หากวันนี้คือกรวดทรายที่ไร้ค่า แต่วันข้างหน้าจะเจียระไนให้ได้มาซึ่งเพชรแก้ว
ให้แวววาวกระจ่างตา พร่างพราวกระจ่างใจ และแข็งแกร่งยากนักจะทำลาย

Love Stories เรื่องรักซีรี่ย์แรก ตอนที่ 4




ซีรี่ย์แรก ...รักบทใหม่กับหัวใจดวงเดิม





4.




ก๊อก.. ก๊อก..


“ค่ะ เชิญค่ะ”


อนุชเอ่ยอนุญาตแทนเจ้าของห้องเมื่อพอจะทราบจากพี่ชายว่าวิศวกรฝ่ายผลิตจะเข้ามาพบ และทันทีที่ได้ยินเสียงตอบรับจากภายใน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกจากทางด้านนอก เลขาของอเนกเดินนำหน้าเข้ามาก่อน


“คุณภาณุขอพบค่ะ”


อนุชจึงเงยหน้าขึ้นมอง เพื่อจะพบว่ามีใครบางคนเดินตามทิพาเข้ามาด้วย และทันทีที่หญิงสาวเห็นหน้าชายหนุ่มคนนั้นถนัดชัดขึ้นเมื่อเลขาพี่ชายเดินเลี่ยงเพื่อจะกลับออกไปนอกห้องนั้น รอยยิ้มที่จะส่งไปทักจึงหุบลงทันที ก่อนจะตกตะลึงจนเรียกได้ว่าทำอะไรไม่ถูกไปชั่วครู่


“พี่ณุ!!”


“น้องเล็ก!!”


ทันทีที่เสียงทักดังออกมาจากสองหนุ่มสาวที่ขณะนี้อยู่ในอาการชะงักค้างทั้งคู่สิ้นสุดลง อเนกจึงได้เงยหน้าขึ้นจากงานตรงหน้า มองตรงไปที่บุคคลทั้งสองอย่างแปลกใจและสงสัยอยู่ครามครัน ประธานหนุ่มจึงออกปากถามอย่างอดไม่ได้


“อ้าว.. รู้จักกันด้วยหรือ”


“เอ่อ.. ครับ เคยรู้จักกัน เคยเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ไม่.. ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าคุณอนุชเป็นน้องคุณใหญ่”


ภาณุปรับสีหน้ากลับสู่ปกติก่อนจะหันมาตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยจนทำให้คู่กรณีอีกฝ่ายเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความห่างเหินกับการเรียกขานนั้นไม่ได้


“อ๋อ.. ค่ะ เล็กก็เพิ่งทราบว่าวิศวกรฝ่ายผลิตของบริษัทเป็นรุ่นพี่ต่างคณะที่มหา’ลัย ..เล็กเข้าๆ ออกๆ ที่นี่ก็บ่อย แต่ทำไมไม่เคยเจอ เพิ่งมาทำงานที่นี่หรือคะ ‘พี่’ ภาณุ” หญิงสาวเน้นคำว่าพี่อย่างจงใจ


“..ครับ ผมเพิ่งกลับมาจากอเมริกาเมื่อกลางปีที่แล้ว เอ่อ..” ชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะทักหญิงสาวตรงหน้าว่าอย่างไรดี ..จะกลับไปเรียกน้องอย่างเมื่อก่อนเขาก็ไม่รู้ว่าอนุชยังอยากจะให้เป็นเช่นนั้นหรือเปล่า


“ถ้า ..จะคุยธุระกับพี่ใหญ่ ก็เชิญค่ะ ..เล็กขอตัวไปพักก่อนเลยแล้วกันนะคะ พี่ใหญ่ ยังไงก็ใกล้จะเที่ยงอยู่แล้วด้วย รุ่นพี่เขาจะได้คุยเรื่องงานได้สะดวก” ประโยคท้าย อนุชหันกลับไปบอกกับพี่ชายที่นั่งมองบทสนทนาของบุคคลทั้งคู่อย่างเงียบๆ


