@-@-@ เมื่อวันที่ชีวิต เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน @-@-@
..... มีบางครั้งที่เรา ไม่ทันได้ตระเตรียม หัวใจ........ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้ว...ในการแปรสภาพ จาก คนมีงานทำ กลายเป็น คนตกงานแม้ว่า เราจะเป็นฝ่ายขอลาออกเอง ด้วยความสมัครใจ และเต็มใจ เป็นอย่างยิ่ง ที่จะไม่ต้องกลับไปเหยียบที่นั่นอีกแล้วแต่ลึกๆก็เสียดาย และยังคิดอยู่เหมือนกันว่าเราตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่ออกมาเพราะก่อนที่เราจะออกไม่กี่วัน รู้สึกว่าบรรยากาศทุกอย่างมันดีขึ้นมั๊งรุ่นพี่ ที่ทอดทิ้งให้เรานั่งเหงาคนเดียวมาเป็นปี ก็โผล่มาเฉยเลย รุ่นน้อง ที่จะมาทำแทนเรา ก็โอเค คุยสนุก พร้อมเรียนรู้งาน อีกหน่อยมันต้องรุ่งแน่ๆเด็กๆที่เคยมีปัญหา ขวางหูขวางตา ก็ทำตัวดีขึ้น (รึเปล่าฟระ) ก็ชักจะเสียดายหน่อยๆแต่เรารอโอกาสนี้มาเป็นปีแล้วนี่นา โอกาสที่จะออกจากที่นี่ ไม่ต้องติดแหง็กอยู่ในที่ที่ไม่เหมาะกับเรา เข้ากับเราไม่ได้ ..... ถ้าอยู่ต่อ แน่นอนว่า สิ่งต่างๆมันก็คงไม่ดีขึ้นหรอกพี่เค้าคงไม่กลับมาทำต่ออยู่ดี เพราะเค้ารู้ว่าเราอยู่คนเดียวได้.... แต่มันเหงานะเฟ้ย ไม่มีใครให้ปรึกษา ไม่มีเพื่อนคุย ไม่มีใครที่เข้าใจ "ในภาษาเดียวกัน" ..........แถมยังต้องทนกับลูกน้องน่าหมั่นไส้ รายงานความเป็นไป + ใส่สีตีไข่เรื่องเรา ให้เจ้านายใหญ่ผู้ไม่เคยมาถามเราว่าเรื่องเหล่านั้นเป็นจริงหรือไม่พบปะกับลูกค้าที่บ้างก็ฝากความหวังอย่างถึงที่สุดไว้กับเราบ้างก็มองเราต่ำราวกับไส้เดือนกิ้งกือบ้างก็เชื่อมั่นในตัวเองจนถึงที่สุด จนเราไม่เข้าใจว่าเค้าต้องการอะไรจากเรา........ เมื่อไหร่ทำดี มันก็เสมอตัว......... เมื่อไหร่ทำพลาด .... มันหมายถึงแกเลวมาก ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่ควรมีหน้ามาอยู่ในโลกใบนี้ในด้านของผู้ร่วมงานทำงานร่วมกับคนมาก็หลายคนทั้งระดับเดียวกัน และระดับลูกน้องคนแรก ... Big Boss มาดูแลกิจการบ้าง แว่บไป แว่บมา ตามประสาคน busy นิสัยก็โอเค แต่นัดกับลูกค้าแล้วไม่ค่อยมาตามนัด เราต้องรับหน้าก่อน เลยโดนลูกค้าด่าประจำ ตูเกี่ยวอะไรด้วยฟระ -"-คนต่อมา ... เป็นรุ่นพี่ ผู้ชาย ห่างจากเราปีเดียว และเป็นหุ้นส่วนกิจการเป็นคนที่เหมือนเราเกินไป น่าเบื่อ ชื่อจริงก็คล้ายกันมาก (จนมีคนนึกว่าเป็นพี่น้องกัน เซ็งมาก) ชื่อเล่น ก็ดันเป็นตัวอักษรเดียวกันอีก -"- เป็นคนเงียบๆเหมือนกัน รักแมวเหมือนกัน มีคุณยายต้องดูแลเหมือนกันดูเผินๆน่าจะไปกันได้ดี เพราะชอบอะไรคล้ายๆกัน แต่จริงๆน่าเบื่อมาก เพราะคุยกันก็แป๊บๆ ถามคำตอบคำ แล้วก็แยกย้ายกันจมอยู่ในโลกส่วนตัว เซ็งว่ะ...