถูกฝังไว้ในทุ่งราบห่างออกไปทางตะวันออกสิบลี้ จากนั้นก็ขาดใจตาย

หูเฟยร้อนใจรีบตามหารั่วหลาน แต่ซ้อสี่บอกว่าจะไปหาที่ไหนกำลังคนก็น้อย ทุ่งราบก็กว้างใหญ่ไพศาลออกอย่างนั้น หูเฟยบอกว่าจะต้องหารั่วหลานให้พบให้ได้ จะไม่ยอมให้ตายโดยไร้ทางช่วยอย่างจื่ออีอีกคนแน่นอน พวกพี่ห้าพี่หกซึ้งใจมาก พี่สี่บอกว่าจะลองไปสอบถามจากทหารดู แต่ทหารที่เอารั่วหลานไปฝังถูกยาพิษ สอบถามได้ความเล็กน้อย ก็ตายไปเสียก่อน


ทั้งหมดอยากช่วยรั่วหลานแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงหากำลังคนมาเพิ่ม ร้องเรียกไป เอาสุนัขดมกลิ่นไปติดตามหาร่องรอยของรั่วหลาน แต่ก็ไม่พบ

รั่วหลานได้ยินเสียงคนมากมายกำลังเรียกหานางอยู่แต่นางทุบโลงจนหมดแรง ร้องให้ช่วยจนแทบจะไม่มีเสียงแล้ว นางมุ่งหวังว่าหูต้าเกอจะหานางพบ

ผ่านไปหกวัน หูเฟยตามหารั่วหลานอย่างไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่ก็ยังหาไม่พบ หลาย ๆ คนเริ่มถอดใจแต่หูเฟยยืนยันหาต่อ

***ตรงนี้หน้าพระเอกจะโทรมมาก และจริงจังในการหารั่วหลาน ซ้อสี่ก็จะมาพูดเห็นใจและบอกว่าหูเฟยไม่ได้นอน แต่....หูเฟยเปลี่ยนชุดจากสีขาวเป็นสีดำเฉยเลย ผลก็คือ ทำให้ดูโทรมกว่าเดิมคือชุดขาว แต่ร้อนใจขนาดนั้น มีกะใจทำอย่างอื่นด้วยเหรอ เลยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่น่ะ ไม่ต้องเปลี่ยนน่ะดีแล้ว อ้อ....หาเหตุผลให้ก็ได้ เอาเป็นว่าชุดข้างในของชุดขาวเป็นชุดดำชุดนี้ก็แล้วกัน แต่เพราะบนภูเขาหิมะมันหนาวเลยต้องใส่เสื้อผ้าหลายตัว พอมาออกสู่ทุ่งราบเลยถอดเหลือแต่ชุดข้างในสุดตัวนี้สีดำ....ได้อยู่...ได้อยู่)


รั่วหลานนอนอยู่ในโลงด้วยความหวาดกลัว นึกถึงยาพิษห่อนั้น นางคิดว่าเจ็ดวันแล้ว(เอ๊ะ....อยู่ในโลงไปรับรู้เดือนรู้ตะวันได้อย่างไรหนอ หรือแสงจะลอดผ่านปล่องไม้ไผ่ขนาดเท่าหลอดชานม-ไข่มุกเข้ามาหนอ?) นางเริ่มนึกถึงยาพิษ ขณะจะหยิบมากิน หูได้ยินเสียงแม่มาเตือนว่าชีวิตมีค่า ถ้าไม่สิ้นหวังอย่างเพิ่งตายนะ(ไม่รู้หนันหลันส่งเสียงมาจากไหน หรือรั่วหลานจะหลอนไปเอง) ตอนนี้สภาพของรั่วหลานแย่มากแล้ว แต่นางกลับคิดได้ว่าหากเป่าพิษนี้ให้คลุ้งกระจายออกไป อาจมีคนสังเกตเห็นก็ได้

