ที่นางบ่นพึมพัมมาตลอดวันนี้
สิบปี ....หรือ....สิบสองปี ไม่สิ ...............สิบห้าปีต่างหาก
นางได้ยินลูกชายคนเล็กเอ่ยขึ้นเมื่อวานนี้เอง
"ตลอดสิบห้าปีที่แม่อยู่นี่... พวกพี่มากันกี่ครั้ง กี่หน...? น้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ
"มีแต่ผม....ไอ้น้องทีไม่เอาถ่านนี้แหละ" ลูกชายนางตะโกนลั่นไม่สนใจสักนิดว่านางปวดร้าวเพียงใดที่เห็นลูก ๆ ทะเลาะกัน
แต่สิ่งที่ลูกชายคนเล็กพูดนั่น เป็นความจริงที่นางขมขื่นในใจตลอดมา
ในระยะปีสองปีแรก พวกเขา หมั่นมาเยี่ยมนางเสมอ มีของอร่อย ทั้งคาว-หวาน ที่นางชอบ มาฝาก ประจำ บางวัน มีหลานตัวน้อย ๆ มาวิ่งเล่นให้นางได้ สดชื่น มีความสุข
เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว....นางมีความสุขเสมอมา
ครอบครัวนางเคยเพียบพร้อม การค้าที่มั่นคง การเงินที่มั่งคั่ง มีสามีดี ดูแล นางและลูก ๆ อย่างเต็มที่ เป็นสามีตัวอย่าง เป็นพ่อดีเด่น
ตัวนางเองนั่นเล่า ก็มีรูปเป็นทรัพย์ คงความงามสมวัย ได้อย่างทึ่ง
ลูกชายสอง หญิงหนึ่ง ทุกคนแต่งงาน มีครอบครัวที่ ทัดเทียมกัน
นางมีความภาคภูมิใจ ในสิ่งมีอยู่....... เป็นอยู่..........
รอยยิ้มหยันบางๆ ผุดที่ริมฝีปากสีกลีบบัว
"สิ่งเหล่านั้น มีอยู่...เป็นอยู่....แต่ไม่คงที่"
เมื่อวันหนึ่งมาถึง ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป
กระจกเงาบานใหญ่สะท้อนให้เห็นหญิงชราวัย เจ็ดสิบสี่ปี วันและเวลาสิบห้าปี
ที่ผ่านมา ไม่ได้ทำให้รูปโฉมนางเปลี่ยนแปลง
โลกของนาง ที่มีนางและ คนรับใช้ชาย-หญิง มั่งมีและศรีสุข คือคนรับใช้เก่าแก่ อยู่กับนางตลอดวันเวลาที่ผ่านมา
"โลกของนางไม่เคยเปลี่ยน.......แต่โลกภายนอกกลับเปลี่ยนไป"
ภาพตรงหน้าพร่าเลือนด้วยม่านน้ำตา นางโทษตัวเอง ต่อว่าตัวเอง ที่เป็นฝ่ายละทิ้งลูกและสามี
เพียงสามปี หลังจากนางจากมา สามีที่เคยบอกว่า "รักนางคนเดียว"
ก็มีหญิงอื่น ความร้าวฉานระหว่าง พ่อกับลูก เกิดขึ้น
นางเข้าใจความเหงา ความว้าเหว่ ของสามี
แต่ที่นางไม่เข้าใจคือ "ทำไม? สามีต้องบังคับลูก ๆ ยอมรับผู้หญิงของเขาด้วย"
นางเคยไปหาเขาด้วยความโกรธ...กราดเกรี้ยว และผิดหวัง
แต่ นางไม่อาจห้ามปรามได้............เพราะ สิทธิของนาง ไม่มีอีกต่อไป
นางไม่อาจเรียกร้องสิ่งใด ๆ ได้อีกต่อไป บ้าน ทรัพย์สมบัติ แม้กระทั่งสามี
ก็ไม่มีสิ่งใด เป็นของนางอีกต่อไป
ลูกสาว เคยมาร้องไห้ คร่ำครวญว่า พ่อหลงเมียใหม่ ลืมแม่..ลืมลูก
ข้าวของ เครื่องประดับของแม่ พ่อก็ให้เมียใหม่
นางได้แต่นั่งนิ่งฟัง ไม่อาจปริคำใดออกมาได้ ด้วยความรวดร้าว
อีกวันต่อมา ลูกชายคนโต มาบ่นว่า "พ่อไม่ยอมโอนที่ ให้เสียที ทั้งที่รับปากแล้ว"
"พ่อคงจะกั้น ให้ นางนั่น...." น้ำเสียงลูกคนโต ตำหนิพ่อ
ส่วนลูกชายคนเล็กก็โกรธ ที่พี่ชายไปต่อว่า ไปดูถูก ว่า ทำการค้าไม่เป็น
ทุกครั้งที่ได้ยินได้ฟัง นางได้แต่อ้อนวอน ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลาย
ขอให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายไปด้วยดี ความสุขของครอบครัว คือความสุขของนาง
แต่ทว่า ยิ่งนางร้องขอ ยิ่งนาง หวั่นเกรง เรื่องร้อนใจ ต่าง ๆ มิได้บรรเทา
มีแต่จะทวีคูนมากขึ้น ....มากขึ้น และมากขึ้น
"พ่อตัดลูก ลูกฟ้องพ่อเรื่องมรดก พี่น้องทะเลาะกัน ประกาศไม่เผาผี"
วันนี้สามีของเธอมาเยี่ยม ด้วยเรือนกายที่ซูบผอม ผมหงอกทั่วศรีษะ ดวงตาแห้งผาก
รอยคล้ำใต้ตาบ่งบอกถึงการอดนอน
เสียงแหบพร่า ของชายวัย ย่างเข้าแปดสิบ มีความอ่อนล้าแฝงอยู่
"กิมฮวย...ลื้อได้ยินอั๊วหรือเปล่า?"
