เที่ยวWashingtonD.C.,Philadelphiaโดยไม่มีลูกชาย ตอนของขวัญออกมาดูโลก ก็เป็นช่วงที่ได้passportของประเทศItalyพอดี ตอนแรกที่ได้รับคิดอย่างเดียวว่า คราวนี้จะไปซ่าที่เมกากะญี่ปุ่นก็ไม่ต้องขอวีซ่าอีกแล้ววววว คือคิดแค่2ประเทศนี้เอง เพราะเป็นประเทศที่ยุ่งยากในการขอวีซ่ามาก แต่ตอนนี้ แค่มีตังค์(ปัญหาใหญ่)ก็ได้ไปแล้ว พอเหมาะพอเจาะกับคุณสามีอยากจะ เสริมบารมีให้กับCurriculum Vitaeหรือจดหมายสมัครงานให้ดูน่าเล้าใจมากขึ้น จึงเรื่มSearch ตามหา มหาวิทยาลัยที่ติดTop10ว่ามีคอร์สอะไรที่น่าสนใจ จนมาได้ที่Philladelphia จัดการส่งจดหมายสมัคร และรอการตอบรับ สุดท้ายก็มีเฮ เพราะตอบกลับมาว่าyessss และเพื่อเป็นการบังหน้าว่าไปเรียน ไม่ใช่ไปเที่ยวเฉยๆคริคริ การเตรียมตัวในการเที่ยว 1 search ในGoogleหาข้อมูลจากคนที่เคยไปเที่ยวมาก่อน เช่นเที่ยวPhiladelphia,what to do in Philadelphiaและอื่นๆๆ 2อาจโพสต์ ตามเวบบอร์ดต่างๆว่ามีใครแนะนำไรได้บ้าง 3หาแผนที่ ที่ดีและง่ายคือ เข้าไปในgoogle Map เพราะเราสามารถสร้างแผนการเดินทางของเราได้ กำหนดจุดที่พักและที่ต่างๆที่เดินทาง ดูระยะเวลาเดินทาง ดูว่าจะเดินทางอย่างไรไม่ว่าทางรถทางเรือทางรถไฟ จะเดินเอง ทุกๆอย่างได้เลย ใน google Mapจะบอกแม้กระทั่งตารางเวลารถด้วย รูปถ่ายจริงของบริเวณต่างๆที่เราจะไป คือดีมากๆต้องลองเข้าไปใช้ดูเพื่อที่กำหนดเวลาการเดินทาง ว่าจะไปไหนมาไหนก่อนดี 4อ่านหาข้อมูลต่างๆ เช่นซื้อตั๋วรถเมล์ยังไง เพราะทางยุโรปอาจซื้อได้ที่ร้านขายหนังสือพิมพ์ จุดบริการขายตั๋ว แต่ที่นี่เตรียมพร้อม2ดอลล์แบบไม่ต้องทอน จ่ายบนรถได้เลย ที่สำคัญต้องรู้ว่าตัวเองจะใช้บริการคมนาคมแบบไหน เพราะแต่ละประเทศเรียกต่างกัน เช่น bus, trolley, train, underground, carriage pram(ดูเป็นเรื่องไม่น่าสนใจ แต่เวลาเราถามคนพื้นที่ เค้าจะได้ตอบคำถามเราถูก) เพราะเราดันเรียก trolleyเป็น trainบ้าง undergroundบ้าง คนที่นี่ไม่เข้าใจ ก็งงไปตามกัน 5หรือพอมาถึงก็หาmapตามโรงแรมสักอันเดินเข้าหาconciergeในโรงแรม แล้วก็ลงปากกาไปเลยว่าจะไปไหนบ้าง 6ไปไหนมาไหนมีปากก็ถามเค้าไป เลือกเอาที่น่าไว้ใจหน่อย แค่นี้เที่ยวก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว เวลานั้นมีค่านัก จึงต้องจัดตารางให้ดี ต้องไป3ที่ New York,WashingtonD.C.,Philadelphia(เรียน) วันที่11-23มิถุนายน กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (Washington, D.C.) D.C. ย่อมาจาก : District of Colombia เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ สหรัฐอเมริกา และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นี้ได้ถูกยกย่องให้เป็นเมืองหลวงในสมัยของ จอร์จ วอชิตัน ซึ้งเขาผู้นี้ก็คือ ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา เขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 เมษายน 1789 และสิ้นสุดตำแหน่งเมื่อ 4 เมษายน 1797 ในปี ค.