“จ๊ะ.. พี่อนุญาต” พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต อเนกก็หันศีรษะกลับมามองชายหนุ่มอีกคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมขณะที่น้องสาวเขาคว้ากระเป๋าเดินเปิดประตูออกจากห้องไป ..เขาไม่คิดว่าตนเองคิดไปเองที่มองเห็นเยื่อใยบางอย่างในแววตาของภาณุทอดมองตามน้องสาวเขาออกไป


“พี่เพิ่งรู้นะว่าณุจบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกับที่น้องพี่เรียนอยู่ ..ครอบครัวพวกเรานี่รู้จักกันหลายชั้นมากกว่าที่คิดซะอีก ..พี่เป็นเพื่อนพี่กร.. ณุก็น้องคุณณิน ยัยเล็กก็รู้จักกับพี่กร แต่ก็ไม่ยักรู้ว่ารู้จักกับณุด้วย ..แต่ณุก็จบตรีมาหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ แถมไม่ได้เรียนคณะเดียวกับยัยเล็กด้วย ..ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่” อเนกถามอย่างลองเชิง


“..ผมจบวิศวะที่นี่เมื่อสามปีก่อนก็ไปต่อบริหารที่ยู.. เลย” ภาณุหมายถึงมหาวิทยาลัยที่เข้าไปต่อโทบริหารที่อเมริกา “..พอดีตอนอยู่ปีสี่ผมได้ไปเป็นพี่เลี้ยงกลุ่มรับน้องมหา’ลัยน่ะครับ ..ก็เลยได้เจอน้อง.. เอ่อ คุณเล็ก.. ก็รู้จักกันตั้งแต่ตอนนั้น ..ผมก็ไม่รู้ว่าคุณเล็กเป็นน้องสาวคุณใหญ่..” ชายหนุ่มลังเลก่อนจะเอ่ยเรียกอีกฝ่ายโดยใช้คำนำหน้าชื่อเช่นเดียวกับที่ใช้กับประธานบริษัทผู้เป็นพี่ชาย


“..นั่นสินะ ตอนนายกรกับคุณณินแต่งกัน ณุก็เรียนอยู่เมืองนอก ยังไม่กลับมา ..เราเลยไม่ได้เจอหน้าพร้อมๆ กันสักที ..แต่ก็ดี รู้จักกันไว้ ทำงานด้วยกันจะได้ง่ายขึ้น ..แล้วนี่เรื่องที่พี่สั่งไว้ไปถึงไหนแล้วล่ะณุ” พี่ชายของอนุชเปลี่ยนเรื่องพูด ถามถึงเรื่องงานที่เขามอบหมายให้ชายหนุ่มทำแทน


“..ตกลงว่าเรื่องที่พี่สงสัย มันจริงหรือเปล่า” น้ำเสียงประธานบริษัทเป็นงานเป็นการขึ้นทันที


“ครับ ..คาดว่าจะจริง ..ผมพบจุดน่าสงสัยอยู่หลายที่ในบัญชีซื้อขายนี่ ..มันไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกหรอกครับ” ว่าพลางส่งเอกสารทั้งปึกที่ได้ไปรวบรวมมาให้กับอเนก


“..มีใครทราบเรื่องที่พี่ให้ณุทำบ้างไหม” นิ่งไปสักพักภายหลังจากตรวจดูข้อมูลจากเอกสารที่วิศวกรหนุ่มยื่นมาให้ดู ก่อนจะเอ่ยถามออกไปแล้วได้การตอบปฏิเสธจากอีกฝ่าย


“ไม่มีครับ ..ผมเข้าไปขอดูจากฝ่ายบัญชีโดยบอกเขาไปว่าต้องการจะดูข้อมูลสเปกของเครื่องจักรที่จะสั่งเข้า”


“ดีมาก ..เอาเป็นว่าพี่จะให้ณุเป็นคนรวบรวมหลักฐานทั้งหมดให้แน่ชัดก่อนที่เราจะเอาผิดกับใครได้ และพี่ต้องการให้เก็บเป็นความลับ ยิ่งคนรู้น้อยเท่าไหร่ โอกาสที่ทางนั้นจะไหวตัวทันยิ่งน้อยลงเท่านั้น ..พี่ฝากด้วยแล้วกันนะ..”