ไม่นานแกก็ทนเบื่อไม่ไหว ย้ายตัวเองกลับสนง.ใหญ่โลดคนที่สาม พี่สาวต่างสถาบัน อุปนิสัย ช่างพูดช่างเจรจา friendly และมั่นใจสุดๆระหว่างการทำงาน 9 ชั่วโมง she พูดๆๆๆๆเป็นต่อยหอย ปรากฏว่า อิชั้นเฉาหูไปเลยฮ่ะ ฟังเสียงเจ๊แกแล้วปวดหัวจี๊ดๆแถมหลังๆแกเริ่มทะเลาะกับเด็กๆด้วยแล้วก็มากรอกหูให้ฟังทุกวัน เราหยุดเจ๊แกก็ยังโทรมา เครียดเลยในที่สุดเจ๊แกทนเด็กๆคุกคามไม่ไหว ลาออกแบบสายฟ้าแลบไปไหนแล้วไม่รู้ใครจะไปทนได้ เด็กมันชงกาแฟใส่ยาถ่ายให้กินอ่ะ แต่มันโง่ ไม่บดยา กินหมดแก้วเจอยาเป็นเม็ดเลย จากเหตุการณ์นั้น เราไม่กล้ากินของที่เด็กส่งให้อีกเลย ซื้อกินแบบวันต่อวัน กินเสร็จทิ้งภาชนะทันทีตลอดคนต่อมา รุ่นพี่เราอีกแล้ว คนนี้เป็นรุ่นพี่ตั้งแต่เรียนมัธยม จนถึงมหาลัย แต่ไม่สนิทกันเลย ไม่ถูกชะตาอย่างแรงเป็นคนที่สร้างปัญหามากที่สุด ทิ้งปัญหาให้เราและ boss ต้องตามแก้ตลอด ใส่ร้ายเราด้วยก็ด่ากันทางตัวหนังสือ (เขียน note ไปมา เพราะเวลางานไม่ตรงกัน แต่ทิ้งปัญหาให้เราประจำ) จนในที่สุดก็มาด่าเราแบบสาดเสียเทเสีย แรงมากจนน้ำตาร่วงครั้งนึง ก่อนที่เราจะโทรไปบีบน้ำตาฟ้องเมีย boss ให้มาเก็บมันซะแต่เค้าซื้อใจไอ้พวกเด็กๆมันได้ ด้วยการเอา vcd โป๊มาให้พวกมันดู พาไปเลี้ยงเหล้า เข้าเธค จีบเด็กคาราโอเกะในที่สุด boss ทนความเลวมันไม่ได้ และกำจัดมันออกไปต่อมา ด้านเด็กๆในปกครองส่วนใหญ่ก็อยู่ในโอวาทดี แต่คุยกันไม่รู้เรื่องเพราะมันไม่ค่อยพูดภาษากลางพูดแต่ภาษาอิสานบ้านมัน เราฟังไม่รู้เรื่องอย่างแรง -"- รสนิยมก็ต่างกันสุดขั้ว ก็อยู่กันได้นะ แต่ไม่สนิท เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง (เด็กผู้ชายวัยรุ่นชาวอิสานแท้ๆ กับผู้หญิงวัยยี่สิบกั่วๆ ครึ่งค่อนชีวิตอยู่แต่ใน กทม.อ่ะ)แต่มีรับไม่ได้อยู่คนนึงไอ้นี่ไม่มีใครชอบมัน เด็กทำงานคนอื่นๆก็ไม่ชอบมันมันคิดว่าตัวมันเก่งคนเดียว ถูกคนเดียว ทำงานหนักคนเดียวชอบวางอำนาจใส่เด็กคนอื่น บางทีก็ลามมาถึงเราด้วยแทรกแซง สอด เจือก การทำงานของเรา ต่อหน้าลูกค้าทำขยันต่อหน้า boss onlyเพ็ดทูลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจริงๆ หรือมันคิดเอาเองว่าจริงแปลกใจเหมือนกันที่มันยังไม่โดนไล่ออกboss ก็เชื่อมันจังเลย ใครบ้ากว่ากันฟระเนี่ย -"-เอาล่ะ ไงๆก็ออกจากงานบ้าคนบวมทั้งหลายมาแระ ให้มันเป็นประสบการณ์ชีวิตไปละกัน
อยากจบๆๆๆๆ แง้ ไปทำงานต่อดีก่า