ศ. 1778 วอชิงตันถูกขนานนามว่าเป็น "บิดาผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา" การเดินทางก็ขึ้นเครื่องมาลงที่New Yorkแล้วก็เช่ารถแล้วขับมาต่อที่WashingtonD.C. อันนี้เป็นความคิดที่ผิดเลย เพราะการเช่ารถข้ามรัฐแล้วเอามาปล่อยไว้อีกรัฐจ่ะต้องเสียค่าเช่าแพงกว่าปกติ ค่าเช่าต่อวันที่เสียไปรวมทั้งค่าน้ำมันประมาณ160ดอลล์ แถมต้องเสี่ยงกับรถติดอีก แต่โชคดีที่เราใช้เวลาประมาณ4ชั่วโมงก็มาถึงที่WashingtonD.C. คุณสามีคงเมา เวลาเลือกรถ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเลือกให้มันใหญ่นัก ตอนไปAustraliaมีลูกด้วยดันเลือกคันกระจิด แถมเปิดประทุนให้เด็ก8เดือนนั่ง พอทีนี้ไม่มีลูกมาแค่2คนคันมโหราฬ ขับทีเร่งเครื่องมีแต่เสียงแต่รถแทบไม่เคลื่อนที่ เห็นแล้วก็โมโหและจะให้อีช้านช่วยขับน่ะเหรอฝันไปเถอะ...เชอะ ปรัชญาในการเที่ยวของคุณชายกับอีช้านน่ะคนล่ะเรื่องเลย คุณชายก็ต้องสมชื่คุณชายนั่นคือ สะดวกสบายเสียตังค์ไม่ว่า(ตังค์ไม่มีเที่ยวไม่เป็นไร) แต่เรากลับคิดว่าเอาเงินไปเที่ยวไปกินไม่ดีกว่าเหรอ โรงแรมแทบจะไม่ได้อยู่เอาไว้แค่อาบน้ำกับนอน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเค้าเพราะเค้าเป็นคนจ่ายนี่ คราวนี้โรงแรมก็เป็นWillard intercontinental พอออกมาหน้าโรงแรมด้านซ้ายแค่ข้ามถนนไปก็เป็นWhite house และถ้ามองไปด้านขวาก็จะเจอUS Capital เห็นUS Capitalไกลๆจากหน้าโรงแรม และเป็นสถานที่สาบานตนเป็นประธานธิบดีของ บารัค โอบามา ทำเนียบขาว (White House) ขอแค่ได้ถ่ายรูปก็ดีใจแล้วเนอะ World War II memorial ไม่ได้กะลังตะเบะน่ะ คือมันร้อนๆๆๆๆๆอย่าบอกใครเชียว World War II memorial แต่เป็นมุมที่สามารถมองเห็นLincoln Memorial Washington Monument เป็นอะไรที่ช้ำใจมากเพราะตั้งใจแน่วแน่ว่าต้องขึ้นไปข้างบนให้ได้ เงินก็ไม่ต้องเสียเพียงแค่ต้องมายืนรอตั๋ว ซึ่งเค้าจะกำหนดเป็นรอบๆไป คุณชายดันชักช้าพอมาถึงได้ขึ้นรอบบ่าย จึงต้องล้มเลิกเพราะต้องเดินทางไปPhiladelphiaต่อ Lincoln Memorial ภายในLinclon memorial มีท่าน Linclonนั่งหน้าเครียดอยู่ Philadelphiaหรือ Phillyแบบสั้นๆ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมลรัฐ Pennsylvania คำว่าPhilly มาจากภาษากรีกแปลว่า ความรัก ค่ะ Philly คือ เมืองแห่งความรัก หรือThe City of Brotherly Love Philly คงต้องบอกตามที่เห็นว่าคนเกิน60-70% เป็นคนผิวดำ แรกๆเราก็กลัวมากที่จะต้องเดินเที่ยวที่นี่คนเดียว เพราะมีแต่คนบอกว่าที่Phillyนั้นอันตราย ไปไหนมาไหนก็กลัวไม่เอากล้องออกมาถ่ายรูปในวันแรกๆ ถามทางก็พยายามไปที่คนที่ไม่ใช่ผิวดำ แต่เอาเข้าจริงๆมันหลบเลี่ยงยากเพราะมีแต่คนผิวดำไปหมด สุดท้ายขอบอกเลยว่า ทุกที่มีทั้งคนดีและคนเลว แต่ทริปนี้ถูกใจคนผิวดำมาก ไม่ว่าจะไปไหนทำไร เค้ามีแต่ความน่ารักอยากที่จะช่วยเหลือเรา บางทีหน้าตา ท่าทางอาจจะไม่ถูกใจไทยๆอย่างเราแต่เค้าเป็นแบบนั้นเองแต่น้ำใจเค้ามีเต็มร้อย ขอบอกว่าชอบคนที่นี่มากกว่าทางยุโรปมากเลยอ่ะ เชื่อไม๊ว่าใน1วันประทับคนผิวดำเกิน10ครั้งอีก อย่างเช่น