“..ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอลาเลยแล้วกัน”


แล้วภาณุหันหลังเดินออกจากห้องประธานบริษัทไปทันทีที่ได้สัญญาณตอบรับปล่อยให้ชายหนุ่มอีกคนนั่งครุ่นคิดถึงปัญหาที่พบในบริษัทตัวเองตามลำพัง




“นิ เล็กเจอพี่ณุ..”


หลังจากที่นั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาพร้อมทอดถอนหายใจ อนุชจึงเอ่ยเรื่องที่อึดอัดใจออกมาให้เพื่อนสาวที่ลอบสังเกตอาการได้รับรู้ในที่สุด


“..จริงเหรอ แล้วเจอกันที่ไหนล่ะ” นิศากรถาม ..มิน่าล่ะ สาวมั่นอย่างอนุชจู่ๆ ก็ซึมๆ เหม่อๆ ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กิริยาอาการอย่างที่เพื่อนสาวเป็นวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักหรอก


“ที่ห้องทำงานเล็กเอง.. เขาเป็นวิศวกรหัวหน้าฝ่ายผลิตของบริษัท ..วันนี้พี่ณุเข้าไปหาพี่ใหญ่ในห้องถึงได้เจอหน้ากันจังๆ” อนุชถอนใจออกมาอีกครั้ง พลางรวบช้อนส้อมอิ่มข้าวเสียดื้อๆ


“แล้วเล็กทำอย่างไรล่ะ ..พี่ณุจำเล็กได้ไหม ..แล้วเรื่อง ..เอ่อ”


นิศากรชะงักคำพูด รู้ดีว่าไม่สมควรไปรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีต


“ก็ไม่ได้ทำอะไร เขาจำเล็กได้ ..แต่ก็เท่านั้น พี่ณุเปลี่ยนไปมาก ..เขาดูห่างเหินจนบอกไม่ถูก..” แล้วบทสนทนาที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวพูดกับอเนกจึงถูกถ่ายทอดให้เพื่อนรักฟัง พร้อมทั้งความคิดคำนึงถึงอดีตที่เกือบจะเลือนหายไปก็กลับมาในห้วงความทรงจำของอนุชอีกครั้ง


.................


“น้องปีหนึ่งครับ มารวมกันทางนี้ครับ.. เดี๋ยวพวกพี่จะแยกน้องๆ เป็นกลุ่มนะครับ คละคณะกันไปเราจะได้รู้จักเพื่อนต่างคณะด้วย ..ใหม่ จิ วัษ อ้น หญิง เต้ น้ำ ..อยู่กลุ่มพี่เนตรนะครับ ..ฟ้า หมวย ก้อง ...”


เสียงรุ่นพี่ที่อนุชยังไม่แน่ใจว่าเป็นพี่ชั้นปีอะไร คณะอะไร กำลังประกาศเรียกให้น้องใหม่ที่เพิ่งจะได้รับเลือกเข้าเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยหมาดๆ ในฐานะเด็กปีหนึ่ง หรือที่ถูกเรียกกันว่าเฟรชชี่ นั้นเข้ามารวมกลุ่มในงานต้อนรับน้องใหม่ที่รุ่นพี่จัดให้น้องๆ แบบเดียวกันทุกปี และในปีนี้อนุชก็เป็นหนึ่งในกลุ่มรุ่นน้องที่เอนทรานซ์ติด หญิงสาวก็เข้ามาร่วมงานรับน้องใหม่เช่นเดียวกัน และกิจกรรมวันนี้ก็เป็นการรับน้องรวมทั้งมหาวิทยาลัย ไม่แยกคณะ