"อั๊วเหนื่อย.......เหนื่อยเหลือเกิน" ชายชรากลั้นสะอื้นในอก
"หากเป็นอั๊ว ที่ตายก่อน ก็คงจะดี..." เขา เช็ดน้ำตาที่หยาดลงสู่ร่องแก้มที่ซูบตอบ
ก่อนจะซบหน้ากับพื้นซิเมนต์ที่เย็นเยียนของ สุสาน
เขาคร่ำครวญ ร้องไห้ราวกับเด็ก ๆ....."ทำไม...ฮือ...ฮือ...ทำไมลื้อต้องตาย"
เขาซบหน้าอยู่เช่นเนิ่นนาน...... ราวกับ...จะไม่มีวันลุกขึ้นได้อีกครั้ง
ตราบจนละอองฝนโปรยปรายแผ่วเบาราวเทพเจ้าบนฟ้าปลอบประโลมชายชราผู้ทุกข์ตรม
เขาเงยหน้ามองฟ้า....มองสายฝนที่รินหลั่ง ก่อนละสายตา มองแผ่นปูนเบื้องหน้า
"มรณะ 23 มิย.25_ _"
"ครบสิบห้าปีแล้วสินะ"
เขาหยัดกายขึ้นอย่างช้า ๆ "เป็นบุญของลื้อที่ไม่ต้องอยู่ดูลูกทะเลาะกัน..."
"โชคดี...ของลื้อที่ตายก่อน"
เขาเดินจากไป ละทิ้งนางไว้กับมั่งมีและศรีสุข ให้อยู่กับโลกเล็ก ๆ ในสุสานที่เงียบเหงา
และเย็นยะเยือก
นางมองสามีด้วยสายตา ที่พร่าเลือน น้ำตานางรินไหล แข่งกับสายฝนที่รินหลั่ง
"ใช่...อั๊วโชคดีจริง ๆ"
คุยกันท้ายโจทย์ เป็นตะพาบ แบบมือสมัครเล่น ออกเดินบ้าง นั่งนอนเล่นเกียจคร้านบ้างในยามที่ชาวตะพาบ ขมีขมัน ออกเดินกันทุกหลักกิโล
โจทย์วันนี้ ตอนอ่านเจอ ก็ผ่านเลยไป คิดว่า ไม่มีพล๊อต รออ่านของเพื่อน ๆ ชาวตะพาบดีกว่า
แต่ในวันที่ฝนพร่ำ คนบนฟ้า ก็ส่งพล๊อตเรื่องมาให้ จึงออกมาได้ ประมาณนี้ค่ะ
ขอบคุณ...คุณเป็ดสวรรค์ ที่ตั้งโจทย์ ให้พ้องเพื่อน
ขอบคุณเพื่อน ๆ ทั้งตะพาบ และไม่ตะพาบ ที่มาอ่านทิ้งคอมเม้นท์
ขอบคุณพื้นที่บล็อกแก็งค์
ขอบคุณ...คนบนฟ้าที่เป็นแรงบันดาลใจ
ขอบคุณ Line จากเนยสีฟ้า
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน๊ต
เช้านี้ วันอาทิตย์ ปกติจะไม่เข้าบล็อก หรือเปิดคอมพ์ แต่วันนี้ มีงานตะพาบ ซึ่งได้เขียนไว้เพราะแรงบันดาลใจจากคนบนฟ้า ดังที่กล่าวค่ะ จึงหยิบยืมคอมพ์ของนายต้น อัพบล็อกไว้ก่อน
วันนี้แวะทักทาย อ่านงานเพื่อนตะพาบได้ไม่กี่ท่าน
คงต้อง พักไว้ก่อนค่ะ
พรุ่งนี้ อาจเป้นช่วงบ่ายจึงได้เข้าไปทักทายเพื่อน ๆ นะค่ะ
มีความสุขกับกิจกรรมวันหยุดทุกท่านค่ะ