เราไม่รู้ว่ารถTrolleyที่นี่มันจอดยังไง มันไม่มีกริ่ง เราก็นึกว่ามันคงเปิดประตูจอดทุกป้ายมั้ง รดจอด หญิงผิวดำบอก step down อะต้องก้าวลงบรรไดไป1ก้าวเหรอok ok แต่ประตูไม่เปิด ชีคนนั้นก็เลยดึงที่สายอะไรก็ไม่รู้ติดกับหน้าต่าง ประตูก็ยังไม่เปิด คราวนี้รถก็กำลังจะออก เชื่อไม๊ว่าคนในรถ รวมถึงเทอคนนั้น Yo Yo Man Open the Door และอะไรพึมพรำอีกมากมาย ประมาณว่า เปิดประตูให้อีสาวนี้ออกด้วย ทุกคนหันมามอง เราก็ แทงยู แทงยู ก้มหัวผงึกผงึกอ่ะ ถ้าเป็นทางยุโรปมีโอกาสสูงมากที่จะไม่มีใครใส่ใจอะไร ยังมีอีกเยอะมากที่ประทับใจคนที่นี่จนทำให้ เมืองที่ดูแล้วช่างน่ากลัวมากมาย กลับกลายเป็นเมืองที่เราประทับใจเหลือเกิน จากโรงแรมหรูหรา5ดาว มาเป็นSteinberg Conference Center ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะพยายามทำตัวให้เป็นจุดสนใจน้อยที่สุด ถ้าจะเดินออกจากที่พักก็จะรีบๆเพราะคนที่มาพักที่นี่เป็นคนที่มาเรีนยที่นี่กัน โดยปกติห้ามนำคนนอกมาพัก หรือถ้าคนนอกเข้าก็ต้องมีป้ายVisiterห้อยเอาไว้ ค่อนข้างระเบียบจ๋ามากๆ แต่กรณีของเรา คุณสามีได้ทำเรื่องขอมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ขอนำศรีภรรยามากะลูกมาด้วย แต่ตอบกลับมาว่าภรรยาน่ะโอเชแต่ลูกน่ะไม่ได้ นี่ก็เลยต้องส่งเจ้าของขวัญไปอยู่กับย่า2อาทิตย์ที่อิตาลี่ ทำให้5วันกว่าๆที่ต้องเที่ยวคนเดียว แรกๆก็ตื่นเต้น แต่สุดท้ายไม่มีความสุขเลยเพราะคิดถึงลูกมาก มีอยู่วันนึงที่ไม่ยอมออกไปข้างนอก นั่งแต่ดูรูปลูกดูบล็อครูปลูก ออกไปก็ออกไปกินข้าว และก็หนักไปทางช็อปปิ้งซะมากกว่า Philly เป็นเมืองแห่งความรัก จึงมีสัญลักษณ์ประจำเมืองก็คือ Love Statue แต่ดูยังไงก็ไม่น่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองได้เพราะมันดูกิ๊กก๊อกยังไงก็ไม่รู้ ขนาดเดินผ่านไป แล้วไปถามคนแถวนั้นว่าLove Statueมันอยู่ไหน และมันก็แปลกอีกเรื่องคือที่New Yorkก็มีเจ้าLove Statueอยู่อีก2อัน หน้าตาเหมือนกันเดะๆๆๆ ยังไงก็ขอเก็บรูปไว้ก่อน โดยถามชายคนหนึ่งท่าทางเป็นนักท่องเที่ยวเพราะเห็นถือกล้องอันโตๆ พอเค้าถ่ายเราเสร็จก็ขอถ่ายรูปกะเรา เราก็นึกว่าคนเดียวที่ไหนได้มันมาเป็นโขลง Independence Hall และบรรยากาศรอบๆ City Hallสามารถขึ้นไปชมวิวได้ แต่ต้องเสียค่าขึ้นค่ะ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะ5$ขึ้นไปยันฐานของคุณWilliam Penn และCity Hallที่นี่ยังเป็นCity Hallที่ใหญ่ที่สุดใน USA ชินซะแล้วที่ไปไหนมาไหนก็ต้องมีหนุ่มๆมาห้อมล้อม(รวมทั้งคุณสามีอีชั้น555)เพราะฮีชอบหนีบไปด้วย ไปไหนเราไปด้วยกันนะสิ นี่ก็เป็นบรรดาเพื่อนๆที่มาเรียนด้วยกัน มากันทั้งหมด13คน11เชื้อชาติ ที่ออกไปท่องราตรี ทานDinnerกันที่(จำไม่ได้ เดี๋ยวนึกได้ค่อยมาเติม) ไม่รู้ว่านี่รึเปล่าที่ทำให้เจ้าลูกชายชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง   Create Date : 13 กรกฎาคม 2553 11 comments Last Update : 16 กรกฎาคม 2553 4:55:59 น. Counter : 2211 Pageviews. Share Tweet