“..ส้ม เล็ก ..อยู่กลุ่มพี่ณุนะครับ” เสียงประกาศเรียกชื่อตนเอง อนุชจึงเดินไปหารุ่นพี่ที่ถูกเรียกว่า ‘ณุ’ พร้อมกับเพื่อนอีกห้าหกคน


พี่เลี้ยงกลุ่มของหญิงสาวเรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีทีเดียว ภาณุสูงร้อยแปดสิบเซนติเมตรเห็นจะได้ สูงกว่าอนุชเกือบยี่สิบเซ็นต์ได้มั้ง สีผิวก็ติดจะคล้ำกว่าหญิงสาวเล็กน้อย จมูก คิ้ว ตา ก็คมเข้มจนน่าจะบาดตาบาดใจสาวๆ หลายคน แต่ตอนที่เจอรุ่นพี่ปีสี่คณะวิศวกรรมศาสตร์คนนี้ครั้งแรก อนุชก็ไม่ได้ประทับใจอะไรในตัวเขานอกไปจากรอยยิ้มอ่อนโยนจากแววตาดำขลับคู่นั้น..



“น้องเล็ก.. จะไปทานข้าวหรือครับ”


“พี่ณุ..”


อนุชไม่ทันจะเอ่ยถามอะไรรุ่นพี่ต่างคณะ ณิชยา แฝดน้อง เพื่อนสาวที่เดินมาด้วยกันก็พูดดักคอชายหนุ่มขึ้นมาก่อน


“ทำไมคะพี่ณุ จะเลี้ยงข้าวเล็กหรือคะ แล้วเพื่อนเล็กล่ะ ไม่เลี้ยงด้วยเหรอ” ก่อนจะทำหน้าเหยเกเมื่อพี่สาวฝาแฝดตีเข้าที่แขนปรามให้หยุดแซวรุ่นพี่


“เลี้ยงสิครับ จะน้องเล็กหรือเพื่อนน้องเล็ก พี่ก็เลี้ยงทั้งนั้นแหละ” เสียงตอบจากรุ่นพี่ไม่ได้ปกปิดเลยว่ารู้สึกพิเศษกับอนุชอย่างไร ต่างก็พอจะทราบกันดีว่าตั้งแต่รับน้องคราวนั้น รุ่นพี่คณะวิศวะฯ คนนี้ก็เทียวไปเทียวมาตึกบริหารบ่อยครั้งขึ้น


..ภาณุมักจะเข้ามาดักรอเจออนุชที่หน้าคณะเสมอ ชายหนุ่มจะเข้ามาชวนเธอไปทานข้าวบ้าง ดูหนังด้วยกันบ้าง ..แสดงให้เห็นเด่นชัดว่าสนใจในตัวรุ่นน้องต่างคณะคนนี้ ..เรียกได้ว่าภาณุเป็นคนแรกทีเดียวที่เข้ามาส่งขนม ‘จีบ’ ให้อนุช หลังจากที่หญิงสาวเข้ามาสู่รั้วมหาวิทยาลัยได้ไม่นาน ..อนุชเองก็พึ่งพอใจในนิสัยใจคอของชายหนุ่ม เมื่อสนิทสนมกันนานเข้า จากรุ่นพี่ต่างคณะก็เขยิบความสัมพันธ์เข้ามา จนในที่สุดฝ่ายชายเองเป็นคนออกปากขอเป็นมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง หลังจากนั้นจึงเป็นที่รู้กันกว่ารุ่นน้องปีหนึ่งคณะบริหารผู้นี้ถูกจับจองโดยรุ่นพี่ปีสี่คณะวิศวะฯ มหาวิทยาลัยเดียวกันไปแล้วตั้งแต่ก่อนจบภาคการศึกษาแรก ..และก็ถือได้ว่าอนุชมีแฟนเป็นคนที่สองในกลุ่มรองจากนิศากรที่ตอนนั้นยังคบกันดีอยู่กับแฟนที่เป็นรักแรกของเธอ


