Osaka :: Kansai at a Glance

Une Memoire de Osaka


"Osaka's locals are refreshingly outgoing and colorful, compared with their more reserved counterparts in Tokyo and Kyoto."

-- New York Times, 2005



ช่วงปลายปีที่แล้วนัทมีโอกาสได้ไปเยือนประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกครับ โดยเที่ยวอยู่ในเมือง Osaka และได้แวะไปเยี่ยมเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่ Kyoto อีกหนึ่งวันด้วย
ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่ไปพายุไต้ฝุ่นกำลังจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นพอดี ทว่าฝนที่ตกปรอยๆ เกือบทั้งทริปก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์และความสวยงามของแถบ Kansai นี้ลดลงเลย 


สำหรับ blog นี้จะขอพาไปชม Osaka กันก่อน ส่วน Kyoto จะนำมาลงต่อจากนี้นะครับ 




Osaka Castle


การไปเยี่ยมชมปราสาทแห่งนี้สามารถเข้าได้หลายทาง หากไปลงที่สถานี Osaka Business Center สามารถข้ามสะพานตรงเข้าสู่บริเวณตัวปราสาทได้ในระยะไม่ไกลนักครับ 
เดินเข้ามาก็จะพบกับต้นแปะก๊วยกำลังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสวยงามเรียงรายตลอดสองข้างทางเดิน 






ตัวปราสาทมีคลองขุดล้อมเกือบรอบ เชิงสะพานไม้สั้นๆ ก่อนทอดข้ามไปยังตัวปราสาทเป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพกัน






จากทางเข้าสามารถเลือกขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนของตัวปราสาทแล้วเดินชมส่วนแสดงข้างในลงมาทีละชั้นได้ โดย
จากตัวปราสาทเราสามารถเห็นวิวเมือง Osaka ได้โดยรอบ






ส่วนพิพิธภัณฑ์ด้านในมีแสดงการจัดแสดงถึงตัวโครงสร้างอาคาร การก่อสร้าง รวมทั้งประวัติของสงครามภายในญี่ปุ่นในยุคนั้นด้วย







Tempozan Ferris Wheel


ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ ชื่อ Tempozan Ferris Wheel เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมทัศนียภาพของเมืองและบริเวณรอบ Osaka Bay ได้ โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีต่อหนึ่งรอบ
บริเวณใกล้ๆ กันเป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึกและร้านตู้เกมส์ขนาดใหญ่ ช่วงหัวค่ำจะเริ่มเห็นการตกแต่งด้วยไฟสวยงามล้อกับไปกับไฟที่ประดับตัวชิงช้า











Osaka Bay Cruise - Santa Maria


อีกหนึ่งทางที่จะสามารถชมบริเวณรอบๆ อ่าวได้คือการนั่งเรือ Santa Maria ซึ่งจะเริ่มวิ่งจากบริเวณ Kaiyukan Aquarum
ผ่านจุดสำคัญๆ รอบๆ Osaka Bay โดยใช้เวลประมาณ 45 นาที









Osaka aquarium Kaiyukan


บริเวณใกล้ๆ กันเป็น Kaiyukan Aquarium ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตัว aquarium เป็นอาคารขนาดใหญ่จัดแสดงสัตว์น้ำหลากหลายชนิด
จากมหาสมุทร Pacific เช่น ปลาสายพันธุ์ต่างๆ เพนกวิน นากทะเล โลมา และฉลาม






ปลาหน้าตาตลกตัวนี้ชื่อว่า Mola Mola หรือ Sunfish เมื่อโตเต็มที่สามารถยาวได้ถึง 3 เมตร
ขณะเก็บภาพมีปลาดาวตัวจิ๋วแปะอยู่ตรงขอบกระจกพอดี






สำหรับบริเวณที่มีการจัดแสดงแมงกะพรุน ก็ดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย เนื่องจากมีหลากหลายชนิด
ตั้งแต่ชนิดที่ตัวเล็กจิ๋วต้องเพ่งดูจึงจะสังเกตเห็น ไปจนถึงตัวที่มีสายยาวพลิ้วไหวสวยงาม






ส่วนพระเอกน่าจะหนีไม่พ้นฉลามวาฬขนาดยักษ์ซึ่งอาศัยอยู่ในแทงก์ขนาดใหญ่ใจกลาง aquarium
ซึ่งทางเดินผ่านส่วนจัดแสดงอื่นๆ จะเป็นทางลาดวนรอบแทงก์นี้ลงมาเรื่อยๆ จนถึงชั้นล่างครับ






Karahori Community


ออกไปไม่ไกลจากย่าน Namba ที่วุ่นวาย มีย่านการค้าเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ชื่อว่าย่าน Karahori เวลาที่นี่ดูจะเดินผ่านไปช้าๆ ผู้คนไม่เร่งรีบ
มีผู้สูงอายุปั่นจักรยานออกมาซื้อของ เป็นบรรยากาศที่หาดูได้ยากในเมืองขนาดใหญ่เช่นนี้