คุณแม่แอบหนีลูกเที่ยว   โดย: แม่น้องมัดหมี่ (iamnerisa ) 13 กรกฎาคม 2553 13:37:36 น.

คุณนายคะ..หน้าตาเที่ยวคนเดียวนี่ดูหนุกหนานมากเลยค่า ..อิจฉาเป็นที่สุด ..แต่ก็คิดถึงของขวัญจับใจใช่มั๊ยล่า ^.^ รูปสุดท้ายนี่ ปู้ยิ๋งคนเดียวเลยนะเนี่ย !!! อิจฉาอีกแระ ปล :: คุณน้องขา ถ้าพี่พิมพ์อะไรผิดไปขออำภัยนะเคอะ เพราะสีเทานี่มันอ่านยากแท้น้อ ป้าแก่แระ 555   โดย: Thee-T'sMom 13 กรกฎาคม 2553 17:33:14 น.

สวัสดีจ้ะมิ๊เก่ง.. ภาพของขวัญในกล่อง comment นี่..เหมือนของขวัญชะเง้อดูแม่หนีเที่ยวเลยเนอะ คงคิดถึงแม่น่าดูเลย.. น่าอิจฉา ได้ไปเที่ยวอีกแล้ว มาคราวนี้มิ๊เก่งผอมเพรียว เป็นคุณแม่ยังสาวเลยล่ะ อยากไปเที่ยวกันเองกับเพื่อนบ้างเหมือนกันคะ แต่กลัวคิดถึงลูก เลยไม่ได้ไปซะที จนเพื่อนเลิกคบหมดแว้ว.. ~แป่ว~   โดย: แม่ส้มของจ๋ำจ๋ำ (~ sweettemper ~ ) 14 กรกฎาคม 2553 5:40:39 น.