แต่ช่วงเวลาที่แสนสุขเมื่อมาเร็วมันก็มักไปเร็ว ..คบกับภาณุได้ไม่ถึงเทอมดี อนุชก็ได้ยินเรื่องชายหนุ่มมีผู้หญิงคนใหม่ หญิงสาวไม่คิดจะใส่ใจ เพราะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แถมคนที่มาบอก อนุชก็รู้ว่าเขาแอบชื่นชอบชายหนุ่มอยู่เช่นกัน ..ไม่มีใครต้องการเห็นคนอื่นมีความสุขมากกว่าตัวเองนักหรอก ดังนั้นถ้าทำอะไรให้คนที่ตนเองอิจฉาได้ผิดใจกันสำเร็จก็เป็นการดี


..แต่ทว่าในวันหนึ่ง อนุชก็รู้ว่าตัวเองได้พบกับสิ่งที่คิดว่าจะไม่ใส่ใจนั้นด้วยตาของตนเอง ..วันนั้นหญิงสาวไปหาภาณุที่คณะ ขณะที่กำลังเดินไปยังทิศที่เพื่อนเขาชี้บอกว่าเห็นภาณุนั่งอยู่บนโต๊ะม้านั่งที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้อยู่นั้น อนุชได้เห็นหญิงชายคู่หนึ่งกำลังโอบกอดกันอยู่บริเวณมุมตึกที่ตอนนี้ร้างคนเพราะค่อนข้างเย็นแล้ว หญิงสาวเบือนหน้าหลบด้วยรู้สึกเขินแทน แต่ยังไม่ทันจะได้เดินหนีไป เสียงของผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มคนนั้นก็ดังขึ้นก่อน


“น้องเล็ก!!”


ทันทีที่หันกลับไปดู หญิงชายคู่นั้นก็ผละออกจากกันแล้ว และสิ่งที่ทำให้อนุชตกตะลึงยิ่งกว่าเมื่อได้เห็นหน้าชายหนุ่มคนนั้นเต็มตา


“เล็ก!!”


..ไม่แม้แต่จะยืนอยู่ที่เดิม รอให้อีกฝ่ายพูดหรือแก้ตัวอะไร อนุชหันหลังกลับออกไปทันที ไม่หันกลับไปมองปฏิกิริยาของคนคู่นั้นด้วยซ้ำ ..ผู้หญิงคนที่เธอเห็นคือดวงเนตร หนึ่งในพี่เลี้ยงกลุ่มตอนรับน้องนั่นเอง และผู้ชายที่เห็นว่ากำลังกอดกับดวงเนตรอยู่ก็ไม่ใช่ใคร ..ภาณุ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของหญิงสาวเอง


วันนั้น อนุชตรงกลับบ้านทันที ขังตัวเองอยู่ในห้องนอน พอเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเธอก็กดทิ้งไม่รับ สุดท้ายเมื่ออีกฝ่ายไม่มีที่ท่าจะหยุดโทร หญิงสาวก็ปิดเครื่องซะ โทรศัพท์สายตรงในห้องก็ถูกดึงสายทิ้ง ไม่รับโทรศัพท์ใครทั้งสิ้น จนเมื่อเลิกคร่ำครวญและกลับมาเป็นสาวน้อยจอมดื้อดึงที่ไม่เคยยอมใครแล้ว เมื่อตอนหัวค่ำวันนั้นหลังจากที่เด็กในบ้านขึ้นมาบอกว่านิศากรโทรมา หญิงสาวจึงต่อเครื่องรับโทรศัพท์คุยเล่าทุกอย่างให้เพื่อนรักฟังด้วยความรู้สึกแค้นใจมากกว่าสิ่งใด


“ใจเย็นๆ ก่อนนะเล็ก มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เล็กเห็นก็ได้” เสียงเพื่อนพยายามปลอบมาทางสาย


