แต่เป็นอาหารง่ายๆ เช่น ก๋วยเตี๊ยว กระเพาะปลา ข้าวต้ม เป็นต้น
แต่ที่บ้านเพื่อน จัดเป็นสำรับกับข้าว คาว-หวาน นานา ชนิด
ประมาณ โต๊ะจีนค่ะ พอสวดจบ ก็เชิญแขก เข้านั่งโต๊ะ
กินข้าว-ปลา อาหาร จนอิ่มหน่ำเลยค่ะ
แปลกตา ไม่คุ้นเลยสักนิดค่ะ
หลายวันก่อน อ่านหนังสือเกี่ยวกับอาหารจัดเลี้ยง หลังสวดอภิธรรม
ในหนังสือกล่าวว่า ตามเมืองใหญ่ ๆ บางแห่ง ปรับ-เปลี่ยน
จาก อาหาร จานหลัก ชนิดหนักท้อง อิ่มท้องดีนั้น
เจ้าภาพเปลี่ยนเป็นอาหารว่าง อาจเป็นขนมหวาน หรือ แซนวิช
พร้อมเครื่องดื่มขนาดเล็ก บรรจุกล่อง แจก ให้แขกที่มาร่วมงาน
หลังฟังพระสวด เมื่อได้รับมา ผู้ร่วมงานก็แยกย้ายกัน กลับบ้าน
ใครจะกินในรถ กินที่บ้าน ก็ตามสะดวก อ่านแล้วชอบใจมาก
เมื่อวันเสาร์ที่ ผ่านมา ได้ไปร่วมฟังพระสวดอภิธรรม
จึงได้เห็นว่า เจ้าภาพ ท่านนี้ ได้จัดอาหารตาม ที่อ่านพบ
เมื่อพระสวดจบเรียบร้อย บรรดา ลูก ๆ หลาน ๆของ เจ้าภาพ ก็ยกถาด
ซึ่งมีกล่องกระดาษสีขาวขนาดกระทัดรัด แจกให้แขกทุกท่าน
แทนการเลี้ยงอาหาร ในแบบเดิม
ซึ่งการ จัดทำแบบนี้ ตาลเหลืองคิดว่า เหมาะดีค่ะ
หากเป็นการจัดเลี้ยง ในสมัยเดิม คือ ก๋วยเตี๊ยว บะหมี่ อะไร เทือกนั้น
ถือว่า เป็นงานใหญ่ มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และสิ้นเปลื้องมาก
แขกผู้มาร่วมงาน หลายท่านก็ไม่รับประทาน ด้วยเหตุผล หลายอย่าง
บ้างก็ถือเคล็ด ห้ามกินอาหารงานศพ
บางท่านอาจไม่ชอบใจในอาหารที่เจ้าภาพจัด
หรือหลายท่าน อาจอยู่ในช่วงลดอาหารอยู่ก็เป็นไปได้
จึงได้เห็นคน โบกมือ สั่นศรีษะ ปฎิเสธ คิดเอาเองว่า คงมีหลายงาน
ที่อาหารไม่พอจำนวนคน หรือไม่ก็เหลือจนน่าเสียดาย
นอกจากปัญหา อาหาร แล้ว ไหนจะต้องยกเครื่องปรุง
น้ำปลา น้ำส้ม พริกป่น(ในกรณี เป็น ประเภทก๋วยเตี๋ยว)
แลดูทุลักทุเล ทั้ง แขก และเจ้าภาพ
แขกกลับแล้ว ฝ่ายจัดเก็บ เตรียมล้าง ถ้วยชาม
ฝ่ายงานครัวเตรียมแบ่งอาหารที่เหลือ ตักแจกจ่ายกันไป
โกลาหล ทั้งศาลา
เมื่อปรับมาใช้ ของว่าง เช่นขนมปัง หรือแซนวิช ดังที่กล่าว
มองเห็นว่า ขั้นตอนการเตรียมงาน ที่แสนจะง่าย
ของว่าง+นม หรือน้ำผลไม้ กล่องเล็ก ๆ จัดลงในกล่องกระดาษ
ปิดฝาให้เรียบร้อย ใช้แรงงานลูกหลานก็ยังได้
ประหยัดค่าแรงที่ต้องจ่ายอีก
ประเพณี ค่านิยม ที่ คุ้นชินมาแต่ดั้งเดิม
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน แก้ไข
หากเปลี่ยนแล้ว ชีวิตสะดวกขึ้น สบายขึ้น ก็ น่า ที่จะยอมรับ
ขอบคุณยายเก๋าสำหรับของแต่งบล็อก