สวัสดีค่ะ คุณแม่ยังสวย อิจฉาจังเยย อยากหนีลูกเที่ยวบ้างหง่ะ   โดย: cakemotec 14 กรกฎาคม 2553 9:40:08 น.

มี๊เก่งยังสวยเหมือนเดิม ว่าแต่แอบหนีลูกไปเที่ยวนะเนี่ยะ   โดย: KhunNong 15 กรกฎาคม 2553 8:33:33 น.

ตามมาเที่ยวด้วยคนจ้า มี๊เก่ง สวยจังเลยค่ะ หุ่นก็ดีด้วย แถมลูกชายน้องของขวัญน่ารักมากกกกก เพิ่งเข้ามาครั้งแรกแต่ครั้งต่อไปขอเป็นแฟนประจำบล็อคนี้ด้วยคนนะจ๊ะ   โดย: แป๋ม Aksarapak IP: 203.146.32.125 15 กรกฎาคม 2553 9:05:42 น.

สามีเทอรสนิยมเหมือนชั้นเลยน่ะ เน้นที่พักดีๆ ชั้นเป็นเมียสามีเทอได้เลยอ่ะ กร้ากๆๆๆๆ อ่านแล้วชอบใจและเห็นด้วยว่าบางทีคนที่เราไม่ไว้ใจดันดีกะเราฉิหาย ดีจนเรารู้สึกผิดไปเลยเนอะ แต่อย่างว่าแหละ เก่งมีหน้าตาเป็นอาวุธ ไปไหนมาไหนก็ไม่มีใครกล้าทำอะไร 5555 เค้าหมายถึงหน้าตาที่เป็นมิตรภาพน่ะย่ะ คริ คริ สามีตะเองน่ารักมากอ่ะ พาไหนก็พกเมียไปด้วย แต่ก็เข้าใจเลยเรื่องคิดถึงลูกเพราะตะเองอยู่ตัวติดของขวัญมาตลอดอ่ะเนอะ บอกสามีให้ take course มาเรียนอะไรที่เมืองไทยดิ จะได้กลับมาป่ะกันสักที เรียนวิชาดูดวงไหม น่าสนน่ะ เก๋มากอ่ะ 5555 :)   โดย: จ้าว..จอม 15 กรกฎาคม 2553 10:10:45 น.

ซาหวัดดีคร่า คุณแม่เก่ง คราวนี้ไปถึง White house เลยนะคร่า แต่ขอบอกค่ะ คุณแม่เก่งกับคุณสามีทั้งหล่อทั้งสวยกว่า บุรุษและสตรีหมายเลขหนึ่งของอเมริกาคร่า นี่นี่ พอไม่มีคุณลูกก็มีหนุ่มมาห้อมล้อมเลยนะตัวเอง คิดถึงคุณลูกแล้วล่ะสิ ทางที่ดี ต้องบอกคุณสามีว่า คราวหน้าหาที่เรียนที่หนีบลูกไปได้จะดีกว่าค่ะ อิอิ   โดย: แม่หมู (แม่หมูมหัศจรรย์ ) 15 กรกฎาคม 2553 10:58:12 น.

เปิดมา 1 วัน เพิ่งอ่านได้จบ ไม่มีอะไรมาก จะบอกว่า สามีเธอน่ารักมากและเธอหุ่นเลิศสุดๆ คิดถึงเธอตัวเป็นๆว่ะ   โดย: misspommy (misspommy ) 15 กรกฎาคม 2553 18:27:09 น.

แวะมาเยี่ยมจ้า .. ทั้งวิวทั้งนางแบบสวยพอกันเลยค่ะ ว่าแต่แอบอิจฉาอ่ะ ได้ถ่ายรูปกับโอบาม่าด้วย 555   โดย: lilly~tree 15 กรกฎาคม 2553 21:19:59 น.

ยังสวยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง...พี่เก่ง...ของเรา   โดย: แนน(รุ่นน้องที่ มฉก.) IP: 182.52.153.233 18 ธันวาคม 2553 23:18:44 น.