“แล้วจะให้เข้าใจว่ายังไงล่ะนิ ..สองคนนั้นยืนกอดกันอยู่นะ แล้วที่ลับตาคนอย่างนั้น ..มันคงจะมากไปกว่านั้นแน่ถ้าเล็กไม่เดินเข้าไปเห็นก่อน ..แล้วไงล่ะ หรือจะให้เล็กยืนรอฟังเขาพูดว่า ‘ขอโทษนะ พวกเราเลิกกันเถอะ ตอนนี้พี่คบพี่เนตรเป็นแฟนแล้ว’ ..เล็กไม่ยอมให้ใครมาบอกเลิกกับเล็กก่อนหรอกนะ ถ้าจะเลิกกัน เล็กต้องเป็นฝ่ายบอกเลิก ไม่ใช่ถูกบอกเลิก ..เมื่อเห็นตำตาอย่างนี้ก็ดี จะได้ไม่โง่ให้ถูกหลอกไปนานว่านี้อีก พรุ่งนี้เล็กจะไปบอกเลิกกับเขาทันที” อนุชพูดด้วยอารมณ์ที่ขึ้นมาถึงที่สุด ..ไม่เคยมีใครมาทำให้หญิงสาวเฮิรตซ์ได้ขนาดนี้มาก่อน


“จะไม่วู่วามไปหน่อยหรือเล็ก ..ทำไมไม่ลองคุยกับพี่ณุเขาก่อนล่ะ”


“ไม่.. เล็กไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น”


ห้ามปรามความใจร้อนของเพื่อนไม่ได้ผล สุดท้ายนิศากรเลย ได้แต่พูดเตือนไปอีกสองสามคำ แต่คนอย่างอนุชเมื่อตัดสินใจแล้วไม่ว่าใครก็ไม่สามารถมาห้ามความคิดของเจ้าตัวได้ ทันทีที่เจอภาณุในวันรุ่งขึ้น หญิงสาวจึงเอ่ยปากบอกเลิกกับเขาทันที ไม่สนใจว่าชายหนุ่มจะพยายามแก้ตัวอย่างไร ..ภาณุคิดว่าหญิงสาวกำลังโกรธอยู่ เขาจึงตั้งใจรอให้เธอใจเย็นลงก่อน หลังจากนั้นสามสี่วันเขาก็พยายามหาทางเข้ามาพูดคุยกับหญิงสาวอีก แต่นอกจากเธอจะไม่ยอมฟังเขาแล้ว อนุชยังแกล้งประชดควงเพื่อนชายคณะเดียวกันที่มีทีท่าชอบเธอไปเย้ยเขา ออกปากว่าเป็นแฟนใหม่ ตัดขาดกับเขาโดยสิ้นเชิง ..เมื่ออนุชไม่มีเหตุผลมากเกินไป ภาณุเองก็โกรธขึ้นเช่นเดียวกัน จากเดิมที่เคยง้อก็เลิกง้อ ความอดทนเขาก็มีขีดจำกัด ..ในที่สุดต่างคนก็ต่างค่อยๆ ห่างกันออกไป จนแม้แต่วันที่เขาจบการศึกษาไปแล้ว ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกันอยู่ดี


..แต่เมื่อประชดเขาก็ใช่ว่าตัวเองจะมีความสุข เมื่อไม่ได้รักไม่ได้ชอบผู้ชายที่ตัวเองแกล้งคบด้วยอย่างแท้จริง ไม่นานอนุชก็เลิกกับชายคนนั้น และหลังจากนั้นไม่ว่าหญิงสาวจะคบกับใครอีก ก็ไม่นานเกินเดือนทุกครั้งไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ..หลังจากที่เธอได้มารู้ความจริงในภายหลัง


..ดวงเนตรแอบหลงรักภาณุฝ่ายเดียว ชายหนุ่มไม่ได้รักชอบตอบด้วย แต่ความที่เป็นเพื่อนกันเขาจึงไม่อาจทำร้ายจิตใจเพื่อนได้ ..วันที่อนุชไปเจอพวกเขา ก็คือวันที่ภาณุพยายามจะอธิบายให้เพื่อนฟังว่าเขารักใครอยู่ ..ไม่ได้คิดกับดวงเนตรเกินไปกว่าเพื่อนเลย และเมื่อเพื่อนร้องไห้เสียใจทำให้ภาณุรู้สึกผิดจึงพยายามที่จะปลอบโยน แต่อนุชก็เข้าไปเห็นและก็เข้าใจผิดเสียก่อน