รั่วหลานเป่าพิษร้ายออกไป ควันพิษ(เหมือนควันรถสีดำ)กลุ่มใหญ่ลอยออกไปตามท่อไม้ไผ่ พวกหูเฟยเกิดสะกิดใจ ที่สุดทั้งหมดก็พบรั่วหลานแล้ว นางรอดตายแล้ว

เมื่อพารั่วหลานมาพักรักษาตัวจนนางดีขึ้นแล้ว รั่วหลานเล่าให้ฟังด้วยเสียงอ่อนล้าว่ากุยหนงทิ้งพิษให้นางเพื่อฆ่าตัวตายหากทนตายช้า ๆ อย่างทรมาน ไม่ได้ นางจึงเป่าควันพิษออกไป จนทุกคนสังเกตเห็นในที่สุดก็มาช่วยไว้ทัน

**** พิษร้ายสุดฤทธิ์แบบนั้น รั่วหลานเป่าออกไป(ยังมีแรงเนอะ)แต่รั่วหลานไม่เป็นอะไรเลย และยังเล่าให้ทุกคนฟังหลังจากฟื้นขึ้นมาในอีกไม่นานได้ว่านึกไม่ถึงว่าพิษจะร้ายขนาดนี้ น่าสงสัยว่าถ้าพิษร้ายแล้วจะไม่โดนสูดเข้าไปบ้างหรือ? เอ้า เอาเป็นว่าปล่อยผ่านอีกก็ได้ แค่สงสัยนิดหน่อยเองอ่ะ

หูเฟยพารั่วหลานไปยังสะพานน้อยที่พ่อแม่ของนางเคยให้สัญญารักแก่กัน รั่วหลานเสียใจที่นางเอาแต่ใจหนีพ่อมาจนทำให้เกิดเรื่องมากมาย จนกระทั่งทำร้ายแม้ตัวเอง หูเฟยเข้ามาปลอบใจและบอกว่า จำได้ไหมที่เขาบอกว่าจะปกป้องนางไปชั่วชีวิต รั่วหลานยินดีจะไปกับเขาไหม รั่วหลานยิ้มทั้งน้ำตาและกอดหูเฟยไว้บอกว่า ยินดีอยู่กับเขาตลอดไป

ทั้งสองขี่ม้าเคียงคู่กัน ชมทิวทัศน์ทะเลสาบ รั่วหลานแม้เสียบิดาไป แต่ที่อยู่ข้างกายนางและจะเป็นพึ่งของนางขณะนี้และตลอดไปคือคนที่นางรักสุดหัวใจ...หูต้าเกอ หรือจิ้งจอกภูเขาหิมะนั่นเอง


อวสาน


แหะ แหะ.....เรื่องนี้เล่านานมากเลย.....


โดย: mamiya วันที่: 15 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:09:37 น.  

 
เฮ้ออออออออออ จบซะที ไชโย ยาวจริงๆค่ะ มามิ

ลุ้นจนเหนื่อยเลย แต่เอ...ทำไมมี (............) เยอะจังเหมือนเจ้าตัวความคิด+ความขัดแย้งของเนื้อหามันตีกันเลยแฮะ

แต่ช่างเถอะ อ่านตามมาตลอดจนจบนี่ก็หลายเดือนเหมือนกันนี่

..คงเหนื่อยนะคะ มามิ แต่รอเรื่องใหม่อยู่ค่ะ....

........อ้าววววว ไม่ให้หนูพักเลยเหรอคะคุณพี่......(เสียงลอยมาตามลม)

........โฮะๆๆๆๆ ไม่ต้องหรอกน้อง....พลังงานเหลือเฟืออยู่แล้วนี่นา............

.....โอ้ คุณพี่ขา คิดได้ไงเนี๊ยะ ไว้ก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้ขอกลับไปงีบก่อนละค่ะ ..คร่อก...ฟี้

............??????????..............