นอกจากจะมีถนนสายสั้นๆ เรียงรายไปด้วยร้านค้า local เล็กๆ แล้ว ย่านนี้ยังมีบ้านเก่าสามหลังซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้ชื่อ Sou, Ho และ Ren ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลกัน
ลักษณะเป็นอาคารไม้ ห้องภายในถูกแบ่งเป็นร้านค้าขายของกระจุกกระจิกและร้านอาหารเล็กๆ น่าเข้าไปเสียหมด









โดนัทเคลือบช็อกโกแลตจากร้านเล็กๆ หน้าบ้าน Sou







The Expo Commemoration Park - Bampaku Kinen Koen


ออกจากตัวเมือง Osaka ไป ราวครึ่งชั่วโมงจะพบกับสวนขนาดใหญ่ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดงาน World Fair ในปี 1970 
เมื่อเดินเข้าไปจะพบ Tower of Sun สัญลักษณ์ของงานในสมัยนั้นยืนต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่






ดอกไม้สีม่วงหลากเฉดบริเวณ Garden of the Sun






ต้นไม้ใหญ่เขียวครึ้มตลอดข้างทางเดินข้างในสร้างบรรยากาศสดชื่นให้ความรู้สึกราวกับกำลังเดินป่า






ภายในสวนมีการจัดแบ่งเป็นหลายบริเวณให้ได้ชม เช่น สวนญี่ปุ่น ทุ่งดอกไม้หลากหลายชนิดที่ผลัดกันผลิบานตลอดทั้งปี 

สำหรับเดือนตุลาคมนั้นเป็นช่วงที่ดอกดาวกระจาย หรือ cosmos บานเต็มที่พอดี โดยส่วนตัวแล้วนัทชอบดอกไม้นี้มากๆ จึงตั้งใจมาที่สวนแห่งนี้โดยเฉพาะ






เวลาไปทุ่ง cosmos จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นเอกลักษณ์ทุกครั้ง






วันที่ไปอากาศกำลังเย็นสบาย มีลมโชยอ่อนๆ ทำให้กลีบของดอก cosmos ดูอ่อนหวานและพลิ้วไหว สวยงามยิ่งขึ้น Smiley






ที่พิเศษคือมี cosmos สีครีมนวลๆ ซึ่งไม่เคยเห็นที่อื่นมาก่อนอีกด้วยครับ







Namba


สำหรับบริเวณ Namba นี้เป็นอีกหนึ่งย่าน shopping เนื่องจากอยู่ไม่ไกลจากที่พักย่าน Shinsaibashi จึงทำให้มีโอกาสได้เดินผ่านย่านนี้ทุกวัน






นอกจากร้านค้าจำนวนมากแล้ว ย่านนี้ยังเป็นสวรรค์ของนักชิมอีกด้วยเนื่องจากมีร้านอาหารจำนวนมาก
แต่ละร้านต่างก็การตกแต่งหน้าร้านตัวเองด้วยป้ายขนาดใหญ่สะดุดตาเพื่อดึงดูดลูกค้า






ร้านเครื่องสำอางที่มีถี่กว่าร้านสะดวกซื้อ มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกซื้อละลานตาไปหมด






ใครผ่านแถวนี้อย่าลืมแวะชิม cheesecake จากร้าน Pablo ชื่อดัง ซึ่งสามารถใช้ Osaka City Pass รับ pudding ได้ฟรีเมื่อซื้อ cheesecake ด้วย






Cafe & Meal Muji


สำหรับสาวก Muji ห้ามพลาดไปลอง Cafe & Meal Muji ซึ่งมีอยู่หลายสาขา สำหรับสาขาที่สามารถเดินทางไปง่ายจะอยู่ตรงข้ามกับ Takashimaya
ร้านตกแต่งด้วยไม้ในบรรยากาศเรียบง่าย มีทั้งโต๊นั่งและเคาน์เตอร์สำหรับนั่งคนเดียวคล้าย cafeteria






เราสามารถเลือกรับอาหารเป็นชุดโดยพนักงานจะเป็นคนตักให้เราตามสั่ง เลือกเสิร์ฟพร้อมกับข้าวหรือขนมปังก็ได้ครับ 






ส่วนของ Bakery ก็มีขนมหลายอย่างให้เลือกทานเช่นกันครับ แวะทานตอนสายๆ ก่อนออกไปเที่ยวได้ทุกวัน Smiley



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


สำหรับตอนหน้าเราจะไปเที่ยวชมเกียวโตแบบ one-day trip กันครับ



Create Date : 02 มีนาคม 2557
Last Update : 2 มีนาคม 2557 18:07:47 น. 0 comments
Counter : 3160 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

malaguena
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
<<
มีนาคม 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
2 มีนาคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add malaguena's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.