..เรื่องนี้อนุชรู้จากตัวดวงเนตรเองในวันที่หญิงสาวเดินไปเจอรุ่นพี่สาวโดยบังเอิญในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ตอนนั้นดวงเนตรและภาณุเรียนจบกันไปแล้ว ..ดวงเนตรสารภาพทุกอย่างแก่อนุช แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป เพราะหญิงสาวไม่ได้เจอกับภาณุอีกเลยตั้งแต่ที่เลิกลากันไป .. ..เรื่องนี้ทำให้อนุชเสียใจมาจนทุกวันนี้ ในที่สุดหญิงสาวก็เลยไม่มีทีท่าจะคบกับใครเป็นแฟนอีกทั้งสิ้น






Create Date : 26 ตุลาคม 2549
Last Update : 26 ตุลาคม 2549 13:34:13 น. 0 comments
Counter : 413 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Katenipa
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






(รายละเอียดข้อมูลอัพเดตเจ้าของบล็อกติดตามได้ในหน้า "สมุดเยี่ยม" เลยนะคะ ^ ^)




ชักเริ่มจะเปลี่ยนแนวจากบ้าซีรี่ย์เกาหลี มาเป็นย้อนยุคกลับไปสู่หนังจีนกำลังภายใน และวกกลับมาคลั่งไคล้แดนปลาดิบ ณ บัดนาว ^ ^





ตัวฉัน(มั้ง) ^ ^"


มนุษย์(ธรรมด๊า ธรรมดา)เดินดินกินข้าวแกง(รวมถึงอาหารอื่นๆ )ไปตามประสา แค่บางวันอาจอยากกินก๋วยเตี๋ยวบ้างก็เท่านั้น เพศคงไม่ต้องบอกกันล่ะเนอะ คิดว่าเห็นจากรูปถ่าย + เวลาพูดคุย ก็น่าจะรู้(หรือเปล่า - -') ส่วนอายุ.. ความลับดีก่า กรั่กๆ .. แบบหยุดไว้ที่ 18 ส่วนที่เพิ่มมาฝากธนาคารทั้งนั้น เหอๆ .. สำหรับอาชีพ.. ตอนนี้ไม่วิจัยฝุ่นเพิ่มภาวะภูมิแพ้อากาศให้กะตัวเองและเพื่อนๆ แล้วนะ ..เพราะตอนนี้คือ pharmacist เต็มๆ ตัวแล้ว เพิ่งจะเปลี่ยนงานโดยลาออกจากเภสัชกรโรงพยาบาลไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็กำลังจะได้งานใหม่ คิดว่าน่าจะสบายขึ้นเล็กน้อยเพราะเลือกทำพาร์ทไทม์ค่ะ แบบอยากหาเวลาว่างในการทำงานอดิเรกที่ชอบ แต่ไหงงานพาร์ทไทม์ที่ได้กลับกลายว่าทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน วันละ 8 ชม. ไม่ต่างจากงานประจำเลยง่ะ - -"

แล้วตกลงว่าจะได้ว่างไหมยังไม่แน่ใจเลยนี่ เฮ้อ..


อื่นๆ ก็ไม่รู้จะบอกอะไรอีกแล้วล่ะ ปล่อยๆ ให้มันเป็นไปตามวิถีของมันไปแล้วกันเน้อ.. ^ ^


..........

อัพเดตเพลงใหม่..









ยังไม่มีเพลงติดบล็อกใหม่ๆ ไปฟังเสียงผิวปากของอีวานใน Heaven's tree กันค่ะ (ไม่รู้จะชวนหลับหรือเปล่า ^ ^")






ปล. อัพเดตโปรไฟล์ส่วนตัว 26/10/2006 ค่ะ ^ ^


Guestbook




Group Blog
 
 
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Katenipa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.