โดย: ฟงเฟยเซียะ IP: 202.183.185.87 วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:7:20:03 น.  

 
ฮ่า ฮ่า ฮ่า .....พี่ขา ในวงเล็บนั่นน่ะหนูคิดเอง แต่คนอื่นดูแล้วจะคิดไงก็ไม่รู้อ่ะค่ะ ตัวหนังเองก็เหนื่อยเหมือนกัน ขืนเล่นต่อไป หูเฟยก็จะโทรมมากขึ้นตามกาลเวลา ส่วนหนูก็คงเปลี่ยนมาชอบคังอันแทน เอ๊ะ...หรือจะเจียลั่วดีหนอ

แต่ไงก็จบไปแล้ว และได้เรื่องเรื่องใหม่ไปสี่ตอนแล้วค่ะ ชื่อเรื่อง "ตี๋เหรินเจี๋ย หู้กั่ว....อะไรสักอย่างชื่อค่อนข้างยาว แต่ไม่ค่อยจะโดนใจเท่าไหร่ เป็นการสืบคดีค่ะ สมัยถัง อู่เจ๋อเทียน แผ่นดินใหญ่ทำกันออกมาหลายเวอร์ชั่นมาก ที่ดูอยู่นี่ก็มีหวงไห่ปิง กิ๊กเก่าที่มารับบทเป็นเถากัน องครักษ์คู่ใจของท่านตี๋เหรินเจี๋ย เรื่องนี้ไห่ปิง ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเท่ากับเรื่องที่ผ่านมา แต่ยังมีหนุ่ม ๆ สาว ๆ อีกหลายคนให้ดู ก็เลยยังดูได้อยู่ และเป็นตอน ๆ ด้วยเลยทำให้เลือกดูตอนที่สนุกได้

ตอนนี้มีหลายเรื่องที่เข้าคิวอยู่ค่ะเช่น "เจียงจี้จิ้วจี้" เรื่องนี้ซูโหย่วเผิงกับหลี่เชี่ยนค่ะ แต่สมัยใหม่ ไม่กำลังภายใน กว่าจะได้ดูคงนานหน่อย

"เฉียงเจี้ยน" หรือ "ยอดกระบี่เงาปีศาจ" ที่ทุกท่านอาจได้ดูไปแล้ว น่าจะไม่เข้ากับเราสักเท่าไหร่ เลยอยู่ท้าย ๆ ลิสต์ไปโน่น

อีกเรื่องที่กะลองดู "หวงเวยเต๋อ" คือเรื่อง "เส้าเหนียนเจียชิ่ง" ดูไปแว๊บ ๆ แล้วก็เป็นเรื่องราวชิงดีชิงเด่นกันในราชสำนัก น่าเบื่ออีก

ไอ้เราก็ชอบดูชาวยุทธ....ตอนนี้หนังกำลังภายใน หายไปไหนกันหมด ที่ออกมาก็ไม่โดนจริตเสียนี่

ม่อกง ที่เฮียหลิวเล่นก็ดูไปแล้ว "อาโหย่วเจิ้งจ้วน" ก็ต้องมาเจอกับถานเย่าเหวินอีก(เรื่องนี้มีถานเย่าเหวินกับจางเหว่ยเจี้ยน)

อ้อ...ยังมีกั๊กไว้อีกเรื่อง "เทียนจีซ่วน" เฉินเฮ่าหมิน เรื่องเกี่ยวกับการทำนายทายทัก

เฮ้อ.....ที่รอดูก็ไม่สนุกสมใจ ดูไปแล้วเรื่อง "ตีเหรินเจี๋ย" น่าจะโดนสุดแล้ว

อ้อ....ยังมีพวกข่งชิ่งตง อี้จงเทียน ฯลฯ ในชุดของ"ไป่เจียเจี่ยงถาน" ซึ่งพวกนี้จะมาวิเคราะห์ วิจัย วิจารณ์ และชำแหละในเรื่องราวต่าง ๆ ที่พวกเขาสนใจ ก็มันส์ไปอีกแบบ แต่ออกแนวน่าง่วงเพราะเพียบไปด้วยความรู้จนสมองล้าไปนั่น

ถ้าเรื่องที่ดูสนุกแล้วจะมาเล่าอีกค่ะ


โดย: mamiya วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:58:15 น.  

 
หลับ....หลับ....หลับจริง ๆ ด้วย "ตี๋เหรินเจี๋ย" แม้จะมีไห่ปิง ก็ไม่รอด ไม่ใช่เราเหนื่อยก็หนังไม่หนุก หรือเราจะต้องกลับไปดูของเก่า อย่าง "ฮวากูจื่อ" หรือ "สุยถางอิงสงจ้วน" กันล่ะเนี่ย?..........




โดย: mamiya วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:22:09:17 น.  

 
บอกตรง ๆ ว่าคาใจฉากแต่งงานของฟู๋คังอันกับรั่วหลาน เพราะมาทำพิธีแบบคนฮั่น ซึ่งคนแมนจูโดยเฉพาะชนชั้นสูงแล้ว ไม่น่าจะทำ เมื่อวานได้ฟังบรรยายเรื่องชนกลุ่มน้อย พอดีมีเรื่องนี้ ก็น่าจะจริงอยู่ เพราะสมัยนั้น คนฮั่นถูกบังคับให้แต่งตัวเป็นคนแมนจู จะอนุญาตให้ทำพิธีแบบฮั่นได้ 3 ครั้งที้เป็นเรื่องสำคัญของชีวิต คือ วันเกิด วันแต่งงาน และสุดท้ายวันตาย นอกนั้นให้อยู่ในกรอบของแมนจู

ชนชาติฮั่นเป็นชนชาติที่แปลก ความจริงแล้วคนจีนในปัจจุบันก็ไม่ใช่ชาวฮั่นล้วน ๆ คนฮั่นที่เลือดเข้มข้นที่สุดน่าจะเป็นจีนแคะ(อันนี้ครูเล่าให้ฟัง) เพราะคนแคะหรือที่เรียกว่า"เค่อเจีย"(แขก-อาคันตุกะ-ผู้มาเยือน)เป็นพวกชอบผจญภัย ย้ายสถานที่อยู่ไปเรื่อย ๆ เหมือนไปเป็นแขกของที่ต่าง ๆ มักจะแต่งงานกับคนแคะด้วยกัน จึงรักษาสายเลือด "คนฮั่น" ไว้ได้เข้มข้นที่สุด

ส่วนคนฮั่นจริง ๆ นั้น ได้ผสานสายเลือดโดยการแต่งงานไปกับชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ แต่โบราณไปหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นทูเจี๋ย เหลียว ซงหนู เซียนเป่ย ชี่ตานหรือว่าหนี่เจิน


เกร็ดเรื่องสนุก ๆ จากหนังมันก็มันส์อย่างนี้แหละจ้า


โดย: mamiya วันที่: 22 กรกฎาคม 2550 เวลา:18:29:01 น.  

 
อยากดูมากครับ
ได้ข่าวว่าช่อง7
จะเอามาฉาย
ในปี 2009


โดย: เด็กบางบ่อ จอมยุทธชาเขียว IP: 124.121.207.196 วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:14:44:53 น.  

 
จะมาฉายช่อง 7 แล้ว

ชอบจูอิน มาก


โดย: t IP: 124.120.154.228 วันที่: 4 มกราคม 2552 เวลา:22:15:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

mamiya
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด งานเขียนทุกชิ้นในบล็อคนี้ได้รับการคุ้มครองสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิทางปัญญา โดยลิขสิทธิเป็นของผู้เขียน กรุณาให้เกียรติผู้เขียนเมื่อนำไปเผยแพร่ต่อควรขออนุญาตก่อน
[Add mamiya's blog to your web]